บทที่ 5 อัลฟ่ากลิ่นไวน์
__________
หลังจบทริปพักผ่อนที่เขื่อนต่างจังหวัด สองอัลฟ่าก็เดินทางกลับเมืองหลวงในช่วงสายของวันถัดมา วีรกานต์ถูกพ่อแม่เอ็ดเสียยกใหญ่ว่าไปไหนไม่ยอมบอกกล่าว แต่ก็ได้อัลฟ่ากลิ่นองุ่นมาช่วยพูดให้ว่าเป็นตัวเขาเองที่ชวนอีกฝ่ายออกนอกสถานที่ไปหลายวัน
เมื่อการพักผ่อนจบลงก็ถึงคราวต้องกลับมาใช้ชีวิตเช่นเดิม
อัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีคาราเมลเอนกายพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน เขานั่งตรวจการบ้านของนักเรียนตัวเองมาตั้งแต่เช้าจนเวลาล่วงเลยมื้อเที่ยงมามากโข แม้จะรู้สึกหิวอยู่บ้างแต่เขาก็ยังไม่ยอมย้ายตัวเองออกจากห้องนอนเสียที
งานค้างเป็นกอง ไม่น่าหนีเที่ยวเลยวีรกานต์
วีรกานต์ถอนหายใจ หากเขาพูดประโยคนี้ให้อัลฟ่ากลิ่นองุ่นได้ยินมีหวังโดยงอนเป็นแน่ แต่ก็คงนั่งน้ำลายบูดอยู่คนเดียวสักสามชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ สี่ชั่วโมงเป็นอย่างมากก็จะกลับมาพูดคุยกับเขาดังเดิม
เขาหันมองด้านขวามือที่เป็นประตูกระจกใสกันไว้ระหว่างห้องนอนของเขาและพีรยุทธ์ มันมีผ้าม่านสีขาวคลุมไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวและตาข่ายดักฝันสีเดียวกันห้อยไว้
ประตูนั้นไม่เปิดมาสองวันแล้วตั้งแต่กลับมา
เขาคิดเอาเองว่าอีกฝ่ายคงจะงานท่วมหัวไม่แพ้กันและเข้ารู้ดีว่ามันเป็นงานที่ต้องใช้สมาธิมาก วีรกานต์จึงไม่อยากไปรบกวน
อัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีคาราเมลจ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่งพลางคิดว่าจะไปเปิดมันออกดีหรือไม่ ต้องงานยุ่งแค่ไหนกันถึงไม่มีเวลาพักมาคุยเล่นกับเขาอย่างที่เคยทำ
มันเป็นความรู้สึก...น้อยใจหรือเปล่านะ
ทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น เพราะตัวเขารู้ดีว่าอัลฟ่ากลิ่นองุ่นกำลังทำงานที่คั่งค้างของตนเองเหมือนกับเขา เมื่อเสร็จแล้วคงจะออกจากห้องมาเจอกันเอง
วีรกานต์ส่ายศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาจับเม้าส์ปากกาตรวจงานให้กับนักเรียนตามเดิม แต่เพียงไม่นานก็ตัดสินใจลุกออกจากเก้าอี้ทำงานเพราะรู้สึกว่าไม่มีสมาธิเอาเสียเลย
เขาเดินลงมาที่ห้องครัวชั้นล่างของบ้าน เขาตั้งหม้อต้มน้ำและหยิบห่อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาต้มทานเป็นมื้อเที่ยง
เมื่อจัดการอาหารง่าย ๆ ของตนเสร็จก็นำออกไปนั่งทานกับพ่อแม่ที่นั่งอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์
“ไง กว่าจะออกจากห้องได้นะเรา” เสียงแหบทุ้มของอัลฟ่าผู้เป็นพ่อเอ่ยทักลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่เพิ่งจะได้ฤกษ์ยามออกจากห้องนอนเสียที
“ก็ตรวจงานเด็กอยู่นี่ครับ ส่งมากันให้พรึบเลย” อัลฟ่าชากุหลาบบึนปากแล้วย่นจมูกเล็กน้อย เขาจับตะเกียบคีบเอาเส้นหยักสีเหลืองเข้าปากจนเต็มคำ
“หนีเที่ยวไปตั้งหลายวันนี่ งานท่วมเลย” เสียงใสของเบต้าหญิงสาวเพียงคนเดียวในบ้านเอ่ยขึ้น
“แม่ครับ...” วีรกานต์ส่งเสียงออดอ้อนมารดา วางอุปกรณ์สำหรับทานอาหารแล้วขยับกายเข้าใกล้ โน้มศีรษะแนบลงไปกับหน้าตัก
เขาไม่ได้หนีเที่ยวเสียหน่อย แม่กับพ่อต่างหากที่หนีเขาไปสวีทกันตั้งไกล
ผู้เป็นแม่เมื่อเห็นลูกชายเพียงคนเดียวแสดงอาการออดอ้อนที่นานครั้งจะเห็นก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบเส้นผมสีคราเมลนั่นอย่างแผ่วเบาพร้อมรอยยิ้มบาง
“ไม่ต้องเลยกานต์ ลุกขึ้นไปกินดี ๆ แล้วดูสิเนี่ย แม่อุตส่าห์ทำพะโล้ไว้ให้ดันไปต้มบะหมี่กิน เจ้าลูกคนนี้” มือบางของเบต้าหญิงสาวออกแรงดันหัวลูกชายให้ลุกออกจากตัก ไม่วายเอ็ดอัลฟ่าชากุหลาบไปที
“รักแม่ครับ” วีรกานต์ดีดตัวขึ้นนั่งอย่างไวก่อนจะพุ่งไปขโมยหอมแก้มใสของมารดาฟอดใหญ่จนโดนคนเป็นแม่ฟาดเข้าให้ที่ต้นแขนแล้วกลับมานั่งทานมื้อเที่ยงของตนอย่างสบายใจ
วีรกานต์กลับขึ้นมานั่งทำงานบนห้องอยู่พักใหญ่ก็ตัดสินใจปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เพราะเขารู้สึกว่าวันนี้ตัวเองไม่มีสมาธิมากพอจะจดจ่อกับงานได้เท่าที่ควร ฝืนทำต่ออาจจะมีข้อผิดพลาดก็ได้
ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มเศษ เสียงใสของมารดาเรียกให้เขาลงไปทานมื้อค่ำแต่เขารู้สึกไม่อยากอาหารจึงเอ่ยปฏิเสธไป
เกือบสามวันเข้าไปแล้วที่อัลฟ่ากลิ่นองุ่นไม่ได้มาแสดงตัวให้เขาเห็นเลยแม้แต่เงา แม้ปกติเจ้าตัวจะมีงานรัดขนาดไหนแต่ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะหายไปเป็นวันเช่นตอนนี้
แบบนี้มันผิดปกติเกินไป
หรือบางทีอาจเป็นเขาเองที่กระวนกระวายมากเกินเหตุทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วมันไม่มีอะไร
อัลฟ่าชากุหลาบถอนหายใจเป็นรอบที่สามของวัน เขาสะบัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตนทิ้งไป
ท่อนขาของอัลฟ่าก้าวพาตัวเองขึ้นบบเตียงนอนแล้วล้มกายลงสะบัดผ้าห่มมาคลุมร่างกายหนีความหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ดวงตาสีเฮเซลนัทลืมมองเพดานสีขาวสะอาดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปิดลงในไม่กี่นาทีต่อมา
พักสมองสักหน่อยน่าจะดีขึ้น
หากวันพรุ่งนี้พีรยุทธ์ยังไม่มาปรากฏตัวให้เห็น คนที่จะเปิดประตูกระจกบานนั้นในรอบสามวันเห็นทีว่าคงเป็นตัวเขาเองที่ทนเป็นห่วงอีกฝ่ายไม่ไหว
อัลฟ่าบนเตียงนอนนุ่มขยับกายไปมาอย่างคนอยู่ไม่สุข เขาหลับไปตั้งแต่ช่วงสองทุ่มแต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น
นาฬิกาบนผนังบอกเวลาสามทุ่มเศษ ภายในหัวของวีรกานต์ยังคงครุ่นคิดถึงอัลฟ่ากลิ่นองุ่นที่หายหน้าหายตาไปนานเสียหลายวัน เขาเป็นกังวลว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไรไปหรือไม่ถึงได้เงียบหายไปเช่นนี้
หรือว่าจะไม่สบาย
ไวกว่าความคิด อัลฟ่าชากุหลาบดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนนุ่มในทันที เส้นผมสีคาราเมลพันกันยุ่งจากการขยับตัวไปมาของเจ้าตัว เขาสางมันด้วยมืออย่างลวก ๆ คล้ายกับไม่ได้สนใจ
เมื่อสัปดาห์ก่อนพวกเขาไปเที่ยวเล่นกัน หากอีกฝ่ายจะไม่สบายเพราะถูกสายน้ำหรืออากาศที่ไม่คุ้นชินสัมผัสจนร่างกายอ่อนแอเขาก็ไม่คิดว่ามันแปลก กลับกันเขายิ่งเป็นห่วงเจ้าเพื่อนอัลฟ่ายิ่งกว่าเดิมเสียอีก
วีรกานต์หย่อนเท้าลงกระเบื้องยางสีน้ำตาลแล้วไปยืนอยู่หน้าประตูบานใส เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือไปปัดผ้าม่านและเลื่อนประตูกระจกออก
กลิ่นหอมอบอวลของฟีโรโมนกลิ่นองุ่นตลบไปทั่วห้องนอนสี่เหลี่ยมของอัลฟ่าเจ้าของห้อง มันฟุ้งกระจายเสียจนอัลฟ่าชากุหลาบมึนหัว เขาทึ้งศีรษะไล่อาการมึนงงก่อนจะสะบัดหัวแล้วเพ่งสายตามองหาเจ้าของห้อง
เตียงนอนสีขาวสะอาดว่างเปล่าไร้ผู้คน ผ้าห่มนวมผืนหนายับเยิบมีส่วนหนึ่งกองอยู่บนพื้นข้างเตียง อัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีคาราเมลกวาดตามองไปทั่วห้องนอนที่มืดสนิท
พีรยุทธ์ไม่อยู่ห้องหรือ
แล้วทำไมฟีโรโมนของเจ้าตัวถึงได้หอมฟุ้งจนรู้สึกฉุนจมูกและกระจายอยู่ทั่วห้องแบบนี้
ตุ้บ!
อัลฟ่าชากุหลาบหันขวับตามเสียงทันที เสียงนั้นดังมาจากทางห้องน้ำด้านขวา เขาขมวดคิ้วแน่นเป็นปมเมื่อความสงสัยใคร่รู้และความเป็นห่วงเพื่อนอัลฟ่าตีตื้นขึ้นมา
เขาไม่รอช้ารีบสาวเท้าเข้าไปใกล้ประตูห้องน้ำทันที มือของอัลฟ่าเอื้อมบิดลูกบิดออกอย่างไม่ลังเล
ไม่ได้ล็อก
วีรกานต์ผลักประตูที่เป็นสิ่งกีดขวางออกให้พ้นทางก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปภายในเพื่อหวังว่าจะได้เจอกับพีรยุทธ์ที่เป็นเจ้าของฟีโรโมนกลิ่นองุ่น แต่ความเย็นและความชื้นแฉะที่ฝ่าเท้าเขาได้สัมผัสมันทำให้ท่อนขาของวีรกานต์หยุดชะงัก
ที่หน้าห้องน้ำมันไม่ควรมีน้ำเจิ่งนองมากขนาดนี้
คิ้วสีน้ำตาลของอัลฟ่าชากุหลาบขมวดมุ่นเป็นปมยิ่งกว่าเดิมเมื่อมีความคิดว่าพีรยุทธ์จะเป็นอันตรายแล่นเข้ามาในหัว
วีรกานต์รีบสาวเท้าเข้าไปก็ยิ่งเป็นกังวล ผ้าขนหนูที่ควรถูกพับเก็บเข้าชั้นอย่างเป็นระเบียบตอนนี้มันถูกรื้อออกมาให้กองอยู่บนพื้นจนเปียกชุ่ม ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าใกล้กับกระจกก็ล้มระเนระนาดไม่เป็นทาง
เสียงสายน้ำตกกระทบพื้นเรียกความสนใจของอัลฟ่าชากุหลาบให้หันมอง เขาไม่รอช้าที่จะรีบก้าวเข้าไปใกล้อย่างเป็นกังวลต่อเพื่อนอัลฟ่าและปราศจากความกลัว
ในตอนนี้เขากลัวว่าพีรยุทธ์จะเป็นอะไรไปเสียมากกว่า
เมื่อมาถึงโซนเปียกภายในห้องน้ำที่เป็นที่มาของเสียงเขาก็รีบเลื่อนประตูกระจกที่ปิดไม่สนิทออกในทันทีก่อนจะผงะตกใจเมื่อได้เห็นสภาพของอัลฟ่ากลิ่นองุ่น
เส้นผมสีดำสนิทเปียกชุ่มตกลู่ลงปิดบังใบหน้าคม สายน้ำจากฝักบัวไหลผ่านแผ่นอกเปลือยเปล่าของพีรยุทธ์ ฟีโรโมนที่ปกติเคยเป็นกลิ่นองุ่นตอนนี้หอมหวานคล้ายกลิ่นไวน์ ทำเอาวีรกานต์เกิดอาการครั่นเนื้อครั่นตัว เผลอสูดกลิ่นหอมนั่นเข้าไปเสียเต็มปอด
ไวน์องุ่น
หากได้ลิ้มลองคงยากจะถอนตัว
แปลก ปกติแล้วอัลฟ่าด้วยกันจะได้กลิ่นฟีโรโมนของอีกฝ่ายแต่ไม่ใช่สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้
อีกฝ่ายหอบหายใจจนร่างกายท่อนบนกระเพื่อมอย่างหนัก อีกทั้งท่อนล่างยังเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ใด ๆ ปกปิด
แก่นกายของอัลฟ่ากลิ่นองุ่นก็ชูชันขึ้นจนน่ากลัว
ขนาดมันยิ่งกว่าของเขาเสียอีก
พีรยุทธ์กำลัง...รัทงั้นหรือ
แต่...ทำไมกัน
อาการรัทของอัลฟ่าจะเกิดขั้นได้แค่ปีละครั้ง กินเวลาไปสามถึงสี่วัน ซึ่งหมายความว่าเหล่าอัลฟ่าจะพร้อมสำหรับการผสมพันธ์กับโอเมก้าที่เป็นคู่ครองตามหลักธรรมชาติในช่วงนี้
แต่อัลฟ่ากลิ่นองุ่นที่กำลังนอนตัวเปียกร่างกายเปลือยเปล่าอยู่ในตอนนี้ยังไม่ถึงช่วงของการรัทเลยด้วยซ้ำ
พวกเขารัทในเวลาไล่เลี่ยกันเสมอ
วีรกานต์จำได้ดี และกว่าจะถึงช่วงนั้นของพวกเขามันก็อีกหลายเดือน
ทำไมกัน
“ก...กานต์” เสียงแหบทุ้มดังขึ้นเรียกสติของอัลฟ่าชากุหลาบ
พีรยุทธ์เปิดเปลือกตาปรือปรอย ร่างหนาของอัลฟ่าสั่นเทิ้ม เขาขยับตัวตะแคงข้างอย่างยากลำบากพลางใช้ลำแขนตระกองกอดกายเปลือยเปล่าของตนไว้แน่น ท่อนขาทั้งสองข้างก็ขดขึ้นปิดจุดสงวนเอาไว้อย่างมิดชิด
เขาไม่อยากให้วีรกานต์เห็นตัวเองในสภาพแบบนี้เลย
อัลฟ่าชากุหลาบรีบสาวเท้าเข้าไปหาอัลฟ่ากลิ่นองุ่น เอื้อมมือไปปิดฝักบัวไม่ให้สายน้ำตกกระทบอีกฝ่ายไปมากกว่านี้ ก่อนจะรีบวิ่งออกไปเลือกหาผ้าขนหนูสักผืนที่ยังไม่เปียกมากบนพื้นหน้าห้องน้ำมากอดไว้ แล้วรีบวิ่งกลับมาใช้ผ้าผืนหนาคลุมตัวพีรยุทธ์เอาไว้
อัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีรัตติกาลตัวสั่นเทิ้ม เมื่อไม่มีสายน้ำเย็นฉ่ำตกกระทบกายความรู้สึกหนาวเย็นก็เข้าครอบคลุมไปทั่วร่าง วีรกานต์รีบรุดนั่งคุกเข่าอยู่ข้างกายแล้วตระกองกอดกายหนาของอัลฟ่ากลิ่นองุ่นหวังให้อีกฝ่ายคลายอาการสั่นเทาได้บ้าง
หากแต่ตอนนี้ฟีโรโมนเข้มข้นของพีรยุทธ์กำลังแผ่กระจายไปทั่วอย่างรุนแรงจนเขาต้องเบ้หน้า ภายในอกบีบรัดแน่นคล้ายกับหายใจไม่ออก อาการครั่นเนื้อครั่นตัวและร้อนรุ่มเกิดขั้นตั้งแต่ที่ได้เห็นอัลฟ่ากลิ่นองุ่น
ไม่...ตอนนี้มันมากกว่านั้น
กลิ่นไวน์
องุ่นที่ถูกบ่มอย่างดีจนกลายเป็นไวน์รสเลิศ
หอมหวาน และน่าลิ้มลอง
วีรกานต์สะบัดหัวทิ้งความคิดที่กำลังเตลิดของตัวเอง ในตอนนี้สิ่งที่เขาควรจะสนใจคืออัลฟ่าร่างหนาที่กำลังนั่งตัวสั่นคนนี้
“ไม่เป็นไรพี ไม่เป็นไร กานต์อยู่นี่แล้ว” อัลฟ่าชากุหลาบกอดรัดเพื่อนอัลฟ่าไว้เสียแน่นไม่ยอมปล่อย ซ้ำยังกระชับอ้อมแขนขึ้นอีกระดับ
“...กานต์ ค...ครับ” พีรยุทธ์รวบรวมกำลังที่มีทั้งหมดเพื่อเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างยากลำบาก ลำคอแห้งผากกระหายน้ำและความร้อนรุ่มที่สะสมอยู่ภายในกายทำให้เขาแทบไม่เหลือเรี่ยวแรง
“ลุกไหวไหม กานต์ช่วยนะ” วีรกานต์เอ่ยบอกอย่างกระตือรือร้นพลางพยายามดันกายของตนและคนในอ้อมแขนให้ลุกขึ้นจากพื้นเปียกชื้นแต่ไม่เป็นผล
“พ...พีร้อน กานต์ ค...ครับ” อัลฟ่ากลิ่นองุ่นขบเม้มริมฝีปากแน่น นิ้วทั้งหมดถูกกำเข้าหากันจนขึ้นข้อขาว ทำให้วีรกานต์รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังอดกลั้นเพียงใด
“กานต์รู้ แต่พีลุกก่อนนะ เดี๋ยวจะไม่สบาย” อัลฟ่าชากุหลาบย้ายตัวเองไปยืนที่ด้านหลังของพีรยุทธ์ก่อนจะยอบตัวลง ใช้ท่อนแขนของอัลฟ่าสอดไว้ใต้รักแร้แล้วออกแรงดึงให้อีกฝ่ายลุกตามกัน
พีรยุทธ์เองก็พยายามอย่างมากเพื่อลุกขึ้นยืน เขาไม่อยากให้เพื่อนอัลฟ่าต้องเหนื่อยกับตัวเองมากเกินไป
แค่ที่มาเห็นเขาในสภาพแบบนี้ก็มากพอแล้ว
“กานต์พาไปนอนที่เตียงนะ” วีรกานต์ออกแรงลากพีรยุทธ์ออกมาจากห้องน้ำ พื้นที่เปียกจนน้ำเจิ่งนองและน้ำหนักของอัลฟ่ากลิ่นองุ่นที่ทิ้งตัวลงมาทำให้เขาทำอะไรได้ลำบาก กว่าจะพาอีกฝ่ายมาถึงเตียงก็ทุลักทุเลพอสมควร
อัลฟ่าชากุหลาบวางร่างหนาของพีรยุทธ์ลงบนที่นอนนุ่ม ทันทีที่ถึงจุดพักอัลฟ่ากลิ่นองุ่นก็ขดตัวจนงอแล้วหันหลังหนีวีรกานต์ทันที
เขาอายเหลือเกิน
วีรกานต์ขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นท่าทีของพีรยุทธ์ แต่เขาก็พอจะเข้าใจได้ว่าเป็นเพราะเหตุใดจึงทำเป็นไม่สนใจแล้วเริ่มค้นตู้ต่าง ๆ ภายในห้องสี่เหลี่ยมนี้ “ยาแก้รัทอยู่ไหนพี”
ไม่มีเสียงตอบรับจากอัลฟ่ากลิ่นองุ่นจนวีรกานต์ต้องหันกลับไปมองคนบนเตียง พีรยุทธ์กำลังกัดกำปั้นตัวเองจนเลือดซิบ มือหนาอีกข้างก็ลงเล็บจิกท่อนขาตัวเองจนห้อเลือดเช่นกัน
“พีหยุด!” วีรกานต์เบิกตาโพลงก่อนจะรีบก้าวขึ้นเตียงไปนั่งลงข้างกายอัลฟ่ากลิ่นองุ่น เขาพยายามแงะมือหนาทั้งสองข้างของพีรยุทธ์ออกแต่ก็ไม่เป็นผล
“พีปล่อย! กานต์สั่ง ปล่อยเดี๋ยวนี้!” อัลฟ่าชากุหลาบออกแรงทั้งดึงและทึ้งจนกลัวว่าพีรยุทธ์จะเจ็บตัว แต่ถ้าหากเขาไม่ทำอีกฝ่ายจะเจ็บตัวมากกว่า
วีรกานต์ตัดสินใจพลิกร่างหนาให้นอนราบกับเตียงก่อนจะขึ้นคร่อมบนหน้าอกแกร่งแล้วออกแรงดึงแขนทั้งสองของพีรยุทธ์อีกครั้ง
ครั้งนี้มันได้ผล
เขาใช้ท่อนขาของตนเองตรึงแขนของอัลฟ่ากลิ่นองุ่นไว้ทั้งสองข้างแล้วใช้มือกดที่หัวไหล่เรียกสติอีกฝ่ายจนได้ยินเสียงคำรามในลำคอคล้ายกับถูกขัดใจ
“พีฟังกานต์! มีสติหน่อย ยาแก้รัทอยู่ไหนพี” อัลฟ่าชากุหลาบตะเบ็งเสียงเพื่อเรียกสติ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลเลยสักนิด
อัลฟ่ากลิ่นองุ่นปิดเปลือกตาแน่น ฟันขบกันจนเห็นสันกรามเด่นชัด ลูกกระเดือกและหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงถี่ยิบจนวีรกานต์ต้องออกแรงกดไหล่ไว้แน่น กลิ่นฟีโรโมนที่ฟุ้งกระจายอยู่ก่อนหน้าก็แรงขึ้นอีกระดับจนอัลฟ่าชากุหลาบมึนหัว
ไม่ใช่
พีรยุทธ์ไม่เคยเป็นขนาดนี้
ครั้งนี้มันรุนแรงเกินไป
“พีตั้งสติ! ลืมตาแล้วฟังกานต์!”
อ๊ากกก!!
แค่เพียงจบประโยควีรกานต์ก็ถูกดันจนหงายหลังอย่างแรงก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายถูกคร่อมแทนโดยอัลฟ่ากลิ่นองุ่น
ร่างของพีรยุทธ์คร่อมทับอัลฟ่าชากุหลาบ ท่อนแขนหนาของอัลฟ่าตรึงข้อมือทั้งสองข้างอีกฝ่ายไว้กับเตียงจนวีรกานต์ต้องเบ้หน้าเพราะรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์กาย
ร่างหนาของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามตัว อุณหภูมิในร่างกายร้อนระอุจนคนใต้ร่างสัมผัสได้ เส้นผมสีดำสนิทกระเซอะกระเซิงไม่เป็นทรง ดวงตาสีรัตติกาลบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองอร่ามแต่แววตากลับแข็งกร้าวคล้ายกับคนไม่มีสติ ริมฝีปากหนาอ้าออกกว้างเผยให้เห็นสิ่งประหลาดที่อยู่ภายในนั้น
เขี้ยว
เป็นไปไม่ได้
#พีขอโทษ
เอ้า อั่ยยูกหมามุนเป็นไร
สปอยล์ก่อนว่าตอนหน้าแอบแซ่บ🤭
ปล.ตั้งแต่ตอนต่อไปจันขออนุญาตติดเหรียญอ่านล่วงหน้า 3 เหรียญนะคะ หลังจากนั้น 1 อาทิตย์จะปลดให้ค่ะ ขอค่าไฟให้จันหน่อยน้าา
คอมเม้นพูดคุยกันได้ค่ะ จันเหง๊าเหงา55555
TW : dao_jun000
Special 2 บันทึกของพีและกานต์ _______ตั้งแต่จำความได้เขาก็ตัวติดกับวีรกานต์แล้ว อาจจะเพราะเรียนชั้นเดียวกันและอายุห่างกันแค่ไม่กี่เดือนทำให้พวกเราสนิทกันมากแต่เพราะความเป็นอัลฟ่าทั้งคู่ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านเป็นกังวลว่าหากวันใดที่พวกเขาเกิดบาดหมางกันขึ้นมาจะกลายเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ยากอัลฟ่ามักหวงถิ่นและไม่ค่อยชอบใจนักที่มีอัลฟ่าอีกหนึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ของตนแต่มันก็ไม่เคยเกิดขึ้นพีรยุทธ์และวีรกานต์ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางหรือผิดใจกันสักครั้ง อย่างมากก็แค่ออกอาการแง่งอนตามประสาซึ่งแน่นอนว่าส่วนมากมักจะเป็นอัลฟ่าคนน้องหลายครั้งอาจมีการลงไม้ลงมือบ้างแต่ไม่ใช่การทำร้ายกัน เป็นพีรยุทธ์ที่ทำร้ายตัวเองหรือข้าวของต่าง ๆ เพราะอัลฟ่าคนนี้เป็นคนอารมณ์ร้อนมาแต่ไหนแต่ไร และทุกครั้งคนที่ทำให้สงบลงได้ก็เห็นจะมีแค่เพียงอัลฟ่าคนพี่อย่างวีรกานต์เท่านั้นห้องนอนถูกทุบกำแพงทิ้งเพื่อติดตั้งประตูกระจกตามคำเรียกร้องของสองอัลฟ่าวัยอนุบาล ในตอนแรกความคิดนั้นถูกขัดขึ้นมาด้วยเหตุผลต่าง ๆ แต่อัลฟ่าคนน้องก็ปล่อยโฮจนคนเป็นแม่อ่อนใจ คนพี่ก็ไม่คิดเอ่ยขัดน้องมันจึงลงเอยด้วย
Special 1 กานต์อยากให้ทำ _______ ยามนี้ท้องฟ้าถูกระบายไปด้วยสีดำสนิท มีจุดสีขาวแต้มไปทั่วให้ความสว่างควบคู่ไปกับแสงประดิษฐ์บนท้องถนนและตามตึกราต่าง ๆ ภายในห้องนอนของคอนโดใจกลางเมืองมีคุณพ่อคุณแม่มือใหม่กำลังอยู่ในห้วงนิทรา สองร่างของหนึ่งอัลฟ่าและหนึ่งโอเมก้ากอดก่ายมอบความอบอุ่นให้แก่กันอย่างเช่นทุกวัน ที่ด้านข้างเตียงมีที่นอนขนาดเล็กถูกล้อมไว้ด้วยแผ่นไม้หลายซี่จนกลายเป็นกรงขนาดย่อม ด้านในมีฟูกหนารองรับ หมอนข้างอันเล็กถูกวางกั้นไว้ทั้งสี่ทิศทางเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กน้อยด้านในกลิ้งกระแทกจนเจ็บตัว ผ้าห่มผืนสะอาดก็คลุมอยู่บนตัวของเด็กชายโอเมก้าวัยห้าเดือนเศษ โอเมก้าน้อยอยู่ในชุดสีครีมนวล มือและเท้าทั้งสองข้างถูกหุ้มไว้ด้วยถุงผ้าขนาดพอดีข้อมือข้อเท้าเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กน้อยซุกซนจิกเล็บบนเนื้อตัวเอง ดวงตาทั้งสองข้างปิดพริ้ม ใบหน้าจิ้มลิ้มที่หากใครได้เห็นก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าถอดแบบคนเป็นแม่มาแทบทุกกระเบียดนิ้ว ประกอบกับพวงแก้มคล้ายลูกซาลาเปานั่นยิ่งทำให้โอเมก้าน้อยดูน่าเอ็นดูเป็นไหน ๆ น่าเอ็นดูจนคนเป็นพ่อออกอาการหวงลูกชายตั้งแต่
บทที่ 26 คุณพ่อและคุณแม่ (end)_______การสังสรรค์มื้อค่ำจบลงตอนใกล้เข้าวันใหม่ คุณพ่อคุณแม่ลูกอ่อนช่วยกันเก็บล้างจานชามและสถานที่ทานอาหารด้านหน้าของบ้าน ปล่อยให้หนุ่มสาววัยกลางคนกลับเข้าบ้านไปพักผ่อนก่อนพวกเขาจะตามไปบ้างพีรยุทธ์อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียงในห้องของคุณแม่โอเมก้าระหว่างรออีกฝ่ายเข้าห้องน้ำไปชำระล้างร่างกายดับกลิ่นควันกลิ่นอาหารก่อนเข้านอน ซึ่งเขาอาบน้ำมาแล้วก่อนหน้า เมื่อจัดการตัวเองเสร็จสรรพจึงได้ถือวิสาสะเข้าห้องวีรกานต์มานั่งรอไม่นานจมูกโด่งก็ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่และฟีโรโมนชากุหลาบก่อนดวงตาสีรัตติกาลจะเห็นว่าวีรกานต์กำลังสาวเท้ามาทางตน รอยยิ้มบางผุดขึ้นทันทีแล้วรีบเด้งตัวขึ้นนั่งหลังตรง ท่อนแขนหนาอ้าออกกว้างเพื่อรับเอาคุณแม่โอเมก้ามาไว้ในอ้อมกอดซึ่งอีกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีวีรกานต์ทรุดกายลงนั่งบนที่นอนนุ่มโดยมีคุณพ่ออัลฟ่าเกาะเกี่ยวอยู่ไม่ห่าง เขาวางกองผ้าที่หอบมาไว้ริมที่นอน จัดการตำแหน่งให้พวกมันโอบล้อมตัวเองตามสัญชาตญาณของคนเป็นแม่ ทั้งหมดนั้นเป็นเสื้อผ้าของพีรยุทธ์ที่เขาขอจากอีกฝ่ายไว้ก่อนหน้า แน่นอนว่าเมื่อครู่เขานำมันเข้าห้องน้ำไปด้วยเพร
บทที่ 25 ช้ากว่าแต่รักเหมือนกัน_______เป็นอีกวันที่หนึ่งโอเมก้าและหนึ่งอัลฟ่านอนกอดก่ายมอบความอบอุ่นให้กันจนเช้า อันที่จริงต้องบอกว่ามันสายสักหน่อยเพราะนี่ก็ใกล้จะถึงมื้อเที่ยงแล้วยิ่งช่วงเช้ามืดที่ผ่านมากว่าจะกล่อมกันนอนได้คุณแม่โอเมก้าก็พูดจนปากเปียกปากแฉะเพื่อปลอบประโลมพีรยุทธ์ที่ยังอยู่ในห้วงของความกังวลและความกลัว กินเวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมงถึงสงบลงได้โดยที่ยังมีคราบน้ำตาเปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้าแต่วีรกานต์ก็ต้องลำบากอีกครั้งเมื่อถูกกอดรัดไว้เสียแน่นไม่ยอมปล่อย แต่หากถามว่าเขายอมหรือไม่ก็ตอบได้ทันทีเลยว่ายอมด้วยความเต็มใจดีเสียอีก...มีกลิ่นฟีโรโมนของพีรยุทธ์โอบล้อมกายทั้งหอมทั้งผ่อนคลาย"...หอมจัง" น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยกระซิบข้างใบหูของวีรกานต์อาจเป็นเพราะเมื่อคืนใช้เสียงกับการร้องไห้ไปมากมันเลยส่งผลมาจนถึงเช้าวันนี้ไม่ว่าเปล่า จมูกโด่งสูดดมกลิ่นหอมของฟีโรโมนชากุหลาบตามลำคอขาวแล้วไล่พรมจูบไปตามลาดไหล่มนที่โผล่พ้นคอเสื้อขึ้นมา ท่อนแขนหนาก็กระชับกอดรัดคุณแม่โอเมก้าไว้แน่น"พอแล้วพี" แม้จะชอบใจที่ถูกกลิ่นองุ่นของพีรยุทธ์โอบล้อมกายแต่ตอนนี้เป็นเวลาสายมากแล้ว พวกเขาทั้งคู่ควรลุกจาก
บทที่ 24 ปลดล็อคซึ่งกันและกัน______คืนนี้ไม่มีพระจันทร์คอยให้แสงสว่างในยามค่ำคืน มีเพียงแสงไฟประดิษฐ์ที่ประดับประดาอยู่บนท้องถนนและตามตึกสูงใหญ่ เป็นเมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหลสักวินาทีเดียวมื้อเย็นวานก่อนผ่านไปได้ไม่ดีนัก พวกเขาทั้งคู่ไม่มีใครอยากทานอาหารต่อ บนโต๊ะอาหารจึงจบลงด้วยการแยกย้ายกันโดยที่พีรยุทธ์เดินไปส่งคุณแม่โอเมก้าเข้าห้องนอนแล้วกลับมาเคลียร์โต๊ะอาหารเมื่อตรวจสอบว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วเขาก็เตรียมตัวเข้านอนเช่นกัน แม้จะฟูมฟายเพียงไม่นานแต่กลับรู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลียเสียจนอยากจะล้มตัวลงนอนมันตรงนั้นมือหนาของอัลฟ่าเอื้อมเปิดประตูแผ่วเบา พยายามอย่างมากไม่ให้มันเกิดเสียงดังรบกวนคุณแม่โอเมก้าที่น่าจะกำลังอยู่ในห้วงนิทราแสนหวานด้านในพีรยุทธ์งับประตูลงแล้วสาวเท้าพาตัวเองมายืนข้างเตียง ดวงตาสีรัตติกาลมองผ่านความมืดไปหาคนบนเตียง บนนั้นมีร่างของคุณแม่โอเมก้านอนอยู่ ข้างกายทั้งสองฝั่งมีกองเสื้อผ้าขนาดย่อมโอบล้อมไว้ ทั้งหมดนั่นเป็นเสื้อที่คุณพ่ออัลฟ่าใส่แล้วทั้งนั้น อีกทั้งในอ้อมแขนยังมีเสื้อเชิ้ตที่เขาเพิ่งใส่เมื่อเช้าถูกกอดรัดไว้จนแน่นอีกด้วยวีรกานต์เป็นแบบนี้มาหนึ่งสัปด
บทที่ 23 ไม่เอาแล้ว_______อัลฟ่ากลิ่นองุ่นกำลังง่วนอยู่กับการทำมื้อเย็นในครัว วันนี้เขาเลือกเป็นผัดผักและต้มจืดวุ้นเส้น เมนูง่าย ๆ ที่เบาท้องแต่ให้สารอาหารครบครันสำหรับคุณแม่ลูกอ่อนตอนนี้วีรกานต์แยกตัวไปอาบน้ำ เขาจึงรีบเร่งฝีมือทำอาหารให้เสร็จทันก่อนที่อีกฝ่ายจะทำธุระเสร็จ เพราะเขายังรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งเวลาคุณแม่โอเมก้าเข้าไปทำธุระในห้องน้ำเพียงลำพัง กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดแล้วเขาไม่ได้ยินหรือรับรู้เพราะอยู่ด้านนอกก็แค่ความกลัวที่เขาไม่สามารถบังคับตัวเองไม่ให้รู้สึกไม่ได้แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาจะทำอะไรช้ากว่าวีรกานต์ไปเสียหน่อย เพราะคุณแม่โอเมก้าเดินเข้าห้องครัวมานั่งลงที่โต๊ะทานอาหารแล้วอีกฝ่ายอยู่ในชุดนอนผ้าลื่นสีอ่อน มันยิ่งขับให้ผิวของคุณแม่โอเมก้าขาวขึ้นมากกว่าเดิม ประกอบกับเรือนร่างที่เริ่มมีน้ำมีนวลก็ยิ่งทำให้อีกฝ่ายน่าเอ็นดูในสายตาของพีรยุทธ์อัลฟ่ากลิ่นองุ่นหันมาส่งยิ้มบางให้ผู้มาใหม่ก่อนจะกลับไปปิดเตาแก๊สแล้วจัดการเทอาหารลงจานพร้อมกับเสิร์ฟข้าวสวยร้อน ๆ ให้กับวีรกานต์คุณแม่โอเมก้าทำเพียงยกยิ้มตอบรับแล้วก้มหน้าก้มตาทานอาหารไปเงียบ ๆ โดยมีอัลฟ่ากลิ่นอง