จากนั้นเธอก็เอนตัวลงข้างๆ แล้วเปิดหน้านิทานเล่มโปรดของลูก
“ยังมีชายชราผู้หนึ่งชื่อว่า เจพแพทโท เขาไม่มีลูกชายและอยู่ตัวคนเดียววันหนึ่ง เขาก็ได้สร้างหุ่นกระบอกที่ทำจากไม้ขึ้นมา 1 ตัวแล้วก็น่าประหลาดที่เจ้าหุ่นกระบอกนั่นเริ่มขยับตัวเอง
ชื่อของเธอคือ พิน็อคคิโอ นะ เธอจะต้องเป็นลูกชายที่ดีของฉันและจะต้องไปโรงเรียนด้วยนะ จะสัญญากับฉันได้ไหม
ครับ ผมสัญญา ผมจะเป็นเด็กดีและจะไปโรงเรียน”
..........
เธออ่านไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงบทสุดท้าย
“แจพพาโทและพิน็อคคิโอก็เดินทางกลับถึงบ้านได้
พิน็อคคิโอเสียใจกับสิ่งที่เขาทำไปมากๆ
เขารู้สึกเสียใจจริงๆต่อพ่อของเขา
นางฟ้าสีน้ำเงินจึงเสกให้พิน็อคคิโอกลายเป็นคนจริงๆและทั้งสองก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขแต่นั้นมา”
................
นิทานจบลงพร้อมกับได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของลูกชายที่หลับใหลไปแล้ว
ดาริณมองใบหน้าเล็กๆ นั้นด้วยความรัก เฝ้ามองแบบนี้ทุกคืนหลังลูกหลับ คิดเรื่อยเปื่อยถึงเรื่องราวที่ผ่านมา สุดท้ายความทรงจำต่างๆ ก็วนกลับไปยังเรื่องของผู้ชายที่เป็นพ่อของลูก
ป่านนี้อีกฝ่ายคงลืมเธอไปแล้ว ซึ่งก็ดีแล้ว เพราะเขาจะได้ไม่เจ็บปวดกับสิ่งที่เธอเคยทำต่อเขา สิ่งที่เธอรู้ดีว่าจนวันตายก็คงอภัยให้ตนเองไม่ได้ สิ่งที่เยียวยาความรู้สึกนั้นได้ก็คือลูกชาย ที่มีใบหน้าคล้ายกับผู้เป็นพ่อราวกับพิมพ์เดียว
ทั้งรูปหน้าเรียวคม ตาตี๋แต่คมกริบ จมูกโด่ง และริมฝีปากหยักสวย
เธอก้มลงหอมแก้มลูกชายเบาๆ แล้วนอนครุ่นคิดถึงเรื่องราวเก่าๆ ที่เคยมีเขาในชีวิต
มันเหมือนสิ่งหล่อเลี้ยงหัวใจในทุกค่ำคืน ตั้งแต่วันแรกที่รู้จัก ในมหาวิทยาลัย ที่เธอเพิ่งเป็นเฟรชชี่ ส่วนเขาเป็นรุ่นพี่ปีสามที่คณะ
แค่สบตาคมกริบนั้นเธอก็ตกหลุมรัก แล้วไหนจะใบหน้าหล่อ ตัวสูงโปร่ง แถมยังเป็นนักกีฬาฟุตบอลของมหาวิทยาลัย พอเขาเข้ามาคุยด้วย ขอเบอร์ติดต่อ เธอไม่คิดจะเล่นตัวเลยสักนิด พอได้ทำความรู้จัก ความรู้สึกตกหลุมรักตั้งแต่แรกที่เจอหน้า มันยังน้อยไป
ธีธัสเป็นผู้ชายที่อยู่กับคนทั่วไป เขาจะดูค่อนข้างเงียบขรึม บางคนติดจะเย็นชาด้วยซ้ำ แต่เวลาอยู่กับเธอหรือกลุ่มเพื่อนสนิท เขาก็ขี้เล่น ขี้แกล้ง สิ่งหนึ่งที่เธอชอบมากในตัวเขา เป็นคนนิสัยดี มีน้ำใจ และอ่อนโยนกับเธอมากๆ ดาริณคิดว่าโชคดีมากๆ ที่มีเขาเป็นคนรัก
แต่เขาคงโชคร้ายที่มารักผู้หญิงอย่างเธอ
“ขอโทษนะคะพี่ธี”
ก่อนหลับตาลงทุกคืน เธอไม่ลืมจะพูดคำนี้ เพื่อตอกย้ำความผิดของตัวเอง
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
ตอนพิเศษ : ครอบครัวของเรา สี่ปีต่อมา...“พ่อจ๋า หนูจะเตะบอลกับพี่ดรีม” เด็กหญิงดาริธัส ที่เพิ่งอายุครบสามขวบเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาบอกผู้เป็นพ่อ ขณะเดินเล่นในสวนด้วยกัน ส่วนพี่ชายวัยเก้าขวบกว่านั้นกำลังเตะฟุตบอลกับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนานวันนี้เป็นวันเสาร์ ลูกทั้งสองเรียนเปียโนในช่วงสายถึงเที่ยง ตอนบ่ายเลยได้เล่นสนุกกันได้อย่างเต็มที่ ซึ่งลูกชายคนโตนั้นได้ชวนเพื่อนๆ ร่วมชั้นเรียนมาเตะบอลด้วยกันที่สนามหญ้าข้างบ้าน โดยมีน้องสาวคนเดียวนั่งเชียร์อยู่ริมสนามกับผู้เป็นพ่อ พอเห็นพี่เล่นกันสนุกสนาน เจ้าตัวก็นึกอยากเล่นบ้าง“ไม่ได้หรอกลูก พี่ๆ จะชนหนูล้ม หรือไม่บอลจะโดนหนูแรงๆ ไว้ให้พี่เขาเล่นกับเพื่อนๆ เสร็จแล้ว หนูค่อยเล่นกับพ่อนะ”ตัวเล็กทำหน้าผิดหวัง แต่ก็พยักหน้ารับ ธีธัสหอมแก้มยุ้ยที่แดงปลั่งนั้นด้วยความเอ็นดูลูกสาวของเขาหน้าตาถอดแบบมาจากคุณแม่ราวกับแฝด รวมทั้งผิวพรรณขาวเนียน ใบหน้าเล็กๆ กับผมสองจุกยิ่งทำให้เจ้าตัวดูเหมือนตุ๊กตา โดยเฉพาะดวงตากลมโตเหมือนลูกแก้วตอนนี้เด็กหญิงดาริธัส เรียนอยู่อนุบาลหนึ่ง ชอบไปโรงเรียนมาก เพราะชอบเล่นกับเพื่อนๆเมื่อเด็กผู้ชายเลิกเล่นฟุตบอล และพากันไปกินของ
แล้วเขาก็เปลี่ยนท่าไปเรื่อยๆ กระทั่งมาหยุดอยู่ที่ท่าวูแมนออนท็อป ดาริณขย่มลงบนท่อนเนื้อเขาอย่างเร่าร้อน ขณะที่มือใหญ่ก็เคล้นคลึงทรวงอวบที่เด้งขึ้นลงตามจังหวะขย่มของเธอผมยาวของเธอสะบัดไปมา ใบหน้าบิดเบ้ ปากครางเสียงดังลั่น ร้องเรียกชื่อผู้เป็นสามีไม่หยุดธีธัสชอบดาริณในทุกอย่างที่เป็นเธอ ยามปกติเธอก็น่ารัก อ่อนหวาน ยามรักก็ร้อนแรงและไม่มีเหนียมอาย ทั้งการกระทำและคำพูดปลุกเร้าเขาได้อย่างดี ดาริณไม่เคยบ่นกับบทรักของเขาที่บางครั้งก็อ่อนโยน บางเวลาก็ร้อนแรงถึงขั้นดิบเถื่อน แต่แน่นอนไม่ถึงขั้นเจ็บหรือมีบาดแผล นอกจากร่องรอยของสัมผัสที่มีอยู่บนร่างกายบทสุดท้ายก่อนถึงปลายทาง ธีธัสอุ้มร่างกลมกลึงไปวางบนโต๊ะมุมห้อง จับขาชันเป็นรูปตัวเอ็ม ก้มลงดูดกลีบอวบอูมอีกครั้ง เพื่อให้เธอเร่าร้อนจนแทบคลั่ง ก่อนสอดแท่งร้อนเข้าหา กระแทกสะโพกใส่อย่างดิบเถื่อน เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังต่อเนื่อง ประสานกับเสียงครวญครางหวานหวิวและเสียงคำรามแหบพร่าของธีธัส กระทั่งเสร็จสมในเวลาเกือบพร้อมๆ กันจากนั้นเขาก็อุ้มเธอไปวางบนเตียง กอดคลอเคลียพร่ำคำรักอย่างอ่อนโยน กระทั่งหลับใหลไปด้วยกันทั้งคู่สามเดือนต่อมาคำว่าสวยงามเหมือน
“คุณแพม เธอสวยและเซ็กซี่จังนะคะ” เธอพูดในสิ่งที่ยังค้างคาใจ“กำลังรอให้ดาถามเรื่องเขาอยู่เหมือนกันนะ”“ถ้าพี่อยากเล่าอะไรเกี่ยวกับเขาก็เล่าได้ค่ะ ดาพร้อมฟัง”“หึงหรือเปล่าเนี่ย”“ไม่ค่ะ แต่หวงนิดหน่อย”“นิดหน่อยแน่นะ”“ไม่แน่ใจเลยค่ะ เพราะแวบหนึ่งดาก็คิดอยากให้พี่ธีกลับไปเป็นธีธัส ศิวารักษ์เหมือนเดิม เผื่อว่าพี่จะได้ดูด้อยกว่าคุณแพมในเรื่องฐานะ ส่วนหน้าตาก็รู้อยู่ พี่ธีเบ้าหน้าฟ้าประทาน”“อวยผัวตัวเองเกินไปแล้วนะ แต่ฟังแล้วรู้สึกดีกว่าคนอื่นๆ พูด ส่วนเรื่องคุณแพมไม่มีอะไร ก่อนหน้านั้นเขาก็ติดต่อพี่ตามปกติ กระทั่งครั้งล่าสุด พี่ปฏิเสธจะเจอเขา ให้เหตุผลไปแล้วเรื่องดากับลูก เขาก็ยอมรับ แต่ครั้งนี้ที่มาเจอกัน เพราะเขาอยากเจอพี่ครั้งสุดท้าย อยากเห็นดากับลูกเท่านั้นแหละ”“ท่าทางเขาคงชอบพี่มาก”“ก็น่าจะชอบปกติ และไม่ต้องกังวลเรื่องคุณแพมหรอก ไม่ว่าเขาจะชอบพี่มากหรือน้อย แต่เขาก็มีศักดิ์ศรีที่จะไม่ยุ่งกับคนมีครอบครัว ไว้ใจได้”“ฟังพี่ธีพูดแบบนี้แล้ว ดาไม่คิดมากแล้วค่ะ”“แสดงว่าก่อนหน้านี้คิด”“นิดหนึ่ง” แล้วดาริณก็หัวเราะกลบเกลื่อนที่เขารู้ทัน“เมื่อก่อนดาริณคนนี้มั่นใจในตัวพี่มาตลอดนะ ว่าพี่
เมื่อคิดถึงว่าพวกเขาเคยมีเซ็กซ์ที่เร่าร้อนต่อกันมากแค่ไหน สิ่งที่เขากับเธอ ธีธัสจะเคยทำกับผู้หญิงเหล่านั้นบ้างไหม แม้บางอย่างธีธัสบอกว่าทำกับเธอเพียงคนเดียว แต่เมื่อคิดว่าพวกเขากอดตรงนั้น จูบตรงนี้ พอคิดแล้วก็แปลบๆ ดี แต่มันก็ช่วยไม่ได้ เพราะเธอทิ้งเขาก่อน ความรู้สึกของเธอตอนนี้ก็ถือว่าเป็นการชดใช้ก็แล้วกันจากนั้นดาริณก็สูดลมหายใจลึกๆ ปลุกปลอบใจตัวเอง“ดา น้องดรีม มาด้วยรูปด้วยกันที่สระว่ายน้ำเถอะ” ธีรดนย์ร้องเรียก พร้อมกวักมือเรียก ขณะนั่งบนเก้าอี้ริมสระว่ายน้ำบ้านพักตากอากาศของตระกูลอรุณกรนั้น ธีธัสบอกกับดาริณว่า ผู้ที่รับมรดกเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์คือธีรดนย์ ส่วนธีธัสได้กรรมสิทธิ์เป็นเพนส์เฮ้าส์ตากอากาศที่หัวหิน ซึ่งเขาบอกเธอว่ายังไม่เคยมีโอกาสได้ไปพักผ่อน มีแต่ธีรดนย์ที่ใช้ที่นั่นบ่อยครั้งที่หัวหินนั้นก็เป็นอีกหนึ่งความทรงจำระหว่างเธอกับเขาสมัยยังเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน เพราะเขาเคยพาเธอไปเที่ยวหลายครั้ง พอเลิกกันแล้วก็ไม่อยากไปเที่ยวที่นั่นอีกแต่ในเมื่อคืนดีกันแล้ว เขาก็อยากพาเธอกับลูกไปพักผ่อนที่นั่น แต่ครั้งนี้เลือกมาที่ภูเก็ต เพราะเธอยังไม่เคยมีโอกาสมาเที่ยวที่นี่นั่นเอง บ
บทส่งท้าย : เป็นความรักเสมอมาริมชายหาด หน้าบ้านพักตากอากาศอรุณกรในจังหวัดภูเก็ต เด็กชายธีรดาเล่นปั้นดินปั้นทรายอยู่กับธีรดนย์อย่างเพลิดเพลิน ในขณะที่พ่อกับแม่ของเด็กชายนั้นกำลังถ่ายรูป“หอมแก้มกันหน่อย” อติรุจบอกคู่รักที่กำลังโอบกอดกันอยู่ริมชายหาด ขณะที่ตัวเขาเองกำลังทำหน้าที่ช่างภาพจำเป็น ด้วยการถือกล้อง DSLR ด้วยท่าทางทะมัดทะแมงธีธัสสนองต่อการเรียกร้องของเพื่อนรักด้วยการหอมแก้มภรรยา แถมจูบให้อีกหนึ่งฟอดใหญ่“พอๆ ให้หอมเฉยๆ ไม่ได้ให้จูบ” อติรุจแซว แต่ก็กดชัตเตอร์รัวๆกระทั่งเด็กชายธีรดาที่เนื้อตัวเปื้อนทรายวิ่งมาหา“ดรีมอยากถ่ายรูปคับ”“มาสิลูก” ธีธัสอุ้มลูกชายไว้ในอ้อมแขน จากนั้นภาพสามคนพ่อแม่ลูกก็ดูเหมือนจะมีมากกว่าภาพคู่ของธีธัสกับดาริณเสียอีก รวมทั้งภาพที่เล่นน้ำทะเลกันด้วย ธีรดนย์เข้ามาแจม ด้วยการแกล้งน้องชาย แทรกกลางระหว่างระหว่างธีธัสกับดาริณ“อะไรของพี่ ผัวเมียเขาจะถ่ายรูปกัน” ธีธัสว่า“อะไรของแก พี่ชายจะถ่ายรูปกับน้องสะใภ้และหลานชายบ้างไง” ธีรดนย์ผลักธีธัสออกจากเฟรม แล้วอุ้มเด็กชายธีรดาไว้ แล้วร้องบอกช่างภาพ“ถ่ายพี่หล่อๆ นะ”“ครับผม” แล้วอติรุจก็กดชัตเตอร์รัวๆ จนธีรดนย์พ
“โสดค่ะ เพิ่งเลิกกับแฟนมาไม่นานนี่เอง”“งั้นเราจะมีโอกาสได้เจอกันอีกไหมคะพี่ดา”“ถ้าว่างก็แวะไปเที่ยวที่อรุณกรรีสอร์ตสิ คุณธีเป็นเจ้าของที่นั่น และพี่ก็ช่วยงานในคาเฟ่ของรีสอร์ต”“อรุณกรรีสอร์ตเหรอคะ!” เพราะนั่นคือรีสอร์ตหรู ราคาห้องพักค่อนข้างแพง เธอก็ได้แต่เล็งๆ ไว้ว่ามีแฟนก็อยากให้ผู้ชายคนนั้นพาไปพักผ่อนที่นั่นบ้าง เพราะอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านนัก“ใช่ค่ะ ว่างก็ไปเที่ยวนะคะ ขอตัวก่อน ได้เวลากินของว่างน้องดรีมแล้ว” จากนั้นดาริณก็หยิบชุดว่ายน้ำ ที่เล็งไว้สามสี่ชุด รวมทั้งเสื้อผ้าสำหรับเดินเล่นชายหาดอีกหลายชุด แล้วเดินไปจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตที่ธีธัสให้ไว้อย่างเชิดๆ ทำให้น้ำรินมองด้วยสายตาริษยาอย่างปิดไม่มิดอยากมีชีวิตดีๆ แบบนี้บ้าง อยากมีผัวรวยๆ นั่นคือเป้าหมายในชีวิตของน้ำริน ส่วนดาริณนั้น เธอมั่นใจว่าข่าวซุบซิบเรื่องเธอกับลูกชายคงต้องเป็นข่าวที่อัปเดตใหม่เร็วๆ นี้แล้วในตอนเย็นเมื่อธีธัสเลิกงานดาริณก็เล่าเรื่องที่เจอน้ำรินให้อีกฝ่ายฟัง“ก็หวังว่าเขาจะได้เรื่องใหม่ไปซุบซิบน่ะ” ดาริณบอกจุดประสงค์ในการบอกเล่าเรื่องราวของตนเองให้น้ำรินรู้“พวกเขาจะนินทาว่าดาท้องแล้วจับผู้ชายคนนั้นน่ะสิ