หลายวันก่อนปกรณ์เรียกให้เธอเข้าไปพบในห้องทำงาน ตอนแรกเธอก็นึกแปลกใจเพราะโดยปกติจะไม่ได้สั่งงานกับเธอโดยตรง หลังจากที่เจ้าของห้องต้อนรับเธอด้วยกาแฟอย่างดีอัจจิมาก็ได้ทราบถึงจุดประสงค์ที่ถูกเรียกมาคุยเป็นการส่วนตัว
ปกรณ์บอกกับเธอว่าลูกสาวของเขาตั้งท้องกับแฟนหนุ่มที่แอบคบหากันแต่ฝ่ายชายปฏิเสธความรับผิดชอบ ครั้นจะบอกผู้เป็นแม่ลูกก็ไม่กล้า คนอย่างปานวาดถ้ารู้ว่าลูกมีเรื่องงามหน้าจะต้องโกรธและรับไม่ได้ที่ลูกสาวเพียงคนเดียวทำอับอายขายขี้หน้า ส่วนปกรณ์ก็ถนัดเลี้ยงดูลูกด้วยเงินไม่เคยใส่ใจให้ความอบอุ่นมาตั้งแต่เด็ก พอเกิดปัญหาขึ้นเลยมีเส้นบาง ๆ ขวางกั้น
ตัดสินใจนำเรื่องในบ้านเล่าให้คนนอกอย่างเธอฟังเป็นเพราะปกรณ์แอบได้ยินลูกสาวคุยโทรศัพท์ทำนองจะแอบไป ‘ทำแท้ง’
ด้วยความที่อัจจิมาทำงานให้เขาตั้งแต่เรียนจบ เลยพอรู้จักนิสัยใจคอไว้ในใจระดับหนึ่งว่าเธอจะไม่นำเรื่องในครอบครัวไปเล่าต่อ ประกอบกับที่อัจจิมารู้จักกับลูกของเขาเห็นพูดคุยกันถูกคอ เมื่อหมดหนทาง สุดท้ายเลยต้องมาขอให้เธอไปช่วยพูด
จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าบุคคลในภาพถ่ายคือเธอกับเจ้านายหนุ่มเคียงคู่เข้าโรงแรมไปด้วยกัน หากแต่โรงแรมนั้นเป็นลูกของเจ้านายเธอที่ขออาศัยเพื่อนอยู่ชั่วคราว
ตลอดทางกลับบ้านอัจจิมาครุ่นคิดถึงอนาคตอันมืดมนสิ้นหนทาง เมื่อเงินชดเชยจากการผิดสัญญาจ้างไม่ได้ทำให้เธอวางใจลงได้ ภาระค่าใช้จ่ายที่ท่วมตัวทุกเดือนทำให้อัจจิมาจำเป็นต้องมองหางานใหม่ในเร็ววัน
เมื่อก่อนเพ็ญพักตร์เปิดร้านเสริมสวยกิจการถือว่าไปได้ดี แต่ยังไม่ถึงขวบปีก็เลิกทำโดยให้เหตุผลว่าร่างกายไม่อำนวย ตอนนี้แม่เลี้ยงของเธอเลยงอมืองอเท้าอยู่บ้าน ทว่ารายได้ของประสิทธิ์คนเดียวไม่พอให้จ่ายค่าเทอมกับค่าใช้จ่ายในแต่ละวันของเมธาวี สุดท้ายภาระเลยตกมาอยู่ที่เธอ
สองปีที่ถูกโรคระบาดทำพิษ อาชีพขับแท็กซี่ของประสิทธิ์ได้รับผลกระทบโดยตรง พอรายได้หลักหายไปประสิทธิ์เลยจำเป็นต้องกู้เงินนอกระบบมาหมุน ส่งดอกแพงในแต่ละเดือนยังพอถูไถแต่เพ็ญพักตร์ดันแอบเอาเงินไปเล่นการพนันจนหมดนี่สิ หนำซ้ำประสิทธิ์ก็ยังว่ากล่าวตักเตือนภรรยาไม่ได้
ลำพังงานกลางคืนคงไม่พอค่าใช้จ่ายในบ้าน อีกไม่กี่วันนี้ก็จะถึงกำหนดจ่ายค่าเทอมของเมธาวี
แค่คิด…เธอก็มืดไปแปดด้าน
ยังไม่ทันเข้าบ้านอัจจิมาก็ได้ยินเสียงเอะอะดังออกมา หญิงสาวเร่งฝีเท้า หวังว่าสาเหตุคงไม่ใช่เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ หรอกนะ
“มีอะไรกันเหรอคะ” เมื่อเห็นว่าลูกกลับมาบ้านประสิทธิ์ก็ระงับโทสะด้วยไม่อยากให้เธอรู้ว่าภรรยาใหม่เอาเงินไปเล่นการพนันจนหมดตัว
“ทำไมกลับมาตอนนี้ ไม่ได้ทำงานเหรอ” ปรับอารมณ์ได้ก็เอ่ยถามลูกออกไป
“ช่างหนูเถอะค่ะ ว่าแต่พ่อกับน้าเพ็ญเถอะมีเรื่องอะไรกันเหรอคะ”
“ยุ่งอะไรด้วย” เมื่อก่อนเพ็ญพักตร์ไม่กล้าว่าให้ลูกเลี้ยงต่อหน้าสามีเพราะมีต้องอาศัยประสิทธิ์ช่วยเรื่องสำคัญ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน นอกจากประสิทธิ์จะช่วยเหลืออะไรไม่ได้ ทุกวันนี้ยังมาเจ็บป่วยสามวันดีสี่วันไข้ ไม่รู้จะตายวันตายพรุ่ง
“หนูก็ไม่ได้อยากจะยุ่งหรอกถ้าเมื่อกี้หนูไม่ได้ยินน้เพ็ญพูดถึงเงินเก็บของพ่อหนู” แม้จะได้ยินไม่ชัดแต่อัจจิมาก็แน่ใจว่าเธอฟังไม่ผิด เพ็ญพักตร์ติดการพนันหนักถึงขั้นจะเอาเงินที่พ่อของเธอมีเก็บอยู่ไม่มากไปผลาญในบ่อน
“แล้วยังไง เงินของพ่อแกแต่มันก็คือเงินของผัวน้าเหมือนกัน อีกอย่างพ่อแกก็ใช้เงินน้าหมดไปตั้งเท่าไหร่ เคยคิดบ้างไหม” อัจจิมารู้ดีว่าแม่เลี้ยงไม่เคยเห็นเธอเป็นคนในครอบครัว แต่ก็คิดไม่ถึงว่าคนที่อยู่กินกันมานานจะมีความคิดน่ารังเกียจแบบนี้
“น้าเพ็ญก็รู้ว่ามันเป็นเงินที่พ่อเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น” หญิงสาวพยายามพูดให้เพ็ญพักตร์เห็นคุณค่าของเงิน
“น้าก็จำเป็นต้องเอาเงินไปใช้หนี้เหมือนกัน”
“น้าเพ็ญเป็นหนี้เขาเท่าไหร่”
“ห้าหมื่น” ถึงจะมีความคิดอยากให้อัจจิมาช่วยหาเงินมาใช้หนี้แต่เพ็ญพักตร์ก็เชิดหน้าเชิดตาพูด
“งั้นไม่ต้องไปเอาเงินพ่อ เดี๋ยวหนูเอาให้เอง”
“แกไม่ต้องมายุ่งเรื่องนี้เดี๋ยวพ่อจัดการเอง” ประสิทธิ์ไม่ต้องการให้ลูกเดือดร้อนด้วย แค่ทุกวันนี้ต้องให้เธอมารับผิดชอบค่ากินค่าใช้แทบจะทุกอย่างในบ้าน พ่ออย่างเขาก็ละอายใจพอแล้ว
“แต่พ่อต้องเก็บเงินไว้รักษาตัวนะคะ” ประสิทธิ์พบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคหัวใจเมื่อห้าปีก่อน การไปโรงพยาบาลแต่ละครั้งต้องใช้เงินเยอะอัจจิมาจึงเป็นห่วงเรื่องนี้ แต่เพ็ญพักตร์ก็ไม่ได้เป็นห่วงชีวิตของสามี ตรงกันข้ามกลับรู้สึกว่าตัวเองคิดผิด ไม่น่ามาอยู่กับคนมีแต่ตัวกับหนี้สินอย่างประสิทธิ์เลยจริง ๆ
“เออน่า พ่อจัดการเองได้”
“แล้วพ่อจะไปเอาเงินมาจากไหน เดือนหน้าหมอนัดไม่ใช่เหรอคะ” คนเป็นพ่อได้แต่นิ่งเงียบ เงินก้อนนี้ต้องเก็บไว้เป็นค่ารักษาตัวอย่างที่เธอว่า
โรคหัวใจที่ประสิทธิ์เป็นอยู่ต้องรักษาด้วยการทำบอลลูน ค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งค่อนข้างสูง
“ถ้าจะให้ก็เอามาตอนนี้เลย น้ารีบ” ขณะที่พ่อลูกตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดเพ็ญพักตร์กลับห่วงแต่เรื่องของตัวเอง
อัจจิมาโอนเงินให้เพ็ญพักตร์ผ่านการทำธุรกรรมในโทรศัพท์มือถือ ทำรายการเสร็จเรียบร้อยเธอก็เดินขึ้นไปบนบ้าน โดยไม่ได้พูดอะไรกับประสิทธิ์อีก แม้ที่ทุกวันนี้เธอต้องทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง ‘ทำทุกอย่างที่ได้เงิน’ เพราะต้องการช่วยค่ารักษาของประสิทธิ์ แต่เธอก็ไม่อาจทนมองดูพ่อตัวเองถูกเพ็ญพักตร์เอาเปรียบไปมากกว่านี้ สู้ให้เธอเป็นลูกเลี้ยงโง่เง่า ยอมควักเงินใช้หนี้ให้ยังดีกว่า
ดีไม่ดี อาจจะมาเพื่อประกาศตัดลูกชายออกจากกองมรดกต่อหน้าทุกคนความเงียบเข้าปกคลุมในงาน บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด แม้แต่เสียงเพลงรักหวานซึ้งของนักร้องชื่อดังยังต้องหยุดเอาไว้เมื่อพ่อกับลูกเผชิญหน้ากันพิธารู้ว่าในใจของอัจจิมาตอนนี้รู้สึกอย่างไร กับการที่พ่อของเขามางานทั้งที่ไม่ยอมรับเธอเป็นสะใภ้ของวงศ์ตระกูล เขาจึงเอื้อมมือไปกุมมือเธอ สายตาสื่อความหมายลึกซึ้งต่อให้จะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ เขาก็จะแต่งงานกับเธอและจะไม่ยอมปล่อยมือนี้ไปเด็ดขาดให้ความมั่นใจกับเธอแล้วเขาก็หันไปเผชิญหน้ากับคุณนิพนธ์อีกครั้งผู้ใหญ่ในงานคนหนึ่งซึ่งสนิทกับคุณนิพนธ์พอสมควรตัดสินใจลุกออกจากโต๊ะเพื่อจะเข้าไปช่วยพูดไม่ให้คนเป็นพ่อทำเสียฤกษ์หรือพูดอะไรที่จะเป็นการหักหาญน้ำใจเจ้าบ่าวเจ้าสาวผู้ใหญ่คนดังกล่าวไม่ทันจะได้พูดอะไร อดีตนายแพทย์นิพนธ์ก็ยกมือขึ้นห้าม สายตามองไปยังเวที บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันใด“แกแต่งงานแต่ไม่คิดจะเชิญฉัน ยังเห็นฉันเป็นพ่ออยู่ไหม” แม้จะฟังดูเป็นการต่อว่าต่อขาน หากแต่ทุกคนก็มองออกว่าคุณนิพนธ์ไม่ได้จะมาพังงานแต่งลูกชายอย่างที่พากันกังวล หรือกระทำการใดที่บ่งบอกว่าไม่เห็นด้วยกับการแต่งงา
ในที่สุดความอดทนในการเฝ้ารอให้ถึงวันที่เขาจะได้แต่งงานกับอัจจิมาก็จบลง เมื่อฤกษ์มงคลที่ประสิทธิ์ได้มาจากหลวงพ่อวัดดังย่านหนึ่งแล้วก็ขอให้เขารอมาอีกสามเดือน ในที่สุดก็ถึงวันนี้แล้วขณะที่แขกเหรื่อกำลังทยอยกันมาร่วมงาน บ่าวสาวยังอยู่บนห้องรับรอง อัจจิมาที่ตื่นแต่เช้ามืดถูกช่างแต่งหน้าชื่อดังทั้งหมดสามคนรุมแปลงโฉมเป็นเจ้าสาว ด้านเจ้าบ่าวแต่งตัวอยู่อีกห้องหนึ่งชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวเรียบหรูยืนรออยู่หน้ากระจกบานใหญ่เกือบเท่าความสูงของชายหนุ่ม สายตาคมปลาบมองสำรวจตัวเองทุกกระเบียดนิ้ว จัดเนกไทเส้นแพงหลายครั้ง ไม่ยอมให้มีจุดไหนบกพร่องเล็ดลอดสายตา เมื่อวันนี้เป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา“มึงจะดูอะไรนักหนาวะ” เห็นเพื่อนพิถีพิถันกับการแต่งตัวแล้วเคืองลูกกะตาหมอธนาจึงแซวขึ้น พลอยให้ช่างแต่งหน้าสาวสวยมองแล้วยิ้มตาม“มึงไม่เคยแต่งงานมึงไม่รู้หรอก” อยากอ้าปากเถียงให้หายหมั่นไส้ในความขี้อวด แต่หนุ่มมาดเจ้าชู้ก็ดันเถียงไม่ออก เจ้าบ่าวสายเห่อเดินไปหย่อนกายลงบนโซฟาอย่างคนอารมณ์ดี หลังจากตรวจทานความเรียบร้อยของตัวเองจนพอใจแล้ว“เชิญมึงแต่งไปคนเดียวเหอะ ส่วนกูขออยู่เป็นโสดแบบนี้ดีกว่า” คนนั่งไขว่ห้างกร
“เร็วสิ ภิมน้อยมันอยากให้คุณสัมผัสจะแย่แล้ว” ช้อนตามองบอกเสียงนุ่มปนแหบพร่าเมื่อเห็นคนตัวเล็กเอาแต่แกล้งให้เขาทรมาน“แบบนี้ไม่น้อยแล้วค่ะ” อัจจิมาพูดเย้าหยอกหากก็เป็นความจริง ก่อนจะหลุบตาลงมองแผ่นท้องเครียดครัดด้วยมัดกล้ามของคุณหมอเห็นไรขนสีเข้มประปรายเลื้อยต่ำลงไปในขอบกางเกง แล้วจัดการถอดหัวเข็มขัดเส้นแพงออก นิ้วเนียนนุ่มเลื่อนลงไปปลดตะขอทันทีกางเกงเนื้อดีเลื่อนลงจากสะโพกเพรียวตามด้วยบ็อกเซอร์ตัวเล็ก เผยให้เห็นลำเอ็นอวบใหญ่ที่เริ่มจะแข็งขึงขึ้นมาจนน่ากลัวแม้จะยังขยายขนาดไม่เต็มที่เธอลูบไล้เนื้อตัวของเขาโดยปราศจากความเหนียมอาย มือเล็กนุ่มเคลื่อนต่ำลงไปจนถึงกึ่งกลางกาย คว้าจับท่อนเนื้อแข็งร้อนเอาไว้แล้วรูดรึงลำเอ็นขึ้นลงจนมันโป่งพองขยายขนาด รู้สึกได้ถึงเส้นเลือดขรุขระที่ปูดโปนบนลำยาวเขากดไหล่เธอให้นั่งลงบนขอบอ่างด้านหลังโดยที่เขายังอยู่ในท่ายืน มือข้างหนึ่งกุมมือเธอรอบท่อนเนื้ออวบใหญ่ของตนเอง อีกข้างรวบกำเส้นผมยาวสลวย ตรึงเธอไว้ให้มั่น ก่อนที่มือข้างหนึ่งนั้นจะเคลื่อนต่ำลงไปหาจุดอ่อนไหวของเธอนิ้วเรียวยาวเสียดสีกับยอดเกสร ส่งกระแสซาบซ่านไปทั่วร่างกาย หญิงสาวรู้สึกถึงความฉ่ำชื้นที่ซ
หลังจากผลการตรวจแน่ชัดว่าอัจจิมาตั้งครรภ์ พิธาก็ขออนุญาตประสิทธิ์ให้เธอมาอยู่ที่เพ้นท์เฮาส์ในช่วงนี้เพื่อที่เขาจะได้สะดวกในการดูแลเธอเริ่มต้นเดือนแห่งความรักท้องฟ้าแจ่มใสตลอดทั้งวัน อัจจิมาลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่นเพราะได้นอนหลับพักผ่อนเต็มที่ตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งเธอก็หันไปมองข้างกาย กลับพบแต่ร่องรอยที่บ่งบอกว่าเมื่อคืนนี้มีคนนอนอยู่ด้วยอัจจิมาลุกขึ้นจากเตียงหนานุ่ม เปิดประตูออกไปจากห้อง พลันได้กลิ่นหอมลอยเข้าจมูก ชวนให้คนเพิ่งตื่นนอนรู้สึกหิวขึ้นมาทันที และเมื่อเดินเข้าไปใกล้กับส่วนของเคาน์เตอร์ เธอก็เห็นใครบางคนกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมมื้อเช้าพิธาอยู่ในชุดไปรเวทสบาย ๆ หากก็ยังดูดี เขาผูกกันเปื้อนสีน้ำตาลเข้ม ท่าทางดูคล่องแคล่ว เห็นแล้วอัจจิมาก็อดยิ้มไม่ได้กับภาพตรงหน้าเธอไม่นึกไม่ฝันว่าวันหนึ่งเธอจะมีคนตื่นมาทำกับข้าวให้ทาน แถมเขายังตื่นนอนก่อนเธอทุกวันแม้ว่าจะเลิกงานกลับมาดึกดื่น และพิธาก็ปฏิบัติกับเธอแบบนี้ตั้งแต่วันที่สารภาพความรู้สึกอัจจิมาค่อย ๆ ย่องเข้าไปด้านหลังของชายหนุ่ม สวมกอดเขาไว้เพียงหลวม ๆ แหงนหน้าขึ้นไปถามคนตัวสูง “ทำอะไรกินคะ หอมจัง”“ข้าวต้มหมู คุณหิ
สองเดือนต่อมาอัจจิมาไม่ได้ไปทำงานเพราะเธอรู้สึกไม่ค่อยสบาย เมื่อวานที่บริษัทก็หน้ามืดไปครั้งหนึ่ง วันนี้เจ้านายเลยอนุญาตให้เธอหยุดพักผ่อนอยู่บ้าน“ไปหาหมอหน่อยไหม จะได้รู้ว่าเป็นอะไร” ประสิทธิ์เห็นลูกไม่ได้ไปทำงานก็อดเป็นห่วงไม่ได้“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูซื้อยามากินแล้ว นอนพักหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้น” เจ้าของใบหน้าอ่อนเพลียเอ่ยตอบผู้เป็นพ่อก่อนจะนั่งลงทานข้าวต้มร้อน ๆ ที่ประสิทธิ์เพิ่งจะยกออกมาให้“คงไม่ใช่ว่าท้องหรอกนะ” เพ็ญพักตร์พูดขึ้นลอย ๆ แต่มันก็ทำให้เธอฉุกคิด…ช่วงนี้ที่บริษัทงานยุ่ง บางวันอัจจิมาถึงกับต้องเอางานกลับมาทำต่อที่บ้าน เธอจึงลืมไปเสียสนิทว่าเดือนนี้ประจำเดือนยังไม่มา แต่นอกจากอาการหน้ามืดซึ่งเธอคิดว่าเป็นเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอก็ไม่มีอาการอื่นประสิทธิ์มองหน้าหญิงสาว จะว่าไปแล้วสมัยที่บังอรตั้งท้องเธอก็หน้ามืดแบบนี้“ไปโรง’บาลเถอะ เป็นอะไรจะได้รู้”“ไปก็ไปค่ะ แต่วันหลังนะคะ วันนี้หนูไปไม่ไหว”“แล้วทำไมไม่ให้คุณหมอมารับล่ะ” สองสัปดาห์ให้หลังมานี้อัจจิมากลับมานอนที่บ้านทุกวัน อีกทั้งยังไม่เห็นพิธาขับรถมาส่งลูกเหมือนช่วงแรก ๆ ประสิทธิ์จึงถามไถ่ถึงว่าที่ลูกเขย“ช่วงนี้เขางานยุ
ร่างบางในชุดนอนตัวโคร่งขดอยู่ใต้ผ้าห่มกำลังหลับสนิท ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีคนเข้ามาในห้องกลางดึก ผ้าห่มหนานุ่มถูกดึงเลื่อนลงจากตัวทีละน้อยหญิงสาวขดตัวเข้าหันกันเมื่อผิวเนื้อปะทะกับความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ฝ่ามือเรียวยาวของชายหนุ่มกุมเท้านุ่มนิ่มข้างหนึ่งของเธอเอาไว้ลูบคลำขึ้นมาถึงปลีน่องนวลเนียน ปลายนิ้วลูบโลมสูงขึ้นไปจนถึงด้านในขาอ่อนใต้ร่มผ้า ลากไล้เนินเนื้อที่กึ่งกลางกายสาวผ่านชุดนอน ‘ไม่ได้นอน’ สุดวาบหวิวที่อัจจิมาเพิ่งจะถอยมาวันนี้ทว่าการเคลื่อนไหวนั้นก็ต้องหยุดลงเมื่อคนหลับตาอยู่ส่งเสียงงึมงำออกมา “อื้ออ”“ไหนว่าจะรอผมไง” เสียงทุ้มดังขึ้นที่ริมหู อัจจิมาลืมตาขึ้นในความมืดสลัว มองเห็นใบหน้าอีกฝ่ายไม่ชัดนัก หากก็รู้ว่าเจ้าของมือซุกซนคือเจ้าของหัวใจและร่างกายของเธอ“กี่โมงแล้วคะ”“ตีหนึ่ง” เขากระซิบข้างหูพลางรู้สึกผิดขึ้นมาที่บอกให้เธอรอแต่ตัวเองดันกลับดึกเพราะมีเคสผ่าตัดเร่งด่วนเข้ามา แถมการผ่าตัดใหญ่ยังลากยาวกว่ากำหนด ขนาดว่าเขารีบบึ่งรถกลับมาแล้วอัจจิมายันตัวลุกขึ้นนั่ง พิธาโน้มศีรษะซุกหน้าลงกับเรือนผมสีน้ำตาลประกายทอง กลิ่นโรงพยาบาลคละเคล้ากับกลิ่นโคโลญจน์จากตัวชายหนุ่ม เธ