“อื้อออ~ นี่ช้านฝันไปใช่มั้ยเนี่ย นายเพิ่งบอกเลิกช้านไปวันนี้เองนะ” ฝ่ามือบางลูบไล้ไปตามกรอบหน้าของชายหนุ่มด้วยสายตาที่จะปิดแหล่ก็ไม่ปิดแหล่ ต่างจากชายหนุ่มร่างสูงซึ่งกำลังขบกรามตัวเองแน่นเมื่อมือเล็กอีกข้างของคนใต้ร่างเขาซึ่งกำลังลูบไล้อยู่ที่แผงอกนั้นขยับต่ำลงมาเรื่อยๆ จนเลือดภายในกายเขาเริ่มไหลไม่ทั่วร่างแล้วสิ
“พี่เมาแล้วอย่าเยอะได้มั้ย!!?” “ผู้ชายเฮงซวย!! นายอย่ามาพูดแบบนี้กับช้านน้า!!” เพี้ยะ! น้ำเสียงที่ยานคล้อยตะเบ็งใส่ชายหนุ่มพร้อมกับฝ่ามือที่ยกขึ้นไปฝาดใส่ใบหน้าของเขาเต็มๆ “โอ้ยยย! ผมเจ็บนะพี่!!” “คิกคิก! ที่ร้าก ช้านขอโทษนายเจ็บมากม้าย?” “ไม่เจ็บมั้ง! แม่งเมาแล้ววุ่นวายคนอื่น” นอกจากทำช่วงล่างเขาตื่นแล้วยังมาตบหน้าเขาอย่างไม่มีเหตุผล หากไม่ติดว่ารู้จักกันนะป่านนี้เขาคงปล่อยให้ไปนอนกับไอ้โบ้ข้างทางแล้วล่ะ “นายอย่ามาบ่นช้านในใจน้าไฮโล!!” “เฮโร ผมชื่อเฮโร!!” “ช้านชื่อชาไหมนะ!” ให้ตายสิ! นี่เธอเห็นเขาเป็นคนประสาทที่จะลืมชื่อเจ้านายตัวเองหรือไง! เขาแค่ต้องการแก้ไขชื่อตัวเองที่ถูกเธอเรียกผิดให้มันถูกไม่ได้จะแนะนำตัวสักหน่อย เมาแล้วเพี้ยนเสียจริง! “ผมรู้ว่าพี่ชื่อชาไหม พี่รบกวนนอนอยู่เฉยๆ ได้มั้ย?” “แล้วพี่ไม่นอนเฉยตรงไหนน้องลองพูดมาเซ่!” “พี่นอนเฉยมากเลยครับ” ทั้งที่หมอนมีแต่เจ้าตัวกับมาหนุนตักของเขาและไม่ได้หนุนแค่หน้าตักแต่ยังขยับศีรษะถูไถไปมาบริเวณเป้ากางเกงจนมังกรน้อยมันตื่นขึ้นมาทำให้เขาเริ่มปวดหนึบน่ะสิ “จริงมั้ยล่ะ พี่นอนเฉยแต่โดนอะไรแข็งๆ ทิ่มแก้มไม่รู้!” เพราะด้วยความที่มันเป็นกางเกงขายาวทำธรรมดาไม่ใช่กางเกงยีนส์หากเจ้ามังกรน้อยจะแข็งตัวผงาดขึ้นมาก็ไม่แปลกที่มันจะโดนกับแก้มของเธอ ไม่ใช่สิ!! แก้มเธอต่างหากที่มาโดนของเขาน่ะ “พี่ไหม!!” “เอ้อ! ว่างายไอ้น้อง!” “ผมไม่อยากพูดกับพี่แล้ว ถ้าพี่ยังไม่หยุดผมจะทำมากกว่านี้แล้วนะ!” สิ้นประโยคของเขาหญิงสาวร่างบางก็เด้งตัวลุกขึ้นนั่งยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกของตัวเองเหมือนกับตกใจประโยคของเฮโรซึ่งมันก็ทำให้เขาอมยิ้มออกมาเมื่อล่อเธอให้ลุกออกจากหน้าตักของตัวเองได้สักที “เฮ้ยๆๆ!! พี่จะทำไร!!?” แต่แล้วก็ต้องเป็นเฮโรที่ตกใจเมื่อเห็นชาไหมกำลังถอดเสื้อสายเดี่ยวของตัวเองออก พรึ่บ! และไม่ทันได้เอื้อมมือไปห้ามเพราะมัวแต่ดูอยู่ เอ้ย!..เอ่อ!เอื้อมไม่ทันน่ะ จากนั้นเสื้อสายเดี่ยวตัวบางก็หลุดออกจากตัวของชาไหมเหลือเพียงเสื้อเกาะอกสีขาวตัวเล็กที่ปกปิดหน้าอกที่มีขนาดไม่ใหญ่หรือจะเรียกว่าไซรส์อนุบาลเลยก็ได้! “นายจะข่มขืนช้านไม่ช่ายเร้อ เอาเลยฉันสมยอม คิกคิก อาวสิรออาราย” ภาษาเพี้ยนๆ ของชาไหมเอ่ยบอกกับชายหนุ่มร่างสูงที่ได้แต่นั่งกุมขมับตัวเองเพื่อแปลมันว่าเธอพูดอะไรบ้าง ทุกครั้งที่เมาภาษาต่างด้าวก็คือโผล่มาทุกครั้งจนเขาเริ่มจะอยากไปเรียนพิเศษภาษาสำหรับคนเมาแล้วสิ อีกเรื่องนะเขาอยากให้ลูกน้องของชาไหมมาเห็นเธอสภาพนี้ซะเหลือเกินว่าที่จริงแล้วคุณชาไหมของทุกคนนั้นไม่ได้น่ากลัวหรืออะไรทั้งสิ้น เธอก็แค่ผู้หญิงบ๊องๆ คนหนึ่งแค่นั้น ปึ่ก! แต่เมื่อฝ่ามือเล็กฟาดลงมากลางเป้าของเฮโรมันก็ทำให้เขาถึงกับตาโตแล้วรีบปัดมือเธอออกก่อนจะลุกขึ้นยืนกุมเป้าของตัวเองไว้ด้วยความจุก “อาวช้านสิไอ้น้องโร” “อึก! พะ..พี่อย่ามาท้าผมนะ ยิ่งมันปวดหนึบขึ้นมาอยู่” “ไม่ได้ท้า มาสิพี่พร้อมแล้ว” พูดแล้วก็พยายามจะหยัดกายลุกขึ้นยืนเพื่อถอดกระโปรงของตัวเองออก ก๊อกก๊อก! โชคดีที่มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้เฮโรรีบผลักตัวเธอให้นอนแล้วตัวเขาก็เดินออกไปส่องดูว่าใครเป็นคนเคาะประตู “ฉิบหายละ!! คุณมัมมา!!” จากนั้นเฮโรก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนเพื่อจัดการสวมใส่เสื้อสายเดี่ยวให้ชาไหมแล้วจัดแจงท่านอนของเธอให้ดีก่อนจะวิ่งออกมาเปิดประตูให้ท่านประธานหญิงในวัยห้าสิบปลายๆ อย่างคุณหญิงมัมที่เป็นมารดาของรองประธานสาวอย่างชาไหม “สวัสดีครับคุณป้า” “อืม ยัยไหมล่ะ? เห็นไอ้บุ้งโทรมาบอกว่าเลิกกับแฟนแล้วไปเมาเละเทะในผับเหรอ!?” “เอ่อ ครับ..เธอโทรให้ผมไปรับมาส่งที่นี่น่ะ” อันที่จริงก็คือกลัวจะโดนด่าแหละที่มาอยู่ในห้องของชาไหมกับเธอแค่สองคนแบบนี้ แต่กลับไม่ถูกว่าหรืออะไรเขาเลยต้องปล่อยผ่านแล้วเดินตามคุณหญิงมัมเข้าไปในห้องนอนที่ชาไหมนอนอยู่ “คุณมัม คุณมัมจ๋าไอ้เฮโรเฮงซวยนี่มันจะข่มขืนไหม!” ทั้งที่ดวงตายังหลับแต่ปากเธอกลับซ่ากล่าวออกมาเช่นนั้นเมื่อคุณหญิงมัมเดินไปหยุดที่ปลายเตียง และแน่นอนว่าพอเธอได้ยินก็รีบหันมามองชายหนุ่มร่างสูงข้างกายที่ก็หันไปมองเธอด้วยเช่นกัน ‘ได้ ต้องการแบบนี้ใช่มั้ยต้องการวางระเบิดให้เขาทั้งที่ตัวเองก็เมาไม่ได้สติใช่มั้ย!?’ เฮโรคิดในใจพร้อมกับกัดฟันกรอดออกมาเมื่อถูกสายตาของคุณหญิงมัมจ้องมองเชิงคำถามว่าที่ลูกสาวเธอพูดออกมานั้นจริงมั้ย แน่นอนว่าเธอวางระเบิดไว้ให้เขาเช่นนี้แล้วเขาก็ต้อง.. “ไม่จริงเลยครับ ผมเพิ่งมาส่งเธอและจะเอาเธอบนเตียงนี่แหละครับ!” กัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนน้อมแถมคงจะตื่นกลัวมากจนเกินไปจึงไม่ได้เรียบเรียงประโยคให้มันดีกว่านี้ “ว่าไงนะ!!?” “คะ ครับ!?” “นายพูดใหม่สิ!” “อ่อ ผมบอกว่าผมมาส่งเธอแล้วก็เพิ่งอุ้มเธอวางลงบนเตียงกำลังเอาเธอนอนครับ” ดูเหมือนว่าเขาจะตื่นเต้นหรือตื่นกลัวมากจนเกินไปจริงๆ เมื่อถูกสายตาดุจากคุณหญิงมัมจ้องมองด้วยความกดดันจนพูดเพี้ยนเรียบเรียงประโยคออกมาไม่ถูกสักที “เฮโร!!” “เอ่อ คุณหญิงคะคุณเฮโรคงจะต้องการบอกว่าเพิ่งมาส่งคุณไหมเข้าที่นอนและห่มผ้าให้เธอเพิ่งเสร็จแล้วคุณหญิงก็มาพอดีน่ะค่ะ” เลขาสาวของคุณหญิงมัมที่ยืนเหมือนจะหลับแต่หูยังฟังนั้นจึงต้องเป็นฝ่ายเอ่ยแก้ประโยคพวกนี้ให้เฮโรที่ก็รีบพยักหน้าให้เธอประมาณว่านั่นแหละคือสิ่งที่เขาต้องการบอกคุณหญิงมัม “นั่นแหละครับ ผมเพิ่งเอา เอ้ย! เพิ่งส่งเธอเข้าที่นอน” “แล้วไป!” “ถ้างั้นไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวกลับก่อนนะ” “เดี๋ยว! อยู่เป็นเพื่อนยัยไหมที่นี่แหละ!” “ห้ะ!! ครับ?” “ดึกแล้วหูเพี้ยนหรือไง อยู่เป็นเพื่อนยัยไหมนี่แหละพรุ่งนี้ฉันให้ลาหนึ่งวัน แล้วก็เช็ดตัวให้เธอสักหน่อยไงฉันก็ไปล่ะถูกปลุกกลางดึกแบบนี้เพื่อมาดูความไร้สาระของยัยไหมไม่คุ้มค่ากันเลย!” พูดจบคุณหญิงมัมก็เดินออกไป ส่วนเฮโรนั้นยังคงยืนเกาหัวตัวเองมองไปทางประตูห้องที่เพิ่งถูกปิดไป แล้วเขาก็หันมามองนาฬิกาที่ติดฝาผนังบ่งบอกเวลาตีสาม! อีกไม่กี่ชั่วโมงไก่ก็ขันแล้ว! ไม่รอช้าเฮโรรีบไปเอาน้ำใส่กะละมังเพื่อเช็ดตัวให้ชาไหมอย่างลวกๆ เสร็จก็มาล้มตัวนอนบนโซฟาในห้องนั่งเล่น แต่เพราะไม่เคยนอนโซฟามันเลยนอนไม่หลับเขาจึงเปลี่ยนไปนอนบนที่นอนในห้องกับชาไหมแทน แค่นอนจริงๆ นะไม่ได้ขย่มเธอเพราะจะเช้าแล้วเดี๋ยวไม่ได้นอนอีกร่างกายจะแย่เอา ฮ่าฮ่า!“โกรธแม่ฉันมั้ย ฉันขอโทษแทนท่านด้วยนะท่านเป็นคนแบบนั้นอยู่แล้ว” ชาไหมเอ่ยขอโทษคนข้างกายแทนผู้เป็นแม่เมื่อขึ้นมาบนรถแล้ว แต่ชายหนุ่มกับส่ายหน้าให้แล้วเอื้อมมือมากุมมือของเธอไว้“ผมต่างหากที่ต้องขอโทษแทนแม่ผม ท่านน่ะเป็นคนไม่ค่อยมีเหตุผลถึงมีก็เป็นเหตุผลส่วนตัวที่ชอบยกมาอ้างไปมั่ว”“จะว่าฉันเป็นคนไม่มีมารยาทก็ได้นะ แต่เวลาฉันมีแฟนน่ะฉันไม่ค่อยสนใจครอบครัวของแฟนสนใจแค่แฟนของฉัน ไม่สนใจคือไม่ว่าเขาจะชอบหรือไม่ชอบฉันก็เรื่องของเขาขอแค่ลูกชายเขารักฉันแค่นั้นก็เพียงพอ กับแม่ผัวฉันแค่ทำในสิ่งที่ลูกสะใภ้ควรทำแค่นั้น”“ผมเข้าใจครับ ถ้างั้นเรากลับคอนโดพี่นะ”“อืม ฉันอยากไปนอนพักสักหน่อยเดี๋ยวคืนนี้ไปเที่ยวอีก” จากนั้นเฮโรก็สตาร์ทรถและขับออกไป เธอรู้สึกว่าวันนี้เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดเลย คือแบบมีเรื่องมีราวเข้ามาเยอะจนงานของเธอนั้นไม่ได้กระดิกไปไหน ส่วนงานค้างของวันนี้แน่นอนว่าเธอก็ทักแชทไปบอกให้รองประธานเข้าไปเคลียร์งานแทนแล้วพูดถึงบริษัทก็ตัดมายังห้องทำงานของรองประธานหนุ่มที่นั่งหน้าเคร่งเครียดขมวดคิ้วมุ่นอยู่หน้างานกองโต ที่ไม่รู้ว่าปกติแล้วงานของท่านประธานสาวนั้นเยอะขนาดนี้อยู่แล้วหรือว่
บรรยากาศภายในร้านเงียบสงัดลงทันทีเมื่อลูกค้าภายในร้านเกิดมีปากเสียงจนถึงขั้นสาดน้ำใส่หน้ากัน ผู้คนต่างเริ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอัดคลิปอัดวิดีโอไว้แต่ก็ไม่ได้ทำให้สามสาวนั้นรู้สึกละอายแต่อย่างใดเพราะกำลังถูกความโมโหเข้าควบคุมอยู่“ด่ากูว่าร่านมึงก็ร่านพอๆ กูแหละแนน!”“เยอะไปป่าวบุ้ง!!?”“ก็มึงดูมันด่ากูดิชา!”“แต่กูว่ามันก็เรื่องจริงนะ!!” ชาไหมลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับผักบุ้ง มือเล็กกำเข้าหากันแน่นพร้อมจะยกขึ้นไปฟาดใบหน้าของคนตรงหน้าได้ทุกเมื่อ“ก็เพราะพวกมึงทำงานด้วยกันไงเลยเข้าข้างกันแบบนี้!!”“กูเข้าข้างกันเพราะสิ่งที่มึงทำมันผิดนะแนน!!” แนนซี่ลุกขึ้นยืนอีกคนแล้วบอกกับหญิงสาวตรงหน้าที่ยังเถียงจนคอเป็นเอ็น ทั้งที่ตัวเองผิดแต่กลับไม่ยอมรับความผิดพยายามโบ้ยความผิดไปให้คนอื่นอีก เหอะ!“กูผิดตรงไหน กูแค่ทำตามความต้องการแม่”“มึงอย่าเอาแม่มาอ้างสิ!!”“มึงมีดีกว่ากูทุกอย่าง ทั้งเรียนเก่ง บ้านมีฐานะ มีธุรกิจเป็นของตัวเองแค่ผู้ชายคนเดียวมึงก็ยกให้กูดิ” เพี้ยะ! แน่นอนว่าประโยคที่สิ้นคิดของผักบุ้งนั้นทำให้ชาไหมยกฝ่ามือฟาดลงบนใบหน้าของเธอเต็มๆ และจากที่ยืนอยู่คนละฝากเธอก็เดินปรี่ไปหาผักบุ้งจนแนนซี
ชาไหมเมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานของตัวเองก็ชวนโอเล่ต์กับแนนซี่ลงไปหาอะไรทานแถวข้างบริษัทที่มีร้านน้ำร้านขนมหวานเปิดใหบริการอยู่“พี่ไหมคะ พี่ยังรักแฟนเก่าอยู่มั้ยคะ?” โอเล่ต์เอ่ยถามหลังจากพวกเธอพากันมานั่งในร้านเบอเกอรี่และสั่งของหวานกับพนักงานไปเรียบร้อนแล้ว“ไม่รักแน่นอน คนอย่างนั้นไม่สมควรถูกรักหรอก”“จริงค่ะ พี่สวยแบบนี้คงมัดใจพี่โรได้สินะ”“โรต่างที่มัดใจคุณชาได้อ่ะ” แนนซี่แย้งด้วยรอยยิ้มขณะที่มือกำลังพยายามคุยแชทกับใครสักคนอยู่ จากนั้นเธอก็ยื่นโทรศัพท์ให้ชาไหมดูสิ่งที่เธอคุยกับคนในแชท“อะไรเหรอ?”“ลองอ่านสิ”“ถ้างั้นหนูขอไปสั่งขนมเพิ่มได้มั้ยคะ?” เมื่อเห็นว่าผู้ใหญ่คงมีเรื่องส่วนตัวโอเล่ต์จึงเอ่ยถามสองสาวซึ่งก็พยักหน้าให้เธอ ร่างเล็กจึงเดินดุ๊กดิ๊กไปมองหาขนมหวานที่ถูกใจเพื่อสั่งมันพร้อมกับน้ำปั่นสีสันสดใส“มันจะมานี่เหรอ?”“อืม กูถามมันเรื่องโรมันบอกว่ามันไม่รู้เรื่องอะไรเลยจะมาอธิบายกับเรา” แนนซี่บอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เมื่อเธอทักไปถามผักบุ้งเรื่องหมั้นกับโรแต่หล่อนกับบอกว่าไม่รู้เรื่องอะไรรู้แค่ว่าแม่อยากให้หมั้นกับผู้ชายที่อายุน้อยกว่าเลยจะมาอธิบายให้พวกเธอฟังที่นี่ด้วยตัวเอง อ
“แล้วนี่นั่งยิ้มอะไร ฉันกำลังอารมณ์ไม่ดีนะ!!” คุณหญิงมัมหันมาถามบุตรสาวที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทั้งที่ตัวเธอโมโหพีพีจนอกจะแตกตายอยู่แล้ว ชาไหมจึงขยับเข้าไปนวดแขนให้ผู้เป็นแม่“นานทีคุณหญิงจะออกโรงช่วยไล่สิ่งไม่ดีออกจากชีวิตลูกสาวนี่คะเลยดีใจไปหน่อย”“อ๋อ นี่จะบอกว่าฉันไม่เคยออกโรงปกป้องหรือช่วยอะไรเธอเลยว่างั้น?”“ก็ตั้งแต่อายุยี่สิบ…”“เพราะเธอโตแล้วควรช่วยเหลือตัวเอง เอาตัวรอดเองได้แล้วนี่”“โอเคๆ ไม่เถียงค่ะ ว่าแต่มาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า” ตั้งแต่ยกตำแหน่งประธานบริษัทให้ คุณหญิงมัมก็ไม่เคยมาหาเธอเลยสักครั้ง และนานครั้งมากที่เธอกับแม่จะเจอกันเพราะอย่างที่รู้ว่าเธอไม่ได้อยู่บ้านอาศัยอยู่ที่คอนโดเป็นส่วนใหญ่ ส่วนคุณพ่อนั้นแล้วใหญ่เลยปีหนึ่งแทบจะเจอกันแค่ครั้งหนึ่งเห็นจะได้!“วันนี้ไปเดินห้างมาเห็นพนักงานพูดถึงเธอกับแฟนหนุ่ม มีแฟนทั้งทีไม่คิดจะบอกฉันเลยเหรอ!?”“ก็คิดว่าจะบอกอยู่ แต่ยังไม่กล้าบอกกลัวไม่ถูกใจ”“แล้วใครล่ะ”“เฮโร ผ่านมั้ย..ลูกชายคุณฮารี”“เฮโร หมอนั่นน่ะเหรอ เหอะ! ไม่เห็นมีอะไรคู่ควรกับเธอสักนิด”“แล้วผ่านมั้ยล่ะ?”“ก็พอผ่าน ตอนนี้ได้ข่าวว่าจะเปิดร้านเสื้อผ้านี่ ไปเรียนกลับ
ก๊อกก๊อก! เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นพร้อมกับบานประตูที่ถูกผลักเข้ามา ร่างของแนนซี่เดินนำชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินกรมกับกางเกงสแล็คสีดำรองเท้าหนังเดินเข้ามา ชาไหมจึงละสายตาจากงานแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองเขาก็เห็นว่าคนที่ให้เลขามานัดคุยงานกับเธอก็คือแฟนเก่าของเธออย่างพีพี!“นายจะไม่ยอมเลิกยุ่งกับฉันจริงๆ หรือไง” ชาไหมบ่นขึ้นกับตัวเองเบาๆ ไม่รู้ว่าพีพีต้องการอะไรจากเธอถึงยังมาวนเวียนตามตอแยเธออยู่เช่นนี้ ทั้งที่เลิกกันไปสองปีจะเข้าสามปีอยู่แล้ว ร่างบางจึงลุกขึ้นยืนแล้วกวักมือให้โอเล่ต์มานั่งตรงที่เธอส่วนตัวเธอนั้นก็เดินไปนั่งบนโซฟาไม่ลืมจะผายมือให้ชายหนุ่มร่างสูงมานั่งด้วย“ขอบคุณสำหรับอาหารกับน้ำนะคะ” แนนซี่ที่ยืนมองพีพีด้วยสายตาที่ไม่ชอบพอนั้นเอ่ยบอกกับประธานสาวแล้วก็เดินออกไปนั่งทำงานของตัวเองต่อด้านนอกทิ้งให้ภายในห้องนั้นเงียบกริบเมื่อไม่มีใครเอ่ยพูดอะไร มีเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศที่ดังอยู่ สายตาคมกริบของพีพีจ้องมองไปยังใบหน้าคนข้างกายที่นั่งมองไปยังเด็กสาวที่นั่งอยู่ในห้องนี้อีกที“หนูรบกวนใช่มั้ยคะ?” โอเล่ต์จึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามชาไหมเมื่อเห็นว่าถูกจ้องมองและทั้งคู่ไม่พูด
เมื่อผู้หญิงคนนั้นถูกลากตัวไปแล้วเฮโรก็หันไปขอโทษลูกค้าท่านอื่นที่ทำให้ภายในร้านบรรยากาศเสียไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เดินตรงไปยังห้องทำงานของเขาที่เมื่อเดินเข้ามาก็เห็นว่ามีเด็กสาวร่างเล็กนั่งกอดอกอยู่บนเก้าอี้ทำงานของเขาและมีเลขาของเขายืนมองเธออยู่ด้วยสีหน้าที่ปานจะกลืนกินเด็กสาวไปทั้งตัว“เธอยังเด็กนะครับ”“อายุสิบเจ็ดนี่ก็ไม่ถือว่าเด็กแล้วนะคะ”“อ่า อย่าดุเธอเลย..คุณไปเคลียร์เรื่องที่โรงพักให้ผมหน่อย เดี๋ยวผมจัดการที่นี่ต่อเอง อ้อ..ฝากเอาเลขาพี่ชาไปส่งให้พี่เขาด้วยนะครับ” เฮโรสั่งงานธีรกานต์เสร็จแล้วเขาก็เดินไปนั่งบนโซฟากลางห้อง ส่วนธีรกานต์ที่ได้รับมอบหมายงานก็โค้งหัวให้ผู้เป็นนายเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป“ไม่ต้องไล่หนู หนูออกเอง!” คนตัวเล็กกระแทกเสียงบอกคนตัวใหญ่ที่นั่งอยู่บนโซฟาห่างจากเธอแถมยังยกแขนขึ้นมากอดอกมองเธออยู่ แต่เขายังไม่ทันได้ปริปากว่าอะไรเธอสักนิด“พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”“หนูรู้ว่าพี่จะดุหนูที่หนูไปว่าลูกค้าแบบนั้น แต่เธอทำหนูก่อนหนูไม่ยอมหรอกนะ เป็นพนักงานแล้วไงพนักงานไม่ใช่คนหรือไง!!”“พี่ให้คนพาเธอไปส่งตำรวจแล้ว” เขาส่ายหัวให้หญิงสาวตรงหน้าเบาๆ ที่ดูจะไม่ยอมรอฟังในส