บทที่ 4 หิ่งห้อยกลางเขื่อน
_______
หลังจากเสร็จสิ้นการดูดาวเมื่อคืนนี้ สองอัลฟ่าก็พากันกลับไปที่จุดนัดพบกับคุณลุงเบต้าและพบว่าชายชราตั้งท่ารอคนหนุ่มทั้งคู่อยู่ก่อนแล้ว
แต่อาจจะด้วยอากาศที่เย็นสบายตัวและเป็นช่วงเวลาใกล้เข้าวันใหม่เต็มทีทำให้ฝ่ายของอัลฟ่าชากุหลาบเกิดอาการสัปหงกอยู่หลายครั้งจนพีรยุทธ์สังเกตเห็นเลยคว้าเอาตัวคนข้างกายมาไว้ในอ้อมกอดหวังให้อีกคนได้หลับนอนอย่างสบาย
ไม่วายถูกคุณลุงเบต้าที่นั่งบังคับหางเสืออยู่ด้านหลังเอ่ยแซวว่าเป็นคู่รักที่หวานกันเสียจริง ทำเอาอัลฟ่ากลิ่นองุ่นหูแดงเถือกลนลานรีบปฏิเสธในทันทีว่าเป็นเพียงเพื่อนกันเท่านั้น
แต่อย่างไรเสียในสายตาของชายชราที่ผ่านร้อนหนาวมาหลายสิบปีก็ดูออกว่าคนทั้งคู่มีใจให้แก่กัน
อัลฟ่าแล้วอย่างไร
โลกนี้เขาไปถึงไหนกันแล้ว
พีรยุทธ์ปฏิเสธคุณลุงไปอีกรอบว่ามีเพียงตนที่แอบรักอยู่ฝ่ายเดียว ทำเอาชายชราขมวดคิ้วมุ่นแต่ก็ยอมรามือไป แต่ภายในใจยังคงครุ่นคิดว่าเพราะเหตุใดถึงทำให้เรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยากกัน คนนอกอย่างเขายังมองรู้ว่าต่างฝ่ายต่างมีใจ
แต่เอาเถอะ...คนแก่จะไม่ยุ่งเรื่องของคนหนุ่ม
เมื่อมาถึงเรือนแพของสองอัลฟ่า พีรยุทธ์เอ่ยเรียกอัลฟ่าชากุหลาบแผ่วเบาหวังให้อีกคนตื่นจากนิทราแต่ก็เปล่าประโยชน์เมื่อคนในอ้อมแขนไม่ไหวติงใด ๆ จนมีเสียงของชายชราดังมาจากด้านหลังว่าให้อุ้มอีกฝ่ายขึ้นไปนอนพักเสีย เขาจึงต้องทุลักทุเลอยู่นานกว่าจะทรงตัวบนเรือที่โคลงเคลงได้ ไม่ลืมที่จะหันไปขอบคุณคุณลุงเบต้าอีกครั้งที่อุตส่าห์พาพวกเขาไปเปิดหูเปิดตาบนเกาะสวยงามนั่น
เมื่อก้าวเข้ามาในเรือนพีรยุทธ์ก็วางร่างของวีรกานต์ลงบนฟูก จัดการดึงผ้าห่มผืนหนามาคลุมกายอัลฟ่าไว้ ก่อนจะออกไปจัดการชำระคราบความเหนียวเหนอะจากหยาดน้ำที่กระเซ็นโดนระหว่างเดินทางออกจากร่างกาย
ก่อนกลับเข้ามาที่บ้านพัก เขาไม่ลืมที่จะหาภาชนะมารองน้ำและผ้าสะอาดเตรียมไว้สำหรับเช็ดตัวให้วีรกานต์ด้วย เพื่อให้อีกฝ่ายได้เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างสบายตัว
เขายังเหนียวตัวจนต้องไปอาบน้ำอีกรอบ
อัลฟ่าชากุหลาบก็คงไม่ต่างกัน
เมื่อจัดการเช็ดตัวให้วีรกานต์เสร็จแล้วเขาก็นำกะละมังใบเล็กและผ้าสะอาดไปเก็บเข้าที่ก่อนจะสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่ม
พีรยุทธ์เกลี่ยปอยผมสีคาราเมลน้อย ๆ พลางลอบยิ้มอยู่คนเดียวอย่างนึกเอ็นดูอัลฟ่าข้างกาย
กินอิ่มแล้วก็นอน
น่ารักไม่มีใครเกิน
เขาถือวิสาสะยกเอาศีรษะของวีรกานต์ขึ้นแล้ววางไว้บนลำแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของตน อัลฟ่ากลิ่นองุ่นจัดการพลิกเอาตัวเพื่อนอัลฟ่าให้หันมาซบที่อกหนา ริมฝีปากจรดจุมพิตลงบนหน้าผากมนย่างอ่อนโยน
“ฝันดีครับกุหลาบของผม”
วันที่สองของทริปพักผ่อนที่เรือนแพในเขื่อน วันนี้เป็นพีรยุทธ์ที่รู้สึกตัวตื่นก่อนแต่เขายังไม่ลุกออกไปไหน ดวงตาสีรัตติกาลจ้องมองคนในอ้อมกอดไม่วางตา เขาไล่สายตามองทุกสัดส่วนบนใบหน้าของวีรกานต์
คิ้วสีน้ำตาลโค้งสวย ดวงตาที่กลมมน จมูกรั้น ๆ ริมฝีปากชมพูน่าจูบ
อัลฟ่ากลิ่นองุ่นส่ายหัวให้กับความคิดของตัวเอง
จริงอยู่ว่าเขาแอบรักอีกฝ่ายมานานแต่ไม่มีเลยสักครั้งที่จะกระทำสิ่งนั้นโดยที่เจ้าตัวไม่รับรู้หรือยินยอม ดังนั้นเขาจึงสะบัดหัวไล่ความคิดไม่ดีเหล่านั้นออกไปแล้วกลับมาจ้องมองอัลฟ่าในอ้อมแขนอย่างหลงใหลอีกครั้ง
แต่ไม่นานวีรกานต์ก็รู้สึกตัวตื่นจากห้วงฝัน เขาบิดกายคลายความเมื่อยขบเล็กน้อยก่อนจะรับรู้ได้ว่ามีไออุ่นอยู่ใกล้ตัว อัลฟ่าชากุหลาบลืมตาขึ้นเผยให้เห็นดวงตาสีเฮเซลนัทที่พีรยุทธ์ชอบมันนักหนา
“ไม่ปลุกกานต์อีกแล้ว” เขาเอ็ดอัลฟ่าที่กำลังสวมกอดตนอยู่อย่างไม่เต็มปากนักด้วยน้ำเสียงแหบแห้งจากการเพิ่งตื่นนอน
“อยากให้กานต์นอนสบาย ๆ ไงครับ” อัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีรัตติกาลเช่นเดียวกับดวงตาเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างทุกที
ซึ่งมันเป็นคำตอบที่ไม่ผิดคาดไปจากความคิดของวีรกานต์เลยแม้แต่น้อย
บอกแล้วว่านายองุ่นน่ะดูแลเขาเหมือนลูกเลย
“แล้ววันนี้จะทำอะไรดี” อัลฟ่าชากุหลาบเอ่ยถามถึงแผนการเที่ยวพักผ่อนในวันนี้ อันที่จริงเขาก็อยากรู้ว่าเขามานอนอยู่บนเรือนแพนี้ได้อย่างไร ในเมื่อความทรงจำสุดท้ายก่อนหลับไปคือเขายังนั่งอยู่บนเรือยนต์อยู่เลย
แต่ถ้าให้เดาก็คงหนีไม่พ้นว่าพีรยุทธ์เป็นคนพาเขาขึ้นมานอนเป็นแน่ วีรกานต์จึงคิดว่าไม่ต้องถามให้เสียเวลาจะดีกว่า
“ไปตกปลากันไหมครับ” อัลฟ่ากลิ่นองุ่นเอ่ยถามคนในอ้อมกอด จริง ๆ เขานัดแนะกับคุณลุงเบต้าไว้แล้วแต่ถามเพื่ออยากได้ยินคำยืนยันจากเพื่อนอัลฟ่ามากกว่าว่าอยากไปหรือไม่ หากอยากพักผ่อนอยู่ในเรือนแพเฉย ๆ เขาก็จะไม่ขัดใจอีกฝ่าย
“มีด้วยหรอ” วีรกานต์เงยหน้าเล็กน้อยแล้วเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยใคร่รู้
ในเขื่อนแบบนี้จะมีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วยหรือ
“มีสิครับ เป็นกระชังของชาวบ้านระแวกนี้น่ะ” พีรยุทธ์ยกยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงคลายข้อสงสัยให้อัลฟ่าชากุหลาบ เจ้าตัวอ้าปากร้องอ๋อในใจพร้อมกับพนักหน้าขึ้นลงรับรู้
“แล้วจะไปเลยไหม” วีรกานต์เอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น
การตกปลาเป็นกิจกรรมใหม่สำหรับคนเมืองเช่นเขา จึงไม่แปลกหากเขาจะแสดงออกว่าตื่นเต้นเสียออกนอกหน้า ทำเอาอัลฟ่าเจ้าของอ้อมกอดหัวเราะน้อย ๆ อย่างเอ็นดู
“รอแดดร่มก่อนนะครับ สักบ่ายแก่ ๆ ค่อยไปจะได้ไม่ร้อนมาก” พีรยุทธ์ตอบคำถามด้วยรอยยิ้มอย่างทุกที
ขยันทำตัวน่าเอ็นดูจริง ๆ คนนี้
อัลฟ่าชากุหลาบผงกหัวเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวรอสำหรับกิจกรรมในช่วงบ่าย
เวลาเกือบบ่ายสามตามที่ได้นัดหมายไว้กับคุณลุงเบต้า แสงแดดยังคงทอแสงอยู่รำไรแต่ไม่ได้ร้อนอบอ้าวอย่างที่คิดไว้ สองอัลฟ่าหนุ่มและหนึ่งชายชราขี่เรือยนต์ออกจากเขื่อนไปตามทางน้ำ ไม่นานก็มาถึงเพิงไม้ที่มีกระชังที่ชาวบ้านทำไว้เลี้ยงปลาสายพันธุ์ต่าง ๆ
"ไอ้เจ๋งเอ้ย มารับลูกค้าหน่อย" เสียงของเบต้าชราเอ่ยเรียกบุคคลที่สามที่น่าจะเป็นคนดูแลกระชังปลาแห่งนี้
เสียงดังขลุกขลักออกมาจากห้องที่ถูกตีกั้นด้วยไม้ ก่อนจะปรากฎเป็นเด็กชายวัยรุ่นรีบรุดออกมารับหน้าลูกค้าตามที่ชายชราเอ่ยเรียก
"มากันแล้วหรอครับ พ่อกำลังไปเตรียมเหยื่อมาไว้ให้เลย" เด็กหนุ่มเอ่ยบอกคนมาใหม่ทั้งสามด้วยท่าทีนอบน้อม
สองอัลฟ่าตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายอยู่พักหนึ่งก็เดินตามบุคคลที่ดูแล้วมีอายุมากกว่าเด็กหนุ่มคนเมื่อครู่ พวกเขาเดินไปตามทางบนกระชังปลาอย่างระวังเพราะคลื่นน้ำที่กระเพื่อมอยู่ตลอดเวลา
คุณลุงเบต้าเองก็ถือโอกาสนี้มาอู้งานเสียหน่อย
"ปลาเยอะมากเลยพี" หลังจากหาที่ปักหลักกันได้แล้ว วีรกานต์ก็นั่งลงหย่อนขาไว้ในกระชังปลาพลางเตะน้ำเล่นไปด้วย
"ตกไปสักตัวสองตัวไว้กินมื้อเย็นกันไหมครับ เขาย่างเกลือให้ฟรีด้วย" อัลฟ่ากลิ่นองุ่นนั่งหันหลังให้เพื่อนสนิท เขาหย่อนขาลงในกระชังเช่นเดียวกับวีรกานต์
"เอาสิ ปลาสด ๆ คงหอมอร่อยน่าดู" อัลฟ่าชากุหลาบเอ่ยบอกกับคนข้างหลัง มือข้างหนึ่งถือเบ็ดตกปลาคันเล็กที่ห้อยเหยื่อเอาไว้ก่อนจะหาจังหวะเหวี่ยงเบ็ดลงกระชังและรอเวลา
พีรยุทธ์ทำเช่นเดียวกับอัลฟ่าด้านหลัง พวกเขาทั้งคู่อยู่ในชุดลำลองสบายตัว บนหัวมีหมวกปีกบานสวมไว้คนละใบเพื่อป้องกันแดด
เวลาผ่านไปหลายนาทีแต่ไม่มีวี่แววว่าปลาในกระชังจะติดเหยื่อเลยสักตัว ต่างคนต่างก็จดจ้องไปที่เบ็ดของตัวเองว่าปลาจะติดเหยื่อตอนไหน
"หาว..." อัลฟ่ากลิ่นองุ่นเปิดปากหาวหวอดเมื่อเริ่มรู้สึกเบื่อกับกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ แม้ตัวเองจะเป็นคนเชิญชวนก็ตามที
ผิดกับวีรกานต์ที่ยังคงตาใสแจ๋ว ดวงตาสีเฮเซลนัทมองไปที่ปลายเบ็ดไม่ละสายตา แต่เมื่อได้ยินเสียงบางอย่างจากคนด้านหลังก็เอ่ยถามทันที "ง่วงหรอ"
"นิดหน่อยครับ" พีรยุทธ์เอี้ยวตัวหันกลับมาตอบคำถามของอัลฟ่าชากุหลาบ เขาเอ่ยเสียงอ่อนกว่าปกติเล็กน้อยเพื่อออดอ้อนอีกฝ่าย
"เมื่อคืนนอนดึกหรือไง"
"นอนพร้อมกานต์นั่นแหละครับ แค่ตอนนี้มันนั่งอยู่เฉย ๆ เลยเบื่อ ๆ น่ะ"
วีรกานต์พยักหน้ารับรู้ก่อนจะหันกลับไปสนใจการตกปลาต่อ
อัลฟ่ากลิ่นองุ่นบึนปากเล็กน้อยเมื่อถูกเพื่อนสนิทเมินใส่ เขาเอนกายไปด้านหลังเพื่อใช้ตัวของวีรกานต์เป็นที่พักก่อนจะช้อนตามองเจ้าของเรือนผมสีคาราเมลไม่ละไปไหน
วีรกานต์เห็นท่าทีของเพื่อนอัลฟ่าก็นึกขำอยู่ในใจ เป็นเพราะเขามัวแต่ตั้งใจจดจ่ออยู่กับกิจกรรมตรงหน้าจนไม่ได้สนใจบุคคลด้านหลังทำให้อัลฟ่ากลิ่นองุ่นมีอาการแง่งอนแสดงออกมาให้เห็น
"กลับไปนั่งพักในแพนู้นไหม"
"ไม่เอา จะอยู่กับกานต์" พีรยุทธ์เอ่ยเสียงอ่อน เขากระฟัดกระเฟียดเล็กน้อยประกอบคำพูดว่าไม่ต้องการห่างอัลฟ่าชากุหลาบไปไหน
แต่ในสายตาของอัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีคาราเมลกลับคิดว่าการออดอ้อนของพีรยุทธ์นั้นคล้ายกับเจ้าหมาพันธุ์ซามอยด์ที่กำลังนอนหมอบช้อนตามองเจ้าของมันอยู่บนพื้นบ้าน
วีรกานต์ส่งยิ้มละไมให้อัลฟ่าข้างกายก่อนจะหันกลับไปสนใจกิจกรรมที่ยังค้างคาอยู่ต่อ ทำเอาอัลฟ่ากลิ่นองุ่นถอนหายใจเสียเฮือกใหญ่ สะบัดกายหนีอย่างคนแง่งอน เขาตั้งใจให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงความไม่พอใจที่ถูกสิ่งอื่นดึงความสนใจของเพื่อนสนิทไปเสียหมด
พีรยุทธ์เอนศีรษะพิงไหล่คนข้างกาย ถูไถไปมาอย่างออดอ้อนอยู่พักใหญ่แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากอัลฟ่าชากุหลาบอย่างที่ต้องการเสียที
"กานต์..."
"ฮ่า ๆ ๆ โอเค ๆ ไม่แกล้งแล้ว"
ช่วงเย็นของวันเดียวกัน สองอัลฟ่ากำลังนั่งรับลมอยู่บนเรือนแพ เป็นพีรยุทธ์ที่เอ่ยชวนวีรกานต์ให้มาหย่อนขาลงน้ำอยู่ข้างกัน
แสงสีส้มทองของพระอาทิตย์ตกกระทบบนผืนน้ำ ฝูงนกหลายฝูงพากันบินกลับรัง สายลมเย็น ๆ พัดผ่านมาให้รู้สึกสบายตัว
"พรุ่งนี้จะกลับกี่โมง" อัลฟ่าชากุหลาบเอ่ยถามคนข้างกายแต่สายตายังคงเหม่อมองท้องฟ้าไม่ละไปไหน
"ออกเช้า ๆ ดีไหมครับ จะได้ไม่ร้อนมาก" พีรยุทธ์ตอบเพื่อนสนิท
ในตอนแรกเขาก็มองแสงสีส้มเช่นเดียวกับวีรกานต์ แต่หางตาดันเห็นรอยยิ้มละมุนของอัลฟ่าชากุหลาบจนต้องหันกลับไปมองเสียเต็มตา
เรือนผมสีคาราเมลต้องแสงดวงอาทิตย์จนเป็นประกายสวยเสี้ยวหน้าของอัลฟ่าที่เขาหลงใหล จมูกโด่งขึ้นเป็นสัน ริมฝีปากสีชมพูเรื่อเป็นกระจับน่ามองนั่น เมื่อทุกสิ่งอย่างถูกจับมารวมกันไว้ที่วีรกานต์เพียงคนเดียวมันจึงดึงดูดให้อัลฟ่ากลิ่นองุ่นเผลอมองมันไม่ละสายตา
"จะมองอีกนานไหม" เสียงใสจากอัลฟ่าชากุหลาบดึงพีรยุทธ์ให้หลุดออกจากพะวัง
อัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีรัตติกาลเบนหน้าออกไปมองทิวทัศน์รอบกายอย่างเก้อเขิน ฝ่ามือหนาถูกยกขึ้นมาลูบลำคอเพราะทำตัวไม่ถูกที่อีกฝ่ายจับได้
ทางด้านของวีรกานต์ เขารู้ตัวตั้งแต่แรกแล้วว่าถูกอีกฝ่ายมอง ก็เล่นจ้องหน้ากันโจ่งแจ้งเสียขนาดนั้น ใครบ้างจะไม่รู้สึกตัว
หากแต่ตัวเขาเองก็ทำตัวไม่ถูกอยู่บ้างเมื่อถูกจับจ้องอย่างไม่วางตา อาการใจเต้นรัวเกิดขึ้นกับเขาอีกครั้งจึงจำต้องเอ่ยบอกคนข้างกายเพื่อที่ตนจะได้มีเวลาหายใจหายคอบ้าง
“ไหน ๆ ก็มาแล้ว วันนี้ไปดูหิ่งห้อยกันนะครับ” พีรยุทธ์เอ่ยบอกกับคนข้างกาย จริง ๆ แล้วนี่คือกิจกรรมแรกที่อัลฟ่ากลิ่นองุ่นนัดหมายไว้กับคุณลุงเบต้าว่าจะพาเพื่อนสนิทไปชมความสวยงามยามค่ำคืนที่ปลายเขื่อน
วีรกานต์เอียงใบหน้าหันมองอัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีรัตติกาลพลางเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ เป็นเชิงตั้งคำถาม “นึกว่าจบทริปแล้ว”
“พีแล้วแต่กานต์ครับ ถ้ากานต์อยากพักผ่อนเราก็แค่นอนเล่นอยู่ที่นี่” พีรยุทธ์ยกยิ้มบางให้คนข้างกาย เขาหันกลับมามองอัลฟ่าชากุหลาบอย่างไม่เต็มตานัก เนื่องจากว่าตัวเขาเองยังคงรับรู้ได้ถึงอาการเห่อร้อนบนใบหน้าที่ยังหลงเหลืออยู่
“ไปสิ มาทั้งทีก็เก็บให้หมดทุกอย่างไปเลย” ดวงตาสีเฮเซลนัทของวีรกานต์ทอแสงเป็นประกายเมื่อนึกได้ว่าแต่ละอย่างที่ได้ทำในทริปท่องเที่ยวครั้งนี้ล้วนแปลกใหม่และน่าตื่นเต้นสำหรับเขามากนัก
พวกเขานั่งคุยกันอีกสักพักก็ถึงเวลาของมื้อค่ำ ชายชราคนเดิมก็นั่งเรือยนต์มาส่งอาหารให้ลูกค้าในเรือนแพ คราวนี้เป็นวีรกานต์ที่ไปรับเอาถาดสแตนเลสแทนเพราะอีกฝ่ายเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ การแต่งกายจึงยังไม่เรียบร้อยนัก
เมื่อถึงเวลานัดหมายในช่วงเกือบสามทุ่ม หนึ่งชายชราเบต้าและอัลฟ่าอีกสองคนก็นั่งเรือมุ่งมาที่ปลายเขื่อน วันนี้ไม่ได้มีเพียงพวกเขาที่มาชมความสวยงามของหิ่งห้อย ใกล้กันมีเรืออีกหลายลำจอดลอยลำอยู่กลางน้ำ
“เขาเรียกว่าอันซีนไงหนุ่ม คนเมืองมาที่นี่ทีไรก็หนีไม่พ้นต้องมาดูหิ่งห้อยแบบนี้ทุกคน” คุณลุงเบต้าเอ่ยบอกคนหนุ่มทั้งสองขณะที่กำลังหย่อนสมอเรือลงน้ำเพื่อถ่วงดุนให้เรืออยู่กับที่
“นาน ๆ ทีจะได้มีโอกาสได้เห็นนี่ครับลุง” อัลฟ่ากลิ่นองุ่นกล่าวเสริมกับคนขับเรือด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดวงตาสีรัตติกาลเช่นเดียวกับเส้นผมจ้องมองแสงสีเหลืองทองที่กำลังส่องประกายระยิบระยับอยู่เหนือผิวน้ำไม่ใกล้ไม่ไกลจากพวกเขานัก
“ชอบไหมครับ” เสียงนุ่มทุ้มของพีรยุทธ์เอ่ยถามคนข้างกาย แต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับกลับมาเขาจึงต้องเอี้ยวตัวหันไปมอง
อัลฟ่าชากุหลาบจ้องมองความสวยงามตรงหน้าไม่วางตา เขาเบิกตาขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากสีชมพูฉ่ำก็เปิดอ้าออก ดวงตาสีเฮเซลนัมแสดงออกว่าตื่นเต้นมากเพียงใด เขาไม่ละออกไปจากแสงสีทองเลยสักวินาทีเดียว
พีรยุทธ์เองเมื่อหันมองคนข้างกายก็หยุดหายใจไปชั่วขณะหนึ่ง
สวย...เป็นคำ ๆ เดียวที่บรรยายวีรกานต์ในตอนนี้ได้ดีที่สุดแล้ว
เรือนผมสีคาราเมล ริมฝีปากสีชมพู พวงแก้มใสและจมูกโด่งรั้นเมื่อถูกต้องด้วยแสงสีทองจากธรรมชาติและแสงของจันทร์เต็มดวงก็ราวกับว่าอีกฝ่ายคล้ายไม่มีอยู่จริง
“สวยสิ สวยมากเลยพี”
กานต์สวยกว่านั้นอีกครับ อัลฟ่ากลิ่นองุ่นได้แต่คิดในใจไม่กล้าที่เอ่ยออกไปให้อีกคนรับรู้
#พีขอโทษ
เซอร์ไพรส์~~~! สุขสันต์วันปีใหม่ไทยนะคะทุกโคนนน
เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวและจันไม่ได้ไปไหนTT ก็เลยแพลนไว้ว่าจะอัพน้องพีให้อ่าน 3 ตอนรวดในช่วงสงกรานต์เลยค่ะ^^
ไอ้ลูกหมามันหลงเขาใหญ่เลยอะ หลงแบบหัวปักหัวปำ
แบบว่าเธอสวยที่สุดในล้านโลก
หลังจากนี้จะเข้าสู่เนื้อเรื่องหลักแล้วค่ะ ที่เคยบอกว่าเป็นดราม่าตอนนี้ใกล้เข้ามาแล้ว เกียมทิชชู่ไว้เลอ
TW : dao_jun000
Special 2 บันทึกของพีและกานต์ _______ตั้งแต่จำความได้เขาก็ตัวติดกับวีรกานต์แล้ว อาจจะเพราะเรียนชั้นเดียวกันและอายุห่างกันแค่ไม่กี่เดือนทำให้พวกเราสนิทกันมากแต่เพราะความเป็นอัลฟ่าทั้งคู่ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านเป็นกังวลว่าหากวันใดที่พวกเขาเกิดบาดหมางกันขึ้นมาจะกลายเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ยากอัลฟ่ามักหวงถิ่นและไม่ค่อยชอบใจนักที่มีอัลฟ่าอีกหนึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ของตนแต่มันก็ไม่เคยเกิดขึ้นพีรยุทธ์และวีรกานต์ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางหรือผิดใจกันสักครั้ง อย่างมากก็แค่ออกอาการแง่งอนตามประสาซึ่งแน่นอนว่าส่วนมากมักจะเป็นอัลฟ่าคนน้องหลายครั้งอาจมีการลงไม้ลงมือบ้างแต่ไม่ใช่การทำร้ายกัน เป็นพีรยุทธ์ที่ทำร้ายตัวเองหรือข้าวของต่าง ๆ เพราะอัลฟ่าคนนี้เป็นคนอารมณ์ร้อนมาแต่ไหนแต่ไร และทุกครั้งคนที่ทำให้สงบลงได้ก็เห็นจะมีแค่เพียงอัลฟ่าคนพี่อย่างวีรกานต์เท่านั้นห้องนอนถูกทุบกำแพงทิ้งเพื่อติดตั้งประตูกระจกตามคำเรียกร้องของสองอัลฟ่าวัยอนุบาล ในตอนแรกความคิดนั้นถูกขัดขึ้นมาด้วยเหตุผลต่าง ๆ แต่อัลฟ่าคนน้องก็ปล่อยโฮจนคนเป็นแม่อ่อนใจ คนพี่ก็ไม่คิดเอ่ยขัดน้องมันจึงลงเอยด้วย
Special 1 กานต์อยากให้ทำ _______ ยามนี้ท้องฟ้าถูกระบายไปด้วยสีดำสนิท มีจุดสีขาวแต้มไปทั่วให้ความสว่างควบคู่ไปกับแสงประดิษฐ์บนท้องถนนและตามตึกราต่าง ๆ ภายในห้องนอนของคอนโดใจกลางเมืองมีคุณพ่อคุณแม่มือใหม่กำลังอยู่ในห้วงนิทรา สองร่างของหนึ่งอัลฟ่าและหนึ่งโอเมก้ากอดก่ายมอบความอบอุ่นให้แก่กันอย่างเช่นทุกวัน ที่ด้านข้างเตียงมีที่นอนขนาดเล็กถูกล้อมไว้ด้วยแผ่นไม้หลายซี่จนกลายเป็นกรงขนาดย่อม ด้านในมีฟูกหนารองรับ หมอนข้างอันเล็กถูกวางกั้นไว้ทั้งสี่ทิศทางเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กน้อยด้านในกลิ้งกระแทกจนเจ็บตัว ผ้าห่มผืนสะอาดก็คลุมอยู่บนตัวของเด็กชายโอเมก้าวัยห้าเดือนเศษ โอเมก้าน้อยอยู่ในชุดสีครีมนวล มือและเท้าทั้งสองข้างถูกหุ้มไว้ด้วยถุงผ้าขนาดพอดีข้อมือข้อเท้าเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กน้อยซุกซนจิกเล็บบนเนื้อตัวเอง ดวงตาทั้งสองข้างปิดพริ้ม ใบหน้าจิ้มลิ้มที่หากใครได้เห็นก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าถอดแบบคนเป็นแม่มาแทบทุกกระเบียดนิ้ว ประกอบกับพวงแก้มคล้ายลูกซาลาเปานั่นยิ่งทำให้โอเมก้าน้อยดูน่าเอ็นดูเป็นไหน ๆ น่าเอ็นดูจนคนเป็นพ่อออกอาการหวงลูกชายตั้งแต่
บทที่ 26 คุณพ่อและคุณแม่ (end)_______การสังสรรค์มื้อค่ำจบลงตอนใกล้เข้าวันใหม่ คุณพ่อคุณแม่ลูกอ่อนช่วยกันเก็บล้างจานชามและสถานที่ทานอาหารด้านหน้าของบ้าน ปล่อยให้หนุ่มสาววัยกลางคนกลับเข้าบ้านไปพักผ่อนก่อนพวกเขาจะตามไปบ้างพีรยุทธ์อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียงในห้องของคุณแม่โอเมก้าระหว่างรออีกฝ่ายเข้าห้องน้ำไปชำระล้างร่างกายดับกลิ่นควันกลิ่นอาหารก่อนเข้านอน ซึ่งเขาอาบน้ำมาแล้วก่อนหน้า เมื่อจัดการตัวเองเสร็จสรรพจึงได้ถือวิสาสะเข้าห้องวีรกานต์มานั่งรอไม่นานจมูกโด่งก็ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่และฟีโรโมนชากุหลาบก่อนดวงตาสีรัตติกาลจะเห็นว่าวีรกานต์กำลังสาวเท้ามาทางตน รอยยิ้มบางผุดขึ้นทันทีแล้วรีบเด้งตัวขึ้นนั่งหลังตรง ท่อนแขนหนาอ้าออกกว้างเพื่อรับเอาคุณแม่โอเมก้ามาไว้ในอ้อมกอดซึ่งอีกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีวีรกานต์ทรุดกายลงนั่งบนที่นอนนุ่มโดยมีคุณพ่ออัลฟ่าเกาะเกี่ยวอยู่ไม่ห่าง เขาวางกองผ้าที่หอบมาไว้ริมที่นอน จัดการตำแหน่งให้พวกมันโอบล้อมตัวเองตามสัญชาตญาณของคนเป็นแม่ ทั้งหมดนั้นเป็นเสื้อผ้าของพีรยุทธ์ที่เขาขอจากอีกฝ่ายไว้ก่อนหน้า แน่นอนว่าเมื่อครู่เขานำมันเข้าห้องน้ำไปด้วยเพร
บทที่ 25 ช้ากว่าแต่รักเหมือนกัน_______เป็นอีกวันที่หนึ่งโอเมก้าและหนึ่งอัลฟ่านอนกอดก่ายมอบความอบอุ่นให้กันจนเช้า อันที่จริงต้องบอกว่ามันสายสักหน่อยเพราะนี่ก็ใกล้จะถึงมื้อเที่ยงแล้วยิ่งช่วงเช้ามืดที่ผ่านมากว่าจะกล่อมกันนอนได้คุณแม่โอเมก้าก็พูดจนปากเปียกปากแฉะเพื่อปลอบประโลมพีรยุทธ์ที่ยังอยู่ในห้วงของความกังวลและความกลัว กินเวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมงถึงสงบลงได้โดยที่ยังมีคราบน้ำตาเปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้าแต่วีรกานต์ก็ต้องลำบากอีกครั้งเมื่อถูกกอดรัดไว้เสียแน่นไม่ยอมปล่อย แต่หากถามว่าเขายอมหรือไม่ก็ตอบได้ทันทีเลยว่ายอมด้วยความเต็มใจดีเสียอีก...มีกลิ่นฟีโรโมนของพีรยุทธ์โอบล้อมกายทั้งหอมทั้งผ่อนคลาย"...หอมจัง" น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยกระซิบข้างใบหูของวีรกานต์อาจเป็นเพราะเมื่อคืนใช้เสียงกับการร้องไห้ไปมากมันเลยส่งผลมาจนถึงเช้าวันนี้ไม่ว่าเปล่า จมูกโด่งสูดดมกลิ่นหอมของฟีโรโมนชากุหลาบตามลำคอขาวแล้วไล่พรมจูบไปตามลาดไหล่มนที่โผล่พ้นคอเสื้อขึ้นมา ท่อนแขนหนาก็กระชับกอดรัดคุณแม่โอเมก้าไว้แน่น"พอแล้วพี" แม้จะชอบใจที่ถูกกลิ่นองุ่นของพีรยุทธ์โอบล้อมกายแต่ตอนนี้เป็นเวลาสายมากแล้ว พวกเขาทั้งคู่ควรลุกจาก
บทที่ 24 ปลดล็อคซึ่งกันและกัน______คืนนี้ไม่มีพระจันทร์คอยให้แสงสว่างในยามค่ำคืน มีเพียงแสงไฟประดิษฐ์ที่ประดับประดาอยู่บนท้องถนนและตามตึกสูงใหญ่ เป็นเมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหลสักวินาทีเดียวมื้อเย็นวานก่อนผ่านไปได้ไม่ดีนัก พวกเขาทั้งคู่ไม่มีใครอยากทานอาหารต่อ บนโต๊ะอาหารจึงจบลงด้วยการแยกย้ายกันโดยที่พีรยุทธ์เดินไปส่งคุณแม่โอเมก้าเข้าห้องนอนแล้วกลับมาเคลียร์โต๊ะอาหารเมื่อตรวจสอบว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วเขาก็เตรียมตัวเข้านอนเช่นกัน แม้จะฟูมฟายเพียงไม่นานแต่กลับรู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลียเสียจนอยากจะล้มตัวลงนอนมันตรงนั้นมือหนาของอัลฟ่าเอื้อมเปิดประตูแผ่วเบา พยายามอย่างมากไม่ให้มันเกิดเสียงดังรบกวนคุณแม่โอเมก้าที่น่าจะกำลังอยู่ในห้วงนิทราแสนหวานด้านในพีรยุทธ์งับประตูลงแล้วสาวเท้าพาตัวเองมายืนข้างเตียง ดวงตาสีรัตติกาลมองผ่านความมืดไปหาคนบนเตียง บนนั้นมีร่างของคุณแม่โอเมก้านอนอยู่ ข้างกายทั้งสองฝั่งมีกองเสื้อผ้าขนาดย่อมโอบล้อมไว้ ทั้งหมดนั่นเป็นเสื้อที่คุณพ่ออัลฟ่าใส่แล้วทั้งนั้น อีกทั้งในอ้อมแขนยังมีเสื้อเชิ้ตที่เขาเพิ่งใส่เมื่อเช้าถูกกอดรัดไว้จนแน่นอีกด้วยวีรกานต์เป็นแบบนี้มาหนึ่งสัปด
บทที่ 23 ไม่เอาแล้ว_______อัลฟ่ากลิ่นองุ่นกำลังง่วนอยู่กับการทำมื้อเย็นในครัว วันนี้เขาเลือกเป็นผัดผักและต้มจืดวุ้นเส้น เมนูง่าย ๆ ที่เบาท้องแต่ให้สารอาหารครบครันสำหรับคุณแม่ลูกอ่อนตอนนี้วีรกานต์แยกตัวไปอาบน้ำ เขาจึงรีบเร่งฝีมือทำอาหารให้เสร็จทันก่อนที่อีกฝ่ายจะทำธุระเสร็จ เพราะเขายังรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งเวลาคุณแม่โอเมก้าเข้าไปทำธุระในห้องน้ำเพียงลำพัง กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดแล้วเขาไม่ได้ยินหรือรับรู้เพราะอยู่ด้านนอกก็แค่ความกลัวที่เขาไม่สามารถบังคับตัวเองไม่ให้รู้สึกไม่ได้แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาจะทำอะไรช้ากว่าวีรกานต์ไปเสียหน่อย เพราะคุณแม่โอเมก้าเดินเข้าห้องครัวมานั่งลงที่โต๊ะทานอาหารแล้วอีกฝ่ายอยู่ในชุดนอนผ้าลื่นสีอ่อน มันยิ่งขับให้ผิวของคุณแม่โอเมก้าขาวขึ้นมากกว่าเดิม ประกอบกับเรือนร่างที่เริ่มมีน้ำมีนวลก็ยิ่งทำให้อีกฝ่ายน่าเอ็นดูในสายตาของพีรยุทธ์อัลฟ่ากลิ่นองุ่นหันมาส่งยิ้มบางให้ผู้มาใหม่ก่อนจะกลับไปปิดเตาแก๊สแล้วจัดการเทอาหารลงจานพร้อมกับเสิร์ฟข้าวสวยร้อน ๆ ให้กับวีรกานต์คุณแม่โอเมก้าทำเพียงยกยิ้มตอบรับแล้วก้มหน้าก้มตาทานอาหารไปเงียบ ๆ โดยมีอัลฟ่ากลิ่นอง