ข่าวเด่น ดาวดัง วันนี้เหมือนระเบิดลงสำหรับกองถ่ายละคร ‘ไร่แสนเสน่หา’ เมื่อมีแฟนคลับได้ถ่ายภาพของเมทิตาที่ลาป่วย พักกองไปนับสิบวัน แต่กลับไปโผล่ที่เกาหลีวีราวรรณเลยอารมณ์เสีย พยายามโทร. หาเมทิตากับผู้จัดการตั้งแต่เช้าตรู่ แต่ทั้งสองก็ติดต่อไม่ได้ เหมือนจงใจปิดเครื่องหนีเพราะฉะนั้นการทำงานในวันนี้จึงตึงเครียดมาก อัทธ์กลัวน้องอิฐจะเครียดกับอารมณ์วีนเหวี่ยงของวีราวรรณ เขาจึงเดินเข้าไปคุยกับอีกฝ่าย“พี่วีรา ใจเย็นสิ ที่นี่มีนักแสดงเด็กนะ พี่จะมาวีนเหวี่ยงให้เขาเห็นไม่ได้นะ เดี๋ยวน้องอิฐกลัว เสียสมาธิ”ปกติคนที่บ้านของน้องอิฐก็ไม่เคยวีนเหวี่ยงให้เห็นเสียด้วยสิ เขาจึงเป็นกังวลว่าน้องอิฐจะเกร็งหรือกลัวกับท่าทางของ วีราวรรณในตอนนี้ เพราะเหมือนใครทำอะไรไม่ถูกใจก็วีนใส่ทันที เสียงดังจนบางครั้งน้องอิฐสะดุ้ง จนเขาต้องจับมือไว้“เอ่อ พี่ขอโทษ ลืมไปว่ากองนี้มีเด็กอยู่ด้วย” “พี่เข้าไปพักในเต็นท์ก่อนเถอะ บางทีเมกับพี่ภาวีอาจมีเหตุผลที่ยังบอกเราไม่ได้ ในเรื่องที่ทั้งสองโกหกว่าเมป่วย”“โอเคๆ พี่จะพยายามใจเย็น” แล้ววีราวรรณก็เดินเข้าไปในเต็นท์พักผ่อน การทำงานต่อจากนั้นค่อยราบรื่นขึ้น เพราะทุกคนหาย
แม้ค่ำคืนที่ผ่านมาจะหนักหน่วง แต่อัทธ์ก็ตื่นมาด้วยความสดชื่น กะจะไปถ่ายละครด้วยความสบายใจ แต่ประสานงานกองถ่ายฯ กลับโทร. มายกกองฯ ขณะที่กำลังจะลงจากเรือน ถามว่าเกิดอะไรขึ้นได้ยกกองฯ อีกฝ่ายก็ตอบว่า[เช็กข่าวออนไลน์เลยค่ะ พี่เล่าไม่ไหว ตอนนี้ต้องรีบโทร. ไปบอกยกกองคนอื่นๆ กรุ๊ปไลน์ก็ไม่ยอมอ่านกันเลย] อัทธ์กลับมานั่งที่ห้องนอน ส่วนบาลีนั้นไปส่งน้องอิฐที่โรงเรียนก่อนหน้านั้นแล้ว และบอกเขาว่าจะแวะไปชอปปิ้งในเมืองกับพิมพา อัทธ์เข้าไปเช็กข่าวในสังคมออนไลน์ ตกใจเช่นกันที่มีข่าวว่าเมทิตาทำแท้งที่เกาหลี มีคนอ้างว่าเจอเธอในคลินิกแห่งนั้น เพราะพาเพื่อนไปทำแท้งเช่นกัน แถมมีภาพเมทิตาในคลินิก เพื่อเป็นการยืนยันว่าเห็นจริงๆอัทธ์คิดว่านอกจากเรื่องงานและชื่อเสียงแล้ว ส่วนหนึ่ง เมทิตาคงไม่อยากเก็บเด็กไว้ เพราะเด็กมีพ่อชื่อพัท สกุลทรัพย์ไพศาล คนที่เมทิตาไม่อยากข้องเกี่ยวมากที่สุดในตอนนี้ หลังจากแจ้งความ ทุกอย่างก็จบลงที่การเจราจาไกล่เกลี่ย และชดใช้ค่าเสียหายนับสิบล้านบาท เพราะถ้าเมทิตาไม่ยอม ทางครอบครัวอีกฝ่ายขู่ว่าชีวิตในวงการบันเทิงของเธอจะย่อยยับ เพราะทางเขาจะกำจัดเธอให้สิ้นชื่อ มันน่ากลัวเกินไป
ปิดกล้อง แต่เปิดรักข่าวฉาวของเมทิตาสงบลง เพราะมีข่าวฉาวของ ซุป’ ตาร์สาวรายหนึ่งที่โดนข้อหาเป็นมือที่สามในความรักระหว่างดาราซุป’ ตาร์รุ่นพี่กับไฮโซหนุ่ม ลูกชายรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่แฟนคลับตีกันวุ่น ลุกลามราวไฟไหม้ป่า ต่างพยายามไล่ไทม์ไลน์กันจ้าละหวั่น สุดท้ายไฮโซฯ หนุ่มออกมายืนยันหนักแน่นว่าเลิกกับซุป’ ตาร์รุ่นพี่ก่อนค่อยมาคบซุป’ ตาร์รุ่นน้องอาจเพราะมูฟออนเร็วเกินไป ทุกคนจึงสงสัย แต่เขายืนยันว่า การคบหากับซุป’ ตาร์รุ่นน้องนั้น เกิดขึ้นหลังจากเลิกรากับ ซุป’ ตาร์รุ่นพี่แล้วจริงๆ การออกมายืนยันของไฮโซหนุ่มคนดัง ทำให้ซุป’ ตาร์คนน้อง ร่าเริงลัลล้า ส่วนซุป’ ตาร์รุ่นพี่ทำได้แค่ ขึ้นจอดำบนอินสตาแกรม ทำให้แฟนคลับไม่สามารถมูฟออนจากเรื่องนี้ง่ายๆ สงครามแฟนคลับจึงยืดเยื้อ กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดกันง่ายๆ ข่าวทำแท้งของเมทิตาก็เลยตกกระป๋องจากสื่อสังคมออนไลน์ไปในพริบตา และวีราวรรณก็ทำใจได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น และคิดว่าคงไม่มีอะไรต่อจากนี้แล้วมั้งเจ้าตัวเปิดกองฯ อีกครั้ง และเร่งถ่ายทำอย่างต่อเนื่อง แทบไม่มีวันหยุด ดีที่ว่าซีนของน้องอิฐถ่ายไปเกือบหมดแล้ว อีกอย่างฉากที่เข้าร่วมกับเมท
ธรินท์คิดว่าแขกผู้มาเยือน แบบบอกกล่าวล่วงหน้าวันนี้มีท่าทีแปลกๆ จากทุกครั้งที่มาบ้านเขา เอาไวน์มาฝาก แต่งตัวสวยกว่าปกติ ถึงแม้ไม่ถึงขั้นเซ็กซี่แต่ก็เปิดเผยเนื้อตัวมากขึ้น ทั้งเสื้อครอปแขนกุดรัดรูปโชว์รูปร่างท่อนบน ส่วนท่อนล่างเป็นกระโปรงยีนส์สั้นเหนือเข่า เวลานั่งก็ร่นสูง โชว์ขาเรียวเนียนสวย และรู้สึกเหมือนจะแต่งหน้าเข้มกว่าทุกครั้งที่เจอกัน หรือมากกว่าปกติที่เคยเห็นมา อีกฝ่ายมาหาหลังจากเขากลับจากไปกินมื้อค่ำที่เรือนใหญ่ ก็สองทุ่มครึ่งไปแล้ว“กินข้าวหรือยังล่ะ” เขาถาม “กินแล้ว และตอนนี้อยากดื่มไวน์” เธอชี้ไปที่ขวดไวน์ที่วางไว้บนโต๊ะตรงหน้าธรินท์เดินไปหยิบที่เปิดพร้อมแก้วมาจากครัว จัดการเปิดและรินไวน์ให้หญิงสาว และสำหรับตัวเองด้วย “มีอะไรหรือเปล่า” ธรินท์ถาม หลังจากมองอัณญาจิบไวน์ไปค่อนแก้วด้วยสีหน้าเครียดๆ ชอบกล “เปล่า”“เปล่าอะไรล่ะ หน้าออกขนาดนี้” “ดูออกขนาดนั้นเลย” เธอย้อนน้ำเสียงเรียบ แต่แววตาขุ่นจนคนมองรู้สึกได้ เขาถอนหายใจแล้วถามตรงๆ “อ๊ะ มีอะไรไม่พอใจพี่ ก็ว่ามาตรงๆ อย่าลีลา ค่ำแล้วจะได้แยกย้ายกันไปนอน” “นอนด้วยกันได้ไหมล่ะ” ยังบอกเสียงเรียบ เหมือนคำถามทั่วไป เช่น กิน
สามเดือนต่อมางานเลี้ยงปิดกล้อง เกิดขึ้นในโรงแรมขุนเขา ธุรกิจครอบครัวของอัณญา ซึ่งที่พักของนักแสดงและทีมงานนั่นเอง มีอาหารและเครื่องดื่มมากมาย ที่พลาดไม่ได้มีเสียงเพลงจากนักดนตรีประจำห้องอาหาร รวมทั้งนักร้องจำเป็นจากบรรดานักแสดงและทีมงานเพราะงานเลี้ยง มีการดื่ม และเป็นร้านอาหารกึ่งผับ เด็กชายอิฐจึงไม่ได้มาร่วมงาน บาลีกับธรินท์จึงมาร่วมงานในฐานะเจ้าของโลเคชัน แน่นอนงานนี้ก็ขาดเจ้าของโรงแรมอย่างอัณญาไม่ได้เช่นกันทุกคนก็กิน ดื่ม ร้องเพลง เต้นรำกันอย่างสนุกสนาน ไม่เว้นแม้แต่วีราวรรณ ซึ่งดูเหมือนตอนนี้ปลงตกกับความกังวลเรื่องเรตติงต่างๆ ได้แล้ว ปิดกล้องได้ตามเวลาที่กำหนดไว้ก็ถือว่าดีมากแล้วสำหรับละคร ไร่แสนเสน่หา ที่ถูกพายุข่าวฉาวจากนักแสดงนำทั้งสองคนหลังจากนี้ก็ไปลุยกับงานตัดต่อ ส่วนวันเวลาออนแอร์นั้น คงต้องรอให้ผู้ใหญ่ทางช่องจะเห็นสมควร แน่นอนมันอาจคลาดเคลื่อนจากที่คุยกันไว้ เพราะข่าวฉาวต่างๆ ของพระนาง เพราะมีผลต่อสินค้าที่จะลงโฆษณาตอนนี้วีราวรรณก็รอแค่ลุ้นต่อไปก็เท่านั้น คิดได้ดังนั้น เจ้าตัวก็แย่งไมค์จากวิน น้องชายคนเดียวที่ไม่ยอมปล่อยไมค์ ทั้งที่ร้องไปสองเพลงติดๆ แล้ว“เป็นอะไรหน้า
ไม่มีความลับอีกต่อไป “เกิดอะไรขึ้นเหรอ” ขณะทั้งสองกำลังช่วยกันล้างจาน หลังจากกินมื้อเที่ยงด้วยกันที่บ้าน บาลีก็ได้รับโทรศัพท์จากครูประจำชั้นของลูกชายพูดคุยกันอยู่ไม่กี่คำก็วางสาย สีหน้าของบาลีซีดเผือด มือที่ถือโทรศัพท์อยู่ก็สั่น ทำให้อัทธ์ถามด้วยความตกใจ“น้องอิฐมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อน ครูให้ลีไปที่โรงเรียนตอนนี้เลยค่ะ” “งั้นพี่ไปเป็นเพื่อน” “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวคนอื่นสงสัยหรอกว่า...”“พี่ไม่สนใจใครทั้งนั้น ตอนนี้พี่เป็นห่วงน้องอิฐมากกว่า ไม่รู้ว่าเพราะมีคนมาล้อเรื่องพ่ออีกหรือเปล่า”“คนก็ล้อมาตลอด แต่น้องอิฐไม่เคยโกรธขนาดจะไปชกต่อยใครรุนแรงจนเกิดเรื่องเลยนะคะ มีบ้างที่เบื่อกับคำล้อ ก็มีทะเลาะเล็กๆ น้อยๆ ไม่ถึงขั้นครูเรียกผู้ปกครองแบบนี้”“งั้นอาจมีอะไรที่มากกว่านั้น เรารีบไปกันเถอะ” “ค่ะ” ในตอนนี้บาลีก็ห่วงลูกชายมากกว่าจะห่วงชื่อเสียงหรือคนจะสงสัยความสัมพันธ์ของเธอกับอัทธ์ ทั้งสองจึงรีบเดินทางไปโรงเรียน ซึ่งก็ไม่ได้อยู่ไกลจากบ้าน เพราะบาลีอยากให้ลูกมีเพื่อนละแวกเดียวกัน จึงไม่คิดส่งลูกเรียนโรงเรียนอินเตอร์ในเมืองเหมือนลูกคนมีฐานะครอบครัวอื่นเมื่อถึงลานจอดรถของโรงเรียน อัทธ์ทำท่
แต่เหมือนเวรกรรมมันมีอยู่จริง เมื่อเพื่อนที่โรงเรียนรู้ แทนที่จะเห็นใจ กลับมาล้อเลียนกันเสียได้ มันก็ไม่ต่างจากที่เด็กชายรามล้อเลียนลูกชายเธอว่าไม่มีพ่อมาทั้งชีวิตนั่นแหละแต่เด็กชายรามไม่ได้ปล่อยให้เพื่อนๆ ล้อสนุกปาก เหมือนลูกชายเธอ เพราะนิสัยก็ไม่ยอมคนและเกเรอยู่พอสมควร เด็กชายรามสู้กับคนมาล้อสามคน ซึ่งอยู่ต่างห้อง แต่โดนรุม เพื่อนสนิทที่เคยเกเรด้วยกัน ก็วิ่งหนีกระเจิง อิฐกับเตเต้ผ่านมาเห็นเลยช่วย ก็เลยเกิดการตะลุมบอนขึ้นอย่างที่เห็น เด็กทั้งหมดถูกคาดโทษ แต่เด็กที่ล้อเด็กชายราม ถูกลงโทษ ล้างห้องน้ำเดือนหนึ่ง ส่วนเด็กชายรามนั้นก็โดนแค่สัปดาห์เดียว เพราะถึงจะเป็นฝ่ายถูกล้อก่อน แต่ก็เป็นคนลงมือใช้กำลังก่อนเช่นกัน“เขาล้อผมก่อนนะ ทำไมผมต้องถูกลงโทษด้วย!” เด็กชายรามพูดกับครูอย่างไม่พอใจ“ใช่ค่ะ รามเป็นฝ่ายถูกล้อก่อนนะ!” รตีพูดเสริมขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ“เราเองก็เคยล้อน้องอิฐ แล้วน้องอิฐเคยใช้กำลังกับรามไหม” ครูพูดตอกหน้า ทั้งแม่ทั้งลูกก็เลยทำหน้าจ๋อย“ดูน้องอิฐเป็นตัวอย่าง ขนาดเราทำไม่ดีกับอิฐ อิฐยังมีน้ำใจช่วยเรา คุณรตีเองก็เหมือนกัน ดูแลอบรมสั่งสอนลูกดีๆ นะคะ เขาถูกฟ้องว่าแกล้งเพื่อน
วันนี้เป็นวันครอบครัวของบาลีมีความสุขอีกวัน เพราะได้ฤกษ์เปิดคาเฟ่กับร้านอาหารไปพร้อมๆ กัน แต่วันแรกเปิดเลี้ยงฉลองเฉพาะครอบครัวและคนสนิทเท่านั้นคาเฟ่อยู่ด้านหน้าของบริเวณไร่ ส่วนร้านอาหารอยู่ลึกเข้ามาหน่อย แต่ไม่ไกลกันมากธรินท์ที่เป็นคนดูแลจัดการทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มออกแบบร้านและคาเฟ่ กระทั่งคิดเมนูโดยมีบาลีกับอัณญาช่วย ใช้เวลาทั้งหมดกับการทำร้านหกเดือนกว่าๆ แขกในร้าน นอกจากครอบครัวและคนสนิทของทุกคนแล้ว เด็กชายอิฐก็มีแขกเป็นของตัวเอง ซึ่งก็คือบรรดาเพื่อนๆ ในห้องเรียน รวมทั้งเด็กชายรามที่ตอนนี้นิสัยดีมากขึ้น มาร่วมงานด้วย ส่วนรตีนั้น แม้จะไม่ได้คุยกันเหมือนที่เคย แต่ดีที่ว่าอีกฝ่ายไม่มาพูดจาหาเรื่องระรานเมื่อแต่ก่อน ซึ่งก็ดีมากแล้วสำหรับบาลีและลูกเพราะวันนี้มีดารามาร่วมงานด้วย อัทธ์จึงถูกขอถ่ายรูปจากเพื่อนๆ ของธรินท์มากพอสมควร รวมทั้งเพื่อนๆ ของเด็กชายอิฐด้วยแต่วันรุ่งขึ้นมีภาพของอัทธ์ที่ถ่ายกับน้องอิฐ โดยที่มีรูปเธอติดไปด้วย ซึ่งเธอนั่งอยู่ถัดจากโต๊ะลูกชาย หลุดไปอยู่ในทวิตเตอร์พร้อมกับการตั้งคำถามว่าเธอเป็นใคร เพราะเธอก็ไม่ได้เปิดเผยตัว เรื่องที่เป็นแม่ของน้องอิฐ นักแสดงเด็กหน้าให
“ฉันห่วงแกนั่นแหละ ทำงานเยอะไปแล้ว เป็นเจ้าของโรงแรมยังไง วันหยุดแทบไม่มี เวลาพักผ่อนน้อย เห็นพี่ดินบ่นนอนดึกทุกคืน”“เออ หลังแต่งงาน ฉันจะทำงานน้อยลง จะจ้างผู้ช่วยเพิ่ม และไอ้เอใกล้เรียนจบแล้ว ก็มาช่วยแบ่งเบางาน ฉันจะหยุดเสาร์อาทิตย์และวันนักขัตฤกษ์ให้ดู” อัณญาเอ่ยถึงน้องชายต่างแม่ ที่ตอนนี้อธิปกำลังเรียนปริญญาโทที่เมืองนอก “ดีแล้วแก ฉันจะได้มีเพื่อนคุย เพื่อนช้อป” “แหม เห็นไปช้อปกับยัยพิมและยัยรตีในเมืองบ่อยๆ” คนหลังนี่ ปรับปรุงนิสัยดีขึ้น บาลีเลยยอมคุยดีๆ ด้วย เพราะจะว่าไปรตีเป็นเพื่อนคนเดียวในละแวกนี้ที่ชอบดูซีรีส์เกาหลีเหมือนบาลี ทั้งสองเลยคุยกันได้มากขึ้น “บ่อยที่ไหน เดือนละครั้งสองครั้ง” “ตกลงยัยรตี มันคืนดีกับไอ้พี่วันหรือยัง”“ยังเลย มันบอกเจ็บแล้วจำ และมันรู้สึกว่าไอ้พี่วันอยากกลับมาคืนดี เพราะไม่มีที่ไปมากกว่าจะคิดได้ว่ารักมันกับลูก”“โอ๊ย จู่ๆ ยัยรตีก็ฉลาดขึ้นมางั้นเลย” “ก็แหงสิ ใครมันจะฉลาดมาตั้งแต่เกิดเหมือนเธอละยะ!” เสียงแว้ดขึ้นมาก่อนเจ้าตัวจะเดินเฉิดฉายมานั่งในศาลา จากนั้นก็ส่งค้อนให้อัญญา “แหะๆ ขอโทษนะแก ฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เมื่อก่อนไอ้พี่วัน มันก็ไม่เห็นว่าจ
ตอนพิเศษ “น้องอิงคะ วิ่งช้าๆ เดี๋ยวล้มนะลูก” น้ำเสียงทุ้ม ที่ร้องห้ามลูกสาววัยสามขวบนั้นอ่อนโยน จนคนได้ยินถึงกับเอ่ยชม“พี่อัทธ์ เป็นพ่อที่แสนดีอบอุ่นเหมือนเตาไมโครเวฟเลย” อัณญาว่า ขณะมองตามพระเอกหนุ่มที่แทบจะหันหลังให้วงการบันเทิงมาเป็นพ่อบ้านเต็มตัว เพื่อดูแลลูกทั้งสอง “เตาไมโครเวฟกี่องศาดีล่ะ” คนที่พูดคือธรินท์ ที่นั่งอยู่ข้างๆ แฟนสาว ซึ่งเดือนหน้าก็จะเข้าพิธีวิวาห์กันแล้ว “แหม ก็ต้องไฟกำลังพอดี อุ่นๆ สิ” “แล้วพี่นี่ต้องกี่องศา หือ” คนถามทำตามกรุ้มกริ่มใส่ว่าที่เจ้าสาวด้วย“จะบ้าเหรอ มาถามอะไรแบบนี้” อัณญาปาเม็ดอัลมอนด์ที่กำลังกินเป็นของว่างยามบ่ายใส่ว่าที่เจ้าบ่าว “งั้นคืนนี้...”“ฮะ แฮ่ม นี่คิดว่าอยู่กันสองคนหรือไง!” คนที่แว้ดออกมานั้นคือบาลี ซึ่งกำลังเคี้ยวมะม่วงเปรี้ยวจิ้มพริกเกลืออย่างเอร็ดอร่อย พอได้ฟังว่าที่บ่าวสาวคุยกันท่าทางจะออกนอกลู่นอกทาง เลยต้องเบรกไว้ก่อน “แกเหอะ กินของเปรี้ยวแบบนี้ แพ้ท้องหรือเปล่า”“ไม่ได้แพ้ แค่อยากินไรเปรี้ยวๆ แก้เลี่ยนความหวานของแกกับพี่ดินนี่แหละ” ทั้งสามนั่งคุยกัน พร้อมกินของว่างยามบ่ายจัด ที่แดดอ่อนแสงไปแล้ว อยู่ใต้ซุ้มไม้ใหญ่ข้างบ้าน ท
“เหนื่อยไหมครับลูก” อัทธ์ถามลูกชาย ขณะเอนตัวลงนอนเคียงข้างลูกชาย อยู่ในชุดนอนเรียบร้อยกันทั้งสามคน ส่วนบาลีนั้นนอนอยู่อีกฝั่ง ข้างลูกชายเช่นกัน และเธอกำลังไล่ดูภาพของเพื่อนๆ อัทธ์ ที่ทยอยโพสต์ภาพงานในอินสตาแกรม ยิ้มแก้มปริเมื่อเห็นรูปของตัวเองที่สวยเกือบทุกภาพ ส่วนอัทธ์กับน้องอิฐนั้น ไม่ต้องกังวล คือหล่อทั้งสองคน ก็เพราะคนพ่อเป็นดาราระดับซุป’ ตาร์ ส่วนลูกชายนั้น นักแสดงเด็กอนาคต ซุป’ ตาร์ ตามรอยพ่อเลยนะ “ลี เลิกเล่นโทรศัพท์ และปิดไฟได้แล้ว เลยเวลานอนมาสองชั่วโมงแล้วนะ” อัทธ์บอกบาลีเสียงจริงจัง“ได้ค่ะ คุณพ่อตัวอย่าง” แล้วเธอก็ปิดโคมไฟ แล้วขยับตัวไปกอดลูกชายหลวมๆ“พ่อครับ ร้องเพลงให้ผมฟังหน่อย”“ได้สิ เพลงอะไรดี” “ทวิงเคิลลิทเทิลสตาร์ครับ” “ได้ครับ” บาลีแอบยิ้มอยู่ในความสลัวภายในห้อง เพราะเพลงนี้เป็นเพลงกล่อมนอนเพลงโปรดของลูก แต่เธอร้องเพลงไม่เพราะ จึงเปิดคลิปเสียงให้ลูกฟังทุกวันตั้งแต่เด็กแบเบาะ โตแล้วก็ยังชอบฟังก่อนนอน คงเห็นว่าพ่อเป็นนักร้องเสียงเพราะที่สุดในโลก เจ้าตัวก็คงอยากฟังเพลงกล่อมนอนเพลงโปรดของตนเอง ทวิงเคอ ทวิงเคอ ลิทเดิท สตาร์ ฮาว ไอ วันเดอร์ วอท ยูว์ อาร์ อัพ
บทส่งท้าย ‘ฉันกำลังฝันไปอยู่หรือเปล่า’ บาลีครุ่นคิดในใจ ขณะมองเงาที่สะท้อนในกระจก หญิงสาวที่อยู่ในชุดแต่งงานสีขาวเกาะอก ผมยาวคลุมเข่า เกล้าผมสูง โชว์ใบหน้าเรียว แต่งหน้าอย่างประณีต ด้วยฝีมือ เมกอัพอาร์ตติสชื่อดังของวงการ ที่เจ้าบ่าวเป็นคนจ้างมา รวมทั้งชุดที่เธอสวมใส่ก็จากแบรนด์หรู เครื่องประดับ ทั้งสร้อย ต่างหูและกำไลข้อมือก็เช่นกัน ยกเว้นแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย ซึ่งเป็นแหวนหมั้นจากตระกูลอัครพิสุทธ์ ที่มารดาของอัทธ์เป็นคนส่งมอบให้อัทธ์มาเพื่อหมั้นเธอ “ว้าว เมื่อเช้าชุดไทยก็ว่าสวยแล้ว ตอนนี้ก็สวยยิ่งกว่า” คนที่พูดไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเจ้าบ่าวที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวเจ้าสาวนั่นเอง อัทธ์อยู่ในชุดสูทสีเทาของแบรนด์ดัง ผมยาวระต้นคอถูกเซ็ทอย่างดี ปกติก็หล่ออยู่แล้ว พอเป็นเจ้าบ่าว ราศีสามีของบาลีก็พุ่งทะลุทุกแสงบนโลกนี้ทั้งสองแยกห้องแต่งตัวเพราะมีเพื่อนๆ ครอบครัวและญาติของทั้งสองฝั่งมานั่งพักรองาน หรือมาพูดคุยทักทายก่อนงานเริ่มตอนนี้ถึงเวลาต้องลงที่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม ซึ่งเป็นโรงแรมขุนเขาของครอบครัวอัณญานั่นเองหลังจากพิธีช่วงเช้า ซึ่งมีแต่คนในครอบครัวและเพื่อนสนิทเท่านั้น
อัทธ์อยากทรมานบาลีให้นานกว่านี้ แต่มันก็ทำให้เขาทรมานไปด้วย แกนกายเขาแข็งขึงจนปวดร้าวไปหมด บาลีในตอนนี้ก็เหมือนนางแมวยั่วสวาท สาวเรียบร้อยอ่อนหวาน น่าตาน่ารัก ปากนิดจมูกหน่อย เวลาตกอยู่ในห้วงราคะ โคตรยั่วอารมณ์ เพราะเธอจะแสดงออกตรงๆ พูดตรงๆ แบบไม่เหนียมอาย“นะ พี่อัทธ์ขา ลีอยากโดนแล้ว กระแทกแรงๆ ลีเสียวจนจะขาดใจแล้ว อือ อา” สิ้นคำอ้อนวอนนั้น เธอก็ครางยาว เพราะอัทธ์ก้มลงเลียน้ำหวานเยิ้มจากกลีบอวบของเธอที่ปลิ้นจากบิกินี ก่อนนาทีต่อมาเขาจะกระชาหลุดออกมากองที่ปลายขาด้านหนึ่งอัทธ์ไล้ปลายลิ้นเลียตั้งแต่ปลีน่อง สูงขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงข้อพับ และใช้ลิ้นลากไล้ตรงนั้นนานหน่อย และทำให้บาลีสูดปาก ครางระงม ด้วยความเสียวซ่าน กระทั่งปลายลิ้นค่อยๆ ไต่สูงมาถึงโคนขาด้านใน ใจของบาลีสั่นสะท้าน กายสั่นระริกด้วยรอคอยบางอย่าง กระทั่ง...สัมผัสได้ถึงความชื้นจากปลายลิ้นสากที่ลากแหวกกลีบอูม แตะลงเกสรบวมเป่งเพราะอารมณ์ปรารถนา “อ๊ะ อา” เธอครางอย่างสุขซ่าน เพราะการรอคอยนั้นมาถึงแล้ว ปลายลิ้นสากชื้นที่ลากไปบนผิวอ่อนนุ่มของกลีบอวบ และสะกิดเข้ากับเกสรที่อ่อนไหว สวรรค์ชั้นไหนก็ไม่สำคัญเท่ากับสวรรค์ที่อัทธ์กำลังพาเธ
“สรุปลีโดนหลอก” คนที่บอกว่าตัวเองโดนหลอกนั้น พูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ แถมยังยกมือซ้ายขึ้นมาเพื่อชื่นชมแหวนเพชรเม็ดโต เพราะคืนนี้ทุกคนรู้เห็นเป็นใจกับเรื่องในคืนนี้ ไม่ว่าจะเป็นธรินท์ อัณญา ป้ามอญ ลุงปราบ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าตัวเล็ก ถึงว่าแต่งตัวหล่อกว่าทุกวันตอนนี้ทั้งสองเอนตัวเคียงข้างลงบนเตียง หลังจากพาลูกชายเข้านอนเรียบร้อยแล้ว แน่นอนเป็นบรรยากาศแบบ พ่อ แม่ ลูก อย่างแท้จริง เพราะเธอกับอัทธ์ผลัดกันอ่านนิทานให้ลูกฟัง ลูกชายเธอก็คงตื่นเต้นดีใจ ที่นอกจากได้รับรู้ว่าอัทธ์เป็นพ่อแท้ๆ แล้ว เจ้าตัวยังได้ของขวัญต้อนรับหลานชายจากครอบครัวพ่ออีกหลายชิ้น เจ้าตัวเล็กก็เลยนอนดึกเป็นพิเศษ“เขาเรียกเซอร์ไพรส์ต่างหากครับ” อัทธ์แก้คำพูดของบาลี “สรุป พี่อัทธ์ไม่โกรธลีจริงๆ เหรอคะ”“โกรธครับ”“โกรธยังไงคะ ทำไมถึงขอแต่งงาน” บาลีถามสีหน้างงๆ“โกรธ แต่ก็รักและอยากอยู่ด้วยไงล่ะ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธคะ” เธอถามยิ้มๆ เพราะแววตาร้ายกาจของเขาบ่งบอกว่าต้องการลงโทษเธอ “แน่นอน พี่ก็ต้องลงโทษลีหนักๆ อยู่แล้ว”“ลีพร้อมถูกลงโทษค่ะ” “พร้อมทุกอย่างนะ”“ค่ะ ทุกอย่าง ไม่อ้อนวอน ไม่ร้องขอใดๆ พี่ลงโทษได้ตามสบายเลยค่ะ” “
เมื่อได้ยินเสียงอินโทรลเพลง...บาลีคิดว่านักร้องวันนี้คงเอาเพลงเขามาร้อง ที่ผ่านมา ไม่เคยเข้าใจในรักแรกพบแต่เพียงสบตาเธอ ก็รู้ว่าความรู้สึกนั้นเป็นเช่นไรใจฉันเต้นแรง เฝ้ามองแต่เธอ โหยหาแต่เธอ วันๆ เอาแต่เพ้อเหมือนคนเป็นไข้อยากให้หัวใจเรานั้นตรงกัน................ทว่าพอเสียงเพลงผ่านลำโพงออกมาถึงด้านหน้าร้าน บาลีก็ถึงกับตัวชาและเพื่ออยากให้แน่ใจว่าเสียงนั้น คือเจ้าของผลงานตัวจริง บาลีจึงค่อยๆ เดินแหวกผู้คนเข้าไปในร้าน โดยไม่รู้ว่ามีอัณญาเดินตามไปติดๆ กระทั่งบาลีมาหยุดอยู่ตรงที่ด้านหน้าเวทีอย่างไม่รู้ตัวได้สบตากับผู้ชายที่กำลังเล่นกีตาร์ร้องเพลงอยู่บนเวทีที่ยกพื้นจากพื้นร้านไม่มาก บาลีถึงกับน้ำตาซึม เมื่อเขาส่งยิ้มบางๆ ให้ ทว่านัยน์ตาคมซึ้งนั้นบอกอะไรมากมายกับเธอ ความรักของเขายังอยู่กับเธอ นั่นคือสิ่งที่บาลีรับรู้ได้ทันที กระทั่งเสียงเพลงจบลง นักร้องก็พูดทักทายแขกในร้าน ก่อนจะบอกว่า“เพลงนี้ผมแต่งตอนเรียนปีสี่ แต่กว่าจะออกซิงเกิ้ลได้ก็เรียนจบปริญญาโทแล้ว เป็นเพลงที่แต่งเพราะเจอหน้าผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เป็นรุ่นน้องในมหา’ ลัย ซึ่งคนคนนั้นก็คือ ผู้หญิงคนนี้เองครับ” พูดจบก็ผายมือมาท
ยินดีต้อนรับ“แต่งตัวสวยๆ เลยนะ นั่งนอนอดอู้อยู่แต่ในบ้านได้ยังไง” อัณญาขึ้นเรือนมาในเวลาเย็นย่ำก็บ่นทันที เมื่อเห็นบาลีนั่งเหม่ออยู่บนโซฟาในมุมนั่งเล่น ส่วนลูกชายนั้นหลังจากรู้ว่าอัทธ์เป็นพ่อจริงๆ ก็กระโดดโลดเต้น เพราะน้องอิฐก็รักอัทธ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ทำตัวเป็นผู้จัดการสนามเด็กเล่นในบริเวณร้านอาหาร จริงๆ คือไปเล่นเป็นเพื่อนเด็กๆ ลูกหลานของลูกค้าที่มากินข้าวในร้านอีกที “จะให้ไปไหน ฉันไม่มีอารมณ์อยากไปเตร็ดเตร่ที่ไหนหรอกนะ”“ไม่ได้จะให้ไปเตร็ดเตร่ที่ไหนย่ะ แต่อยากให้ไปช่วยต้อนรับแขก วันนี้วันหยุด คนเข้าร้านตรึม ฉันยืนรับแขกคนเดียวไม่ไหว”“พนักงานก็มีตั้งเยอะแยะ” อัณญาเป็นผู้บริหารโรงแรมดัง มายืนต้อนรับแขกในร้านอาหารที่แฟนเป็นผู้จัดการ เพราะเจ้าของสถานที่ตัวจริงนั้นมีอาการป่วยใจ ไม่ยอมออกนอกบ้านมาหลายวันแล้ว ดีว่าลูกชายปิดเทอม เลยหมกตัวอยู่แต่ในบ้านได้สบาย“ก็แขกเยอะไง พนักงานก็รับออร์เดิร์ฟแทบไม่ทัน อย่าลีลา ไปแต่งตัวสวยๆ”“ทำไมต้องสวย” บาลีย้อนถามน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย“โอ๊ย ถามเยอะถามแยะจัง ก็วันนี้พิเศษไง พี่ดินจ้างนักร้องที่ดังมาก และหล่อมาก เล่นกีตาร์ก็เทพ ร้องเพลงก
ถึงมันจะดึกแค่ไหน แต่เพราะเขานอนไม่หลับ ไหนจะโทรศัพท์จากสารพัดผู้คน ที่เกี่ยวข้องโดยตรงและทางอ้อม แต่เขาไม่มีแก่ใจหรืออะไรที่ชัดเจนมากพอจะตอบคำถามของใคร ทำได้แค่ปิดเครื่อง อยากข่มตาให้หลับ เพราะพรุ่งนี้เขามีงานถ่ายแบบกับนิตยสารเล่มหนึ่ง ทว่าก็หลับไม่ลง มีคำถามวิ่งวุ่นในหัว สับสนในใจ หากว่าเรื่องที่เป็นข่าวอยู่ในตอนนี้ เป็นจริงหรือเพียงข่าวลือ!จนสุดท้ายก็ตัดสินใจส่งข้อความหาบาลี เพราะไม่ว่าอย่างไรคงหนีความจริงไปไม่ได้ ซึ่งคนที่จะตอบเขาได้อย่างชัดเจนก็คงเป็นเธอคนเดียวอัทธ์ : นอนหรือยังครับบาลี : ยังค่ะ อัทธ์ : งั้นพี่โทร. หานะบาลี : ค่ะจากนั้นเขาก็โทร. หาหญิงสาวทันที พร้อมกับคำถามแรกอย่างไม่อ้อมค้อม เมื่ออีกฝ่ายกดรับสายของเขา“คืนนั้นเป็นลีจริงๆ เหรอ” เขารู้ว่าคืนนั้นไม่ใช่น้ำส้ม แต่ที่ผ่านก็ไม่คิดว่าเป็นบาลี [ค่ะ ขอโทษพี่ด้วยที่ก่อนหน้านั้นไม่ได้บอกพี่] “แล้วทำไมไม่บอก”[ลีไม่แน่ใจว่าพี่จะ...รู้สึกยังไงกับลี หลังจากรู้ว่าคืนนั้นเป็นลี]ทำไมล่ะ[เหมือนลีฉวยโอกาสกับพี่ ที่ทั้งพี่เป็นไข้และเมา]“คิดแบบนั้นได้ยังไง พี่เริ่มก่อนไม่ใช่เหรอ”[แต่ลีก็ไม่ได้ห้าม แถมคล้อยตาม]“ก็ อืมมัน