Home / โรแมนติก / พันธะแค้นผูกรัก / บทที่ 6 สุนัขจิ้งจอก ผีห่าซาตาน

Share

บทที่ 6 สุนัขจิ้งจอก ผีห่าซาตาน

last update Last Updated: 2025-02-13 21:28:57

ยามตะวันใกล้ลับขอบฟ้าจิ้งหรีดที่เกาะอยู่ตามต้นไม้เริ่มพากันส่งเสียงร้องระงมชวนให้คนฟังขนลุกไม่น้อย สายลมเย็นโชยกระทบผิวนวลของร่างบางที่นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ภายในกระท่อมจนรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงกระดูกบนผิวขาวเนียนของเธอเต็มไปด้วยรอยยุงกัดแสบคันไปหมดครั้นจะใช้มือปัดปายยุงที่มาสูบเลือดจากตัวก็ทำไม่ได้เพราะถูดมัดไว้

"พ่อ แม่ช่วยหนูด้วยหนูกลัวเหลือเกิน" ความกลัวเข้าเกราะกุมใจดวงน้อยๆ ของเอวามากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อรอบตัวเริ่มมืดสนิทในกระท่อมไม่มีแม้แต่ตะเกียงหรือเทียนสักเล่มสำหรับให้ความสว่าง

"กรี๊ดด!" เสียงกรีดเปล่งออกจากริมฝีปากเอิบอิ่มด้วยความตกใจในตอนที่ตุ๊กแกแผดเสียงดังขึ้น ร่างบอบบางสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวสุดขีดน้ำสีใสไหลอาบสองแก้มนวลหยดลงบนคอเสื้อจนเปียกปอน ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆ กระท่อมผ่านความความมืดสลัวอย่างหวาดระแวงเธอไม่สามารถรู้ได้เลยว่าตอนนี้ตุ๊กแกตัวนั้นอยู่ส่วนไหนของกระท่อมและอยู่ใกล้เธอหรือเปล่า

"อะ..โอ้ย!" ไม่ทันที่อาการหวาดกลัวจะได้จางหายไปเธอก็ต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดร้องโอดครวญออกมาเมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกปวดบริเวณท้องตามมาด้วยเสียงร้องของท้องคงเป็นเพราะตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้เธอไม่มีข้าวตกถึงท้องสักเม็ดน้ำสักหยดก็ไม่มีเลยทำให้ท้องไส้ปั่นป่วน เหงื่อเม็ดเล็กเริ่มผุดขึ้นตามกรอบหน้าทั้งที่อากาศเย็น

"โอ้ย! ทำไมมันปวดอย่างนี้" ฟันคมขบลงบนกลีบปากอวบจนแดงเถือก นิ้วเท้าจิกเกร็งลงบนพื้นรองเท้าอย่างแรงสะกดกลั้นความเจ็บปวดที่กำลังเล่นงานท้องไส้ของเธอมันช่างทรมานรู้สึกเจ็บปวดเหมือนจะตายเสียให้ได้ 

นี่เธอต้องอยู่ท่ามกลางความมืด ต้องทนหิวทนทรมานจากอาการปวดท้อง ต้องนอนบนพื้นสกปรกจริงๆ หรือทำไมสวรรค์ช่างโหดร้ายกับเธอเหลือเกินทั้งที่เธอไม่เคยทำร้ายใคร แล้วเธอจะผ่านพ้นคืนนี้ไปได้ไหมหรือจะตายเป็นผีเฝ้ากระท่อมอยู่ที่นี่ความกลัวประดังเข้ามาหยาดน้ำตาไหลออกจากตาคู่สวยไม่ขาดสาย

"สู้ๆ สิเอวาเธอจะมาตายที่นี่ไม่ได้" เอวากลืนก้อนสะอื้นลงคอพยายามเรียกแรงฮึดสู้ให้ตัวเองเธอจะมัวสิ้นหวังไม่ได้ ก่อนคลานไปล้มตัวลงนอนบนเสื่อเก่าๆ ด้วยความจำใจข่มตาให้หลับลงเพื่อหลีกหนีความกลัวและความเจ็บปวด เนื้อตัวของเธอเริ่มสั่นเทาเมื่ออากาศยิ่งเหน็บหนาวขึ้นเรื่อยๆ จนต้องนอนขดตัวในใจก็ขอพรภาวนาให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัยถึงวันพรุ่งนี้ไม่หนาวตายเสียก่อน น้ำสีใสค่อยๆ ไหลออกจากห่างตาคู่สวยอีกครั้งอย่างกลั้นไม่อยู่เธอกลัวเหลือเกินกลัวว่าจะไม่ได้กลับไปเจอหน้าพ่อกับแม่อีก

ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอนอนร้องไห้อยู่อย่างนั้นก่อนเสียงสะอื้นจะค่อยๆ เงียบลงคงเป็นเพราะควมเพลียทำให้เธอผล็อยหลับไปในที่สุด

วันต่อมา

"อื้ออ" แสงแดดอ่อนๆ ยามแปดโมงเช้าสาดส่องผ่านช่องฝาสานไม้ไผ่เข้ามากระทบเปลือกตาของร่างบางที่นอนขดตัวอยู่ในกระท่อมให้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในเช้าของวันใหม่

 "ฉันยังไม่ตายเหรอ" น้ำเสียงแหบแห้งเปล่งออกจากริมฝีปากเอิบอิ่มเบาๆ เมื่อลืมตาขึ้นมาพบกับแสงตะวันเธอยังคงนอนนิ่งอยู่อย่างนั้นเพราะรู้สึกอ่อนเพลียจนไม่มีเรี่ยวแรงจะลุกขึ้นอีกทั้งอาการปวดท้องก็ยังไม่หายไป

ใบหน้าสวยคม ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อบัดนี้ได้เปลี่ยนเป็นซีดเผือดไร้เลือดผาดเรี่ยวแรงของเธอเริ่มอ่อนล้าลงทุกทีจากการขาดน้ำขาดอาหารมาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ แต่เธอก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะผ่านพ้นคืนอันโหดร้ายนั้นมาได้

โคร่ม!

ร่างบางถึงกับสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ ประตูก็ถูกเปิดออกอย่างแรงจนเสียงดังโครมครามราวกับประตูจะหลุดติดมือคนเปิด ก่อนรีบหยัดกายลุกขึ้นนั่งด้วยความเร็วในตอนที่เห็นร่างสูงเดินเข้ามา

"นึกว่าจะตายซะแล้วทนใช้ได้นิ" ภาคินแสยะยิ้มมุมปากจับจ้องร่างบางตรงหน้าด้วยแววตาสมเพช สภาพของเธอต้องนี้ชั่งดูไม่ได้เสียเลยตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยยุงกัดเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไรฝุ่นจนดูสกปรกมอมแมมหมดคราบคุณหนูไฮโซ "เป็นไงได้ลองลิ้มรสความลำบากแล้วรู้สึกยังไงบ้าง"

เอวาได้แต่เก็บงำความโกรธเอาไว้ ข่มไม่ได้ตัวเองแสดงความอ่อนแอออกมาต่อหน้าผู้ชายใจร้ายให้เขาหัวเราะเยาะได้ ค่อยๆ แหงนหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยแววตาแข็งกร้าวเธอเกลียดเขา เธอโกรธเขา โกรธทุกอย่างที่ทำให้เธอต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ "พอใจคุณหรือยังที่เห็นฉันเป็นแบบนี้ ปล่อยฉันไปได้หรือยัง" 

"นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้นไอวา" คำตอบของร่างสูงทำเอาคนฟังถึงกับเหวอ ดวงตากลมโตจับจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจเขาจับเธอมาทรมานขนาดนี้แล้วยังไม่สาแก่ใจอีกเหรอเธออยากจะรู้จริงๆ ว่าสิ่งที่พี่สาวฝาแฝดทำมันเลวร้ายมากใช่ไหมถึงทำให้คนคนนึงโกรธแค้นได้มากมายเช่นนี้ 

"คุณแค้นอะไรนักหนาถึงต้องทำกันขนาดนี้" เสียงหวานเปล่งออกจากริมฝีปากเอิบอิ่มอย่างไม่เข้าใจหากเธอหลีกเลี่ยงเวรกรรมครั้งนี้ไม่ได้อย่างน้อยเธอก็สมควรได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ระหว่างเขากับพี่สาวฝาแฝดของเธอ 

"อย่ามาตีหน้าซื่อไอวาคุณรู้อยู่แกใจดีว่าตัวเองทำเลวอะไรกับผมไว้บ้าง" ภาคินใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างนึกโมโหที่ร่างบางเอาแต่ตีหน้าซื่อปฏิเสธทั้งๆ ที่มีหลักฐานยืนยันว่าเธอคือไอวาจริงๆ ดวงตาคมกริบจับจ้องใบหน้าคมเขม็งพร้อมเอ่ยขึ้นอีกครั้ง "เลิกแสดงแล้วไปทำงานซะถ้าไม่อยากอดตาย" 

"หมายความว่าไง" 

"อยู่ที่นี่คุณต้องทำงานแลกข้าวปลาอาหาร"

"ฉันไม่ทำ"

"ไม่ทำก็ได้แต่คุณคงต้องอดตายเป็นผีเฝ้ากระท่อมอยู่ที่นี่" 

"...." ริมฝีปากเอิบอิ่มเม้มเข้าหากันแน่นเมื่อสิ้นเสียงทุ้มดวงตากลมโตจับจ้องร่างสูงด้วยแววตาโกรธแค้นเธอรู้ว่าคนอย่างเขาจะทำอย่างที่พูดจริงๆ หากเธออยากมีชีวิตรอดกลับไปหาครอบครัว และทวงความยุติธรรมจากพี่สาวฝาแฝดก็คงต้องยอมทำตามคำสั่งของเขาแล้วค่อยหาหนทางหนีออกไป

เธอจะไม่ยอมตายอยู่ที่นี่แล้วปล่อยให้คนผิดอย่างพี่สาวฝาแฝดอยู่อย่างสุขสบายไม่สำนึกกับความผิดของตัวเองพี่สาวจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ เมื่อก่อนเธอยอมพี่สาวทุกอย่างเพราะคิดว่าพี่สาวใช้ชีวิตอยู่ไทยลำบากกว่าเธอมากๆ จึงอยากชดเชยความสุขให้บ้างแต่เมื่อพี่สาวไม่เห็นเธอเป็นน้องเธอก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพื่อพี่สาวอีกแล้ว ความรักความผูกพันมันพังทลายไปตั้งแต่วินาทีที่รู้ว่าพี่สาวฝาแฝดตั้งใจส่งเธอลงนรกแล้วในใจมีแต่ความโกรธ ความผิดหวังและความเสียใจ

ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งโกรธแค้นพี่สาวฝาแฝด มือเรียวกำเข้าหากันแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนข่มอารมณ์เอาไว้เรียกแรงฮึดสู้ให้ตัวเอง แล้วแหงนหน้าขึ้นพูดกับร่างสูงอีกครั้ง "ตอนนี้ฉันทำไม่ไหวหรอกนะ ฉันไม่ได้กินข้าวกินน้ำมา1 วัน1 คืนเต็มๆ แล้ว"

"งั้นผมจะใจดีให้คุณกินข้าวฟรี1 มื้อ" ภาคินกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปากก่อนหมุนตัวเดินออกไปจากกระท่อมทิ้งให้หญิงสาวมองตามหลังด้วยความสงสัยทำไมจู่ๆ เขาถึงพูดง่ายใจดีขนาดนั้นสัญชาตญาณของเธอมันบอกว่าไม่น่าไว้ใจ  

และเธอคิดไม่ผิดจริงๆ เมื่อได้เห็นกะละมังเก่าๆ ที่ชายหนุ่มเอาวางตรงหน้าเธอข้างในมีข้าวกับแกงที่ถูกเทร่วมกันมันเหมือนข้าวหมามากกว่าข้าวคน หรือบางทีข้าวหมาอาจจะดีกว่าข้าวที่เขาเอามาให้เธอด้วยซ้ำไป

"กินซะสิหิวไม่ใช่เหรอ" เสียงทุ้มเอ่ยอย่างเย้ยหยันเมื่อหญิงสาวเอาแต่นั่งนิ่งการกระทำของเขาสร้างความโกรธแค้นให้ร่างบางเป็นอย่างมาก

"ฉันเป็นคนไม่ใช่หมา อีกอย่างข้าวแบบนี้หมาก็คงจะแดกไม่ลง" ดวงตากลมโตจ้องมองร่างสูงเขม็งเขาทำแบบนี้ก็เปรียบเสมือนเธอเป็นหมาแค่ไม่พูดออกมาก็เท่านั้นเองเธอโกรธเขาจนตัวสั่น น้ำตาเริ่มเอ่อคลอตาคู่สวยจนพร่ามัวถึงแม้พยายามจะกลั้นแล้วก็ตามเพราะไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้เขาเห็นแต่สุดท้ายก็กลั้นไม่อยู่ น้ำตาที่ไหลออกมาไม่ได้เกิดจากความอ่อนแอแต่เกิดจากความคับแค้นใจต่างหาก เธอคับแค้นใจที่เขามารังแกแต่เธอไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย

"คุณมันก็ไม่ต่างจากสุนัขจิ้งจอกนักหรอกไอวา"

"ถ้าฉันเป็นสุนัขจิ้งจอก คุณมันก็ผีห่าซาตาน"

"ปากดีงั้นข้าวก็ไม่ต้องกินมันแล้ว" ภาคินใช่ลิ้นดันกระพุ้งแก้มมองร่างบางด้วยแววตาเกรี้ยวกราด สิ้นเสียงพูดเท้าใหญ่ก็เตะกะละมังข้าวอย่างแรงจนลอยไปชนข้างฝาข้าวกระเด็นกระดอนเกลื่อนเต็มพื้นไปหมด ร่างบางถึงกับสะดุ้งโหย่งด้วยความตกใจกับการกระทำของชายหนุ่มเขามันป่าเถื่อนที่สุด

"ยะ..อย่าเข้ามานะ" ใจดวงน้อยกระตุกวูบขึ้นมาดื้อๆ ความกลัวเริ่มเข้าเกราะกุมเมื่อร่างสูงย่างสามขุมเข้าหาเธอช้าๆ จ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ร่างกายเริ่มกระเถิบถอยหลังหนีตามสัญชาตญาณเมื่อรับรู้ได้ถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พันธะแค้นผูกรัก   บทส่งท้าย

    5 ปีต่อมาวันเวลาหมุนเวียนดำเนินไปเรื่อย ๆ นี่ก็ผ่านมาห้าปีแล้วที่เอวากับภาคินได้สร้างครอบครัวด้วยกัน ทั้งสองคนได้ตกลงแต่งงานจดทะเบียนสมรสกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อสามปีก่อนมีลูกเป็นโซ่ผูกใจด้วยกันสามคนก็คืออลัน อลินดา อคิน และยังมีบุตรสาวบุตรธรรมอีกหนึ่งคนชื่อพะพายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับอคินบุตรชายคนสุดท้อง"มามี๊ แด๊ดดี๊พี่อลันแกล้งพะพายอีกแล้วครับ" เสียงของอคินเด็กน้อยวัยสี่ขวบเศษ ๆ หน้าตาหล่อเหลาตั้งแต่เด็กวิ่งเข้ามาฟ้องบิดากับมารดาที่นั่งอยู่ในบ้านเสียงดั่งลั่น ภาคินกับเอวาที่กำลังนั่งคุยกันถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนลุกเดินตามบุตรชายคนเล็กออกไปยังลานหน้าบ้าน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกชายคนโตอย่างอลันทะเลาะกับลูกบุตรธรรมแต่มันเกิดขึ้นตลอดตั้งแต่พวกเขารับพะพายเด็กกำพร้ามาเลี้ยงดู "พะพาย! ยัยตัวแสบกล้าทำฉันเลือดออกเหรอห๊ะ""พะพายไม่ได้ตั้งใจนะ ก็พี่อลันแกล้งพะพายก่อน""ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่ ฉันไม่ใช่พี่เธอ" เสียงของอลันกับพะพายที่กำลังทะเลาะกันดังแว่วมาทำให้ภาคินต้องรีบเดินเข้าไปห้ามศึก "ทะเลาะอะไรกันอลัน พะพาย" อลันกับพะพายเงียบปากลงทันทีมองหน้าผู้เป็นบิดาตาปริบ ๆ ภาคิน

  • พันธะแค้นผูกรัก   บทที่ 52 The end

    วันต่อมา"แด๊ดดี๊ มามี๊ๆ" เสียงร้องตะโกนของสองแฝดที่ดังอยู่หน้าห้องปลุกให้คนเป็นพ่อแม่อย่างเอวากับภาคินที่กำลังนอนกอดกันอยู่ภายในห้องรู้สึกตัวตื่น"คุณนอนต่อเถอะผมไปเปิดประตูให้ลูกเอง" ภาคินยกมือขึ้นรั้งไหล่เมียสาวที่กำลังจะลุกให้นอนลงเหมือนเดิมเพราะอยากให้เธอพักผ่อนเมื่อคืนเขาเล่นต่อแขนต่อขาให้ลูกจนเธอแทบหมดแรง ก่อนเขาจะลุกลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้ลูกแทน"กู๊ดมอร์นิ่งค่ะแด๊ดดี๊" อลินดาเอ่ยทักทายเสียงใสพร้อมฉีกยิ้มจนตายีทันทีที่บิดาเปิดประตูออกมา"มอร์นิ่งคิดส์ครับคนสวย" ภาคินย่อตัวลงหอมแก้มซ้ายแก้มขวาของบุตรสาวฟอดใหญ่แล้วหอมแก้มบุตรชายต่อ "มอร์นิ่งคิดส์ครับคนหล่อ""มอร์นิ่งครับแด๊ดดี๊" อลันยิ้มตอบบิดาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจากนั้นก็พากันเดินเข้าไปในห้อง"ทำไมไม่นอนต่อ" ใบหน้าหล่อเหลาเลิ่กคิ้วขึ้นถามเมื่อเห็นว่าร่างบางนั่งพิงหัวเตียงอยู่"นอนไม่หลับแล้ว" เอวาระบายยิ้มตอบชายหนุ่มแล้วหันไปถามไถ่สองแฝดต่อ "เมื่อคืนนอนกับคุณปู่ คุณย่าเป็นไงบ้างคะ""สบายมากครับ สบายมากค่ะ" สองแฝดตอบเสียงเจื้อยแจ้วก่อนอลินดาจะกระโดดขึ้นเตียงไปนั่งทับหน้าขามารดาที่นั่งยืดขายาวเหยียด การกระทำของบุตรสาวสร้างความ

  • พันธะแค้นผูกรัก   บทที่ 51 สมบูรณ์แบบ

    "ว๊าย!""ภาคินปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ" เอวาร้องท้วงเสียงดังลั่นเมื่อจู่ ๆ ชายหนุ่มก็เดินอ้อมมาช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวขณะที่เธอกำลังลงจากรถหลังจากรถมาจอดลงหน้าบ้านวิโรจน์อัครโชติแล้ว"ปล่อยแน่...แต่หลังจากต่อแขนต่อขาให้ลูกแล้วนะ" ภาคินตอบหน้าระรื่นไม่ได้สนใจเสียงโวยวายของคนในวงแขนสักนิดอุ้มเธอเดินดุ้ม ๆ เข้าบ้าน "ฉันท้องอยู่นะ คุณคงจะทำอย่างที่พูดจริง ๆ ไม่ได้" คนฟังถึงกับอ้าปากเหวอเมื่อได้ยินคำพูดจากริมฝีปากหนาทำได้เพียงส่งเสียงร้องท้วงไม่กล้าดิ้นหรือขัดขืนอะไรยกมือขึ้นคล้องคอร่างสูงไว้แน่นเพราะกลัวตกตอนนี้เธอไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วร่างบางถูกภาคินอุ้มมาวางบนเตียงอย่างแผ่วเบาก่อนเขาจะตามขึ้นไปคร่อมเธอเอาไว้จับจ้องใบหน้าคมที่ห่างกันเพียงคืบด้วยแววตาหวานเยิ้ม "ผมรักคุณนะ"เอวาระบายยิ้มหวานให้คนด้านบนมองสบแววตาหวานเยิ้มด้วยแววตาอ่อนโยนยกมือขึ้นประคองใบหน้าหล่อเหลาพร้อมเอื้อนเอ่ยความรู้สึกในใจออกมา "ตอนนี้ฉันยังไม่รู้หรอกว่าตัวเองรักคุณแล้วหรือเปล่า แต่ฉันมีความสุขและรู้สึกอบอุ่นที่มีคุณอยู่ใกล้ ๆ ฉันเชื่อว่าสักวันคุณจะทำให้ฉันกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าฉันรักคุณ ฉันเปิดโอกาสให้คุณได้ทำ

  • พันธะแค้นผูกรัก   บทที่ 50 ตีตราจอง

    วันเวลาหมุนเวียนมาจนถึงวันงานประมูลเครื่องเพชร รถลีมูซีนคันหรูที่มีสองหนุ่มสาวนั่งอยู่เบาะหลังเคลื่อนตัวมาจอดลงยังหน้าโรงแรมชื่อดังใจกลางเมืองกรุงซึ่งเป็นสถานที่จัดงานประมูลเครื่องเพชรร่างสูงในชุดสูทสีเทาเข้มเข้ารูปเปิดประตูลงจากรถด้วยท่าทางสง่าผ่าเผยก่อนเดินอ้อมไปเปิดประตูรถอีกฝั่ง"ขอบคุณค่ะ" เอวาในชุดเดรสเปิดไหล่แขนพองสีเทาอ่อนยาวเสมอเข่าผ่าข้างเล็กน้อยโชว์เรียวขาขาวเนียนเรียบหรูดูดีก้าวลงจากรถพร้อมระบายยิ้มหวานให้ชายหนุ่มเชิงขอบคุณ "พร้อมไหม" ชายหนุ่มระบายยิ้มบาง ๆ พร้อมยกแขนขึ้นให้อีกคนคล้อง มือเรียวสอดเข้ามาคล้องแขนแกร่งอย่างว่าง่ายพยักหน้าแทนคำตอบว่าเธอพร้อมแล้วจากนั้นทั้งสองก็เดินควงคู่เข้าไปในงานทันทีที่ภาคินกับเอวาย่างกรายเข้ามาในงานทุกสายตาก็มองมายังทั้งสอง ก่อนเสียงซุบซิบจะเริ่มดังขึ้นทุกคนต่างให้ความสนใจกับผู้หญิงหน้าตาสะสวยข้างกายนักธุรกิจหนุ่มชื่อดังเพราะเขาไม่เคยควงผู้หญิงออกงานเลยสักครั้ง กล้องจากนักข่าวหลายสำนักก็กดชัตเตอร์รูปของสองหนุ่มสาวระรัวก่อนจะมีนักข่าวสองสามคนเดินเข้ามาสัมภาษณ์ "สวัสดีค่ะคุณภาคิน""สวัสดีครับ" ภาคินตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนปรายตามองสี

  • พันธะแค้นผูกรัก   บทที่ 49 ลูกคนที่3

    แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านหน้าต่างกระจกเข้ามากระทบเปลือกตาบางของร่างสูงที่นอนกอดลูกบนเตียงคิงไซส์ให้รู้สึกตัวตื่นในช่วงสาย ๆ ของวันใหม่ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็ได้เจอหน้าลูกเมียเป็นอันดับแรกเขาหยัดกายลุกขึ้นนั่งก่อนโน้มไปจูบหน้าผากบุตรชายที่นอนข้าง ๆ อย่างแผ่วเบาแล้วเลื่อนไปจูบหน้าผากบุตรสาวต่อจากนั้นก็ลงจากเตียงเดินอ้อมไปริมเตียงอีกฝั่งที่แม่สองแฝดนอนอยู่โน้มลงจูบหน้าผากมนเบา ๆ "ผมรักคุณกับลูกนะ" ดวงตาคมกริบไล่มองใบหน้าสามคนแม่ลูกที่นอนหลับบนเตียงด้วยความอิ่มเอมใจ ก่อนละสายตาออกแล้วจัดการอาบน้ำแต่งตัวหยิบโน้ตบุ๊คเดินลงมานั่งทำงานที่ห้องนั่งเล่นปล่อยให้เมียกับลูกนอนต่อโดยไม่คิดจะปลุกเพราะเมื่อคืนทั้งสามคนนอนดึกเพราะมัวแต่พูดคุยหยอกล้อกับเขาอยู่"คุณน้าจะไปไหนครับ" ภาคินเปล่งเสียงถามขึ้นเมื่อเหลือบสายตาาไปเห็นมารดาของหญิงสาวกำลังเดินถือตะกร้าผ่านห้องนั่งเล่นไป ดวงเดือนหยุดชะงักหันไปตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มกว่าที่ผ่านมา "ว่าจะออกไปจ่ายตลาดหน่อยนะ" ทำคนฟังอย่างภาคินแปลกใจไม่น้อยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของดวงเดือนทั้งที่ที่ผ่านมาเธอมักจะแยกเขี้ยวใส่เขาตลอดบาง

  • พันธะแค้นผูกรัก   บทที่ 48 รัก

    วันต่อมา"มามี๊คะเมื่อไรแด๊ดดี๊จะกลับมา อลินคิดถึงแด๊ดดี๊แล้วค่ะ" เสียงของอลินดาดังขึ้นทำลายความเงียบขณะที่ทุกคนกำลังนั่งทานอาหารอยู่ "อีกสองวันแด๊ดดี๊ก็จะกลับแล้วค่ะ อดทนอีกหน่อยนะคะ" เอวาวางช้อนลงเอื้อมมือไปลูบศรีษะเล็กทุยอย่างเอ็นดูเธอเองก็คิดถึงชายหนุ่มมากเหมือนกันไม่รู้ทำไมถึงคิดถึงมากขนาดนี้ "อลันก็คิดถึงแด๊ดดี๊ครับ" อลันพูดเสริมอีกเสียงพร้อมทำหน้าเหงาหงอยจนคนเป็นแม่ต้องเลื่อนไปลูบศีรษะปลอบประโลม "เดี๋ยวแด๊ดดี๊ก็กลับมาแล้วครับ""ครับ ค่ะ" สองแฝดพยักหน้ารับรู้แล้วก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อเมื่อเสร็จก็ขอมารดาขึ้นไปนอนดูการ์ตูนบนห้องนอน ส่วนเอวาก็ช่วยมารดาเก็บจานล้างจากนั้นก็มานั่งคุยกันต่อที่โซฟา"แม่ว่าลูกดูมีน้ำมีนวลขึ้นนะ" ดวงเดือนไล่สายตามองบุตรสาวตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าก่อนพูดลอย ๆ เพราะดูบุตรสาวมีน้ำมีนวลอวบอิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก "สงสัยช่วงนี้คงเจริญอาหารค่ะ" คนโดนทักตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ดวงเดือนไม่ได้ซักไซร้อะไรต่อพูดคุยเรื่องอีกแทนผ่านไปครึ่งชั่วโมงเธอจึงขอแยกตัวออกไปข้างนอกเพราะมีนัดกับเพื่อน ๆ"เฮ้อ" เอวาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เอนกายพิงพนักโซฟาแล้วค่อย ๆ หลับตาลงด้วยสมองหนัก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status