Home / วาย / พิศวาสลวงบ่วงมาร / บทที่ 7 รุกคืบ

Share

บทที่ 7 รุกคืบ

Author: Luffy.g
last update Last Updated: 2025-08-19 11:13:45

บทที่ 7 รุกคืบ

         ในค่ำคืนที่ลมหนาวพัดแรงจนกิ่งไม้เสียดสีกันดุจเสียงกระซิบ เฟิ่งอวี้แอบเข้าไปยังห้องบำเพ็ญเพียรของหลี่ซาน แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ เผยให้เห็นร่างของหลี่ซานที่นั่งขัดสมาธิอยู่หน้าแท่นบูชาอย่างสงบนิ่ง

         เฟิ่งอวี้ค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปใกล้ ด้วยวิชาตัวเบาที่ฝึกฝนมาอย่างยอดเยี่ยม ทำให้เขาไร้ซึ่งเสียงยามก้าวเดิน

         ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ด้านหลังของหลี่ซานในระยะที่ห่างพอสมควร ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยพลังปราณสีดำบางเบาออกจากปลายนิ้ว พลังปราณนั้นไหลเข้าไปยังร่างของหลี่ซานอย่างช้าๆ มันไม่ใช่พลังที่สร้างความเสียหาย แต่เป็นพลังที่ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในเส้นลมปราณของหลี่ซาน และเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างอย่างเงียบๆ

         พลังปราณที่เฟิ่งอวี้ถ่ายทอดเข้าไปนั้น เป็นพลังที่เขาสร้างขึ้นมาจากการหลอมรวมพลังปราณที่ชั่วร้ายบางส่วนเข้ากับพลังปราณบริสุทธิ์ของเขาเอง มันมีผลต่อการควบคุมอารมณ์และจิตใจของผู้รับ ทำให้ผู้รับเริ่มอ่อนไหวต่อสิ่งเร้าภายนอกมากขึ้น

         นี่คือแผนการที่เฟิ่งอวี้คิดคำนวณมาอย่างถี่ถ้วน เขารู้ว่าหลี่ซานมีพลังปราณแข็งแกร่งและจิตใจมั่นคงราวหินผา ยากจะทำลายได้ด้วยกำลังภายนอก แต่หากค่อยๆ กัดกินจากภายใน ทำให้หลี่ซานมี “ใจ” ขึ้นมา ความเย่อหยิ่งและเย็นชาของปรมาจารย์ผู้นี้ก็จะถูกทำลายลงอย่างช้าๆ

         เฟิ่งอวี้ยิ้มมุมปากอย่างอำมหิตในความมืดมิด เขาจ้องมองแผ่นหลังของหลี่ซานที่ดูสงบนิ่ง ทว่ากำลังถูกบิดเบี้ยวจากภายในสู่ภายนอกโดยไม่รู้ตัว

         หลังจากผ่านไปหลายชั่วยาม เฟิ่งอวี้ก็หยุดการถ่ายทอดพลังปราณ เขาก้าวถอยออกมาอย่างเงียบเชียบ ราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่ในห้องนี้มาก่อน ทิ้งให้หลี่ซานยังคงนั่งบำเพ็ญเพียรอย่างสงบ โดยไม่รู้เลยว่ามีเงามืดบางเบาได้คืบคลานเข้ามาในจิตใจของเขาแล้ว

         รุ่งเช้า หลี่ซานรู้สึกว่าร่างกายของตนเองผิดปกติไปเล็กน้อย เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดหรืออ่อนแอ แต่กลับรู้สึกถึงความรู้สึกบางอย่างที่แตกต่างออกไปจากเดิม ความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ แต่แล้วเขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก คิดว่าเป็นผลมาจากการบำเพ็ญเพียรที่ยาวนาน

         การฝึกฝนดำเนินต่อไปในแต่ละวัน เฟิ่งอวี้ยังคงแสดงความสามารถที่ยอดเยี่ยม และยังคงเป็นลูกศิษย์ผู้ซื่อสัตย์ที่คอยดูแลหลี่ซานอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้หลี่ซานรู้สึกผูกพันกับเขามากขึ้นเรื่อยๆ

         หลี่ซานเริ่มรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อเฟิ่งอวี้ไม่ได้อยู่ใกล้ๆ เริ่มรู้สึกพอใจเมื่อเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนของเฟิ่งอวี้ และเริ่มรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นเมื่อเฟิ่งอวี้แตะต้องตัวเขาโดยไม่ตั้งใจ ความรู้สึกเหล่านี้เป็นสิ่งใหม่สำหรับหลี่ซาน มันทำให้เขาสับสน งุนงง แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกอยากจะสัมผัสมันให้มากขึ้นราวกับเป็นสิ่งเสพติดที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวเช่นกัน

         วันหนึ่ง เฟิ่งอวี้และหลี่ซานกำลังฝึกวิชาดาบกลางป่าไผ่ สายลมพัดกิ่งไผ่เสียดสีกันเป็นเสียงเพลงอันไพเราะ เฟิ่งอวี้ร่ายรำกระบี่ด้วยท่าทางที่อ่อนช้อยงดงาม ราวกับพยับหมอกที่เคลื่อนไหวไปตามลม ทว่าในความอ่อนช้อยนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความรุนแรงและคมกริบที่พร้อมจะปลิดชีพคู่ต่อสู้ได้ทุกเมื่อ

         หลี่ซานมองดูเขาด้วยความชื่นชม ทว่าในขณะที่เฟิ่งอวี้กำลังร่ายรำกระบี่ไปถึงจุดสูงสุด พลันเขาก็เสียหลักล้มลงไปในพงป่าไผ่ที่รกทึบ

         “เฟิ่งอวี้!” หลี่ซานร้องเรียกด้วยความตกใจอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เขารีบรุดเข้าไปประคองเฟิ่งอวี้ขึ้นมาทันที ใบหน้าของหลี่ซานฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด

         เฟิ่งอวี้ไอค่อกแค่ก ใบหน้าซีดเผือด เขายิ้มอย่างอ่อนแรง “ข้า...ข้าไม่เป็นไร”

         แต่หลี่ซานกลับไม่เชื่อ เขาเห็นรอยเลือดซึมออกมาจากแขนเสื้อของเฟิ่งอวี้ “เจ้าบาดเจ็บ” เขาพูดเสียงหนักแน่น ก่อนจะฉีกแขนเสื้อของเฟิ่งอวี้ออก เผยให้เห็นรอยแผลที่ยาวและลึกบริเวณต้นแขน เลือดสีแดงฉานไหลซึมออกมาอย่างต่อเนื่อง

         “ข้าไม่เป็นไรจริงๆ แผลแค่นี้เอง” เฟิ่งอวี้พยายามยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นกลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

         หลี่ซานไม่พูดอะไร เขาถอดเสื้อคลุมตัวนอกสีขาวของตนเองออก ฉีกผ้าออกมาเป็นริ้วๆ ก่อนจะบรรจงพันรอบแขนของเฟิ่งอวี้อย่างเบามือที่สุด

         ใบหน้าของหลี่ซานยังคงเรียบเฉย แต่แววตาที่จับจ้องไปที่บาดแผลของเฟิ่งอวี้กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งความห่วงใย ความกังวล และความปรารถนาที่จะปกป้อง

         สัมผัสที่อ่อนโยนของหลี่ซานทำให้เฟิ่งอวี้รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งร่าง มันไม่ใช่ความเจ็บปวดจากบาดแผล แต่เป็นความรู้สึกแปลกประหลาดที่ก่อตัวขึ้นในใจของเขา เขามองใบหน้าของหลี่ซานที่อยู่ใกล้เพียงนิดเดียว นัยน์ตาคมกริบที่เคยเยือกเย็นราวหิมะยามนี้กลับฉายแววห่วงใยอย่างชัดเจน เฟิ่งอวี้รู้ดีว่าแผนการของเขากำลังได้ผล หลี่ซานกำลังจะตกหลุมพรางของเขาอย่างสมบูรณ์

         “อาจารย์...” เฟิ่งอวี้เอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบา ดวงตาคู่สวยจ้องมองหลี่ซานอย่างลึกซึ้ง “ท่านเมตตาต่อข้าถึงเพียงนี้...ข้าจะตอบแทนท่านได้อย่างไร”

         หลี่ซานเงยหน้าขึ้นมองเฟิ่งอวี้ ดวงตาของทั้งสองประสานกันภายใต้ความเงียบงัน ลมหายใจอุ่นร้อนของเฟิ่งอวี้ปะทะใบหน้าของหลี่ซาน ทำให้เขารู้สึกวาบหวามไปทั่วทั้งร่าง ความรู้สึกร้อนรุ่มที่ก่อตัวขึ้นในอกของเขาพลันปะทุขึ้นอย่างรุนแรง

         “เจ้าไม่ต้องตอบแทนสิ่งใด...” หลี่ซานเอ่ยขึ้นเสียงพร่า ราวกับควบคุมตัวเองไม่ได้

         เฟิ่งอวี้ยิ้มบางๆ เขาค่อยๆ ยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าของหลี่ซานอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่อ่อนโยนนั้นราวกับขนนกที่ลูบไล้ผิว ทำให้หลี่ซานรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่าง

         “แต่ข้าอยากตอบแทนท่าน” เฟิ่งอวี้กระซิบเสียงแผ่วเบา ดวงตาคู่สวยฉายแววท้าทายและเชื้อเชิญ “ข้าอยากมอบสิ่งที่มีค่าที่สุดให้ท่าน”

         หลี่ซานไม่ตอบคำ เขายังคงจ้องมองเฟิ่งอวี้อย่างไม่กะพริบ ใบหน้าของเขาเริ่มมีสีแดงระเรื่อเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะความโกรธ แต่เป็นเพราะความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรงในใจของเขา ความปรารถนาที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนกำลังตื่นขึ้น

         เฟิ่งอวี้ยิ้มกว้างขึ้น รอยยิ้มที่แฝงด้วยความเจ้าเล่ห์และเย้ายวน เขาค่อยๆ เลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้หลี่ซาน ช้าๆ...ช้าๆ จนลมหายใจของทั้งสองปะทะกันอย่างแผ่วเบา

         “สิ่งที่มีค่าที่สุดที่ข้ามี...” เฟิ่งอวี้กระซิบเสียงพร่ารดริมฝีปากของหลี่ซาน “คือตัวข้าเอง...”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พิศวาสลวงบ่วงมาร   ตอนที่ 55 ภาพฝันที่ไม่เลือนหาย

    ตอนที่ 55 ภาพฝันที่ไม่เลือนหาย วันเวลาผันผ่านไป เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า หลี่ซานยังคงใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำอันเงียบสงบกลางเทือกเขาสูงใหญ่ ที่ซึ่งเขาปลีกวิเวกจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง ถ้ำแห่งนี้กลายเป็นที่พำนักของความทรงจำและหัวใจที่แตกสลาย ชายหนุ่มนั่งอยู่ริมธารน้ำตกเล็กๆ ภายในถ้ำ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ รับความเย็นบริสุทธิ์ของอากาศยามเช้า ปล่อยให้สายน้ำที่ไหลรินชะล้างความเจ็บปวดในจิตใจ “เฟิ่งอวี้…” หลี่ซานกระซิบชื่อนั้นแผ่วเบา ราวกับจะเรียกหาชายหนุ่มให้กลับมา ความทรงจำถึงเฟิ่งอวี้ยังคงชัดเจนในใจของหลี่ซาน ราวกับว่าชายหนุ่มยังคงอยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลา ทุกรอยยิ้ม ทุกสัมผัส ทุกคำพูด ยังคงตรึงอยู่ในห้วงลึกของจิตใจ ภาพของเฟิ่งอวี้ในวันแรกที่พบกัน ความโหดร้าย ความเจ้าเล่ห์ รวมถึงวันที่เขาพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อพิสูจน์ความจริงใจ และวันที่เขาจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ภาพเหล่านี้ผุดขึ้นมาในความคิดของหลี่ซานไม่เคยว่างเว้น เขาหวนนึกถึงวันที่เขาโอบกอดร่างของเฟิ่งอวี้ที่ไร้วิญญาณไว้แน่น ก่อนจะจากสำนักเมฆาขาวมา ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง

  • พิศวาสลวงบ่วงมาร   ตอนที่ 54 ความสูญเสีย

    ตอนที่ 54 ความสูญเสีย หลี่ซานโอบกอดร่างที่ไร้วิญญาณของเฟิ่งอวี้ไว้แน่น เสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดดังระงมไปทั่วบริเวณ เขาสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ความรู้สึกผิดบาปและความสูญเสียถาโถมเข้าใส่เขาอย่างรุนแรง เขาได้สูญเสียคนที่เขารักไปแล้วจริงๆ แม้ว่าเฟิ่งอวี้จะเป็นมารร้าย แต่ในช่วงเวลาสุดท้าย ชายหนุ่มกลับแสดงความรักที่บริสุทธิ์และจริงใจให้เขาเห็น เสิ่นหยวนและหลันเฟิงยืนนิ่งอยู่ไม่ไกล ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจและสับสน พวกเขาไม่คิดว่าเหตุการณ์จะลงเอยเช่นนี้ พวกเขาตั้งใจจะกำจัดมารร้าย แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเขาได้พรากชีวิตของคนที่อาจารย์ของพวกเขารักไปแล้ว “อาจารย์…” เสิ่นหยวนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ หลี่ซานเงยหน้าขึ้นมองเสิ่นหยวน ดวงตาของเขาแดงก่ำไปด้วยน้ำตาและความเจ็บปวด “เจ้า…เจ้าทำอะไรลงไป!” เสียงของเขาเต็มไปด้วยความตัดพ้อและความสิ้นหวัง เสิ่นหยวนรู้สึกผิดอย่างแสนสาหัส เขาไม่เคยเห็นอาจารย์ของเขาอยู่ในสภาพเช่นนี้มาก่อน “ข้า…ข้าไม่คิดว่า…” หลันเฟิงเดินเข้ามาใกล้ เขาคุกเข่าลงข้างๆ หลี่ซาน “อาจารย์…พวกเราเพียงต้องการปกป้องท่าน…”

  • พิศวาสลวงบ่วงมาร   ตอนที่ 53 ความจริงที่ไม่อาจทนรับ

    ตอนที่ 53 ความจริงที่ไม่อาจทนรับ ท่ามกลางความมืดมิดของยามค่ำคืน แม้ด้านนอกของเรือนพักจะเกิดการปะทะอย่างรุนแรง แต่เพราะม่านมนต์ที่หลี่ซานร่ายครอบคลุมเรือนเอาไว้ ทำให้เขามิอาจได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอกแม้แต่น้อย หลี่ซานยังคงนอนพลิกตัวไปมาบนเตียงอย่างรู้สึกกระสับกระส่าย ความรู้สึกไม่สบายใจเกาะกินจิตใจของเขาอย่างบอกไม่ถูก ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น ลางสังหรณ์อันเฉียบคมของเขา ทำให้เขารู้สึกได้ถึงพลังปราณที่รุนแรงผิดปกติกำลังปะทุขึ้นในบริเวณเรือนพักของเขา หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความกังวลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สัญชาตญาณทำให้เขาต้องรีบก้าวออกมาจากเรือนพักด้วยความเร่งรีบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพียงก้าวเท้าออกมาจากเรือนพัก ภาพที่ปรากฏต่อหน้าทำให้หลี่ซานถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจสุดขีด เขามองเห็นเสิ่นหยวน ศิษย์เอกของเขากำลังปลดปล่อยพลังปราณสีขาวบริสุทธิ์อันรุนแรงมหาศาลพุ่งเข้าใส่เฟิ่งอวี้อย่างจัง ร่างของเฟิ่งอวี้ที่นั่งนิ่งรับปราณนั้นอย่างไร้การป้องกันตนเอง ดวงตาหลับพริ้มราวกับกำลังรอคอยความตายที่กำลังจะมาถึง “หยุดเดี๋ยวนี้!” หลี่ซานตะ

  • พิศวาสลวงบ่วงมาร   ตอนที่ 52 ความจริงเปิดเผย

    ตอนที่ 52 ความจริงเปิดเผย ในขณะที่หลี่ซานกำลังพยายามข่มใจให้แข็งแกร่ง และยอมปล่อยมือจากเฟิ่งอวี้เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย อีกด้านหนึ่งของสำนักเมฆาขาว เสิ่นหยวนและหลันเฟิง ศิษย์เอกทั้งสองที่เพิ่งเดินทางกลับมาถึงสำนักเมฆาขาว หลังจากที่ออกเดินทางไปประชุมและเยี่ยมเยียนสำนักต่างๆ ตามเทียบเชิญที่ได้รับมานานเกือบปีก็กำลังเผชิญหน้ากับความจริงอันน่าตกตะลึง “หลงจู ระหว่างที่พวกข้าไม่อยู่ มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นในสำนักหรือไม่” เสิ่นหยวนถามออกมาด้วยน้ำเสียงขึงขัง ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองไปรอบๆ สำนักอย่างนึกหวาดระแวง เขาสัมผัสได้ถึงพลังปราณบางอย่างที่แปลกไปจากเดิม พลังปราณที่แฝงกลิ่นอายของมาร แม้จะเจือจางลงไปมากก็ตาม มันทำให้เขาอดนึกระแวดระวังขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากที่เคยมีประสบการณ์ตรงในการต่อสู้กับเฟิ่งอวี้เมื่อหลายปีก่อน หลงจูรีบเข้ามารายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด ตั้งแต่การมาถึงของเฟิ่งอวี้ ศิษย์คนใหม่ผู้มีพรสวรรค์ การที่เฟิ่งอวี้สามารถเข้าใกล้หลี่ซานได้อย่างผิดปกติ และเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน รวมถึงการบาดเจ็บของเฟิ่งอวี้โดยไม่ทราบสาเ

  • พิศวาสลวงบ่วงมาร   ตอนที่ 51 จำนน

    ตอนที่ 51 จำนน เช้าวันต่อมา หลี่ซานได้รับจดหมายจากเสิ่นหยวนและหลันเฟิงอีกครั้ง พวกเขาทั้งสองกำลังเดินทางกลับสำนักเมฆาขาว พร้อมกับรายงานเรื่องเบาะแสของเฟิ่งอวี้ที่ถูกพบในบริเวณใกล้สำนัก พวกเขาหมายมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะกำจัดเฟิ่งอวี้ให้สำเร็จให้จงได้ “เฟิ่งอวี้ เจ้าไม่อาจอยู่ที่นี่ได้อีกแล้ว หากเสิ่นหยวนและหลันเฟิงกลับมาพบเจ้า ชะตาของเจ้าคงจบสิ้นเป็นแน่” หลี่ซานพ้อออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บปวดและจนใจ เขารู้ดีว่าเวลานี้ร่างกายของเฟิ่งอวี้นั้นไม่อาจต้านทานกำลังของศิษย์ทั้งสองได้ และในขณะเดียวกันเขาก็มิอาจลุกขึ้นมาปกป้องชายหนุ่มได้เช่นเดียวกัน ภาระและหน้าที่ที่มีต่อสำนักและยุทธภพทำให้เขามิอาจเลือกเส้นทางได้ตามอำเภอใจ และทางเดียวที่จะปกป้องเฟิ่งอวี้ได้ นั่นคือการยอมปล่อยมือเฟิ่งอวี้ให้จากไปอย่างไม่หวนกลับ บ่ายวันนั้น ขณะที่แสงตะวันเริ่มคล้อยต่ำ หลี่ซานและเฟิ่งอวี้ยืนเผชิญหน้ากันในห้องโถงที่เงียบสงบ หลี่ซานตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์ที่ไม่อาจเป็นไปได้นี้ แม้ว่าเขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดก็ตาม ชายหนุ่มพยายามรวบรวมความเข้มแข็งทั้งหมดที่มี เพื่อกล่าวคำที่บาดลึกหัวใจของตนเอง

  • พิศวาสลวงบ่วงมาร   ตอนที่ 50 ใจอ่อน

    ตอนที่ 50 ใจอ่อน คืนหนึ่งหลี่ซานนั่งอ่านตำราอยู่ในห้องอย่างเงียบๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา เฟิ่งอวี้เดินเข้ามา เขายังคงซีดเซียวเล็กน้อยจากอาการบาดเจ็บที่ยังไม่หายดี แต่ดวงตาของเขากลับเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น “หลี่ซาน ข้าทำขนมมาให้ท่าน” เฟิ่งอวี้ยื่นจานขนมเล็กๆ ที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นมาให้ หลี่ซานรับมาโดยไม่พูดอะไร เขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากจานขนมที่เฟิ่งอวี้ถือมา “หลี่ซาน…ข้าขออยู่เป็นเพื่อนท่านได้หรือไม่” เฟิ่งอวี้กล่าวเสียงแผ่วเบา พลางนั่งลงบนพื้นข้างๆ หลี่ซานอย่างเงียบๆ เขาไม่ได้พยายามสัมผัสกาย ไม่ได้พยายามพูดจาออดอ้อน เพียงแค่นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างสงบ หลี่ซานอ่านตำราต่อไป แต่ในใจของเขากลับไม่สงบเหมือนเคย เขาเหลือบมองเฟิ่งอวี้เป็นระยะๆ เห็นชายหนุ่มนั่งนิ่ง ดวงตาจับจ้องไปที่ตำราที่เขาอ่านราวกับกำลังสนใจอย่างแท้จริง เวลาผ่านไปช้าๆ ความเงียบในห้องไม่ได้อึดอัดอย่างที่คิดแต่กลับอบอุ่นอย่างประหลาด เฟิ่งอวี้รู้สึกว่าความแข็งกระด้างในใจของหลี่ซานกำลังอ่อนลงทีละน้อย เขาไม่อาจรู้ว่าหลี่ซานจะใจอ่อนอีกนานเท่าใด แต่ในเวลานี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status