คืนนั้นพายุฝนโหมกระหน่ำ
แม้แต่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่มั่นคงและแข็งแรง เสียงฝนฟ้าก็ยังคำรามลอดเข้ามาไม่ขาดสาย ลลิตรา...นอนตัวเย็นเฉียบอยู่บนเตียงกว้าง น้ำตาไหลเปียกหมอน ผ้าปูเตียงสีขาวปรากฏร่องรอยสีเข้ม... เมื่อสติกลับมา เธอก็รู้สึกอดสูจนไม่กล้าแม้แต่จะสะอื้น กระทั่งมือร้อนผ่าวของใครคนหนึ่งแตะตัวเธออีกครั้ง ลลิตราหรือลูกอมก็สะดุ้งเบา ๆ “เกลียดแก ไอ้คนชั่ว” หญิงสาวเค้นเสียงแข็งกร้าว แต่เจ้าของร่างสูงใหญ่ที่แน่นตึงไปด้วยมัดกล้ามก็ไม่สะทกสะท้าน เขายังคงดึงร่างบางไปกอดแนบตัว เธอพยายามออกจากวงแขนแข็งแรงแต่ไร้ผล หนำซ้ำยิ่งดิ้นรนยิ่งเสียดสี ก็ยิ่งกระตุ้นให้อะไร ๆ ที่เพิ่งสลดกลับลุกโลดขึ้นมาอีก “ครั้งแรกอาจเป็นเพราะฉัน แต่ครั้งที่สองนี่เธอหาเรื่องเองนะ” อธิปกระซิบเสียงแตกพร่า แค่คิดถึงสัมผัสรัดรึงที่แสนอ่อนนุ่มเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาก็ทำให้เขาร้อนวูบขึ้นมาอีกครั้ง “ไม่นะ หยุดเถอะ พอได้แล้ว” “จะพออะไร ฉันยังเหลือแรงสะสางกับเธออีกทั้งคืนนั่นแหละ” “ไม่นะ ฉันไม่...” หญิงสาวขอร้องเสียงสั่น ส่ายหน้าไปมา น้ำตาและเรือนผมสีน้ำตาลเข้มกระจายแผ่บนหมอน พยายามทุบถองจิกตีเพื่อไม่ให้ผู้ชายสารเลวคนนี้ทำอะไรได้ตามอำเภอใจอีก แต่อธิปไม่คิดจะหยุดยั้งแม้แต่น้อย ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยมีอะไรที่เขาอยากได้แล้วไม่ได้... และอย่างที่เขาเพิ่งประกาศกร้าวกับเธอไป... เขายังเหลือเรี่ยวแรงและเวลาที่จะ 'สะสาง' กับเธออีกทั้งคืน ห้าเดือนก่อนหน้า "อรรถ รชต" ประธานบริหารและเจ้าของสายการบินระดับลักซูรี่ 'ไซแอมเจ็ต(สยามเจ็ต)' ในวัยห้าสิบปลาย ๆ ยังคงหล่อเหลา แข็งแรง และดูหนุ่มกว่าวัย ใบหน้าคมเข้มเหมือนมีสายเลือดแขกเปอร์เซียผสมเชื้อสายตะวันตก และตอนนี้ใบหน้านั้นก็กำลังยิ้มกว้างด้วยความสุขที่ฉายชัดจนคนรอบข้างสัมผัสได้ "ยินดีต้อนรับสู่บ้านรชตนะลินดา หนูลูกอมด้วย... จากนี้ที่นี่คือบ้านของหนูกับแม่แล้วนะ" อรรถหันไปเอ่ยกับหญิงสาวต่างวัยสองคนที่เดินตามเข้ามา คนหนึ่งอายุใกล้เคียงกับเขาคือห้าสิบกว่า ๆ ส่วนอีกคนนั้นอายุประมาณยี่สิบต้น ๆ หญิงทั้งคู่มีดวงตาหวานซึ้งสีน้ำตาลเข้ม สีเดียวกับเรือนผมหยักศก และจมูกโด่งปลายโค้งมนนิด ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ มองดูปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นแม่ลูกกัน "บ้านของคุณค่ะอรรถ ฉันกับลูกแค่มาอาศัยอยู่" ลินดาเอ่ยเบา ๆ อย่างเกรงใจ แต่อรรถส่ายหน้า "เราจดทะเบียนกันแล้ว ถึงคุณจะไม่ยอมให้ผมจัดงานเลี้ยง แต่เราก็เป็นสามีภรรยากันแล้วอย่างถูกต้อง..." อรรถบอกก่อนจะยืดตัวขึ้นแล้วหันไปประกาศกับเหล่าแม่บ้าน คนสวน คนขับรถ คนงานทุกคนที่ทำงานที่บ้านหลังนั้น "อย่างที่ฉันเคยบอกไปแล้วว่าคุณลินดาจะมาเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้ และนี่คือคุณหนูลูกอม ลูกสาวของคุณลินดา เธอก็จะเป็นลูกสาวของฉันอีกคนเหมือนกัน... ฝากดูแลลูกกับเมียของฉันด้วยนะ" "ค่ะ/ครับ" มีเสียงตอบรับงึมงำจากเหล่าลูกจ้าง บางสายตาแสดงความสนอกสนใจ บางสายตาก็ก้มหรือแกล้งมองไปทางอื่น แต่ก็มีคนที่ค่อนข้างสูงวัยสองสามคนที่มองมาอย่างตื่นเต้น ลลิตรารู้ว่าพวกเขาไม่ได้สนใจเธอ เป็นมารดาของเธอต่างหากที่พวกเขาจดจำได้... ใครก็ตามที่ตอนนี้อายุสี่สิบห้าสิบขึ้นไปล้วนจดจำ "ลินดา เมธานันท์" ได้ทั้งนั้น แม่ของลลิตราเคยเป็นทั้งรองนางสาวไทย เป็นอดีตนางเอกภาพยนตร์ที่ได้ฉายไปทั่วทั้งเอเชีย ครั้งหนึ่งแม่ของเธอเคยมีชื่อเสียงโด่งดังถึงเพียงนั้นนั่นแหละ "ป้าอ้อม จัดห้องใหม่ให้คุณหนูแล้วใช่ไหม" 'คุณหนู' ที่ว่า อรรถหมายถึงลูกเลี้ยงของเขา แม่บ้านที่ท่าทางแข็งขันที่สุดคนหนึ่งพยักหน้าแล้วรีบเอ่ยอย่างเอาอกเอาใจ "เรียบร้อยแล้วค่ะ ป้าให้เด็กทำความสะอาด เปลี่ยนเครื่องนอนใหม่หมด ตอนนี้ห้องหอมฟุ้ง รับรองว่าคุณหนูจะต้องชอบแน่ ๆ ค่ะ" "ขอบคุณนะคะ" ลลิตรารีบเอ่ยกับป้าอ้อม ท่าทางยังไม่คุ้นชินกับการเป็น 'นาย' อรรถกำลังจะบอกให้แม่บ้านพาเด็กสาวขึ้นไปชมห้องใหม่ ก็มีเสียงรถเร่งเครื่องดังทะยานมาจอดหน้ามุกประตู รถสปอร์ตสีเหลืองสดที่คนขับจงใจเร่งเครื่องให้ดังราวกับอยู่ในสนามแข่ง ลลิตราดวงตาเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ ไม่คิดว่าจะบังเอิญอะไรขนาดนี้ เธอปราดไปยืนข้างลินดา จับมือคนเป็นแม่ไว้ด้วยท่าทีปกป้องตามสัญชาตญาณ ลินดาเงยหน้ามองลูกสาวที่สูงกว่าตัวเองอย่างแปลกใจ "มีอะไรหรือลูก" "รถคันนี้ไงคะที่เฉี่ยวหนูเมื่อสองสามวันก่อน แล้วก็แค่เปิดกระจกรถโยนเงินมาให้" ลลิตรากัดฟันกระซิบเพราะไม่อยากให้อรรถได้ยิน เธอไม่อยากให้พ่อเลี้ยงมีเรื่องไม่สบายใจตั้งแต่วันแรกที่เธอกับแม่เข้าบ้าน ลินดาสีหน้าไม่แน่ใจ "มันจะใช่หรือลูก" "รถแบบนี้ ในกรุงเทพฯ คงมีไม่กี่คันหรอกค่ะ และถ้าคนขับคือหมอนั่น มันก็คงจะใช่" หญิงสาวเอ่ย ดวงตาเปล่งประกายเอาเรื่อง แผลถลอกปอกเปิกตามเนื้อตัวยังปรากฎชัดหลายแผล รวมถึงที่บนใบหน้าสวย ๆ ของเธอด้วย "ถ้าใช่ แม่ขอนะลูกอม" ลินดารีบกระซิบตอบ เห็นชัดว่ากลัวลูกสาวจะเอาเรื่องใครก็ตามที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถคันนั้น คนเป็นลูกเม้มปากกัดกรามแน่นยอมพยักหน้าแกน ๆ อรรถกำลังรอคอยเจ้าของรถคันนั้นอยู่เช่นกัน เขาจึงไม่ทันได้สังเกตอากัปกิริยาของสองแม่ลูก สีหน้าของอรรถดีใจ แม้จะแอบหวั่นใจอยู่บ้างนิด ๆ ใครบางคนดับเครื่องยนต์แล้วก้าวลงจากรถ ก่อนพาร่างสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซ็นติเมตรก้าวยาว ๆ เข้ามาสมทบกับทุกคนที่ยืนอยู่ ใบหน้าขาว ๆ มีแว่นกันแดดสีดำอำพรางไว้ และเมื่อเขาถอดแว่นออกลลิตราก็จดจำได้ทันที 'นี่คุณ ลงจากรถมาเลยนะ ในซอยแคบแค่นี้ขับรถทุเรศ ๆ แบบนี้ได้ยังไง' ลลิตราที่เนื้อตัวเปรอะเลอะไปด้วยน้ำโคลนกำลังโต้เถียงกับคนบนรถสปอร์ตหรู กระจกฝั่งข้างคนขับลดลงเพียงเล็กน้อย แต่ก็มากพอให้เธอเห็นว่าคนขับเป็นผู้ชายและคนนั่งข้างเป็นผู้หญิงสาวสวยเสียด้วย 'ลงมาคุยกันเดี๋ยวนี้เลย เรียกประกันของคุณมา แล้วพาพี่เขาไปโรงพยาบาล' 'ไม่เป็นไรพี่ ผมไม่เป็นอะไร' วินมอเตอร์ไซค์ที่ยังเป็นวัยรุ่นรีบบอก ท่าทางเหมือนเกรงใจรถหรูคันนี้อยู่มาก คงกลัวว่าจะโดนคนรวย ๆ เรียกค่าสีรถสินะ ลลิตราเข้าใจอย่างนั้น และทั้งที่ตัวเองก็เจ็บมีแผลเลือดออก แต่เธอยังหันไปแหวใส่คนบนรถ 'ลงมาสิ ฉันบอกให้ลงมาตกลงกัน' 'อาร์ต เอาไงดี เรียกตำรวจเลยมั้ย' สาวสวยที่นั่งข้างคนขับสีหน้ายุ่งยากรำคาญใจ แต่ชายหนุ่มที่นั่งหลังพวงมาลัยกลับสีหน้าเย็นชาเรียบเฉย ก้มหยิบอะไรบางอย่างก่อนจะชะโงกตัวข้ามสาวสวย แล้วโปรยบางอย่างลงมา ลลิตรากำลังงุนงงตอนที่รถหรูสีเหลืองสดคันนั้นแล่นจากไป ทิ้งไว้เพียงธนบัตรสีเทาหลายสิบใบที่ลอยเกลื่อนอยู่บนแอ่งน้ำขัง หญิงสาวกำลังนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปส่งขนมให้ลูกค้าตอนที่รถหรูคันนั้นขับเบียดมาอย่างเร็วและแรงจนน้ำที่เอ่อขังหลังฝนตกสาดกระเซ็นใส่มอเตอร์ไซค์ รถเล็กเสียหลักล้มไถล เธอกับวินมอเตอร์ไซค์กลิ้งไปหลายตลบ กล่องขนมไทยที่เธอนั่งทำหลังขดหลังแข็งมาทั้งคืนเละเทะทั้งหมด แต่คนบนรถนั่นไม่มีแม้แต่คำว่าขอโทษ... ลลิตราจ้องหน้าเขาเขม็ง เธอพอจะรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร เพราะพ่อเลี้ยงของเธอเคยบอกไว้ว่าท่านมีลูกชายสองคน "กลับมาพอดีเลยนะ สวัสดีคุณน้าลินดาสิ นี่น้าลินดาเขาจะมาอยู่กับเราตั้งแต่วันนี้ไป และนี่น้องลูกอม ลูกสาวของน้าลินดา เขาอายุน้อยกว่าอาร์ตสักสามสี่ปีนี่แหละ..." อรรถแนะนำสมาชิกใหม่ก่อน และหันมาบอกลินดากับลูกสาวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ "คุณลิน...หนูลูกอม... นี่ลูกชายคนโตของลุงเอง ชื่ออาร์ต หนูเรียกพี่เขาว่าพี่อาร์ตได้เลยนะ" "ผมไม่มีน้องสาว"อธิปคิดว่าเขาน่าจะพอรอได้จนถึงตีสอง...แต่เพียงแค่เที่ยงคืน เขาก็พาโชติรสนั่งแท็กซี่กลับไปที่เพนท์เฮาส์ของตัวเองทันทีอย่างคนที่ไม่สามารถอดทนรอได้อีกต่อไป... แค่มองตากันครั้งแรก ชายหนุ่มก็รู้ว่าคืนนี้จะไปลงเอยที่ตรงไหน เขาเองก็ร้อนรุ่มมาทั้งวัน ก็คงตั้งแต่ดันไปจูบยัยลูกสาวแม่เลี้ยงของเขาเข้าให้นั่นแหละโชติรสไม่มีเวลากวาดสายตามองรอบ ๆ เพนท์เฮาส์หรูของอธิปด้วยซ้ำ เพราะทันทีที่สองร่างผ่านก้าวเข้าประตูห้องได้ อธิปก็แทบจะผลักเธอติดผนัง ลิ้นและริมฝีปากโรมรันพันตูกันอย่างหิวกระหาย เสื้อสีดำของโชติรสแทบปกปิดอะไรไม่ได้ เพียงแค่เขาล้วงมือเข้าไปก็สัมผัสเนินเนื้อข้างใต้ได้แทบทุกอณู"จะทำตรงนี้เลยเหรอคะ"จังหวะหนึ่งที่โชติรสผละริมฝีปากออกห่างเขาเพื่อหอบหายใจ เธอถามเสียงสั่นพร่าอธิปตอบกลับมาเสียงกระเส่าพอกัน "ได้ทุกที่""งั้นขอบนเตียงได้มั้ย โชผิวบางน่ะ"ดวงตาสีฟ้าของอธิปหรี่ลงเล็กน้อย พริบตาเดียวร่างสูงโปร่งของแอร์โฮสเตสสาวก็ถูกอุ้มลอยหวือขึ้นจากพื้น เสียงโชติรสหวีดร้องเบา ๆ อย่างไม่ทันตั้งตัว อธิปอุ้มหญิงสาวก้าวยาว ๆ ไปที่ห้องนอนจุดหมายคือเตียงกว้างขนาดซูเปอร์คิงไซส์ สั่งทำพิเศษสำหรับคนตัวสูงเกื
ยลดามองไปตามสายตาพี่ชาย แล้วก็นิ่งอึ้งไกลขนาดนี้ก็ยังมองเห็นผู้ชายตัวสูงผมยาวย้อมสีทองโดดเด่นแต่ไกลแต่อะไรก็ไม่เท่ากับเสื้อกีฬายี่ห้อดังสีเขียวสะท้อนแสง กางเกงสีส้ม รองเท้าสีเหลือง...บพิตรยิ้มกว้างเห็นฟันขาวทุกซี่มาแต่ไกล ก่อนจะกึ่งกระโดดกึ่งก้าวยาว ๆ ขึ้นมาหายศกรแล้วกระโดดกอดกันอย่างรักใคร่อธิปที่เดินตามหลังมาส่ายหน้า ไม่รู้ทำไมไอ้เพื่อนคนนี้มันดีดนักถ้าไม่รู้จักกันคงคิดว่าบพิตรเป็นพวกเล่นยาเพราะพลังล้นเหลือเหลือเกิน"โหพี่บอม โคตรคิดถึงเลย ไหนว่าจะยังไม่กลับไทยง่าย ๆ ไง""ไม่กลับไม่ได้ แม่กูยึดบัตรเครดิตไปหมดแล้ว อยู่ต่อก็เหี่ยวแห้งหัวโต"บพิตรตอบตามตรงตามประสาคนจริงใจก่อนหันมาแนะนำเพื่อนที่มาด้วย"ไอ้ยอช นี่เพื่อนพี่ชื่ออาร์ต เพื่อนรักเพื่อนสนิทเลย...ไอ้อาร์ตนี่น้องกู รู้จักกันที่ลอนดอน ชื่อไอ้ยอช"ยศกรยกมือไหว้อย่างนอบน้อมผิดกับลูกหลานไฮโซทั่วไปที่เห็นในละครคุณธรรม"หวัดดีครับพี่อาร์ต ผมชื่อยศครับพี่ แต่ตอนอยู่ลอนดอนเพื่อนฝรั่งเรียกยอช พี่จะเรียกผมว่ายอชอีกคนก็ได้ครับ..."อธิพยักหน้าทักทายเพื่อนรุ่นน้องคนใหม่ ไม่แปลกใจทำไมยศหรือยอชถึงสนิทกับบพิตรได้...ท่าทางคงเป็นพวกไฮเปอร์เห
"ก็หรือไม่จริง นี่ถ้าแกไม่เกิดพลาดขึ้นมา ฉันคงจะไล่มันออกโทษฐานที่มาเจาะไข่แดงลูกสาวฉัน เผลอ ๆ จะจับมันเข้าคุกด้วย" "ชลอายุ 27 แล้วนะ แม่จะเอาติเข้าคุกข้อหาอะไรไม่ทราบ" "ถ้าฉันจะทำ จะข้อหาอะไรก็หายัดมันได้ทั้งนั้นแหละ" วิภาตอบตาเขียว หล่อนมีลูกสาวแค่สองคนคือชลธิชา กับโชติรส ลำพังไม่มีลูกชายให้ตระกูลสามี ก็รู้สึกเสียหน้าพออยู่แล้ว นี่ลูกสาวคนโตยังจะท้องก่อนแต่ง แถมพ่อของเด็กก็เป็นแค่ลูกจ้างในบริษัทตัวเอง หล่อนนี่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่เกือบเดือน กระทั่งตอนนี้ก็ยังคุกรุ่นอยู่ไม่หาย ชลธิชาหน้างอที่แม่ว่าคนรัก ส่วนโชติรสก็ยังคงยิ้มขัน เธอสนุกเสมอเวลาได้เห็นคนในครอบครัวโดยเฉพาะแม่กับพี่สาวโต้คารมกัน วิภาหันมาตาเขียวใส่ลูกสาวคนเล็กบ้าง "แล้วแกล่ะ มานั่งเจ๋อทำอะไร ไม่ต้องรีบไปสนามบินหรือไง เชียงใหม่เดี๋ยวนี้รถมันติดหนักนะยะโดยเฉพาะเส้นนั้นน่ะ" "แหมแม่ โชเป็นแอร์ฯ นะ คนเป็นแอร์ฯ ไม่รู้จักบริหารเวลา ไปไม่ทันเช็คอินก็ตลกตายล่ะ" "เออ ๆ ลูกแต่ละคนมันเก่งกันทั้งนั้น แล้วพักบินทั้งทีแทนที่จะอยู่บ้าน จะไปทำไมนักหนาก็ไม่รู้กรุงเทพฯ น่ะ" "แล้วกรุงเทพไม่ใช่บ้านหรือไงล่ะ" "บ้านป๊าแกกับอีพวกกะหรี
ลลิตราสาปส่งอธิปอยู่ในใจมาตลอดทางที่กำลังจะไปห้างสรรพสินค้า ริมฝีปากยังรู้สึกร้อนเห่อ "ไอ้คนต่ำช้าสารเลว" หญิงสาวเผลอคำรามออกมา คนขับรถแท็กซี่ถึงกับสะดุ้งนิด ๆ แล้วมองกระจกมองหลังอย่างหวาดระแวง คงนึกเสียวสันหลังอยู่บ้างไม่น้อย ชั่วโมงต่อมา ลลิตราก็มาถึงห้างสรรพสินค้าที่นัดกับกิตติทัศน์เอาไว้... หญิงสาวมาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย เธอรีบเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา หยิบตลับแป้งมาตบหน้าเบา ๆ อีกรอบและแตะลิปกลอสสีส้มใสที่ริมฝีปากอีกครั้ง...พยายามลบลืมความรู้สึกและการกระทำหยาบเถื่อนของนายอธิป เธอกำลังจะมาเจอคนที่ควรจะได้เป็นเจ้าของจูบแรกของเธอตัวจริง ดังนั้นเธอต้องกำจัดรอยร้อนผ่าวจากผู้ชายอีกคนออกไปให้หมด "พี่ติ!" หญิงสาวร้องออกมาอย่างดีใจเมื่อเห็นว่าคนรักมารอที่ร้านอาหารก่อนแล้ว กิตติทัศน์เพิ่งกลับจากต่างจังหวัด ชายหนุ่มเป็นผู้จัดการฝ่ายขายอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง โครงการบ้านจัดสรรระดับลักซูรี่เพิ่งเปิดตัวที่เชียงใหม่ กิตติทัศน์จึงต้องไปเทรนด์งานให้ลูกน้องที่นั่นถึงสามเดือนและเพิ่งกลับมา วันนี้ลลิตราตั้งใจจะบอกเขาว่าแม่ของเธอแต่งงานใหม่และพวกเธอได้ย้ายเข้าไปอยู่ใ
อธิปจ้องเธอ สักพักริมฝีปากบางเฉียบสีสดก็คลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์"เธอใช่ไหม มอเตอร์ไซค์คันนั้น"ลลิตรากัดฟันกรอด กำลังจะแหกหน้าเขาด้วยการบอกว่าหมอนี่ขับรถเร็วจนน้ำโคลนกระเซ็นใส่คนริมถนน รถเธอล้ม แถมยังแค่โยนเงินให้ แต่อธิปชิงหันไปหาพ่อของเขาก่อน"ผมจำได้แล้วพ่อ สองสามวันก่อนเกิดอุบัติเหตุ ขับรถเฉี่ยวมอเตอร์ไซค์ ที่แท้ก็เป็นลูกเลี้ยงของพ่อคนนี้นี่เอง"อรรถสีหน้าตกใจ หันไปหาลลิตราทันที"แล้วหนูเป็นอะไรมากไหม ที่บอกว่าแผลตามตัวเพราะรถล้ม ก็เพราะรถนายอาร์ตเองหรือนี่""ค่ะ แผลใกล้จะหายแล้วค่ะ"ลลิตรายกมือแตะโหนกแก้มที่มีพลาสเตอร์ยาปิดอยู่โดยไม่ได้ตั้งใจ อธิปเอ่ยขึ้นมาอีก"ตอนนั้นผมรีบ ไม่ได้ขอคอนแท็กไว้ ได้เจอกันก็ดีแล้ว วันนี้ฉันจะพาเธอไปหาหมอตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้งก็แล้วกัน"หญิงสาวแค่นหัวเราะ คิดว่าเขาพูดเล่น จะมาตรวจอะไรกันตอนนี้ ถ้าสมองเธอกระทบกระเทือนป่านนี้ก็คงตายไปแล้วมั้งแต่อรรถกลับเห็นเป็นเรื่องจริงจัง"ดีแล้ว ดี หนูลูกอม ให้พี่เขาพาไปหาหมออีกครั้งก็แล้วกันนะ ลุงก็ผิดเองไม่ได้ถามให้ละเอียดว่าหนูไปโดนอะไรมา""ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณลุงอรรถ หนูไม่เป็นไร""เป็นหมอหรือไง ฉันบอกว่าจะพาไ
อธิปพูดสวนขึ้นมา สีหน้าเย่อหยิ่ง"และก็ไม่คิดจะมีแม่เลี้ยงคนใหม่ด้วย มีแค่น้านุชเป็นแม่คนเดียวก็พอ"ลินดาหน้าซีดทันตา อรรถหน้าเครียด"เจ้าอาร์ต! ขอโทษน้าลินดาเดี๋ยวนี้!""ขอโทษทำไมครับ ถ้าเมียใหม่พ่อกล้าพอจะแย่งพ่อมาจากน้านุช คำพูดผมแค่นี้ก็ไม่น่าจะทำอะไรเขาได้นะ""ไอ้ลูกเวรนี่ ถ้าแกจะมาทำให้เสียบรรยากาศ ก็ไปซะ จะไปไหนก็ไป"อรรถตัวสั่น เขาไม่เคยดุด่าลูกชายมากไปกว่านี้ แม้จะโกรธจัดอย่างตอนนี้เขาก็ทำได้แค่ชี้มือชี้ไม้ไล่ลูกชายออกไปไกล ๆ แต่อธิปไม่คิดจะไปไหนทั้งนั้น เขาแค่ผิวปากหวือ คำนับให้ลินดาอย่างล้อเลียน โยนกุญแจรถให้คนรถที่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่อีกด้านแล้วก็เดินเข้าตัวบ้านไปไม่ใส่ใจใครอีก ไม่แม้แต่จะมองหญิงสาวคนที่เขาเคยขับรถเฉี่ยวเมื่อไม่กี่วันก่อน...หากเขาจะจำได้"ลินดา ผมเสียใจ"อรรถรีบหันมาบอกภรรยาคนใหม่ ลินดาส่ายหน้ายิ้ม ๆ ทั้งที่หน้ายังไร้สีเลือด"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเข้าใจ ไม่ต้องไปดุลูกชายคุณนะคะ ไม่อย่างนั้นเขาจะยิ่งไม่ชอบหน้าฉันกับลูก"อรรถกัดฟันหันมามองหญิงสาวคราวลูกที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ สีหน้ารู้สึกผิด ลลิตราไม่โทษพ่อเลี้ยงของเธอหรอก พวกเขาอยู่กันมาก่อน เธอกับแม่ต่างหากที่มาที