LOGIN“ใครสอนให้น้องเอมใช้ปากเก่งแบบนี้” ไม่พูดเปล่า ยังรั้งเอวคอดประชิดตัว
“คนโรคจิตที่ยืนอยู่ตรงหน้านี่แหละค่ะ ตัวดีเลย” เธอแหวกลับอย่างไม่จริงจัง แล้วยิ้มขันไปกับเขา
“คำก็โรคจิต สองคำก็โรคจิต สงสัยไม่ต้องกินแล้วข้าว กินน้องเอมแทน”
“พี่เซนคะ” เธอฟาดมือลงบนแขนแกร่งอย่างมันเขี้ยว ถลึงตาใส่อย่างคนมีน้ำโห ทว่าทำไปอย่างนั้น
“พูดเล่น แต่ถ้าจะให้เป็นเรื่องจริงก็ได้นะ” เขายังคงเย้าหยอกเธอ
“เอมไม่คิดเลยว่าคนอย่างพี่เซนจะเหมือนกับคนละคนที่เอมเจอครั้งแรก คนอะไร ปากหวานยิ่งกว่าผู้หญิง” เธอบ่นอุบพลางยื่นมือไปบีบแก้มสากทั้งสองข้าง
“คนน่ารักแถวนี้เปลี่ยนเสือให้เป็นแมวจนอยู่หมัด” เขาให้คำตอบ
ทว่าสายตาที่มองมาอย่างลุ่มลึกทั้งที่คำพูดเย้าแหย่ ทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามได้อย่างไม่เคยชินเลยแม้แต่นาทีเดียว กับการช่างหยอดช่างเย้าของเขา
ไม่ใช่แค่เขาหรอกที่ถูกเธอจับจนอยู่หมัด เขาเองก็เช่นกัน
เท้าเล็กก้าวเดินไปบนหาดทรายขาวนุ่มไปตามแนวเลียบฝั่ง มองออกไปบนผืนทะเลที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาอย่างไม่สิ้นสุด มือเล็กถือรองเท้าแตะสีขาวแกว่งไปมาเหมือนคนเดินเล่น ทว่าภายในหัวเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องระหว่างตนเองและชายหนุ่มที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในการทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ระหว่างรอชายหนุ่มที่หายไปไหนก็ไม่ยอมบอกหลังรับประทานมื้อเย็นจนอิ่ม
แม้จุดเริ่มต้นจะเกิดขึ้นด้วยอารมณ์ที่ดึงดูดกันและกันอย่างไม่เข้าใจ ถึงจบด้วยเตียงนอน อาจใช่ที่เขาคือรักแรกพบของเธอเมื่อหลายปีก่อน แต่มันก็นานมากแล้วจนกระทั่งได้เจอกับเขา อาการแปลกใหม่ก็ก่อเกิดขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
เธอไม่เข้าใจกระทั่งช่วงเวลาสองเดือนที่ผ่านมา
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขากำลังไปด้วยดี แม้ลึก ๆ เธอจะแอบหวั่น ๆ ว่าเขาหวังจะเคลมเธอไม่ต่างจากคนอื่น ทว่าความอบอุ่นเอาใจใส่ของเขามันทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นไหว จนเลือกที่จะลองเดินบนเส้นทางที่เลือก เพราะถึงอย่างไรในตอนนั้นระหว่างเธอกับเขาก็ไม่ได้มีเรื่องให้ต้องระแวง แต่ก็ยังไม่มีสถานะที่ชัดเจนกับการเจอกันอีกครั้งเสียหน่อย เธอไม่รู้ว่าเขาจดจำเธอได้หรือไม่ แต่เธอจำเขาได้ขึ้นใจ โดยเฉพาะนัยน์ตาสีอำพันราวกับหมาป่าคู่นั้น ทั้งยังรู้และเข้าใจเองว่าเซนนิก้ากำลังกลัวที่จะรักใครอีก
ใช่ เธอรับรู้ หากไม่ใช่เพราะเซนโซก้าต่อสายทางใกลเพื่อให้เธอได้ปรึกษา เธอก็คงไม่รู้
เมื่อวันก่อนใช่ว่าเธอจะไม่รู้ เอเรียน่าคืออดีตคนรักของเขาที่ทิ้งไปอย่างไม่ไยดี หนำซ้ำยังตราหน้าเขาด้วยการไปแต่งงานกับเศรษฐีคราวพ่อ
เชอเอมรู้ว่าเซนโซก้ามองเธอเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ถึงได้เปิดปากเล่าเรื่องราวของเซนนิก้าให้เธอได้รับรู้ แม้จะแอบรู้สึกโหวงเหวงกับอดีตของเขา เกือบหลงคิดผิดว่าเธออาจเป็นแค่คนคั่นเวลา แต่ยามที่เขาหึงหวงขึ้นมาความรู้สึกนั้นก็มลายหายไปฉับพลัน แม้เธอจะมีคนรักมาและจบลงไม่สวย แต่คนเหล่านั้นก็ไม่เคยทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความรักจริง ๆ สักคน
แตกต่างจากเขา...
ความรู้สึกมากมายเอ่อท้นจนไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่แล้วมันก็กระจ่างเมื่อเขาแสดงการกระทำให้ทำให้เธอหยุดหวั่นไหวไม่ได้เสียที แต่ยามที่ความสัมพันธ์ที่เริ่มลึกลงไปเธอก็อดรู้สึกโหวงเหวงไม่ได้ เมื่อชั่วขณะหนึ่งในหัวผุดเรื่องของเขากับเอเรียน่าขึ้น
ยิ่งย้ำให้เธอคิดไม่ตกเมื่อยังจดจำอากัปกิริยาของคนทั้งสองเมื่อได้พบกันในวันที่เธอทำงาน เธอจำได้ดี สายตาที่กรุ่นโกรธด้วยความเจ็บ
เขายังคงเจ็บปวดกับอดีต...
ถึงจะเห็นเขามีอากัปกิริยาเช่นนั้น วนเวียนในหัวไม่หยุด ทว่าหัวใจของเธอก็ดื้อด้านที่จะไปต่อกับเขาอย่างไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงหาเรื่องให้ต้องมาเสียใจทีหลังหากรู้ว่าเขาไม่ได้หวั่นไหวเหมือนที่เธอกำลังเป็น
“เขาจะรู้สึกเหมือนกับเราไหมเนี่ย”
สาวเจ้าบ่นพึมพำกับตัวเองพลางก้มมองเท้าที่กำลังก้าวเดินไปตามหาดทรายผ่านเกลียวคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งมาปะทะ ก่อนจะชะงักเท้าที่กำลังเดินเพื่อใช้สมองคิดว่าจะทำเช่นไรดีกับความสัมพันธ์ของตัวเอง
ยายเอมนะยายเอม เรื่องคนอื่นล่ะจุ้นจ้านดีจริง ถึงคราวตัวเองกลับกลายเป็นคนโง่งมแบบนี้
ไม่วายบ่นตัวเองต่อในใจอย่างคนหัวเสียไปกับความรู้สึกของตัวเองที่เหมือนจะเดินบนเส้นทางที่ผิดเสียแล้ว หรือเธอยังไม่รู้จักความรักดีกันนะ
ใช่ เธอคงยังไม่รู้จักความรักดี แต่ตอนนี้ระหว่างเธอกับเขาเพิ่งได้เริ่มก้าวเดินเองนะ เพิ่งได้เริ่มอย่างจริงจัง ลึกลงไปหัวใจเจ้ากรรมก็อยากจะพัฒนาไปทีละขั้น และดูแลความสัมพันธ์ครั้งนี้ให้ดีที่สุด ยิ่งกว่าที่ผ่านมากับบทเรียนมากมาย แม้มันจะไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดหรือโหวงเหวงเท่าตอนนี้ก็ตาม และไม่ใช่เพราะสงสารเขา แต่เพราะเธอเองก็อยากมีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีใครมอบให้เช่นเขาต่อไป แม้ไม่รู้ว่าปลายทางจะเป็นเช่นไร แต่เธอก็ยังอยากลองที่จะเดินไปให้สุด อาจจะดูเหมือนเธอดื้อดึงที่จะโง่งมมัวเมาไปกับความลุ่มหลงในราคะและความรู้สึกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามันเป็นของปลอม
มีหรือเธอจะยอมอยู่เฉย แค่ยอมให้เขาป้อนด้วยช้อนของเขายังไม่พอหรอก คิดได้แล้วมือเล็กก็ใช้ช้อนตัวเองตักเนื้อปลากะพงยื่นไปตรงหน้าเขาทันที เขามองสาวเจ้าด้วยรอยยิ้มอย่างไม่คิดอะไร อ้าปากรับเนื้อปลากินทันที ทั้งสองผลัดกันป้อนบ้าง กินข้าวกันเองบ้าง จนอาหารที่สั่งมาหมดเกลี้ยงและพากันออกมาจากร้านอาหารก็เกือบบ่ายโมงแล้วแดดจ้ากำลังพอดี แต่ไอความร้อนก็ทำให้คนที่กำลังเดินไปตามทางถนนเหงื่อตกจนกระทั่งเดินไปเจอกับร้านเล็ก ๆ ของชาวบ้านซึ่งตั้งขายน้ำแข็งใส แต่ทว่าด้านหน้าร้านตั้งป้ายว่า ‘โอ้เอ๋ว’ คิ้วทรงสวยขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย ไม่วายคว้าแขนของชายหนุ่มให้เดินตรงไปยังร้านที่เป็นเป้าหมายทันที ก่อนจะเอ่ยถามเมื่อเดินมาถึงร้าน“โอ้เอ๋วคืออะไรเหรอคะ ไม่ใช่น้ำแข็งใสเหรอคะ” ถามออกไปด้วยความสงสัยเต็มประดา“หม้ายช่าย โอ้เอ๋วคือวุ่น หรอยแรง ลองกินม้าย” คนขายพูดภาษาใต้ตอบกลับมา“ขอสองถ้วยค่ะ” สาวเจ้าตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มแม้จะไม่ค่อยรู้ว่ามันคืออะไร แต่ค่อยกลับไปหาข้อมูลก็ไม่สาย แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรู้เรื่องก็เห็นจะเป็นภาษาใต้ที
หลังจากกินไอศกรีมกันจนอิ่มท้อง ทั้งคู่ก็พากันออกไปเดินเล่นตามถนนย่านเมืองเก่า พลางหามุมถ่ายรูป ผลัดกันถ่ายรูปบ้างเซลฟีบ้าง และมันทำให้เขารู้สึกถึงความสุขที่แท้จริงในฐานะของผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่เดินไปทางไหนก็ไม่มีคนรู้จัก มองเขาเป็นเพียงคนแปลกหน้าหรือไม่ก็นักท่องเที่ยว แตกต่างจากที่อิตาลี ที่ไปไหนจะต้องมีลูกน้องเป็นสิบคนเดินตามไปด้วยทุกที่ แม้แต่เข้าห้องน้ำก็ต้องเข้าคนเดียว มีลูกน้องกันเอาไว้ข้างนอก ความเป็นส่วนตัวและการได้เดินเล่นอย่างไม่กังวลเช่นนี้น่ะหรือ...ไม่มีหรอกและยิ่งได้เดินกับคนที่ทำให้หัวใจสั่นไหวด้วยแล้วยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลยแม้สักนิด การได้พบและได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเชอเอมทำให้เซนนิก้าต้องเปลี่ยนแผนชีวิตใหม่ทั้งหมดในความตั้งใจของชายหนุ่ม เพราะหญิงสาวได้กลายมาเป็นคนสำคัญในชีวิตของเขาไปเสียแล้ว และคงมีเรื่องยุ่งยากตามมาอีกไม่นาน เขาจะต้องวางแผนรับมือให้ดีที่สุด หากเขาจะรั้นคำสั่งของผู้เป็นปู่ก็คงไม่มีอะไรราบรื่นเป็นแน่ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาอีกต่อไปยามที่ได้กลับอิตาลีใช่ อีกไม่นานเขาจะต้องกลับอิตาลี กลับไปเคล
สายฝนที่กระหน่ำตกลงมาในวันที่สองของการมาเที่ยวภูเก็ตทำให้เชอเอมและเซนนิก้าไม่สามารถออกไปเที่ยวไหนได้เลย กระทั่งในวันที่สาย ฝนที่เคยตกก็หายไปราวกับว่าไม่มีมาก่อน ท้องฟ้าแจ่มใสจนคิดว่าเป็นหน้าร้อน แต่สำหรับหญิงสาวแล้ว ถือเป็นวันดีที่ทำให้ไม่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในห้อง และเธอเองก็อยากออกมาเที่ยวในเมืองภูเก็ตมากกว่าจะนั่งมองคลื่นทะเลกระทบโขดหินที่วิวห้อง และสถานที่แรกที่เธอกับเซนนิก้ามาตามแพลนที่ฟ้าครามให้ไว้ก็ไม่พ้นร้านของกิน“อร่อยใช่มั้ยคะ” เชอเอมเอ่ยถามเซนนิก้าเมื่อได้กินไอศกรีมเจ้าดังที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยจนมีแต่คนนำไปขึ้นเว็บไซต์รีวิวอย่างร้าน Torry's Ice Cream ที่ตั้งอยู่บนถนนถลางแห่งย่านเมืองเก่าจังหวัดภูเก็ต หลังจากรอให้ฝนหยุดตกมาหนึ่งวันเต็ม ๆ และมันก็เป็นวันที่ดีสำหรับเธอกับเขากับท้องฟ้าแจ่มใสแดดจ้า ราวเป็นใจให้หญิงสาวและชายหนุ่มได้ออกมาท่องเที่ยวและสำรวจพื้นที่ภูเก็ตไปด้วย“อืม อร่อย”“เอมมาครั้งนี้ก็ครั้งที่สอง ครั้งแรกที่มาก็ตอนแวะเพราะหิว หลังจากนั้นก็ไม่ได้มาอีกเลย” เชอเอมยิ้มกว้าง ภูมิใจกับสิ่งที่
บทที่ 9รอยยิ้มกับแสงตะวันเสียงคลื่นกระทบฝั่งเป็นระลอกในยามสายของวันให้บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบายหลังฝนเทกระหน่ำลงมาเมื่อคืน เซนนิก้าก้าวเดินออกมาในระยะห่างที่มากพอจะไม่ให้คนในวิลลาออกมาได้ยิน เมื่อสายทางไกลติดต่อมาในช่วงเวลาที่ไม่ค่อยเหมาะสมเสียเท่าไรสำหรับชายหนุ่ม แม้เขาจะรู้ว่าไม่นานเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้น เพียงแต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นรวดเร็วแบบนี้ หากเมื่อก่อนยังไม่พบกับเชอเอม ก็คงมองว่ามันก็ช้าไปอยู่ดีกับเรื่องที่สักวันหนึ่งเขาจะต้องกลับไปจัดการในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวตระกูลปาเนสบากาเรซแววตาคมกริบมองชื่อของบุคคลที่ต่อสายเข้ามาด้วยเบอร์ต่างประเทศอย่างชั่งใจชั่วครู่ ก่อนจะกดรับสายในที่สุด ทว่ายังไม่ยอมกรอกเสียงออกไป จนคนปลายสายต้องเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอยู่ในที“แกจะกลับเมื่อไร”น้ำเสียงแหบพร่าไปตามวัยที่ชราขึ้นส่งเสียงเข้มถาม เมื่อคนที่เป็นหลานชายคนโตดื้อดึงที่จะไม่ยอมกลับไปรับช่วงต่อกิจการครอบครัว นับตั้งแต่เลิกรากับเอเรียน่า หลานชายคนนี้ก็หนีหายไปจากครอบครัวตามน้องของต
เพื่อให้ได้เธอกลับไป ให้เธอตายใจก็เป็นได้“พี่โอนเงินยี่สิบล้านยูโรเข้าบัญชีโรงแรมที่นี่เพื่อให้ได้เป็นหุ้นส่วนและที่บาร์ของเอมอีกห้าล้านยูโรกับซิกไปแล้ว...ก็เพราะพี่หวงเอม” เขาตอบกลับหน้าตาเฉยอย่างไม่ยี่หระทว่าคนฟังคำตอบไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างที่เขาใช้น้ำเสียงโทนปกติ อุทานออกไปด้วยความตกใจอย่างที่สุด“อะไรนะคะ! พี่ต้องได้รับความกระทบกระเทือนที่หัวแน่ ๆ เลย” เธอพูดออกไปพร้อมกับดึงทิชชูออกจากจมูก“ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น พี่แค่อยากให้เอมอยู่ในสายตาพี่ตลอด เวลาเอมจะไปไหน ทำอะไร พี่จะได้รู้ว่ามีใครมาเกาะแกะเอมไหม” เขายังคงตอบกลับมาเสียงเรียบเรื่อยอย่างปกติแต่ทว่าไม่ใช่เรื่องปกติของเชอเอมน่ะสิ“นี่พี่...” เธอพูดไม่ออกจริง ๆ กับความใจป๋าของชายหนุ่ม“พี่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีความรู้สึก ความต้องการเหมือนซิกก้าที่อยากเลือกความรักเอง แค่เพิ่งรู้ตัวว่าหวั่นไหวกับเอมก็เท่านั้น แปลกตรงไหนที่พี่จะหึงจะหวง” เขายังคนตอบด้วยน้ำเสียงโทนเดิมจนเชอเอมทนไม่ไหว“พี่จะมา
ยกเว้นคราวนี้นะ เธอแค่อยากใช้เวลากับเซนนิก้าเพื่อค้นหาคำตอบให้กับหัวใจตัวเองมากขึ้น ให้มันชัดเจนมากกว่านี้จนแน่ใจว่าตัวเองจะไม่ปฏิเสธและก่อกำแพงขึ้นมาอีก ทว่าเท้าที่กำลังก้าวเดินพ้นเขตวิลลาของตัวเองก็ต้องชะงักเมื่อเสียงของฟ้าครามตะโกนเรียกเอาไว้เสียก่อน สาวเจ้าจึงหันกลับไปมองแล้วส่งยิ้มไปให้“จะไปเอามื้อเช้าเหรอ”“ค่ะ กินมื้อเช้าก็ว่าจะออกไปเที่ยว จริงสิคะ พี่ครามช่วยลิสต์มาให้เอมได้ไหมคะว่ามีที่ไหนแนะนำบ้าง เอมขี้เกียจเสิร์ชดูอ่ะ”เชอเอมพูดออกไปตามตรงพร้อมสีหน้าหยีเมื่อพูดถึงความขี้เกียจของตัวเองให้ฟ้าครามได้หัวเราะออกมาอย่างเอ็นดูกับนิสัยของรุ่นน้องคนนี้ที่เป็นลูกคุณหนูตัวจริง แต่ยังดีที่มีจิตใจดี ไม่เห็นแก่ตัว“ได้สิ เดี๋ยวจะสงเคราะห์ แต่ขอแกล้งเขาอีกสักหน่อยก็แล้วกัน” ฟ้าครามยิ้มหัวเราะตอบออกไป พลางชำเลืองมองเซนนิก้าที่กำลังยืนมองออกมาจากหน้าต่างวิลลาด้วยสายตาข่มขู่ไม่เป็นมิตร ราวกับว่าเขาเป็นศัตรูของเจ้าตัวมานาน“แค้นฝังหุ่นจังเลยนะคะ”“แน่นอน แฟนทั้งคนนะ มาขัดขวางความรักคนอื่นหน้าตา







