บทที่ 1
เทพผลัก
“กรี๊ดดดดด!!”
เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ และตื่นตระหนกของน้ำอิงดังก้องไปทั่วบริเวณหน้าฟุตบาทที่เป็นทางเดินเท้า รถเก๋งยี่ห้อหรูสีขาวพุ่งตัวเข้ามาชนร้านโจ๊กของเธอด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด
โครม!! เอี๊ยดดด!!
ตัวรถเก๋งสีขาวพุ่งเข้าชนร้านโจ๊กหมูที่มีร่างของน้ำอิงยืนอยู่เข้าอย่างจัง ร่างกายผอมบางของเธอถูกอัดกระแทกเข้ากับเสาไฟฟ้าคอนกรีต เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาจากร่างกายของน้ำอิง จนบริเวณโดยรอบมีแต่หยดเลือดสีแดงฉานของเธอที่ไหลนองเต็มพื้น
ผู้คนโดยรอบที่ยืนรอซื้อโจ๊กต่างพากันขวัญเสีย และตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงตรงหน้า ไม่ต้องเข้าไปดูร่างของน้ำอิงก็รู้ได้ในทันทีว่าเธอเสียชีวิตแล้วในที่เกิดเหตุ แรงกระแทกที่ส่งเสียงดังขนาดนี้ หากไม่ตายก็ไม่ใช่คนแล้ว
เวลาผ่านไปไม่นานรถตำรวจและรถปอเต็กตึ๊งก็เข้ามาจอดบริเวณที่เกิดเหตุ คนขับที่มีสภาพเมามายเกิดอาการช็อกเมื่อรู้ว่าตัวเองชนคนตาย ตำรวจเข้ามาจับกุมตัวคนขับเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนศพของน้ำอิงถูกเจ้าหน้าที่กู้ภัยเก็บไปเป็นที่เรียบร้อย
ร่างกายโปร่งแสงยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยดวงตาเลื่อนลอย เธอยืนมองร่างไร้วิญญาณของตนเองด้วยความเสียใจ หากรู้ว่าตัวเองจะตายทั้งที่ยังโสดและซิง เธอคงจะนำเงินเก็บทั้งหมดไปเที่ยวบาร์โฮสแล้ว
เฮ้อ...น่าเสียดายจริง ๆ นี่วิญญาณของเธอจะต้องไปขึ้นสวรรค์ใช่ไหมนะ
แล้วไหนล่ะสวรรค์? จะขึ้นสวรรค์ได้ยังไงกันละเนี่ย
น้ำอิงยืนเกาหัวตัวเองแกรก ๆ ด้วยความสับสน หัวสมองของเธอยังคงมึนงงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว
เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วเธอยังยืนขายโจ๊กหมู และแซวเด็กหนุ่มหน้าตาขาวตี๋ที่เรียนมหาวิทยาลัยอยู่เลย แต่ตอนนี้เธอได้กลายมาเป็นวิญญาณเร่ร่อนเสียแล้ว
โชคชะตามักชอบเล่นตลกกับชีวิตของผู้อื่นสินะ
ความตายมันช่างไม่จีรังโดยแท้...
น้ำอิงทำท่าทางถอนหายใจ โดยที่ไม่มีเสียงลมหายใจออกมาอย่างปลงตก
วิญญาณของน้ำอิงที่กำลังล่องลอยอยู่นั้น กลับถูกแรงดึงดูดมหาศาลที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน ดูดวิญญาณของเธอหายเข้าไปในอากาศ รู้ตัวอีกทีวิญญาณของเธอก็มาโผล่ยังที่ที่มีแต่สีขาวโพลน มองไปทางไหนก็เป็นสีขาวไปหมด
“ที่นี่มันที่ไหนวะเนี่ย”
“ดินแดนพ้นทุกข์”
น้ำเสียงแหบพร่าดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของน้ำอิง
หญิงสาวสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เธอไม่คิดว่าคำพูดที่เผลอหลุดปากออกไป จะมีคนเข้ามาตอบคำถามของเธอด้วย
น้ำอิงค่อย ๆ หมุนคอหันกลับไปมองเจ้าของเสียงที่ดังขึ้นจากทางด้านหลัง เธอพบว่าเป็นชายชราที่มีผมยาวสีขาวโพลน ใบหน้าของเขาดูอิ่มเอิบและเปี่ยมไปด้วยเมตตา
บรรยากาศโดยรอบของเขาให้ความรู้สึกสุขสงบ แต่การแต่งกายของเขาราวกับเทพเซียนในซีรีส์จีนที่เธอชอบดู ทำให้เธออดจะรู้สึกประหลาดใจไม่ได้
“คุณ...คือใครคะ” น้ำเสียงหวานเอ่ยถามชายชราตรงหน้า
ความหวาดระแวงพุ่งเข้าสู่กลางใจของหญิงสาว และลางสังหรณ์ของเธอร้องเตือนว่าการที่ชายชราผู้นี้มาพบเธอนั้น เขาจะนำความยุ่งยากมาสู่ชีวิตของเธอแน่นอน ถึงเธอจะตายไปแล้วก็เถอะ
“ข้าคือเทพแห่งโชคชะตาที่คอยดูแลชะตาชีวิตของเหล่ามนุษย์ และเจ้าคือคนที่ชะตาลิขิตให้หวนคืนกลับไปยังที่ที่เจ้าควรอยู่ตั้งแต่แรก”
“ฉัน...ไม่เข้าใจค่ะ”
น้ำอิงมองหน้าผู้ที่เรียกตนเองว่าเทพแห่งโชคชะตาด้วยความมึนงง
เทพแห่งโชคชะตาถอนหายใจเฮือกด้วยความจนใจ “ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังสั้น ๆ แท้จริงแล้ววิญญาณของเจ้าส่วนหนึ่งได้แยกออกจากเจ้าไปเมื่อนานมาแล้ว เดิมทีเจ้าควรจะมีชีวิตที่ยาวนานกว่านี้ แต่เพราะวิญญาณที่อยู่ในอีกโลกหนึ่งได้สิ้นอายุขัยลง วิญญาณของเจ้าที่อยู่ในภพนี้จึงต้องดับสูญไปด้วย ข้าจึงจะให้โอกาสเจ้าได้กลับไปใช้ชีวิตใหม่อีกครั้งในอีกโลกหนึ่ง เพื่อเป็นการชดเชยที่ข้าทำให้วิญญาณของเจ้าต้องแยกออกจากกัน”
น้ำอิงมองหน้าท่านเทพด้วยแววตาถมึงทึง ที่แท้ที่เธอไม่ได้ใช้ชีวิตสาวโสดให้นานกว่านี้ก็เพราะความสะเพร่าของเทพผู้นี้นั่นเอง
เหอะ! แล้วมีหน้ามาบอกว่าจะให้โอกาสเธอได้ใช้ชีวิตใหม่ คิดว่าเธอโง่มากนักหรือไง ถึงเธอจะเรียนจบแม่ ม.6 และผันตัวเองมาเป็นแม่ค้า แต่เธอก็ไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบหรอกนะ รู้จักเจ๊น้ำอิงน้อยไปแล้ว
เทพก็เทพเถอะ วันนี้มาไฟล์กันสักตั้ง!
น้ำอิงแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะแกล้งตีสีหน้าเศร้าหมองเหมือนกับนางเอกที่ถูกรังแกในละครหลังข่าว
“ฮึก ๆ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความผิดของท่านเทพใช่ไหมคะ ทำให้ชะตาชีวิตของฉันมันน่าสงสารแบบนี้ ถ้าท่านเทพให้ฉันไปเกิดใหม่ในอีกโลกหนึ่ง แล้วท่านเทพจะให้ฉันไปเกิดเป็นอะไรคะ แล้วโลกใหม่ที่ท่านเทพกล่าวมานั้นคือที่แบบไหนเหรอคะ”
ก่อนจะให้ไปเกิด เธอก็ต้องรู้ข้อมูลก่อนสิ จะได้หาทางหนีทีไล่ทัน
ท่านเทพหรี่ตามองวิญญาณของน้ำอิง ก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ วิญญาณตนนี้ฉลาดนัก ไม่ง่ายเลยที่จะรับมือด้วย แต่เพราะเป็นเช่นนี้เขาถึงได้ถูกใจอย่างไรเล่า
ในค่ำคืนนั้นโม่โฉ่วได้มอบหมายหน้าที่สำคัญให้กับบุตรสาว ส่วนเขาก็รีบตรงไปยังเรือนนอนของเสิ่นลู่ซือ ทันทีที่เข้ามายังเรือนนอน ปลายจมูกโด่งพลันได้กลิ่นหอมรัญจวนที่โชยออกมาจากห้องหับ คิ้วกระบี่ขมวดมุ่น ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นอ่า...ซือเอ๋อร์ของเขามิใช่ว่ากำลังจะยั่วยวนเขาใช่หรือไม่กายแกร่งเดินเข้าไปยังห้องนอนแต่ภายในห้องกลับว่างเปล่า เขามองหานางจนทั่วจนกระทั่งได้ยินเสียงกระเซ็นของน้ำที่ดังมาจากห้องอาบน้ำ ใบหน้าคมกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะเปลี่ยนทิศทางไปยังห้องอาบน้ำภาพเบื้องหน้าที่ปรากฏนี้ทำให้ร่างกายของโม่โฉ่วรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทันใด เรือนร่างขาวผ่องของเสิ่นลู่ซือที่นั่งหันหลังให้เขากำลังลูบไล้เรียวแขนเสลา และท่อนขาเรียวยาว กลิ่นหอมของดอกเหมยกุ้ยฮวา (กุหลาบ) กำจรไปทั่วห้องอาบน้ำกึ่งกลางกายที่เคยสงบนิ่งพลันขยายใหญ่ขึ้นมาจนเขารู้สึกคับแน่นไปหมด ลำคอหนาของชายหนุ่มแห้งผากเมื่อเห็นภาพเย้ายวนตรงหน้า“อุ๊ย! ท่านพี่มาแล้วหรือเจ้าคะ”เสิ่นลู่ซือแสร้งทำท่าตกใจ เมื่อเห็นผู้เป็นสามียืนมองนางอยู่นานแล้ว มุมปากเล็กยกยิ้มอย่างยั่วยวน คล้ายกับกำลังเชิญชวนให้เขามาอาบน้ำร่วมกันกับนาง“เจ้าอยากทำพ
ตอนพิเศษ 3เหล่าตัวแสบตระกูลเสิ่นบุตรสาวคนแรกของตระกูลเสิ่นมีนามว่า ‘เสิ่นซิ่วอิง’ นางเป็นเด็กเลี้ยงง่ายจนหลายคนพากันประหลาดใจ แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้เป็นบิดาและมารดาตกตะลึง นั่นคือวิธีการกำราบน้องชายที่มีนามว่า ‘เสิ่นฮุ่ยหวง’หากเสิ่นฮุ่ยหวงร้องไห้เกเร เสิ่นซิ่วอิงก็จะแผดเสียงร้องลั่นใส่น้องชาย จนทำให้เด็กน้อยหยุดร้องไห้ในทันทีเสิ่นลู่ซืออดจะหัวเราะไม่ได้ ดูท่าในอนาคตบุตรสาวของนางคงจะกำราบน้องชายจนสิ้นท่าเป็นแน่หลังจากเสิ่นลู่ซือให้กำเนิดทารกฝาแฝดไม่นาน ฮองเฮามู่ซูเจียวก็ได้ให้กำเนิดมังกรคู่เช่นกัน องค์ชายทั้งสองทรงมีพระนามว่า ‘หวงเฟยเทียน’ กับ ‘หวงเฟยอวี่’ องค์ชายทั้งสองมีอายุน้อยกว่าสองพี่น้องตระกูลเสิ่นเพียงห้าเดือนเท่านั้น ทำให้เด็กน้อยทั้งสี่ได้กลายเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่แบเบาะห้าปีผ่านไปวันเวลาผ่านไปราวกับสายน้ำไหล จวนตระกูลเสิ่นได้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน เป็นบุตรชายคนที่สองนามว่า ‘เสิ่นลู่หลิ่ง’โม่โฉ่วผู้ขยันหว่านเมล็ดพันธุ์นั้น ภาคภูมิใจในความเก่งกาจของเขาเหลือเกิน เสิ่นฮุ่ยหมิ่นเองก็ชอบอกชอบใจในตัวบุตรเขยของเขาผู้นี้นัก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาตกใจจนแทบสิ้นสติ
จวนตระกูลเสิ่นนับจากเรื่องวุ่นวายได้จบลงไปแล้ว เวลานี้ก็ผ่านมานานหลายเดือนจนท้องของเสิ่นลู่ซือขยายใหญ่มากขึ้น การเดินเหินของนางเป็นไปอย่างยากลำบาก หากอยากไปที่ใดจะต้องมีคนคอยช่วยประคองถึงสองคนโม่โฉ่วที่กำลังกังวลกับครรภ์แฝดของภรรยานั้น จึงได้ขอลางานกับหวงเฟยหลง เวลานี้เขาไม่ได้เป็นเพียงแค่หัวหน้าองครักษ์ของฮ่องเต้ แต่ยังเป็นพระเชษฐาด้วย ถึงแม้โม่โฉ่วจะไม่ปรารถนาบรรดาศักดิ์อย่างที่ควรได้ แต่เขาก็ได้รับความยำเกรงจากฮ่องเต้และเหล่าขุนนาง“เป็นอย่างไรบ้าง อยากกินอะไรหรือไม่”โม่โฉ่วเอ่ยถามฮูหยินรัก หลังจากที่ประคองนางมานั่งรับลมที่ศาลาไม้“ตอนนี้ข้าเจริญอาหารมากเลยเจ้าค่ะ กินสิ่งใดล้วนอร่อยทั้งสิ้น”เสิ่นลู่ซือเอ่ยตอบอย่างเขินอาย เวลานี้ร่างกายของนางอวบอิ่มมากกว่าเดิมนัก น้ำหนักก็ขึ้นมาหลายสิบโล ไม่รู้ว่าหลังจากคลอดเจ้าแฝดร่างกายของนางจะเป็นเช่นเดิมหรือไม่“ฮ่ะฮ่ะ ช่วงนี้ต้องบำรุงเยอะ ๆ เจ้ากับลูกจะได้แข็งแรง และข้า...”“โอ๊ย!!”เสิ่นลู่ซือที่นั่งอมยิ้มพลันปวดหน่วงตรงท้องขึ้นมาฉับพลัน ดวงหน้างามซีดขาวด้วยความเจ็บปวดที่จู่โจมขึ้นมาโดยที่ไม่ทันตั้งตัว ในตอนนั้นนางรู้สึกว่ามีน้ำไหลออกมาจาก
ตอนพิเศษ 2กำเนิดเจ้าก้อนแป้งน้อยองค์ชายสี่กับฮองเฮาถูกตัดสินให้ประหารชีวิตต่อหน้าธารกำนัลทั้งหลาย โดยก่อนหน้านั้นทั้งสองจะถูกจับเข้าไปอยู่ในกรงขัง แล้วแห่ประจานถึงความผิดที่ได้ก่อเอาไว้ เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างให้ชาวแคว้นหวงอย่าได้เอาเป็นแบบอย่าง โรคระบาดที่เคยเกิดขึ้นล้วนเป็นฝีมือขององค์ชายสี่ รวมถึงการสิ้นพระชนม์ของอดีตฮองเฮานั้นก็เป็นฝีมือของหลี่ฮองเฮาด้วยราษฎร์ที่ล่วงรู้ความชั่วร้ายของทั้งสอง ต่างพากันมารุมประณามด่าทอ ทั้งยังขว้างปาสิ่งของเข้ามายังกรงที่คุมขังนักโทษ ทั้งสองได้รับบาดเจ็บทั่วทั้งร่างกาย“สารเลว!! สมควรตาย กล้าทำร้ายผู้บริสุทธิ์ได้อย่างไร ข้าต้องเสียลูกไปเพราะโรคระบาดในครั้งนั้นเลยนะ ฮือ ๆ”“ชั่วช้านัก ประหารพวกมันเลย!!”“เลวทั้งแม่ทั้งลูก”เสียงด่าทอดังขึ้นมาไม่ขาดสาย หวงเฟยอินกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ เขาไม่คิดเลยว่าชีวิตของเขาจะตกต่ำถึงเพียงนี้ เจ้าพวกนี้มันกล้ามาด่าทอเขาได้อย่างไรสมควรตายนัก!!การประหารของทั้งสองดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย ศีรษะที่ถูกตัดขาดออกจากตัวถูกนำไปแขวนไว้ที่ประตูเมืองทางทิศเหนือ ฮ่องเต้ได้ออกราชโองการประกาศคุณงามความดีแก่องค์รัชทายาท และตระกูล
ร่างสูงหยัดกายเต็มความสูงด้วยความแค้นที่สุมอยู่ในอก เขาเดินไปยังหลังพระพุทธรูปก่อนจะพบช่องทางลับที่ท่านแม่บอกไว้ให้ ไม่รู้ว่าเพราะแรงแค้นหรือไม่ จึงทำให้เขาสามารถพาร่างกายที่แสนบอบช้ำนี้ เดินออกไปจากป่าไผ่จนพบเข้ากับแม่น้ำหนึ่งสายแต่เหมือนสวรรค์ยังคงจะทำการทดสอบเขาอีก ฝนห่าใหญ่ได้ตกกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ากำลังพิโรธ โม่โฉ่วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ดำมืดด้วยสายตาว่างเปล่าร่างสูงที่ยืนอยู่ริมน้ำกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บปวด หยาดน้ำตาของเขาไหลรินลงมา โดยถูกสายฝนชำระล้างไปสิ้น ราวกับกำลังจะย้ำเตือนว่าให้เขาหยุดร้องไห้ แล้วลุกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเพื่อแก้แค้นคนชั่ว!!โม่โฉ่วเดินไปริมตลิ่งเจอเข้ากับเรือไม้ลำเล็ก ราวกับมีคนจงใจเตรียมไว้แล้ว สุดท้ายท่านแม่ก็คือคนที่เสียสละ และรักเขามากที่สุดร่างกายสูงใหญ่เดินโซเซไปนั่งในเรือ แล้วพายเรือออกจากฝั่งท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมา แม่น้ำสายนี้ไม่ได้กว้างมากนัก เขาจึงกัดฟันทนจนพายมาถึงฝั่งตรงข้ามได้ในที่สุดชายหนุ่มเดินโซเซออกมาจากเรือ เวลานี้ร่างกายของเขาเริ่มจะทานทนไม่ไหวเสียแล้ว ร่างกายร้อนผ่าวราวกับมีไข้ขึ้นสูง กอปรกับพิษบาดแผลจากด้านหลังทำให้โม่โฉ่วสลบ
ตอนพิเศษ 1การเจอกันครั้งแรก“เหตุใดถึงทำเช่นนี้กับข้าและท่านแม่เช่นนี้ พวกข้าไปทำสิ่งใดให้พวกเจ้ากัน”เด็กหนุ่มในวัย 18 หนาวตะคอกถามผู้ที่เขาเคยนับถือเป็นเสด็จยายและน้องชาย แต่ในวันนี้กลับเป็นพวกเขาที่หันคมดาบมาแทงข้างหลังของเขาอย่างเลือดเย็นในแววตาของทั้งสองที่มองมานั้น แสดงถึงความรังเกียจเดียดฉันท์ออกมาอย่างเปี่ยมล้น สายตาที่ทิ่มแทงมาราวกับคมดาบมันบาดลึกเข้าไปในความรู้สึกของโม่โฉ่ว ใบหน้าของทั้งสองมีเพียงรอยยิ้มเย้ยหยันด้วยความสมเพชน้องชายที่เขาเคยให้ความเอ็นดูแสยะยิ้มอย่างร้ายกาจ “หึ นี่เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าเห็นเจ้าเป็นพี่ชาย คนอย่างเจ้าเนี่ยนะ! น่าขันสิ้นดี”เขาพ่นน้ำลายใส่หน้าของโม่โฉ่ว พลางสืบเท้าเข้ามาใกล้ร่างสูงที่นอนขดตัวคุดคู้อยู่บนพื้นไม้สกปรก แววตาของเด็กหนุ่มที่อายุแค่ 17 หนาวมองมาอย่างเลือดเย็นก่อนหน้านี้โม่โฉ่วได้ถูกคนของเขาซ้อมจนสะบักสะบอม แต่ใบหน้านั้นก็ยังคงมองมาทางเขาอย่างถือดี น่าตายนัก!“เจ้ากับแม่มันก็แค่สวะชั้นต่ำ เสด็จยายของข้าอุตส่าห์เลี้ยงดูพวกเจ้าขนาดนี้ก็นับว่าดีมากแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าแม่ลูกก็ควรตอบแทนบุญคุณสิ”“เจ้าต้องการอะไร” เขากัดฟันแน่นด้วยความก