Masukหลังจากกินไอศกรีมกันจนอิ่มท้อง ทั้งคู่ก็พากันออกไปเดินเล่นตามถนนย่านเมืองเก่า พลางหามุมถ่ายรูป ผลัดกันถ่ายรูปบ้างเซลฟีบ้าง และมันทำให้เขารู้สึกถึงความสุขที่แท้จริงในฐานะของผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่เดินไปทางไหนก็ไม่มีคนรู้จัก มองเขาเป็นเพียงคนแปลกหน้าหรือไม่ก็นักท่องเที่ยว แตกต่างจากที่อิตาลี ที่ไปไหนจะต้องมีลูกน้องเป็นสิบคนเดินตามไปด้วยทุกที่ แม้แต่เข้าห้องน้ำก็ต้องเข้าคนเดียว มีลูกน้องกันเอาไว้ข้างนอก ความเป็นส่วนตัวและการได้เดินเล่นอย่างไม่กังวลเช่นนี้น่ะหรือ...ไม่มีหรอก
และยิ่งได้เดินกับคนที่ทำให้หัวใจสั่นไหวด้วยแล้วยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลยแม้สักนิด การได้พบและได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเชอเอมทำให้
เซนนิก้าต้องเปลี่ยนแผนชีวิตใหม่ทั้งหมดในความตั้งใจของชายหนุ่ม เพราะหญิงสาวได้กลายมาเป็นคนสำคัญในชีวิตของเขาไปเสียแล้ว และคงมีเรื่องยุ่งยากตามมาอีกไม่นาน เขาจะต้องวางแผนรับมือให้ดีที่สุด หากเขาจะรั้นคำสั่งของผู้เป็นปู่ก็คงไม่มีอะไรราบรื่นเป็นแน่ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาอีกต่อไปยามที่ได้กลับอิตาลีใช่ อีกไม่นานเขาจะต้องกลับอิตาลี กลับไปเคลียร์ทุกอย่างที่เขาทิ้งมาเพราะเจ็บปวดกับความรักที่สิ้นสุดลงหลังจากคบหากับเอเรียน่ามาเจ็ดปี
เจ็ดปีที่เขามองย้อนกลับไปกลับพบว่ามันน่าเสียดายเวลา ความเจ็บปวดมลายหายไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เหลือเพียงความเสียดายเท่านั้น
“เข้าไปดูพิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัวกันดีมั้ยคะ”
น้ำเสียงเจื้อยแจ้วของเชอเอมดึงให้เซนนิก้าหลุดจากภวังค์ความคิด หันมามองคนตัวเล็กที่ส่งยิ้มกว้าง ไม่รอให้เขาตอบรับคำถาม คล้องแขนดึงรั้งให้ชายหนุ่มเดินเข้าไปด้านในอย่างไม่รอช้า รอยยิ้มเอ็นดูจึงเผยขึ้นบนใบหน้าของเขาที่มองหญิงสาวด้วยความรัก
หลังจากเดินดูจนทั่วพิพิธภัณฑ์ ชายหนุ่มก็ถูกหญิงสาวพาไปเดินตามสถานที่ต่าง ๆ ตามแพลนที่ได้มาจากฟ้าคราม และหยุดพักกินมื้อกลางวันที่ร้านอาหารรสเด็ดอย่างร้านตู้กับข้าวที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารใต้แท้ ๆ ทางร้านตกแต่งสไตล์ปีนัง ผสมผสานเข้ากับกับความเป็นชิโน-โปรตุกีส ความสวยงามที่ผสมผสานกันทำให้ทั้งสองคนตื่นตาตื่นใจกับการเข้ามากินอาหารใต้ครั้งแรก จึงจัดอาหารขึ้นชื่อของที่ร้านทันที ทั้งนี้ก็เพื่อสังเกตและจดจำเพื่อนำไปแนะนำให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการโรงแรมได้
การมาเที่ยวในวันนี้ไม่ใช่เพื่อพากันมาเที่ยวเท่านั้นแต่สาวเจ้าก็มาทำงานไปในตัวด้วย แม้จะแอบสนุกมากกว่าก็ตาม แต่ทว่าเป็นเรื่องดีสำหรับเธอที่รู้สึกสนุกและชื่นชอบไปกับบรรยากาศของภูเก็ต เพราะเธอสามารถไปบอกเล่าให้กับนักท่องเที่ยวได้อย่างถึงรสถึงชาติ ไม่มีตกสักนิด ซึ่งเป็นหน้าที่ของเธอที่ควรจะทำมันออกมาให้ดีที่สุดถึงจะไม่ต้องลงมาดูแลแขกบ่อยครั้ง แต่ยามเมื่อจำเป็นเธอจะต้องอธิบายและบอกตำแหน่งสถานที่ต่าง ๆ ให้ได้ไม่ต่างจากพนักงาน
“แกงปูใบชะพลูน่ากินว่ามั้ยคะ เอมดูที่เขารีวิวกันห้ามพลาดเลยนะคะ เป็นอาหารซิกเนเจอร์ประจำที่นี่เลย”
เชอเอมมองถ้วยแกงปูใบชะพลูด้วยสายตาวับวาวเมื่อได้ทั้งกลิ่นหอมและหน้าตาน่ารับประทานที่ถูกใส่ถ้วยจัดแต่งมาอย่างสวยงาม ก่อนจะมองไปยังหมี่ขาว จึงเงยหน้าขึ้นไปถามพนักงานเสิร์ฟที่กำลังวางยำส้มโอและปลากะพงทอดขมิ้น
“หมี่ขาวนี่กินยังไงเหรอคะ”
“ใช้ทานควบคู่ไปกับแกงใบชะพลูค่ะ ดูจะไม่เข้ากัน แต่รับรองความแซ่บความอร่อยแน่นอนค่ะ”
พนักงานสาวเสิร์ฟเอ่ยถามภาษากลางเมื่อพบว่าลูกค้าไม่ใช่คนในพื้นที่ที่แต่งตัวไม่เหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป ก่อนจะทำหน้าที่ของตัวเองจนเสร็จเมื่อสาวเจ้ากล่าวขอบคุณ
“เอมไม่เคยกิน แต่จากรีวิวคิดว่าต้องอร่อยมาก ๆ แน่นอนค่ะ มีอีกเมนูนะคะที่เอมไม่ได้สั่ง กลัวพี่เซนจะกินไม่ได้ เลยสั่งเฉพาะที่มีรีวิวเยอะที่สุดค่ะ เอาจริง ๆ ก็มีหลายเมนูมาก”
เธอหันมาพูดกับเซนนิก้าเรื่องเมนูอาหารให้ชายหนุ่มได้ฟัง แม้เขาจะเป็นลูกครึ่งไทย แต่ก็เติบโตและใช้ชีวิตอยู่ที่อิตาลีอยู่หลายปี เพิ่งจะได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทยไม่นานมานี้ ทั้งยังอยู่แต่เมืองหลวง แม้จะได้ยินมาบ้างว่าเขาต้องบินมาภูเก็ตเมื่อดูโรงแรมที่กำลังสร้าง แต่ก็เพียงมาแล้วกลับเท่านั้น คงไม่มีโอกาสได้กินอาหารรสชาติภาคอื่น ๆ ของเมืองไทยเป็นแน่ อย่างมากก็คงจะเป็นอาหารภาคกลางกระมัง
“สั่งมาเถอะ พี่กินได้หมด ได้ลองกินอาหารที่ไม่เคยกินอาจจะติดใจก็ได้ เหมือนที่พี่ติดใจเอม”
คนอะไร หยอดกันได้ทุกที่ทุกเวลา
สาวเจ้าบ่นอุบในใจด้วยอาการเก้อเขิน ก่อนจะทำทีตักอาหารให้กับชายหนุ่มตรงหน้าเมื่อทำตัวไม่ถูกที่อยู่ ๆ ก็ถูกอีกฝ่ายพูดจีบออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้
“งั้นก็กินให้อิ่มเลยนะคะ ยังมีอีกหลายที่เลยค่ะที่ยังไม่ได้ไป”
“เขินก็พูดมาเถอะ อย่างน้อยพี่จะได้รู้ว่าเอมรู้สึกยังไงเวลาอยู่กับพี่”
“ไม่ใช่แค่เขินนะคะ แต่หัวใจมันเต้นแรงด้วยค่ะ”
คำตอบของเธอเรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากเขาได้เป็นอย่างดี พร้อมกับอาการก้อนเนื้อที่เต้นโครมคราม ทว่าสองแก้มนวลน่ะหรือ แดงระเรื่อร้อนผ่าวไปจนถึงใบหูเสียแล้ว เขาจึงบริการเธอด้วยการใช้ช้อนของตัวเองตักข้าวที่มีเนื้อปลายื่นไปจ่อปาก ซึ่งทำให้เจ้าตัวที่ยังเขินไม่หายยิ่งทวีความเขินมากขึ้น
เมื่อในหัวคิดดีไม่ได้เลย...
แบบนี้ไม่เป็นการจูบทางอ้อมหรอกหรือ
ไม่ ๆ ทำไมคิดอะไรไม่เข้าเรื่องแบบนี้ ก็แค่กินข้าว จูบดูดดื่มก็จูบมาแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเลยว่ามันจะมากแค่ไหนกับคำว่า ‘ดูดดื่ม’ มากกว่านั้นก็ทำมาแล้ว แถมหลัง ๆ มานี้ตัวเธอเองยังเป็นคนทำให้เขาด้วย จะมาเขินมาอายอะไรกับตอนนี้กันเล่า
ควรจะเขินเพราะอาการใจเต้นแรงไปกับคำพูดและการกระทำของเขาเสียมากกว่ากระมัง
แต่เอ๊ะ...ครั้งแรกเธอเองไม่ใช่หรือที่เต็มใจไปกับจูบของเขาจนมันเลยเถิด ทำไมจะยังมาทำเป็นหวงเรื่องความไม่เหมาะสมอีก เธอก็ไม่ได้ปิดกั้นเสียหน่อย
โอ๊ย ยายเอมนะยายเอม ทำไมคิดไปคิดมาถึงได้คิดไปไกลแบบนี้
เชอเอมบ่นอุบอิบตัวเองอยู่ในใจ ก่อนจะยอมให้เซนนิก้าป้อนอย่างที่ชายหนุ่มตั้งใจแต่โดยดี ทั้งนี้หญิงสาวต้องการให้บรรดาผู้หญิงนักท่องเที่ยวที่อยู่ในร้านรู้ว่าเขาคือคนของเธอ
ใช่ เขาคือคนของเธอ
เธอไม่เคยเลยที่จะหวั่นไหว หัวใจเต้นแรงขนาดนี้อย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน จะไม่ให้เขาเป็นคนของเธอ จะไม่ให้เขาเป็นคนพิเศษได้ยังไง คบใครต่อใครที่ผ่านมาก็แค่รู้สึกเสียหน้าที่ถูกผู้หญิงคนอื่นมาสวมเขาให้ ทว่าต่างจากเขาที่เธอไม่อยากให้คนอื่นแม้แต่แค่มองก็ตาม หวั่นไหวใจรู้สึกกลัวว่าจะมีผู้หญิงคนอื่นมาฉกไป กับคนที่ผ่านมาเธอไม่เคยกลัว แต่ก็ไม่คิดอยากให้ใครมาใช้แฟนร่วมด้วยก็เท่านั้น เธอไม่ชอบที่มีคนติฉินนินทาให้หลังที่มักจะลอยเข้ามาให้ได้ยินอยู่ร่ำไป
ตอนนี้เธอทั้งหวงทั้งหึงเลยล่ะ
มีหรือเธอจะยอมอยู่เฉย แค่ยอมให้เขาป้อนด้วยช้อนของเขายังไม่พอหรอก คิดได้แล้วมือเล็กก็ใช้ช้อนตัวเองตักเนื้อปลากะพงยื่นไปตรงหน้าเขาทันที เขามองสาวเจ้าด้วยรอยยิ้มอย่างไม่คิดอะไร อ้าปากรับเนื้อปลากินทันที ทั้งสองผลัดกันป้อนบ้าง กินข้าวกันเองบ้าง จนอาหารที่สั่งมาหมดเกลี้ยงและพากันออกมาจากร้านอาหารก็เกือบบ่ายโมงแล้วแดดจ้ากำลังพอดี แต่ไอความร้อนก็ทำให้คนที่กำลังเดินไปตามทางถนนเหงื่อตกจนกระทั่งเดินไปเจอกับร้านเล็ก ๆ ของชาวบ้านซึ่งตั้งขายน้ำแข็งใส แต่ทว่าด้านหน้าร้านตั้งป้ายว่า ‘โอ้เอ๋ว’ คิ้วทรงสวยขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย ไม่วายคว้าแขนของชายหนุ่มให้เดินตรงไปยังร้านที่เป็นเป้าหมายทันที ก่อนจะเอ่ยถามเมื่อเดินมาถึงร้าน“โอ้เอ๋วคืออะไรเหรอคะ ไม่ใช่น้ำแข็งใสเหรอคะ” ถามออกไปด้วยความสงสัยเต็มประดา“หม้ายช่าย โอ้เอ๋วคือวุ่น หรอยแรง ลองกินม้าย” คนขายพูดภาษาใต้ตอบกลับมา“ขอสองถ้วยค่ะ” สาวเจ้าตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มแม้จะไม่ค่อยรู้ว่ามันคืออะไร แต่ค่อยกลับไปหาข้อมูลก็ไม่สาย แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรู้เรื่องก็เห็นจะเป็นภาษาใต้ที
หลังจากกินไอศกรีมกันจนอิ่มท้อง ทั้งคู่ก็พากันออกไปเดินเล่นตามถนนย่านเมืองเก่า พลางหามุมถ่ายรูป ผลัดกันถ่ายรูปบ้างเซลฟีบ้าง และมันทำให้เขารู้สึกถึงความสุขที่แท้จริงในฐานะของผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่เดินไปทางไหนก็ไม่มีคนรู้จัก มองเขาเป็นเพียงคนแปลกหน้าหรือไม่ก็นักท่องเที่ยว แตกต่างจากที่อิตาลี ที่ไปไหนจะต้องมีลูกน้องเป็นสิบคนเดินตามไปด้วยทุกที่ แม้แต่เข้าห้องน้ำก็ต้องเข้าคนเดียว มีลูกน้องกันเอาไว้ข้างนอก ความเป็นส่วนตัวและการได้เดินเล่นอย่างไม่กังวลเช่นนี้น่ะหรือ...ไม่มีหรอกและยิ่งได้เดินกับคนที่ทำให้หัวใจสั่นไหวด้วยแล้วยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลยแม้สักนิด การได้พบและได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเชอเอมทำให้เซนนิก้าต้องเปลี่ยนแผนชีวิตใหม่ทั้งหมดในความตั้งใจของชายหนุ่ม เพราะหญิงสาวได้กลายมาเป็นคนสำคัญในชีวิตของเขาไปเสียแล้ว และคงมีเรื่องยุ่งยากตามมาอีกไม่นาน เขาจะต้องวางแผนรับมือให้ดีที่สุด หากเขาจะรั้นคำสั่งของผู้เป็นปู่ก็คงไม่มีอะไรราบรื่นเป็นแน่ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาอีกต่อไปยามที่ได้กลับอิตาลีใช่ อีกไม่นานเขาจะต้องกลับอิตาลี กลับไปเคล
สายฝนที่กระหน่ำตกลงมาในวันที่สองของการมาเที่ยวภูเก็ตทำให้เชอเอมและเซนนิก้าไม่สามารถออกไปเที่ยวไหนได้เลย กระทั่งในวันที่สาย ฝนที่เคยตกก็หายไปราวกับว่าไม่มีมาก่อน ท้องฟ้าแจ่มใสจนคิดว่าเป็นหน้าร้อน แต่สำหรับหญิงสาวแล้ว ถือเป็นวันดีที่ทำให้ไม่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในห้อง และเธอเองก็อยากออกมาเที่ยวในเมืองภูเก็ตมากกว่าจะนั่งมองคลื่นทะเลกระทบโขดหินที่วิวห้อง และสถานที่แรกที่เธอกับเซนนิก้ามาตามแพลนที่ฟ้าครามให้ไว้ก็ไม่พ้นร้านของกิน“อร่อยใช่มั้ยคะ” เชอเอมเอ่ยถามเซนนิก้าเมื่อได้กินไอศกรีมเจ้าดังที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยจนมีแต่คนนำไปขึ้นเว็บไซต์รีวิวอย่างร้าน Torry's Ice Cream ที่ตั้งอยู่บนถนนถลางแห่งย่านเมืองเก่าจังหวัดภูเก็ต หลังจากรอให้ฝนหยุดตกมาหนึ่งวันเต็ม ๆ และมันก็เป็นวันที่ดีสำหรับเธอกับเขากับท้องฟ้าแจ่มใสแดดจ้า ราวเป็นใจให้หญิงสาวและชายหนุ่มได้ออกมาท่องเที่ยวและสำรวจพื้นที่ภูเก็ตไปด้วย“อืม อร่อย”“เอมมาครั้งนี้ก็ครั้งที่สอง ครั้งแรกที่มาก็ตอนแวะเพราะหิว หลังจากนั้นก็ไม่ได้มาอีกเลย” เชอเอมยิ้มกว้าง ภูมิใจกับสิ่งที่
บทที่ 9รอยยิ้มกับแสงตะวันเสียงคลื่นกระทบฝั่งเป็นระลอกในยามสายของวันให้บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบายหลังฝนเทกระหน่ำลงมาเมื่อคืน เซนนิก้าก้าวเดินออกมาในระยะห่างที่มากพอจะไม่ให้คนในวิลลาออกมาได้ยิน เมื่อสายทางไกลติดต่อมาในช่วงเวลาที่ไม่ค่อยเหมาะสมเสียเท่าไรสำหรับชายหนุ่ม แม้เขาจะรู้ว่าไม่นานเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้น เพียงแต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นรวดเร็วแบบนี้ หากเมื่อก่อนยังไม่พบกับเชอเอม ก็คงมองว่ามันก็ช้าไปอยู่ดีกับเรื่องที่สักวันหนึ่งเขาจะต้องกลับไปจัดการในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวตระกูลปาเนสบากาเรซแววตาคมกริบมองชื่อของบุคคลที่ต่อสายเข้ามาด้วยเบอร์ต่างประเทศอย่างชั่งใจชั่วครู่ ก่อนจะกดรับสายในที่สุด ทว่ายังไม่ยอมกรอกเสียงออกไป จนคนปลายสายต้องเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอยู่ในที“แกจะกลับเมื่อไร”น้ำเสียงแหบพร่าไปตามวัยที่ชราขึ้นส่งเสียงเข้มถาม เมื่อคนที่เป็นหลานชายคนโตดื้อดึงที่จะไม่ยอมกลับไปรับช่วงต่อกิจการครอบครัว นับตั้งแต่เลิกรากับเอเรียน่า หลานชายคนนี้ก็หนีหายไปจากครอบครัวตามน้องของต
เพื่อให้ได้เธอกลับไป ให้เธอตายใจก็เป็นได้“พี่โอนเงินยี่สิบล้านยูโรเข้าบัญชีโรงแรมที่นี่เพื่อให้ได้เป็นหุ้นส่วนและที่บาร์ของเอมอีกห้าล้านยูโรกับซิกไปแล้ว...ก็เพราะพี่หวงเอม” เขาตอบกลับหน้าตาเฉยอย่างไม่ยี่หระทว่าคนฟังคำตอบไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างที่เขาใช้น้ำเสียงโทนปกติ อุทานออกไปด้วยความตกใจอย่างที่สุด“อะไรนะคะ! พี่ต้องได้รับความกระทบกระเทือนที่หัวแน่ ๆ เลย” เธอพูดออกไปพร้อมกับดึงทิชชูออกจากจมูก“ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น พี่แค่อยากให้เอมอยู่ในสายตาพี่ตลอด เวลาเอมจะไปไหน ทำอะไร พี่จะได้รู้ว่ามีใครมาเกาะแกะเอมไหม” เขายังคงตอบกลับมาเสียงเรียบเรื่อยอย่างปกติแต่ทว่าไม่ใช่เรื่องปกติของเชอเอมน่ะสิ“นี่พี่...” เธอพูดไม่ออกจริง ๆ กับความใจป๋าของชายหนุ่ม“พี่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีความรู้สึก ความต้องการเหมือนซิกก้าที่อยากเลือกความรักเอง แค่เพิ่งรู้ตัวว่าหวั่นไหวกับเอมก็เท่านั้น แปลกตรงไหนที่พี่จะหึงจะหวง” เขายังคนตอบด้วยน้ำเสียงโทนเดิมจนเชอเอมทนไม่ไหว“พี่จะมา
ยกเว้นคราวนี้นะ เธอแค่อยากใช้เวลากับเซนนิก้าเพื่อค้นหาคำตอบให้กับหัวใจตัวเองมากขึ้น ให้มันชัดเจนมากกว่านี้จนแน่ใจว่าตัวเองจะไม่ปฏิเสธและก่อกำแพงขึ้นมาอีก ทว่าเท้าที่กำลังก้าวเดินพ้นเขตวิลลาของตัวเองก็ต้องชะงักเมื่อเสียงของฟ้าครามตะโกนเรียกเอาไว้เสียก่อน สาวเจ้าจึงหันกลับไปมองแล้วส่งยิ้มไปให้“จะไปเอามื้อเช้าเหรอ”“ค่ะ กินมื้อเช้าก็ว่าจะออกไปเที่ยว จริงสิคะ พี่ครามช่วยลิสต์มาให้เอมได้ไหมคะว่ามีที่ไหนแนะนำบ้าง เอมขี้เกียจเสิร์ชดูอ่ะ”เชอเอมพูดออกไปตามตรงพร้อมสีหน้าหยีเมื่อพูดถึงความขี้เกียจของตัวเองให้ฟ้าครามได้หัวเราะออกมาอย่างเอ็นดูกับนิสัยของรุ่นน้องคนนี้ที่เป็นลูกคุณหนูตัวจริง แต่ยังดีที่มีจิตใจดี ไม่เห็นแก่ตัว“ได้สิ เดี๋ยวจะสงเคราะห์ แต่ขอแกล้งเขาอีกสักหน่อยก็แล้วกัน” ฟ้าครามยิ้มหัวเราะตอบออกไป พลางชำเลืองมองเซนนิก้าที่กำลังยืนมองออกมาจากหน้าต่างวิลลาด้วยสายตาข่มขู่ไม่เป็นมิตร ราวกับว่าเขาเป็นศัตรูของเจ้าตัวมานาน“แค้นฝังหุ่นจังเลยนะคะ”“แน่นอน แฟนทั้งคนนะ มาขัดขวางความรักคนอื่นหน้าตา







