ดาริณยิ้มอ่อนโยนเมื่อมองเห็นลูกชายกำลังเล่นเตะบอลอยู่เพียงลำพัง แม้จะอายุเพียงห้าขวบกว่าๆ แต่เมื่อเทียบกับเด็กอายุเท่ากัน ลูกชายของเธอถือว่าตัวใหญ่ เธอต้องซื้อเสื้อผ้าไซซ์เด็กหกเจ็ดขวบให้ถึงจะใส่ได้
หน้าตาและรูปร่างแตกต่างจากเธอโดยสิ้นเชิง ยกเว้นผิวที่ขาวเหมือนกัน
ดาริณหน้าตาเป็นสาวไทยหน้าหวานและตัวเล็ก ทว่าลูกชายตัวสูง หน้าตี๋หล่อ เวลาใครได้เจอก็ชอบทักว่า
‘หล่อโอปป้าตั้งแต่เด็กเลย โตขึ้นมาสาวตรึมแน่นอน’
“เย้ แม่มาแล้ว” เด็กชายธีรดาหรือน้องดรีม วิ่งมาหาผู้เป็นเด็กด้วยสีหน้าร่าเริง
“หิวหรือยังลูก”
“ยังไม่หิวคับ ดรีมกินคุกกี้หมดไปห้าชิ้น” เจ้าตัวบอกแล้วยิ้มตาหยี เพราะแม่บอกให้กินแค่สามชิ้น ที่เหลือเก็บไว้กินวันอื่น
“กินเกินไปสองชิ้นนะลูก”
“ก็แม่ทำอาหย่อย” เจ้าตัวประจบ เพราะดารินจะทำเบเกอรี่เพื่อเป็นของว่างสำหรับยามบ่ายให้ลูกทุกวัน ขณะรอเธอมารับ เพราะกว่าเธอจะมารับก็เย็นมากแล้ว กลัวลูกหิว แต่วัตถุดิบที่เอามาทำของว่างลูกจะเลือกที่ไม่หวานมาก เน้นข้าวโอ๊ตกับกล้วยหอมเป็นส่วนผสมหลัก
“กลับกันเลยนะลูก”
“คับ ดรีมอยากดูการ์ตูนแล้ว” เด็กชายดรีมเป็นเด็กช่างพูด และพูดเป็นประโยคยาวได้ตั้งแต่อายุสามขวบ แต่บางคำก็ยังออกเสียงไม่ชัดนัก
ดาริณพาลูกชายไปล่ำลาครูพี่เลี้ยงที่นั่งสอนการบ้านลูกสาวที่เรียนระดับอนุบาลเช่นเดียวกันกับลูกชายเธอ
“วันนี้น้องดรีมไม่ซนนะคะครูแมว”
“ก็นิดหน่อยค่ะ วิ่งในห้องชนเพื่อนล้ม แต่พอเตือนก็หยุด”
“ดรีมขอโทษเป้แล้วคับแม่” เด็กชายรีบบอก เพราะแม่สอนเสมอว่าทำผิด หรือทำคนอื่นเจ็บต้องขอโทษ
“ทีหลังลูกไม่วิ่งในห้องเรียนอีกนะครับ เดี๋ยวชนเพื่อนเจ็บอีก และบางทีตัวลูกอาจลื่นล้มบาดเจ็บเองด้วย”
“ดรีมจะไม่วิ่งในห้องเรียนอีกแล้ว” เด็กชายรับปาก
สองแม่ลูกล่ำลาครูพี่เลี้ยง แล้วก็พากันเดินออกจากโรงเรียน นั่งรถสองแถวมายังที่พัก ซึ่งอยู่ห่างจากโรงเพียงเพียงห้ากิโลฯ เท่านั้น ที่พักของเธอกับลูกชายเป็นหอพักเล็กๆ ที่ราคาไม่แพง เพราะเธออยากเซฟเงินไว้สำหรับเรื่องการเรียนและปากท้องของลูกมากกว่า โรงเรียนที่ลูกชายเรียนก็เป็นโรงเรียนเอกชนระดับกลาง แต่เพราะอยู่ใกล้ที่พัก ดาริณหาข้อมูลดูแล้ว เป็นโรงเรียนที่มีการเรียนการสอนที่ดีในระดับหนึ่ง
เด็กที่เรียนส่วนใหญ่มาจากครอบครัวฐานะชนชั้นกลาง
เมื่อกลับถึงที่พัก ดาริณก็ดูแลให้ลูกชายอาบน้ำ จากนั้นเจ้าตัวเล็กดูการ์ตูนเรื่องโปรด ส่วนเธอทำอาหารค่ำ ส่วนใหญ่
ดาริณจะทำแค่สองเมนูต่อวัน และมีผลไม้ให้ทุกมื้อ ส่วนขนมของหวานต่างๆ เธออนุญาตให้ลูกกินเฉพาะมื้อเที่ยงและเป็นของว่างยามบ่ายเท่านั้นก่อนเวลานอนหนึ่งชั่วโมง ดาริณจะสอนลูกอ่านหนังสือนิทานภาพ ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ บางครั้งก็ให้วาดรูป เสียอย่างเดียวเธอเล่นดนตรีไม่เป็นสักอย่าง แต่คิดว่าจะหาเงินเพื่อส่งลูกเรียนโรงเรียนสอนดนตรี จะเล่นดนตรีชนิดไหนก็แล้วแต่ลูกชอบ
เพราะถึงแม้จะไม่ได้มีเงินมามายแต่เธอก็อยากให้ลูกมีทักษะในการเรียนรู้หลายๆ ด้าน ไม่ว่าการเรียน กีฬา หรือศิลปะต่างๆ
“วันนี้จะให้แม่เล่านิทานเรื่องอะไรครับ” เมื่อถึงเวลานอนดาริณก็ถามลูกชาย
“ดรีมจะฟังเรื่องพิน็อคคิโอคับ”
“ฟังบ่อยแล้ว ไม่เบื่อเหรอครับ” เนื้อเรื่องของพิน็อคคิโอ ก็เป็นเรื่องราวของพ่อกับลูกด้วยสิ ไม่รู้ว่าลูกอยากมีพ่อเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ หรือเปล่า
เพราะตอนลูกไปโรงเรียน ตั้งแต่เตรียมชั้นอนุบาลที่บ้านเกิด ลูกเห็นพ่อมารับเพื่อนๆ เขาก็ถามว่าพ่อเขาไปไหน เธอจำเป็นต้องบอกว่าพ่อของเขาตายไปแล้ว ซึ่งจริงๆ จะว่าโกหกเลยทีเดียวก็ไม่ใช่
เพราะพ่อของลูกที่ทุกคนเข้าใจนั้นก็ตายไปแล้วจริงๆ แต่ความตายที่ไม่ปกติของเขา ทำให้เธอกลัวว่าจะมีผลกระทบกับชีวิตลูก มันจึงเป็นเหตุผลที่เธอพาลูกย้ายมาอยู่ที่นี่ เพื่อห่างไกลจากปากผู้คนที่จะนำเรื่องเล่าเหล่านั้นมาสู่ชีวิตลูกของเธอ ในเมื่อที่บ้านเกิด ไม่มีแม่ ไม่มีบ้าน มีแต่ญาติๆ ที่รังเกียจเธอกับลูก ที่นั่นไม่มีสิ่งที่เรียกว่า ‘ความทรงจำที่ดี’ อีกต่อไป
“ไม่เบื่อคับ”
ดาริณก็หยิบนิทานแปลเล่มนั้นมา หลังจากปิดไฟกลางห้อง เปิดแค่โคมไฟหัวเตียง ห่มผ้าและหยิบพี่ตุ๊กตาหมีให้ลูก พร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กไว้ข้างๆ หมอน ซึ่งเป็นพร็อบสำหรับการนอนที่ขาดไม่ได้ของลูกชาย ไม่เช่นนั้นจะหลับยาก
"""""""""""""""""""
ดาริณทนเสียงเหล่านั้นได้ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องที่ลูกชายเธอถูกล้อในเรื่องพ่อนั้นแหละ ทั้งที่ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ใช่ผู้ให้กำเนิดของเขาจริงๆมันเป็นความผิดพลาดของเธอเอง ในวันนี้ที่ลูกชายดีใจกับการได้เรียกธีธัสว่า ‘พ่อ’ เพราะที่ผ่านมาก็รู้สึกผิดกับลูกมาตลอด“ใช่แล้วลูก ลุงธีเป็นพ่อของน้องดรีม” ดาริณบอกลูกชายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เธอไม่รู้ว่าลูกเข้าใจมากน้อยแค่ไหนกับคำพูดเธอ แต่ตอนนี้ลูกก็ยังเล็กเกินกว่าจะอธิบายอะไรที่มากกว่านั้นธีธัสจึงโอบบ่าเธอ จูบข้างขมับอย่างปลอบโยนในค่ำคืนนั้นดาริณก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยบนปุยเมฆ เมื่อเธอถูกร่างสูงดึงไปเอนตัวบนเตียงกว้างด้วยกัน สามคนพ่อแม่ลูก โดยมีลูกนอนอยู่ตรงกลาง มีเสียงทุ้มนุ่มเล่านิทานเรื่องพิน็อกคิโอ กระทั่งเจ้าตัวเล็กหลับไปแล้ว ส่วนเธอกำลังเคลิ้มหลับ เขาก็ขยับมานอนข้างเธอแล้วกระซิบบอก“ต่อไปนี้ถ้าดามีเรื่องอะไร ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ สัญญาได้ไหมว่าจะบอกพี่ เราจะแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยกันอย่างมีสติ และเราจะผ่านมันไปด้วยกันให้ได้”ธีธัสไม่มีความลังเลอีกต่อไปสำหรับการเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่กับดาริณ เพราะเขาอยากมีความสุขอีกครั้ง อยากสร้างครอบค
ครอบครัว ดาริณตื่นขึ้นมาในตอนสายด้วยความรู้สึกระบมเนื้อตัวเล็กน้อย และพบว่าลูกชายไม่ได้อยู่บนเตียง เธอจึงรีบอาบน้ำ เห็นร่างเปลือยตัวเองบนกระจก มีรอยจ้ำแดงจากการถูกธีธัสดูดขบตามเนื้อตัว โดยเฉพาะทรวงอก ที่คออีกเล็กน้อย ดารินจึงใส่เสื้อเชิ้ตขาว ปิดกระดุมยันเม็ดบนสุด จากนั้นก็หยิบกางเกงห้าส่วน ผ้าลินินที่เขาซื้อให้วันก่อนมาใส่ ลงมาข้างล่างก็พบสองพ่อลูกกำลังนั่งเล่นเปียโนกันอยู่ดูเหมือนธีธัสกำลังสอนลูกไล่ตามตัวโน้ต พอเห็นเธอ ลูกชายก็ส่งเสียงร้อง“แม่คับ มาฟังดรีมเล่นเปียโน”ดาริณส่งยิ้มอ่อนโยนให้ลูก ขณะเดินมาหยุดข้างๆ ลูกชายที่กำลังใช้นิ้วป้อมๆ กดไปตามคีย์ เป็นตัวโน้ตทั้งเจ็ด โด เร มี...กระทั่งไปสุดที่เสียงโด“ต่อไปวันเสาร์ น้องดรีมจะต้องเรียนเปียโนกับว่ายน้ำแล้วกัน เรียนแค่ครึ่งวันพอ ตอนบ่ายก็เล่นบอล หรือไปเล่นสนามเด็กเล่นของรีสอร์ตก็ได้ แต่เร็วๆ นี้ลุงจะทำสนามเด็กเล่นที่บ้านด้วย ส่วนวันจันทร์ถึงศุกร์หลังเลิกเรียนแล้วให้แม่สอนการบ้าน กับอ่านหนังสือ วันอาทิตย์ก็ไม่ต้องทำอะไร ถ้าน้องดรีมอยากไปเที่ยวที่ไหน ก็ได้ทั้งนั้น”“ดรีมอยากไปเที่ยวสวนสัตว์ อยากไปเที่ยวทะเล อยากไปเล่นหิมะ อยากไป...”
“ดา ดาของพี่ อืม อ่าห์ ซี้ด..” ธีธัสบัดนี้ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต มีแต่ปัจจุบันที่เขาโหยหาร่างกลมกลึงนี้มานาน เขาแค่อยากกระแทกเข้าหาเธออย่างบ้าคลั่งเขาเปลี่ยนท่าหลายครั้ง กระทั่งมาหยุดที่ให้เธอก้มโก้งโค้งเกาะขอบโซฟา แล้วเขากระแทกเข้าหาจากด้านหลัง บีบและขยำสะโพกกลมกลึงเธอเพื่อควบคุมจังหวะ บางครั้งก็ตีก้นขาวงามงอนอย่างมันเขี้ยว“อ๊าย พี่ธีขา ดา ใกล้...อือ อ๊าย” ดาริณตัวเกร็งสะท้าน ขณะที่ร่างใหญ่เบื้องหลังก็อัดกระแทกเข้าหารัวๆ ก่อนที่เขาจะครางเสียงดัง ตัวเกร็งสะท้าน แล้วซุบซบใบหน้าลงกับแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเธอดาริณนิ่งอยู่ในท่าเดิมนานแล้ว แต่ร่างใหญ่ก็ยังไม่ผละออกห่าง ทั้งที่ปล่อยน้ำรักเข้าไปในตัวเธอจนหมดแล้วเป็นการกอดที่ไม่ได้เห็นหน้า แต่เธอรับรู้ไออุ่นที่ชื้นเหงื่อ มันไม่ต่างจากวันวานที่เคยเสร็จสม เขาจะชอบคลอเคลีย จูบแก้ม จูบไปทั่วดวงหน้า ทว่าตอนนี้เขาแค่กอดอย่างเดียว“ปล่อยได้แล้วค่ะ จะไปอาบน้ำนอน ดึกแล้ว”“พรุ่งนี้วันอาทิตย์”“วันอาทิตย์ดาก็ทำงานค่ะ”“พรุ่งนี้พี่จะโทร. ไปลาให้”“แต่...” ยังไม่ทันจะโต้ตอบด้วยซ้ำ เขาก็ผละออก แต่ดาริณยังไม่ได้ขยับตัวในท่าอื่น ก็ต้องหวีดร้องอย่างซ่านเสี
“พี่ธี อย่า...อ๊า” ดาริณห้าม แต่สุดท้ายกลับร้องครางอย่างกลั้นไม่อยู่ เมื่อมือใหญ่นั้นเคล้าคลึงทรวงอกอวบของเธอ ก่อนสอดเข้าไปในชายเสื้อ ปลดบราฯ เธอออกอย่างง่ายดาย นิ้วโป้งก็ปาดไปยังยอดอกที่แข็งเป็นไตดาริณหมดแรงจะพาตัวเองออกจากห้วงอารมณ์หวามหวิว เธอได้แต่ร้องครางแผ่ว ดวงตาฉ่ำปรือนั้นหลับพริ้มดื่มด่ำกับความซ่านเสียวที่ร้างราจากสัมผัสของผู้ชายคนนี้ไม่กี่นาทีต่อมาเสื้อเธอก็หลุดจากตัว ริมฝีปากอุ่นผ่าวก็ครอบลงดูดยอดอก ดูดเบาๆ แต่ดาริณถึงกับร่างสะท้านด้วยความกระสัน“อ๊า พี่ธี...”ธีธัสเองก็เหมือนจะลืมทุกอย่างไปแล้วจริงๆ ตอนแรกแค่อยากจะหยั่งความรู้สึกของดาริณ ว่ายังรู้สึกกับร่างกายเขามากน้อยแค่ไหนตอนนี้เขารับรู้ว่ายังมีอิทธิพลเหนือจิตใจและร่างกายของดาริณเหมือนเดิม ตอนนี้อารมณ์และท่าทีของเธอเหมือนเด็กสาวในวันวานที่มีอะไรกับเขาครั้งแรก และยิ่งมันทำให้ธีธัสหมดความอดกลั้นเขาดูด ขบ เม้ม ทรวงสล้างที่ทั้งขาว อวบและขยายใหญ่กว่าเดิมด้วยความหลงใหล ลิ้นสากเขาลากเลียยอดอกรัวเร็ว จนดาริณครางเสียงดัง แอ่นอกขึ้นรับสัมผัสอย่างซ่านเสียว ร้องเรียกชื่อเขาไม่ต่างจากวันวานที่เคยร่วมเสน่หาดาริณสอดนิ้วเข้าไปในเร
พิศวาสหวนคืนวันนี้ลูกชายหลับเร็วกว่าทุกวัน อาจเพราะเหนื่อยจากการออกไปนอกบ้าน แถมกลับมาก็เล่นเตะบอลและว่ายน้ำอีกดารินเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวเพื่อจะเปลี่ยนจากชุดอยู่บ้านตอนลงไปกินข้าว เป็นชุดนอนสบายๆ ของเธอซึ่งเป็นเสื้อยืดตัวหลวมโพรกสีขาว และกางเกงขาสั้นผ้า ซาตินชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นร่างสูงที่ดูเหมือนกำลังจะเปลี่ยนชุดนอนเช่นกัน เขาเพิ่งถอดชุดอยู่บ้านออกจากตัว ตอนนี้ท่อนบนเปลือยเปล่าโชว์แผงอก กล้ามแขนและซิกแพ็กให้เธอลอบกลืนน้ำลายและตอนนี้เขากำลังจะถอดกางเกง“เดี๋ยว คุณไม่ได้อยู่คนเดียวนะ!” ดาริณพูดขึ้น ขณะเดินไปยังตู้เก็บเสื้อผ้าของตัวเอง ซึ่งอยู่คนละมุมกับตู้เสื้อผ้าของเขา“ทำเหมือนไม่เคยเห็น” ธีธัสแค่นเสียงใส่ แล้วถอดกางเกงขาสั้นออกจากตัว โดยไม่สนใจสายตาตกตะลึงของดาริณแน่นอนเธอเคยเห็นเขาเนื้อตัวเปลือยเปล่ามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ไม่มีอะไรที่เธอกับเขาจะเป็นความลับต่อกัน แต่สถานะของเธอกับเขาในตอนนี้ มันสมควรจะต้องเปิดเผยเรือนร่างต่อกันขนาดนี้ไหมแล้วถอดออกจนไม่เหลือสักชิ้น แทนที่จะรีบหยิบชุดนอนมาสวมใส่ กลับยืนเปลือยนิ่ง แล้วยังหันหน้ามาทางเธอ ที่ยังตกตะลึงอ้าปากค้าง เพราะคำพูดมั
เธออดไม่ได้จะลอบมองร่างสูงที่แผงอกกว้าง กล้ามแขนแน่น หน้าท้องเต็มไปด้วยซิกซ์แพ็ก ตัวเขาใหญ่ หนาขึ้นกว่าเมื่อก่อน นั่นยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์ดึงดูดสายตา และดึงดูดบางอย่างในกายเธอให้ร้อนผ่าวดาริณเก้อเขินเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ ดวงตาคมกริบนั้นก็หันมาทางเธอดาริณจึงหมุนตัวเข้าไปในห้องแต่งตัว ใส่ชุดว่ายน้ำบ้าง แม้จะเป็นชุดที่มิดชิด ทั้งเป็นแขนยาว ปิดถึงคอ แต่ชุดก็เข้ารูป เห็นสัดส่วนของเธอชัดเจนปกติรูปร่างของดาริณก็ถือว่าตัวเล็ก แต่ซ่อนรูป เพราะมีเอวคอดกิ่ว แม้จะผ่านการคลอดลูกมาแล้ว รูปร่างเธอไม่ได้เปลี่ยน กลับทำให้มีหน้าอกขยายขึ้น สะโพกก็ผายออกกว่าแต่ก่อนดาริณสวมหมวกว่ายน้ำ คาดแว่นตาไว้ที่ศีรษะ เดินออกไปยืนล้างตัวที่ข้างสระ โดยที่ไม่มีโอกาสเห็นสายตาคมกริบของคนที่อยู่ในสระที่กำลังสอนให้ลูกฝึกตีขา โดยให้เกาะอยู่บนโฟม และมีเขาช่วยพยุงตัวธีธัสกวาดมองทั่วร่างกลมกลึงนั้นอย่างสำรวจ เขายอมรับดาริณก็ยังเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างดึงดูดสายตาและอะไรบางอย่างในตัวเขาได้เสมอแม้เขาจะสรรหาผู้หญิงที่มีลักษณะคล้ายเธอ ทั้งหน้าตาและรูปร่างเพื่อสนองเรื่องบนเตียง ทว่าก็ไม่มีใครสามารถทำให้เขารู้สึกเหมือนตอนที่ได้ทำกับ