หน้าหลัก / โรแมนติก / พันธะลวง / 5.อย่ามายุ่งกับคู่หมั้นผม (2)

แชร์

5.อย่ามายุ่งกับคู่หมั้นผม (2)

ผู้เขียน: rasita_suin
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-11 17:36:15

“เมาแล้วก็กลับบ้าน หรือไปพักโรงแรมใกล้ๆ นี่ดีกว่าไป มา...เดี๋ยวฉันไปส่ง”

อธิปตัดบท พร้อมหันไปเรียกเพื่อนร่วมงานอีกคน

“ไอ้พีมาช่วยกันหน่อย”

“ไม่เมา ไม่กลับโว้ย”

ศักดิ์ชายโวยวาย แต่ไม่มีแรงสะบัดใครออก ที่อธิปเรียกคนมาช่วยเพราะอีกฝ่ายตัวหนากว่าเขา และคนเมาก็ยิ่งหนักขึ้นกว่าเดิม ถึงจะดูไม่ยินยอมเท่าไรหากอธิปกับเพื่อนก็สามารถรั้งให้คนก่อเรื่องออกไปได้

“เขายังไม่ได้ทำอะไรคุณใช่ไหม”

ปัฐวิกรหันไปถามหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหลังตนเองทันที

มาธาวีส่ายหน้าเบาๆ ดวงหน้าเล็กค่อนข้างซีด แววตาบ่งบอกว่าไม่ค่อยสบายใจนัก

“พี่ต้องขอโทษด้วยนะจ๊ะสอง ที่เพื่อนก่อเรื่อง ขอโทษคุณปัฐด้วยนะคะ ไม่บาดเจ็บอะไรใช่ไหมคะ”

พรชิตาถามด้วยความเป็นห่วง ตอนนั้นเองมาลินีก็เข้ามายืนข้างชายหนุ่มท่าทางดูลำบากใจไม่น้อยเช่นกัน

“หนึ่งก็ต้องขอโทษนะคะ ที่น้องสาวพลอยทำให้คุณต้องเดือดร้อนไปด้วย”

ชายหนุ่มตวัดตาคมมามองคนพูดครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองน้องสาวของอีกฝ่าย เห็นมาธาวียังสีหน้าไม่ดี เขาจึงพูดขึ้น

“ผมไม่เป็นไร คุณควรห่วงน้องสาวคุณมากกว่า เพราะเธอถูกลวนลาม”

“เอ่อ...”

มาลินีถึงกับพูดไม่ออก เหล่มองน้องสาวแล้วก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายดูค่อนข้างตกใจไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอเองมัวแต่กลัวว่าชายหนุ่มจะโมโหจึงรีบพูดเอาใจเขา เพราะเห็นว่าพรชิตากำลังทำคะแนนอยู่ จนลืมสังเกตมาธาวีไป

“ช่างเถอะ ผมว่ากลับกันดีกว่า น้องคุณคงไม่อยากอยู่ต่อแล้ว”

ปัฐวิกรตัดสินใจแล้วหันไปพูดกับเจ้าของงาน

“ขอบคุณที่เชิญมานะครับ ผมกลับก่อนดีกว่า”

พูดแล้วก็หันไปทางมาธาวี ชนิดที่พรชิตายังไม่ทันขยับปากบอกเขาว่า ‘ยินดี’ ด้วยซ้ำ

“กลับกันเถอะ”

มือหนายื่นมาจับข้อมือเล็กของเธอแล้วพาให้ก้าวตามเขาไปโดยที่มาธาวีได้แต่มองพี่สาวทีมองพรชิตาทีอย่างไม่รู้จะพูดอะไร ขณะที่มาลินีมองมือของทั้งสองคนพร้อมขมวดคิ้ว ก่อนจะเดินไปด้วย ส่วนพรชิตารีบเอ่ยขึ้น

“เดี๋ยวตาไปส่งค่ะ”

เมื่อเจ้าของงานเดินออกไปข้างนอก และพนักงานในร้านเข้ามาเคลียร์พื้นที่เกิดเหตุการณ์ บรรดาแขกจึงได้แต่มองหน้ากัน แล้วก็กลับไปนั่งที่โต๊ะของตัวเองแบบกร่อยๆ แต่จะกลับเลยก็ต่างเกรงใจพรชิตาจึงรอให้หญิงสาวกลับเข้ามาก่อน

ร่างสูงใหญ่ก้าวยาวและเร็วจนมาธาวีแทบตามไม่ทัน หากก็พยายามเร่งฝีเท้าตามกระทั่งไปถึงรถของชายหนุ่ม เธอค่อยๆ ดึงมือออกจากมือของอีกฝ่ายเบาๆ ขณะที่พี่สาวของเธอกับเพื่อนพี่สาวมาถึงเช่นกัน

“ขอโทษสองกับคุณปัฐอีกครั้งนะคะที่เกิดเรื่องแย่ๆ ขึ้น”

พรชิตาเอ่ยซ้ำอย่างไม่สบายใจ อีกอย่างเธอมีบางเรื่องที่ยังต้องการความชัดเจนจึงพูดเข้าเรื่องด้วยความอยากรู้

“ว่าแต่เรื่องคู่หมั้นนี่ คุณปัฐอ้างกับศักดิ์ชายเพื่อช่วยสองใช่ไหมคะ”

นอกจากพรชิตาแล้วมาลินีเองก็อยากรู้เช่นกัน ทว่าเธอค่อนข้างมั่นใจว่าชายหนุ่มอ้างข่มอีกฝ่ายเพียงเท่านั้น เพราะเธอรู้ว่าน้องสาวกับปัฐวิกรก็ไม่ได้สนิทสนมหรือเจอกันบ่อยนัก เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคู่หมั้นกัน

“ครับ ผมไม่ได้เป็นคู่หมั้นสอง”

คำตอบของชายหนุ่มทำให้สองสาวที่รอคอยอยู่ระบายยิ้ม ขณะที่มาธาวีไม่คิดอะไรเพราะรู้อยู่แล้วว่าปัฐวิกรตั้งใจช่วยเธอ

“แต่เป็นแฟน”

จบคำพูดนั้น ไม่ใช่มีเพียงสองสาวที่ถึงกับอึ้ง มาธาวีเองก็มึนไปด้วยเหมือนกัน ไม่เข้าใจว่าอยู่ๆ ทำไมปัฐวิกรต้องบอกพรชิตาแบบนั้น ในเมื่อเวลาไม่มีผู้ชายคนนั้นอยู่ด้วยสักหน่อย

“คุณ...กับสอง...คบกันเหรอคะ”

พรชิตาเป็นคนถามขึ้น

มาลินีเองก็ขยับปากเหมือนกันแต่ถามไม่ทันเพื่อน ทว่าพอมาคิดดูอีกทีเธอก็เงียบไปเพราะกำลังคาดเดาความคิดของปัฐวิกร

“ใช่ครับ เราคบกัน”

ชายหนุ่มตอบพร้อมหันกลับไปโอบไหล่บางให้ขยับมายืนข้างกับเขา

“ผมกำลังจะขอสองหมั้น ก็เลยบอกหมอนั่นไปแบบนั้น”

เขาบอกต่อราวกับมันเป็นเรื่องจริง

มาธาวีคงค้านออกมา หากไม่รู้สึกถึงแรงกระชับเล็กน้อยที่หัวไหล่ตนเองเหมือนครั้งที่เขาใช้เธออ้างกับสาวใหญ่คนนั้น

ปัฐวิกรกำลังต้องการให้พรชิตาเข้าใจผิดเรื่องเขากับเธอ

หญิงสาวเหลือบมองพี่สาวของตนก็เห็นว่าฝ่ายนั้นก็เพียงมองเงียบๆ และเม้มปากนิดๆ มาลินีน่าจะอ่านเกมของชายหนุ่มออก และอีกฝ่ายก็รู้ดีว่าเธอกับปัฐวิกรไม่ได้เป็นอะไรกัน แถมเขายังเป็นคนที่พี่สาวของเธอเล็งเอาไว้ด้วย

“เอ่อ...ถ้าอย่างนั้น...”

เห็นชัดว่าพรชิตาหน้าแห้งไปเลยทีเดียว แล้วยังเอ่ยอย่างอึกอักมองเธอกับชายหนุ่มสลับกันด้วยสายตาที่ราวกับเสียใจ

“ตาขอโทษกับเรื่องนั้นด้วยนะคะ”

หญิงสาวเสียงอ่อยลง

“คิดเสียว่าตา ไม่เคยทำอะไรแปลกๆ ...นะคะ”

พรชิตาย้ำกับชายหนุ่ม แล้วมองเธอแวบหนึ่งราวกับรู้สึกผิด นั่นทำให้มาธาวีเดาเอาว่าอีกฝ่ายอาจจะรุกหนักเกินไปจนปัฐวิกรต้องใช้เธอเป็นโล่ป้องกันซ้ำอีก

“ครับ”

ปัฐวิกรตอบรับเพียงสั้นๆ เป็นความนัยรู้กันเพียงสองคนเท่านั้น

จากนั้นพรชิตาก็ขอตัวแล้วเอ่ยลาเพื่อนของตนก่อนจะกลับเข้าไปข้างในด้วยท่าทางที่ดูหงอยเล็กน้อย

มาลินีมองตามเพื่อนแล้วจะหันกลับมาพูดบางอย่างทว่าปัฐวิกรเปิดประตูรถด้านข้างคนขับพร้อมกับดันให้มาธาวีขึ้นไปนั่งแล้ว คิ้วเรียวขมวดอย่างขุ่นใจ แต่เมื่อชายหนุ่มหันมาทางเธอพร้อมกับเปิดประตูทางด้านเบาะหลังให้หญิงสาวก็ยิ้มหวานกล่าวขอบคุณและขึ้นรถไป เก็บสิ่งที่อยากพูดเอาไว้ในใจ

=====

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พันธะลวง   8.รถไฟชนกัน (2)

    มาธาวีให้อธิปมารับตนเองเพราะเขายังไม่เคยไปบ้านของเธอ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อยืนส่งนักเรียนกลับบ้านอยู่หน้าโรงเรียนแล้วเห็นรถของกิตติกรมาจอด ซึ่งปัฐวิกรใช้รถของน้องชายเขา หญิงสาวหน้าซีดทันที ขณะที่กัญญานันทักพี่ชายเสียงใส“พี่ปัฐ”ร่างสูงใหญ่ของปัฐวิกรเข้ามากอดน้องสาวที่ไม่ได้เจอกันนาน ส่วนมาธาวีก็จำต้องยกมือไหว้อีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะกระซิบบอกว่าไปรอข้างในเพราะน้องสาวกับเพื่อนยังส่งนักเรียนอยู่กับพนักงานต้อนรับรอไม่นานสองสาวก็กลับเข้ามาด้านในเพราะเหลือนักเรียนคนเดียวพนักงานสามารถดูแลได้ ส่งนักเรียนเรียบร้อยอีกฝ่ายก็กลับบ้านได้เลย“มารับสองไปบ้านเหรอคะ”กัญญานันเอ่ยถามพี่ชายทันที เธอรู้ว่าวันนี้พี่ชายจะไปบ้านเพื่อนตามคำชวนของพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงเพราะเขาเคลียร์งานเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ชายหนุ่มมาก็ทำงานที่คั่งค้างของกิตติกรเพิ่งจะมาหาเธอก็วันนี้“ครับ”มาธาวีกัดริมฝีปากล่างด้วยความลำบากใจ เหลือบมองนาฬิกาที่ผนังก็เห็นว่าเวลานี้อธิปเองก็คงเลิกงานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มออกมาหรือยัง“เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำให้นะคะ”เธอพูดขึ้นพยายามจะเลี่ยงออกไปเพื่อโทรหาอธิป“ไม่เป็นไร ผมเอามาแล้วนี่ไง”ตาคู่กลมโตเหล

  • พันธะลวง   8.รถไฟชนกัน (1)

    เป็นเช้าที่มาธาวีตื่นขึ้นมาอย่างไม่สดชื่นเอาเสียเลย ทั้งที่บ้านเธออยู่ท่ามกลางธรรมชาติ อากาศสดชื่นเย็นสบาย ปกติมานอนที่บ้านเมื่อไรหญิงสาวจะลุกขึ้นไปยืนมองพระอาทิตย์ขึ้นหน้าระเบียงห้องนอนตอนเช้า ทว่าวันนี้แม้แสงแดดส่องผ่านกระจกที่ผ้าม่านเปิดแง้มเอาไว้เจ้าของร่างอรชรก็ไม่มีอารมณ์จะลุกขึ้นแต่อย่างใด ได้แต่นอนพลิกไปพลิกมาอยู่อย่างนั้น กระทั่งได้ยินเสียงข้อความเข้ามาในมือถือจึงหยิบขึ้นมาดู‘พี่ปัฐบอกให้ส่งเบอร์เขาให้สองน่ะ แล้วเขาก็ขอเบอร์สองไปด้วย เห็นว่ารับปากพ่อเลี้ยงกับแม่เลี้ยงเอาไว้ตอนท่านชวนไปทานข้าวที่บ้าน เลยขอเบอร์สอง’เห็นข้อความของกัญญานันแล้วก็ได้แต่ทิ้งมือถือลงอย่างอ่อนแรง ไม่นึกอยากให้ปัฐวิกรมาที่บ้านของเธอเลยสักนิด สังหรณ์ในใจบอกเธอว่าเรื่องราวคู่หมั้นจอมปลอมจะไม่จบลงแค่ที่พี่สาวของเธอแม้แทบไม่อยากลุกจากเตียงนอนไปเผชิญหน้ากับมาลินีในเวลาอาหารเช้า แต่มาธาวีก็ต้องขยับตัวเพราะไม่อยากทำตัวให้ผิดปกติจนอีกฝ่ายหาเรื่องค่อนขอดได้อีก จึงลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำด้วยท่าทางเหนื่อยหน่ายใจร่างโปร่งระหงในชุดข้าราชการเรียบร้อยเดินลงจากบันไดไปก่อน มาธาวีที่ก้าวออกมาเห็นอีกฝ่ายหยุดกึกรอให้

  • พันธะลวง   7.ยอมจำนนหนี้บุญคุณ (2)

    ‘จะเอาให้ครางเอาอีกๆ ไม่หยุดเลย คอยดูสิ’‘ไอ้บ้าเอ๊ย!’มาธาวีตะโกนด่าเสียงดังอย่างรังเกียจสุดจิตสุดใจ ทั้งยังวาดมือใส่หน้าที่ซุกไซ้แก้มกับลำคอไม่หยุดสุดกำลังเท่าที่มือจะใช้แรงได้‘โอ๊ะ...’ได้ยินเสียงเข้มดังก่อนชายหนุ่มจะเข่นเขี้ยว‘ตบเหรอหา!’เพี้ยะ!!แรงกระทบหน้าหนักหน่วงทำเอามาธาวีถึงกับชาไปทั้งข้างแก้ม รู้สึกได้ถึงความเจ็บจี๊ดตรงมุมปาก เธอชะงักไปอึดใจหนึ่งเลยเดียว‘ไง หมดฤทธิ์แล้วสินะ’น้ำเสียงเยาะหยันอย่างพอใจก่อนคุณากรจะถอยออกไปถอดเสื้อของตัวเอง คงเพราะเห็นว่าเธอไม่กล้าแผลงฤทธิ์แล้ว นั่นทำให้มาธาวีรีบปัดป่ายมือควานหาของใกล้มือตรงโต๊ะหัวเตียงแล้วก็เจอไอแพดกับมือถือของตัวเอง เมื่อไม่มีทางเลือก เธอจึงหยิบมือถือปาใส่อีกฝ่าย‘โอ๊ย!’คุณากรสะดุ้ง มาธาวีรีบถอยกรูดให้ห่างอีกฝ่ายมากที่สุดทั้งยังถีบเขาไม่ยั้ง มือหนาคว้าขาเธอเอาไว้ คราวนี้หญิงสาวจึงเอาไอแพดปาใส่ซ้ำไปอีก‘โธ้เว้ย!’อีกฝ่ายสบถเสียงดังอย่างหงุดหงิด ขณะที่ร่างอรชรรีบเผ่นลงจากเตียงวิ่งไปยังประตูห้องด้วยความรวดเร็ว ร่างสูงกำยำก้าวตามมา ทว่าเธอก็เปิดประตูได้พอดี กำลังจะพุ่งตัวออกไปอีกฝ่ายก็ดึงกลับมา แต่เธอทันได้สบตากับคนที่อยู่ห้

  • พันธะลวง   7.ยอมจำนนหนี้บุญคุณ (1)

    น้ำร้อนๆ เอ่อขึ้นมาในดวงตาคู่กลมโต ความอึดอัดขัดใจแน่นอยู่ในอก มาธาวีรู้ว่าที่พี่สาวโวยวายเพราะกำลังเจ็บ ไม่ใช่เจ็บเพราะโกรธ แต่เจ็บที่โดนน้องอย่างเธอหักหลังมาลินีเป็นคนขี้บ่นจู้จี้จุกจิกอยู่แล้ว เธอโดนตำหนิบ่อยจนเคยชินแต่รู้ว่าที่พี่สาวมักจะเคือง ไม่พอใจ หรือบ่นเธอก็เพราะหวังดี พอมารู้ว่าถูกหลอกเรื่องผู้ชายก็ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะปรี๊ดขึ้นมาเธอรู้ว่าพี่สาวเสียใจกับความแห้วของตัวเองมาตั้งแต่ครั้งเปรมินทร์แล้ว แถมยังมีกิตติกรอีก แต่เพราะเป็นคนสวย เริด เชิด การศึกษาหน้าที่การงานดี มาลินีจึงมั่นใจในตัวเองว่าต้องมีคนที่ดีเหมาะสมเข้ามาในชีวิต การได้เจอปัฐวิกรในเวลาใกล้เคียงกับที่ต้องถอยห่างจากกิตติกร มาธาวีจึงไม่แปลกใจว่าหนุ่มมาดเนี้ยบหล่อโปรไฟล์หรูย่อมต้องเป็นเป้าหมายใหม่ของพี่สาวเธออย่างไม่ต้องสงสัยอีกฝ่ายหมายมั่นปั้นมือกับปัฐวิกรพอสมควร เพียงแค่ยังไม่มีเวลาได้ทำความรู้จักเพราะชายหนุ่มไม่ได้อยู่เชียงใหม่เท่านั้น นั่นทำให้คนเป็นน้องสะเทือนใจเมื่อได้ยินเสียงตัดพ้อสั่นเครือของพี่สาว จนสุดท้ายก็ต้องเอ่ยออกไปโดยไม่ได้หันไปมองด้วยไม่อาจฝืนทนเห็นอีกฝ่ายเสียใจได้ ทว่าน้ำเสียงก็เจือความสั่นไม่แพ้

  • พันธะลวง   6.เราคบกันจริงๆ (2)

    “นี่หมายความว่า...”มาลินีพึมพำเสียงเบา แววตาและสีหน้ามองเขาอย่างว่างเปล่า“ใช่ครับ ผมกับสองคบกัน”ปัฐวิกรยืนยันซ้ำอีก เขาไม่อยากให้ความหวังกับมาลินีเพราะดูออกว่าหญิงสาวสนใจเขาเหมือนกับเพื่อนของเธอ“หนึ่งไม่เห็นรู้เลย”เธอถามออกไปอย่างอ่อนล้าราวกับคนพ่ายแพ้ หากน้องสาวตนเองเป็นคนพูด เธอยังเชื่อน้อยกว่าผู้ชายตรงหน้า เพราะไม่มีเหตุผลที่เขาต้องโกหกเธอ แต่ที่น่าแปลกใจคือทำไมเธอไม่เคยระแคะระคายมาก่อน ช่วงที่ชายหนุ่มมาในตอนมีปัญหาของกิตติกรครั้งก่อน น้องสาวของเธอกับปัฐวิกรก็แทบจะไม่คุยกันเลยแล้วทั้งสองคนไปคบหากันตอนไหน“ตั้งแต่สองไปงานแต่งนายกลางเราก็คุยกันมาเรื่อยๆ ครับ ถึงจะไม่ค่อยได้เจอกันก็เถอะ สองเขายังไม่กล้าจริงจัง ก็เลยยังไม่ได้บอกใคร แต่ผมจริงจังเพราะอายุมากแล้ว”คำพูดของปัฐวิกรดูน่าเชื่อถือจนแม้แต่มาธาวีเองก็คงหลงเชื่อไปด้วย หากคนที่เขาเอามาอ้างไม่ใช่เธอเอง“เหรอคะ”มาลินีเหมือนจะถามแต่กลับพยักหน้าเบาๆ ราวกับยอมรับส่วนปัฐวิกรเหลือบไปยังหญิงสาวอีกคนที่ยืนนิ่งเงียบ แต่แววตาคู่กลมโตกลับมองเขาอย่างไม่พอใจ ริมฝีปากได้รูปสวยยกยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับก้าวเข้าไปหาเจ้าของร่างอรชรแบบบาง“อย่าม

  • พันธะลวง   6.เราคบกันจริงๆ (1)

    ‘ตาถูกชะตาคุณจังเลย อยากลองคบคุณ ได้ไหมคะ’สาวร่างอิ่มขยับขึ้นไปพูดใกล้ๆ ร่างสูงใหญ่โดยการเกาะไหล่เขาทั้งสองข้าง แล้วเขย่งตัวขึ้นนี่คือภาพที่มาลินีแอบตามเพื่อนที่ดึงปัฐวิกรออกมาแล้วเห็นเข้า เธอบอกอธิปว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ส่วนชายหนุ่มมีสายโทรศัพท์เข้ามาพอดีเขาจึงออกไปคุยด้านหน้า เพราะข้างในค่อนข้างเสียงดังแต่ถึงจะดังยังไง พรชิตาก็ไม่เห็นต้องขยับไปพูดใกล้ๆ ชายหนุ่มขนาดนั้น เพราะเธอยืนอยู่ตรงนี้ยังได้ยินเลย หญิงสาวค่อนขอดเพื่อนตัวเองในใจ‘เราเพิ่งเจอกันเองนะครับ’ปัฐวิกรแย้ง แต่ก็ไม่ได้ผลักพรชิตาออก คิดว่าเขาคงไม่อยากเสียมารยาท เพราะแขนกำยำแนบข้างลำตัว ไม่โอบหรือกอดอีกฝ่ายแต่อย่างใด‘นั่นสิคะ ตาถึงได้บอกว่าถูกชะตา’พรชิตาถอยออกมาเงยหน้ามองชายหนุ่มไม่ห่างนัก ตาคู่สวยพราวหยาดเยิ้ม‘ผม...’‘อย่าบอกนะคะ ว่าคุณไม่ถูกใจตา ของแบบนี้ต้องลองก่อนสิคะ ถึงจะรู้’สาวสวยยิ้มอย่างขี้เล่นขณะพูดคนแอบฟังอย่างมาลินีได้ยินคำนี้ของเพื่อนยังถึงกับอึ้ง เธอไม่ค่อยแปลกใจหรอก เพราะรู้จักนิสัยกันดีอยู่ แต่พรชิตาเพิ่งเจอปัฐวิกรวันนี้เอง อ่อยหนักขนาดนี้หมายความว่าอยากให้เขากลับไปด้วยคืนนี้แน่ๆคิดมาถึงตรงนี้มาลินีก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status