LOGINยิ่งใกล้วันแต่งงานของชลธิชากับกิตติทัศน์ ว่าที่เจ้าสาวก็ยิ่งดูหงุดหงิดง่าย อะไรไม่ถูกใจนิดหน่อยก็เอ็ดคนรอบข้างจนเด็กรับใช้เข้าหน้ากันแทบไม่ติด
ตรงข้ามกับน้องสาวอย่างโชติรส ที่ดูอารมณ์ดีชนิดที่วิภาเรียกว่า "กระดี๊กระด๊า"
"นี่ถ้าคนอื่นที่ไม่รู้จัก เขาคงคิดว่าคนที่จะมีผัวคือแก ไม่ใช่พี่แกนะยัยโช"
วิภาพูดกับลูกสาวคนเล็กระหว่างที่รับประทานอาหารด้วยกัน เพราะหล่อนยังโกรธสามี ไม่ยอมกลับไปกรุงเทพฯ ลูกสาวคนเล็กจึงต้องบินไป ๆ มาๆ กรุงเทพ-เชียงใหม่ เพื่อเอาใจทั้งพ่อและแม่ให้เท่าเทียม
"แล้วใครบอกว่าโชไม่มี ผ. ล่ะจ๊ะแม่"
วิภาถลึงตาใส่ทันที
"รู้ย่ะว่าสภาพนี้ไม่น่าเหลือ แต่ให้มันรู้จักกระมิดกระเมี้ยนหน่อยก็ดี แล้วคงไม่ต้องเตือนใช่มั้ยว่าถ้าจะมีจริง ๆ ก็ให้หาให้ดี ๆ ไม่ใช่พลาดท้องแล้วต้องแต่งแบบพี่สาวแก"
"แม่พูดแบบนั้นถ้าพี่ชลได้ยินก็กระอักเลือดตาย แค่นี้ก็อารมณ์เหวี่ยงอยู่แล้ว อ้อ แล้วพี่ชลเขาไม่ได้พลาดนะ โชว่าเขาตั้งใจ"
"จะตั้งใจบ้าอะไร...ไอ้คนนั้นมันร่ำรวยขนาดต้องปล่อยให้ท้องเลยเหรอ"
วิภาโต้กลับเคือง ๆ
ไม่เหมือนหล่อนกับสามีที่เป็นพ่อของสองสาวนี่สิ ตอนนั้นนายชาญเจ้าชู้มาก นอนกับหล่อนตั้งหลายครั้งแต่ก็ยังควงสาวคนอื่น
วิภาเลยปล่อยให้ท้องเสียเลย... และก็เป็นไปตามที่คิด หล่อนก็เป็นลูกสาวกำนัน ลูกสาวนักการเมืองท้องถิ่น มีหรือจะโดนฟันแล้วทิ้งได้ง่าย ๆ
โชคดีที่ครอบครัวฝ่ายชายก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ ชาญเจ้าชู้แต่ไม่ได้กลัวการผูกมัดขนาดนั้น เมื่อแฟนสาวอย่างวิภาท้อง ก็ยกขันหมากมาสู่ขออย่างสมฐานะทั้งสองฝ่าย ให้เกียรติและยกย่องให้เป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นผู้หญิงหนึ่งเดียวที่ได้เป็นแม่ของลูก
จะท้องทั้งที มันก็ต้องได้แบบนี้สิ มิใช่หรือ!
โชติรสมองท่าทีขบเขี้ยวเคี้ยวฟันของแม่แล้วก็ยิ้มขัน
"พี่ชลมันอยากเอาชนะต่างหากล่ะแม่ นายติน่ะมีแฟนอยู่แล้ว พอพี่ชลรู้ก็บังคับให้ผู้ชายไปบอกเลิก เสียอะไรเสียได้แต่เสียหน้าไม่ได้ล่ะมั้ง"
นางวิภาได้ยินแล้วก็ทั้งบ่นทั้งด่าอีกยาวยืด เพราะรู้ว่างานแต่งยกเลิกไม่ได้ ลูกสาวท้องโตขึ้นทุกวัน ทางเดียวที่จะระบายความหงุดหงิดคับข้องใจของนางได้ก็มีแต่บ่นๆๆแล้วก็บ่นนี่แหละ!
* * * * *
คนที่กำลังถูกพูดถึง ตอนนี้อยู่ที่กรุงเทพฯ ชลธิชาลากกิตติทัศน์ไปแจกการ์ดแต่งงานให้คนสำคัญ ๆ แทบจะทั่วกรุง
"ทำไมต้องจัดที่กรุงเทพฯ ด้วย จัดแค่ที่เชียงใหม่ไม่พอหรือไงชล"
แม้รู้ว่าครอบครัวเจ้าสาวมีบ้านอยู่สองที่ แต่กิตติทัศน์ก็ยังเผลอบ่น
ชลธิชาหน้างอทันที
"ก็เพื่อนฝูงพ่อเขาอยู่กรุงเทพฯ กันทั้งนั้น จะให้เขาถ่อไปถึงเชียงใหม่อย่างนั้นเหรอ"
"เพื่อนฝูงคุณชาญไม่มา เราก็ยังแต่งกันได้อยู่มั้ง"
ว่าที่เจ้าบ่าวเถียงอีก เมื่อก่อนเขาอาจจะยอมตามใจชลธิชาทุกเรื่อง แต่ตอนนี้เขาก็กำลังจะได้แต่งเข้าบ้านเธอแล้ว แถมเด็กในท้องนั่นก็ลูกเขา... อะไรที่เคยไม่กล้า ก็เหมือนจะเริ่มกล้าขึ้นมา
แต่ชลธิชาก็ยิ่งปรี๊ด เธอถึงกับทุบไหล่เขาไปหลายที
"ที่พูดนี่เพราะไม่อยากให้แฟนเก่ามาเห็นใช่มั้ย กลัวมันเสียใจอยู่ใช่มั้ย"
"โอ๊ย อะไรเนี่ยคุณชล ไม่เกี่ยวสักหน่อย"
กิตติทัศน์ปัดป้อง เมื่อก่อนชลธิชาก็เอาแต่ใจอยู่แล้ว แต่ตั้งแต่ท้องดูเหมือนจะเพิ่มดีกรีมากขึ้นเรื่อย ๆ
อยากแหกปากตะโกนให้ลั่นรถว่า 'รำคาญโว้ย! ไม่ตงไม่แต่งมันแล้ว' แต่ก็ข่มใจกัดฟันไว้ ถึงอย่างไรงานแต่งสายฟ้าแลบนี้ก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี อย่างกับเขาว่าเขามีทางเลือกมากนักนี่...
* * * * *
ที่บ้านรชต
ลลิตรารู้สึกว่าอาหารฝีมือแม่ครัวบ้านนี้อร่อยดีมาหลายมื้อแล้ว แต่มื้อเย็นวันนี้ก็กลับมาฝืดคอเหมือนเดิมเพราะอธิปกลับมาแล้ว และยังเสนอหน้ามาร่วมโต๊ะอาหารด้วย
ใช่...แม้ชายหนุ่มจะเป็นเจ้าของบ้าน มีสิทธิ์ยิ่งกว่าเธอที่เป็นผู้มาอาศัย แต่เธอก็จะเรียกหมอนี่ว่า 'เสนอหน้า' อยู่ดี เพราะได้ยินน้ำตาลบอกว่าร้อยวันพันปี 'คุณอาร์ต' ไม่เคยมานั่งกินข้าวกับคุณอรรถที่เป็นพ่อ แต่หมู่นี้มาบ่อย มาแล้วก็จะตีหน้ายียวนชวนให้เธอกับแม่กินข้าวไม่ลง
"คุณท่านบอกให้รับ'ทานกันก่อนได้เลยค่ะ คุณติดโทรศัพท์สายสำคัญ"
ป้าอ้อมรีบเดินมาบอก ลินดายิ้มอ่อนเอ่ยขอบคุณเบา ๆ
อธิปคงดูออกว่าถ้าเขาไม่เริ่ม หญิงสาวทั้งสองคนก็คงไม่มีใครกล้าตักก่อน ชายหนุ่มจึงเอื้อมตักกุ้งผัดผงกะหรี่ตัวโตจากจานที่วางกลางโต๊ะ ทำท่าลังเลว่าจะตักใส่จานใครดีที่นั่งตรงข้ามเขาทั้งคู่ สุดท้ายก็ตักใส่จานตัวเอง ยิ้ม
"กินเยอะ ๆ นะครับ คุณแม่เลี้ยง คุณน้องสาว อาหารบ้านนี้มีไม่จำกัด ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อจนผอมโซอย่างแต่ก่อนแน่นอน อยากกอบโกยเท่าไหร่ก็ทำได้ตามสบาย"
ลินดานิ่งสนิทไม่มีปฏิกิริยา แต่ไม่ใช่กับคนเป็นลูกสาว
"ท่าทางนายก็ดูแมนดีนะ แต่ปากร้ายอย่างกับตัวอิจฉา ดูละครคุณธรรมมากไปหรือไง อ้อ...ลืมไปว่าคนอย่างนายมันไม่ทำการทำงาน คงว่างดูคลิปน้ำเน่าแล้วก็จำบทมาพูดแบบนี้"
"ลูกอม ไม่เอาลูก!"
ลินดาเงยหน้าปรามทันที หน้าซีดอย่างคนไม่ชอบเผชิญความขัดแย้ง
แต่อธิปไม่โกรธ เขาหัวเราะ
"ก็นึกว่าเธอกับแม่จะชอบ แม่เธอเป็นนางเอกหนังน้ำเน่ามาก่อนไม่ใช่หรือ"
"แล้วไง นี่มันชีวิตจริง ถ้าไม่ชอบหน้ากันก็ไม่ต้องยุ่งกัน ไม่ต้องระราน ต่างคนต่างอยู่"
"ฉันไประรานเธอตอนไหน"
"ก็ตอนที่นาย..."
ลลิตราพูดต่อไม่ออก ได้แต่เม้มปาก ดวงตากลมโตวาววับไม่พอใจ...
ไม่น่าพูดเลย กะจะด่าหมอนี่แท้ ๆ ทำไมวกกลับมาเข้าตัวเสียได้
อธิปส่งเสียฮึเบา ๆ อย่างดูแคลน
"พูดให้จบสิ แม่เธอจะได้รู้ว่าฉันระรานอะไรลูกสาวคนเก่งของเค้า ทั้งตอนที่อยู่บนรถ แล้วก็ในครัว..."
"ลูกอม..."
ลินดาเอ่ยชื่อลูกสาวอย่างไม่เข้าใจ
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่ เขาไม่ชอบหนู ถ้ามีโอกาสเขาก็จะพูดกับหนูแย่ ๆ ก็แค่นั้นล่ะค่ะ"
ลินดามองกลับไปที่อธิปอย่างไม่แน่ใจนัก
อธิปมองตอบ แปลกที่วูบนั้นเขากลับรู้สึกว่าแววตาแม่เลี้ยงของเขาดูเปราะบางและมีบางอย่างที่เขาอธิบายไม่ถูก...มันทำให้คำพูดแรง ๆ ที่เขาเตรียมไว้ฟาดฟันหายวับไปทันที...
"ขอโทษที ๆ ขอโทษที่มาช้า กินกันไปหรือยัง"
อรรถรีบเดินเข้ามาอย่างกระตือรือร้น น้ำตาลรีบเข้าไปตักข้าวให้ ประมุขของบ้านมองจานที่ว่างเปล่าของสองแม่ลูกแล้วก็หัวเราะเบา ๆ
"อย่าบอกนะว่ารอผมกัน... ทีหลังถ้าผมมาช้ากินกันก่อนได้เลยนะครับ บ้านนี้ไม่ถือหรอก"
"ค่ะคุณลุง"
ลลิตราตอบรับเบา ๆ ตั้งใจจะตักอาหารให้แม่ก่อนแต่ก็ช้ากว่าพ่อเลี้ยง เพราะเขาตักผัดเห็ดหอมใส่จานของลินดาที่นั่งใกล้เขา
"ของโปรดคุณ นี่ผมสั่งให้แม่ครัวเลือกที่สด ๆ มาให้เลยนะ"
"ใช่แล้วค่ะ เห็ดหอมคัดพิเศษดอกใหญ่แล้วก็สดมาก หอมฟุ้งในครัวไปหมดเลยค่ะตอนนี้"
ป้าอ้อมรีบบอกตามประสาคนชอบเอาใจนาย
"อาร์ต กุ้งผัดผงกะหรี่ นี่ก็ของโปรดลูกเลยใช่ไหมล่ะ"
อรรถหันไปพูดกับอธิปบ้าง
คนเป็นลูกยังไม่ทันตอบ ลลิตราพูดขึ้นมาแทน
"อ๋อ ที่แท้คุณอาร์ตก็ชอบกุ้งผัดผง...กะหรี่ นี่เองหรือคะ"
หญิงสาวออกเสียงกะหรี่แค่แผ่วเบา แต่มันชัดเจนว่าเธอกำลังหลอกด่าเขาอยู่
อรรถอึ้งไปนิดจนลลิตรารู้สึกตัว เธอหน้าร้อนผ่าวเพราะกลัวพ่อเลี้ยงจะต่อว่า แต่เขากลับหัวเราะ
"ทำไมเรียกพี่เค้าว่าคุณล่ะหนูลูกอม เรียกว่าพี่สิ คนในครอบครัวเดียวกันอย่าเรียกให้ห่างเหินเลยนะ"
"เอ่อ หนูเกรงใจค่ะ ไม่กล้าตีสนิท"
"แต่เราก็สนิทกันแล้วนี่ ไม่ใช่หรือไง"
อธิปสวนกลับเสียงเรียบ ทำหน้าซื่อ
"ลองเรียกฉันว่าพี่ก็ดีนะ ฉันจะได้ยอมรับว่าเธอเป็นน้องสาว ว่าไง ลองเรียกสิ..."
"พี่"
"พี่มีชื่อนะครับน้องลูกอม..."
มุมปากอธิปยกยิ้มนิด ๆ ลลิตรากลืนน้ำลาย รู้สึกว่าอรรถกำลังมองอยู่ แม่ของเธอเองก็ด้วย
ผู้ใหญ่ทั้งสองคงอยากให้เธอยอมลดทิฐิ เพื่อความสบายใจของพวกท่าน...
ลลิตราแทบจะกัดลิ้นตัวเองตอนเอ่ยเบา ๆ
"ค่ะ พี่อาร์ต"
อธิปรอฟังเพราะคงจะสะใจถ้ายัยลูกสาวแม่เลี้ยงจะยอมเรียกเขาว่าพี่... แต่เมื่อได้ยินเสียงแผ่ว ๆ นั้นเอ่ยชื่อเขาจริง ๆ เขากลับรู้สึกเสียววูบอย่างไม่ทันตั้งตัว
...พี่อาร์ต...
แม่งเอ๊ย! ทำไมได้ยินเป็นเสียงครางไปได้วะ!!! อธิปกัดฟันกรอด เผลอกำมือแน่นจนด้ามช้อนกดลึกลงไปในมือ โชคดีที่มันเจ็บจนทำให้อารมณ์เขาสะดุดลงไปได้
ลลิตรานึกว่าเขาจะยิ้มสะใจแล้วพูดกระทบกระเทียบอะไรต่อเสียอีก แต่อธิปแค่ทำหน้าบูดบึ้งแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าว ก็ดีแล้ว แค่เรียกว่าพี่ไปครั้งเดียวเธอก็ขนลุกไปทั้งตัว ถ้าไม่ต้องพูดจากันอีกเลยน่าจะดีที่สุด
"ไม่! ฉันคบกับพี่ต้นแล้ว นายจะมาทำแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว!" คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างหงุดหงิด "ใครอีกล่ะ คราวนี้เธอให้ใครมาเล่นละครอีก" "ครั้งนี้ไม่ใช่ คราวก่อนฉันยอมรับว่าฉันโกหกนาย แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แล้ว" "งั้นเหรอ งั้นคราวนี้มันเป็นใครล่ะ" เขาถามอย่างอดทน ทั้งที่อยากกดเธอลงบนเตียงเต็มทีแล้ว ลลิตราขยุ้มคอเสื้อแน่นโดยอัตโนมัติ ราวกับว่าแค่สายตาของเขาก็จะทำให้เสื้อผ้าเธอหลุดรุ่ยล่อนจ้อนได้ "เขาเป็นรุ่นพี่ของฉันสมัยเรียน ฉันเคยชอบเขามาก่อนแต่ตอนนั้นเราเด็กเกินไปเลยไม่ได้คบกัน ฉันเพิ่งกลับไปเจอพี่ต้นที่ตราด...ใช่ฉันเพิ่งไปเที่ยวทะเลที่ตราดมา โรงแรมนั่นเป็นของพี่ต้น และฉันกับเขาก็...ตกลงเป็นแฟนกัน" อธิปหัวเราะพรืดทั้งที่แววตาไม่ขำด้วยสักนิด ก็เธอเล่นบอกเขาเหมือนท่องเตรียมมาแล้ว "เลิกตั้งแง่ใส่กันเถอะนะลูกอม เราทั้งคู่ก็รู้อยู่แล้วว่าเรารู้สึกยังไงกัน โชติรสไม่ใช่ปัญหาเลย โชก็อยากถอนหมั้นพอ ๆ กับฉันนั่นแหละ แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้เพราะ..." อธิปหยุดไปเล็กน้อย ถอนหายใจ เขาสัญญากับโชติรสว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับ "เอาเป็นว่ามันเป็นเรื่องของธุรกิจ ที่ฉันกับโชยังไม่ถอนหมั้นเพราะมัน
"อาร์ต เมื่อไหร่แม่จะได้รู้จักคู่หมั้นของลูกล่ะ"ออเดรย์ถามขึ้นมาระหว่างที่มือกำลังหั่นสเต๊ก ลลิตราทำเหมือนไม่ได้ยินคำถามนั้น กินอาหารของเธอไปตามปกติแม้จะรู้สึกว่าสายตาของอธิปพุ่งตรงมาที่ตัวเองก็ตามอธิปแทบไม่ชะงักเลยเหมือนกันตอนที่ตอบ"ไม่จำเป็นหรอก เพราะอีกไม่นานผมกับเขาก็จะถอนหมั้นกัน"คราวนี้นายอรรถเงยหน้ามองทันที แม้แต่ลินดาก็ยังอดหันมาด้วยไม่ได้"หมายความว่ายังไง อาร์ต""ตามนั้นแหละครับ"อธิปตอบ ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างใจเย็น และเมื่อเห็นว่าพ่อยังคงจ้องเขาอยู่ เขาจึงขยายความ"ยังไม่เป็นทางการหรอกนะครับพ่อ และยังไม่ได้บอกใคร แต่ผมกับโช เราตกลงกันแล้วว่าถ้าผ่านเรื่องยุ่ง ๆ ไปสักระยะ เราค่อยถอนหมั้นกันเงียบ ๆ""เหตุผล?""เหตุผลก็คือ ผมกับโชไม่ได้รักกันตั้งแต่แรก เราแค่หมั้นกันด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่วันหนึ่งเมื่อทุกอย่างคลึ่คลาย เราก็จะคืนอิสรภาพให้กัน""ตอนลูกมาขอให้พ่อไปสู่ขอเขา ลูกไม่ได้พูดแบบนี้นี่"อรรถอดตำหนิไม่ได้ อาจเพราะเขาเห็นว่าบนโต๊ะนี้ก็มีแต่คนกันเองจึงเผลอพูดออกมา"ผมทราบ แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว...เอาเป็นว่าผมกับโชเราคิดตรงกัน ผมไม่ได้ทำร้ายใจเธอ ถ้าพ่อคิดว่าผม
ลลิตรากลับจากตราดพร้อมของฝากเกินสองมือจะถือได้ไหว เมื่อรถแท็กซี่มาจอด คมสันต์ต้องวิ่งลงมาช่วยหิ้วด้วยหลายถุง เธอยอมรับกับตัวเองว่าถ้าเป็นเมื่อก่อน คงไม่สามารถจับจ่ายอะไรได้มือเติบแบบนี้"ฉันซื้อขนมของกินมาฝาก เดี๋ยวคมสันต์แบ่งไปได้เลยนะจ๊ะ"ลลิตราบอก รปภ. หนุ่มรุ่นน้อง คมสันต์ตะเบ๊ะแข็งขัน"ครับผม ขอบคุณครับ""แม่อยู่บ้านใช่ไหมจ๊ะ"เธอถามทั้งที่ก็รู้ว่าลินดาคงไม่ได้มีธุระที่ไหน แม่ของลลิตราไม่ใช่คนชอบเที่ยว แม้อรรถจะคะยั้นคะยอให้ออกไปใช้เงินบ้างแต่ลินดาก็พอใจจะนั่งดูโทรทัศน์อยู่บ้าน และเดี๋ยวนี้หล่อนกลับมาถักไหมพรมอีกครั้งอย่างที่จิตแพทย์เคยแนะนำ เวลาเดียวที่ลินดาจะออกไปห้างสรรพสินค้าก็คือตอนที่จะไปซื้อไหมพรมเซ็ตใหม่ ๆ นั่นแหละ"ครับผม คุณผู้ชายก็อยู่ครับ""คุณอรรถอยู่บ้านงั้นหรือ"ลลิตราแปลกใจเพราะนี่ไม่ใช่วันหยุด ปกติอรรถยังไม่กลับจากบริษัทเลยไม่ใช่หรือ คมสันต์รีบอธิบายต่อ"ตอนแรกมีแขกมาหาคุณผู้หญิงครับ แล้วสักพักคุณผู้ชายก็รีบกลับมา""แขก? มาหาแม่เหรอ""ครับ มาหาคุณลินดาครับ คุณผู้ชายโทรบอกผมเองว่าให้เข้าไปได้"คมสันต์รีบบอกเพราะกลัวจะโดนตำหนิว่าปล่อยคนแปลกหน้าเข้าบ้านโดยพลการลลิต
เดินทางมาถึงตอนที่ 109 แล้ว สำหรับเรื่องพาล แต่ตลอดร้อยกว่าตอนมานี้ ไรต์ยังไม่เคยได้อ่านคอมเมนต์นักอ่านเลยนะเชื่อปะ เป็นไปได้ว่าไม่มีใครอ่าน ๕๕ และยอดวิวก็คงเป็นของไรต์เองนี่แหละที่คลิกเข้ามาอ่านนิยายตัวเองไรต์จะพยายามเขียนให้จบ ถึงมีคนอ่านแค่คนเดียวก็ตาม (แต่อาจช้าหน่อยเพราะต้องไปหาค่าน้ำค่าไฟด้วย) ถ้าได้เจอกันในภายภาคหน้า ฝากนิยายของไรต์ด้วยเช่นเคยนะคะ ขอบคุณค่ะ แวมไพร์ปีกดำ(ลีขิตา).
"พี่ต้น!""ลูกอมจริง ๆ ด้วย! ไม่อยากจะเชื่อเลย"ตระการยิ้มกว้าง ดวงตาสีดำส่องประกายสดใสอย่างคนที่ดีใจและคาดไม่ถึง ลลิตราจำเขาได้แทบจะทันทีเพราะแม้ผู้ชายที่เธอเห็นตรงหน้าตอนนี้จะไม่ใช่เด็กหนุ่มรูปร่างผอมสูงใส่แว่นเหมือนอย่างแต่ก่อน แต่แววตาและรอยยิ้มแบบนี้ก็มีแค่ตระการคนเดียว"โอ้โห กี่ปีแล้วนี่ที่ไม่ได้เจอกัน พี่แทบจะจำลูกอมไม่ได้เลย""ก็ตั้งแต่พี่ต้นจบม.หกไงคะ แล้วก็ไม่เคยได้เจอกันอีกเลย"ลลิตราตอบยิ้ม ๆ ตระการคือรุ่นพี่สมัยเรียนมัธยมฯ เคยติวหนังสือให้เธอและกลุ่มเพื่อนจนกระทั่งเขาเรียนจบออกไป"ลูกอมมาเที่ยวเหรอ แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่ที่ไหน""มาเที่ยวค่ะ กับอุ๋มไง พี่ต้นจำอุ๋มได้ไหม อมาวสี..."ดวงตาของตระการกว้างขึ้นอีกรอบ พยักหน้าหงึก ๆ ดูเหมือนความทรงจำของชายหนุ่มเมื่อครั้งยังเป็นนักเรียนขาสั้น ยังแจ่มชัดดีทุกรายละเอียด จำได้กระทั่งชื่อเล่นและความแก่นแก้วของแต่ละคนที่เป็นไปตามวัย"แต่อุ๋มของีบก่อนเพราะเพิ่งมาถึงเมื่อเที่ยงนี้เองค่ะ นี่ลูกอมโชคดีจังเลยที่ลงมาเดินเล่น ไม่งั้นคงไม่ได้เจอพี่ต้น พี่ต้นก็มาเที่ยวหรือเปล่าคะ แล้วจะกลับวันไหน พักที่นี่ใช่ไหม...""ก็ไม่เชิงหรอกครับ บ้านพี่ห่าง
แม้อาหารมื้อนั้นจะผ่านไปด้วยดีตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันมายี่สิบกว่าปี แต่อธิปกลับรู้สึกหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ถูก อรรถก็คงไม่ต่างกัน สองพ่อลูกกลับมาบ้านแล้วก็แยกกันเข้าห้องส่วนตัวโดยไม่คุยอะไรกันอีกเลยเกี่ยวกับผู้หญิงที่เกี่ยวพันกับคนทั้งคู่คนนั้นแต่อธิปอยากลงไปเจอลลิตรา เขาส่งข้อความไปหาเธอว่าขอลงไปหาเธอได้ไหม เจอกันที่สนามหญ้าก็ได้ถ้าเธอไม่สะดวกให้เขาเข้าไปหาในบ้าน- ฉันไม่ได้อยู่บ้าน ออกมาอยู่บ้านเพื่อน -หญิงสาวพิมพ์ตอบกลับมาอธิปห้ามใจตัวเองไม่ไหว ต้องพิมพ์บอกไปว่า- คิดถึง -- ไปบอกคู่หมั้นนายเถอะ -เธอพิมพ์ตอบมารวดเร็วเช่นกันเพราะไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียง จึงไม่รู้ว่าเธอประชด หรือจริงจัง อธิปกดโทรหาเธอแทนที่จะส่งเป็นข้อความกลับไป"โทรมาทำไม ฉันไม่สะดวกคุยนะ"หญิงสาวกดรับสายทันทีและเปิดฉากพูดก่อนโดยไม่รอให้เขาทัก"ก็อยากได้ยินเสียงไง""อย่าพูดแบบนี้กับฉันอีก ฉันขอร้อง มันไม่เหมาะสม""ระหว่างฉันกับเธอยังมีอะไรไม่เหมาะสมอีกหรือ"เขาตั้งใจจะยั่วหยอกเธอเล่น ๆ แต่ลลิตราตอบกลับมาน้ำเสียงกรุ่นโกรธ"พอทีเถอะคุณอธิป ฉันไม่อยากอยู่แบบนี้อีกแล้ว""แบบไหน""ก็แบบที่..."เขาได้ยินเสียงห







