แม้ว่าเพียงเสี้ยววินาทีความรู้สึกภายในใจจะเกิดเจ็บแปลบ เมื่อพบว่าในที่สุดแล้วตัวเธอเองก็กำลังเริ่มพ่ายแพ้ให้กับความต้องการส่วนลึกที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ อยากจะห้ามกายห้ามใจแต่ก็กลับยิ่งตอบสนองออกไปในทิศทางตรงกันข้าม ทุกคราวที่เขากระแทกดันตัวตนเข้ามา เป็นเธอเองที่แอ่นเอยเปิดอ้าให้เขาจาบจ้าง
"อื้อ คุณคีย์"
"ดีหรือเปล่า"
น้ำเสียงแหบพร่านั้นทุ้มกังวานก้องอยู่ที่บริเวณเหนือศรีษะ เสียงเนื้อกระทบเนื้อยังคงดังก้องเรียกร้องความสนใจให้ใบหน้าสวยเงยขึ้นมามอง แม้เขาจะสบตาเธอนิ่งหากแต่ฉัตรตะวันกลับรู้สึกว่ามันกำลังแผดเผาจนกายเธอรู้สึกรุ่มร้อนไปหมด
เรือนร่างเปลือยเปล่าที่ถูกคีตกานต์ปลุกเร้ากำลังเรียกร้องและเว้าวอนให้เขาแตะต้องเธอมากขึ้นกว่านี้ สัมผัสร้อนแรงที่เขาใช้มันลงทัณฑ์เธออยู่สร้างความรัญจวนป่วนปั่นไม่เบาเลย จนในที่สุดสะโพกงามงอนนั้นถึงกับต้องยิ่งแอ่นโค้งขึ้นอีกเพื่อต้องการสนองต่อแรงกระแทกจากเขาให้ได้อย่างถนัดถนี่
"อื้ม ซัน"
เสียงครางทุ้มต่ำที่ดังออกมาทำให้ฉัตรตะวันต้องเงยหน้ากลับขึ้นไปมองอีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกชื้อเล่นเธอ ใบหน้าหล่อเหลาที่เวลานี้กำลังหลับตาพริ้มและริมฝีปากสีแดงสดของเขานั่นก็ถูกขบกัดเอาไว้ด้วยฟันขาวสะอาด คิ้วเข้มขมวดจนยุ่ง ในขณะที่สะโพกแกร่งยังคงเบียดกระแทกความแข็งแกร่งนั่นเข้ามา สองมือหนาที่ตอนแรกตะปบเข้าที่เอวกิ่วคอดเอาไว้ เวลานี้กำลังเปลี่ยนทิศแล้วเลื้อยขึ้นไปบีบขยำอกอวบที่ด้านบนอย่างจาบจ้วง ร้อนแรง และเอาแต่ใจ
แต่แล้วสวรรค์ที่ฉัตรตะวันเห็นอยู่ใกล้ๆก็กลับถอยห่างออกไปยามเมื่ออยู่ๆคีตกานต์ก็ถอดถอนตัวตนออก แล้วนั่งลงไปที่บนโซฟาใหญ่ที่วางอยู่ติดกับผนัง แล้วจึงดึงมือเธอให้หันกลับมาด้านหน้าแทน
"ขย่มฉัน"จากนั้นคนที่พึ่งจะถูกมอบหมายหน้าที่ใหม่ได้เพียงแต่ทำหน้างง ๆ เพราะว่าประสบการณ์ตรงเคยมีเสียที่ไหน
"มานี่สิ เดินมาใกล้ๆ" ดวงตากลมโตยังคงจดจ้องไปที่เจ้าท่อนความแข็งแกร่งนั้นอย่างไม่ละสายตา แม้ว่าคีตกานต์จะนั่งลงไปแล้ว แต่มันกลับยังผงาดหัวชูคอตั้งอยู่อย่างนั้นไม่มีล้ม
ฉัตรตะวันเดินตรงเข้าไปใกล้ๆแล้วจึงได้หยุดลงด้วยความอยากรู้ สองแขนเริ่มเกี่ยวเกาะไปตามต้นคอแกร่งก่อนจะค่อยๆนั่งทับลงไปบนตัวตนของเขาซึ่งคีตกานต์จับมันตั้งขึ้นรอให้เธอไว้
สะโพกงามกดน้ำหนักลงอย่างช้าๆ ในขณะที่ดวงตาต่างสบประสาน ริมฝีปากบางถูกเขาครอบครองไปอีกครั้ง แล้วฝ่ามือแกร่งจึงช่วยตุ้มประครองไว้ที่สองข้างสะโพกขึ้นลงยามที่เธอเริ่มขย่มนั่งลงมา
"อื้มดีมากเลยซัน แบบนั้นแหละ"
"คุณคีย์ซันเสียว"
"เธอควบคุมมันได้ตามที่เธอต้องการ"
พอเห็นว่าเขาอนุญาตแถมยังคอยไกด์ช่วยนำทาง คนตัวเล็กที่กำลังถูกคลื่สวาทครอบงำก็เริ่มขยับร่างกายแบบไม่เป็นตัวของตัวเอง ทันทีที่ตัวตนของเขาสอดดันเข้าไปจนหมด ฉัตรตะวันก็รู้สึกถึงความเต็มตึงไปทั่วทั้งบริเวณท้องน้อย จนเมื่อร่างเล็กเริ่มขยับ คนที่ทำตัวเป็นไกด์ในตอนแรกก็เริ่มครางหึ่มออกมา
"อื้ม ลื่นมากๆเลยซัน ใช่เลยแบบนั้น"
จากตอนแรกที่ปล่อยให้ฉัตรตะวันขย่มอยู่อย่างนั้น ทำไปทำมา คนที่ทำตัวเป็นอาจารย์ใจดีก็อยากจะจับลูกศิษย์ขึ้นมาทำโทษ
"ทีฉันบ้างนะ"
ฉัตรตะวันถูกคีตกานต์จับพลิกให้อยู่ในท่าคลานเข่าสี่ขาหันหน้าลงไปบนโซฟาตัวแคบ ทันทีที่ประกบซ้อนเข้าไปทางด้านหลังได้ สะโพกแกร่งก็ตอกอัดตัวตนเข้าไปอีกครั้ง ต่างไม่มีใครยอมใคร เสียงครางของทั้งคู่ถูกปล่อยออกมาจนกว่าจะพอใจ จนกระทั่งทั้งมันถึงขีดสุดและความอัดอั้นนั้นถูกปลดปล่อยออกมา สะโพกแกร่งจึงค่อยๆผ่อนปรนความเร็วลง และเขาก็รีบถอนตัวตนออกไปทันที
เพราะคีตกานต์เองไม่อยากที่จะยอมรับ ว่าความอุ่นร้อนจากภายในของฉัตรตะวันที่รัดรึงตัวตนของเขาเอาไว้นั้นกำลังสร้างความพึงพอใจให้เขาเป็นอย่างมาก
ฉัตรตะวันมองตามเรือนร่างสูงใหญ่ที่เดินออกจากห้องไปด้วยหัวใจที่แสนจะวูบโหวง เขาไม่ได้มีพูดคำใดๆออกมา ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองหน้าเธอเสียด้วยซ้ำ
หลังจากออกไปหยิบเสื้อผ้าที่วางไว้อยู่ด้านนอกกลับเข้ามาใส่ดังเดิม จึงได้ลองเดินกลับออกไปยังห้องโถงกลางบ้านที่ผ่านเข้ามาในตอนแรก เขาแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วและกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาที่หน้าทีวี
"วันนี้เธอเลิกงานกลับไปบ้านพักได้เลย ไม่ต้องไปทำงานต่อที่ไหนอีก ถือว่านี่เป็นรางวัล"ทั้งๆที่เขาพูดกับเธอหากแต่สายตาคมกลับไม่ได้มองมาทางเธอแม้แต่น้อย น้ำเสียงเรียบๆบวกกับใบหน้าที่เฉยเมย ในมือยังคงถือรีโมทกดส่องไปที่หน้าจอทีวีขนาดใหญ่ไปเรื่อยๆ
ฉัตรตะวันเดินออกจากตัวบ้านมาด้วยอาการตัวชาๆ แม้ว่าจะโมโหที่คีตกานต์แสดงท่าทีแบบนั้นออกมา หากแต่ลึกๆแล้วก็กลับอดนึกน้อยใจขึ้นมาไม่ได้ ริมฝีปากบางกัดเม้มเข้าหากันจนเจ็บ คอยดูเถอะว่าต่อไปนี้เธอจะไม่มีทางคล้อยตามเขาอีกเป็นอันขาด ต้องไม่มีอีกเด็ดขาด เขาจะไม่มีวันได้ในสิ่งที่เขาต้องการ เธอไม่ใช่ดอกไม้ริมทางที่เขานึกอยากจะมาเด็ดดมตอนไหนก็ได้ตามใจ
หลังจากเดินออกไปถึงหน้าบ้านก็พบว่าบรรยากาศเริ่มเย็นลงแล้ว แสงแดดอ่อนๆที่สาดทอมาบอกเวลาว่าน่าจะราวๆสี่โมงเย็นได้ ฉัตรตะวันเดินก้าวลงบันไดคอนกรีตลงไปทีละขั้น จนกระทั่งถึงขั้นสุดท้ายก็เห็นว่ามีรถยนต์หรูคันสีขาวขับตรงเข้ามา
ทันทีที่คนขับเปิดประตูออก สมองก็เริ่มประมวลผลว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านั้นคือใคร และนอนว่าเธอจำได้ ผู้หญิงคนนี้ก็คือคนที่เธอเจออยู่กับคีตกานต์ที่ร้านอาหารหรูเมื่อวันก่อน
"คีย์อยู่บนบ้านใช่ไหมคะ" ผู้หญิงคนนั้นถามขึ้น คงจะจำเธอไม่ได้เสียล่ะมั้ง ก็เธอในลุคของวันนั้นกับเมื่อวันนี้นั้นต่างกันเสียลิบลับ
ในขณะที่กำลังจะอ้าปากตอบ แต่แล้วเจ้าของคำถามก็เงยหน้าส่งยิ้มหวานเลยไปที่ทางด้านหลังของเธอเสียก่อน ริมฝีปากที่เคลือบไว้ด้วยลิปสติกสีแดงยิ่งฉีกยิ้มกว้างออกยามเมื่อคนที่ยืนอยู่บนระเบียงในตอนแรกนั้นกำลังก้าวลงเดินใกล้เข้ามา
"นึกว่าคีย์จะไม่อยู่บ้านเสียอีกค่ะ"
"ถึงผมจะไม่อยู่ เนตรก็มาบ้านนี้ได้เสมอครับ"
รอยยิ้มหล่อเหลาบวกกับสายตาที่หวานเยิ้มถูกส่งมอบไปยังผู้หญิงที่พึ่งมาถึงทันที ราวกับว่าเธอไม่ได้มีตัวตนตรงนี้ ฉัตรตะวันมองภาพที่เห็นอยู่นั้นด้วยความรู้สึกแปล๊บๆที่หัวใจ
"นี่ใครหรอคะ" เจ้าของเสียงหวานนั้นหันมาราวกับว่าต้องการที่จะถามเธอ คีตกานต์ชิงตอบหากแต่ว่าก็ยังคงไม่ได้มองมาทางเธอเลยแม้เเต่น้อย
"คนงานในไร่ครับ ผมให้เข้ามาทำความสะอาดสระว่ายน้ำ ตอนนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วก็เลยกำลังจะกลับ ผมว่าเราเข้าไปข้างในกันเถอะนะครับ" มือเรียวสวยของผู้หญิงคนนั้นรีบกอดเข้าไปที่เอวแกร่งนั่นทันที ก่อนที่ทั้งสองจะพากันเดินตรงไปยังทิศทางเข้าบ้าน ปล่อยทิ้งให้เธอจมอยู่กับความรู้สึกเบลอๆจิตใจล่องลอยไปอย่างนั้น
"อ้าวซัน มาทำอะไรตรงนี้"
"พี่อรรถ"รถกระบะของอรรถกรเข้ามาจอดลงเทียบคู่กับรถหรูคันนั้น ฉัตรตะวันรีบปรับทั้งสีหน้าและอารมณ์ให้กลับมาเป็นปรกติเพื่อไม่อยากให้อรรถกรต้องสงสัย
"มาทำอะไรตรงนี้อ่ะเรา ร้อยวันพันปีพี่ไม่เคยเห็นว่าซันจะต้องเข้ามาทำอะไรตรงนี้เลย"
"ซันถูกใช้ให้มาทำความสะอาดสระว่ายน้ำค่ะ"
"พี่คีย์น่ะหรอ" ฉัตรตะวันไม่ตอบ ได้แต่พยักหน้าตาหงึกหงัก
"นั่นพี่เนตรมาหรอ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่" อรรถกรไม่ได้ถามเธอ เขาทำเพียงแค่ชะเง้อใบหน้าขึ้นไปมองแล้วพึมพำพูดกับตัวเองเสียมากกว่า
"ว่าแต่ซันเสร็จงานแล้วใช่ไหม งั้นกลับเลยนะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง" ว่าแล้วรถจักรยานยนต์คันเก่งของเธอก็ถูกอรรถกรแบกขึ้นใส่ท้ายกระบะที่ทางด้านหลัง ก่อนจะพาเธอขับออกไปจากตรงนั้นแล้วมุ่งหน้าตรงไปส่งที่ยังบ้านพัก
"ช่วยอธิบายให้ซันฟังหน่อยได้ไหมคะว่าระหว่างที่ซันหลับไป คุณกับป๊าซันไปแอบทำสัญญาพักรบกันตอนไหน จำได้ว่าที่ซันเป็นล้มไปก็เพราะว่าคุณกับป๊านั้นเถียงกันไม่หยุด" ฉัตรตะวันถามซักไซ้ไล่เรียงทันทีที่คีตกานต์เดินกลับเข้ามา"สงสัยว่าป๊าซันคงกลัวว่ามันจะไปกระทบกระเทือนถึงหลานละมั้ง ก็เลยยอมอ่อนข้อลงให้""หลาน? ที่ไหนคะ""ก็หลานในท้องซันไง""คุณคีย์ซันไม่ตลกด้วยนะคะ นี่คุณกำลังหมายความว่าอะไร คุณบอกอะไรกับป๊าซันไปคะ ป๊าถึงได้ยอมถอยกลับไปได้ง่ายๆแบบนั้น" ฉัตรตะวันรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ แถมสีหน้าท่าทางยังดูระแวงระวังอย่างไม่ไว้วางใจ"ผมบอกกับป๊าว่าซันกำลังท้องลูกของเราอยู่ แล้วก็จะยกหนี้สินทั้งหมดที่ป๊าคุณกู้ไปให้ ป๊าคุณคงเห็นแก่หลานและความจริงใจของผมละมั้ง ก็เลยยอม""ท้อง? ใครกันที่ท้อง ซันยังไม่ได้ท้องนะคะ นี่คุณโกหกป๊าซันทำไม""ผมไม่ได้โกหกป๊าคุณนะซัน ที่คุณเป็นลมล้มตึงไปนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าคุณกำลังท้องอยู่ก็ได้ หรือถ้าไม่ ยังไงเร็วๆนี้คุณก็ต้องท้องแน่ๆ เชื่อมือผมสิ"ฉัตรตะวันยังคงงงๆกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่มันเกิดขึ้น เพียงแค่ภายในสัปดาห์ คีตกานต์ก็ได้พาทั้งคุณยายประไพศรีและคุณพรประภาเข้าไปต
"ถุย! ไอ้คีตกานต์ น้องซันเกลียดมึงจะตายไป ยังจะมากล้าพูดได้ไม่อายปากว่าน้องซันเป็นเมียมึง ไม่กระดากปากบ้างหรือไงวะ" ธนากรทำท่าจะเดินเข้าไปหา แต่ก็ถูกฉัตรดนัยห้ามเอาไว้"ที่เขาพูดมันจริงหรือเปล่าพี่ซัน" ฉัตรดนัยเองก็อดสงสัยไม่ได้ที่อยู่ดีๆตนก็มีพี่เขยโผล่มา "ซี คือว่า.." เพราะฉัตรตะวันมัวแต่อึกๆอักๆไม่ยอมพูดไป จึงทำให้คนข้างๆเริ่มที่จะหมั่นไส้ตัดสินใจชูใบแผ่นกระดาษให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป"ผมกับฉัตรตะวันเราพึ่งไปจดทะเบียนสมรสกันมา และผมต้องขอโทษเสี่ยด้วยที่พาฉัตรตะวันไปจดโดยพละการโดยที่ไม่ได้บอกกล่าว แต่หลังจากนี้ผมจะพาคุณยายกับคุณแม่เข้าไปพูดคุยกับเสี่ยให้เร็วที่สุด ไม่ทราบว่าเสี่ยสะดวกวันไหนครับ""พูดบ้าอะไรของมึงวะไอ้คีตกานต์ จดทะบงทะเบียนอะไร น้องซันเป็นว่าที่คู่หมั้นของกู กูไม่ยอมให้มึงมาชุบมือเปิบไปหรอก ไอ้บ้านี่มันโกหก เรื่องที่มันพูดไม่เป็นความจริงใช่ไหมน้องซัน" พอเห็นคีตกานต์ชูแผ่นกระดาษที่มีกรอบเป็นรูปดอกกุหลาบล้อมรอบธนากรก็เริ่มร้อนใจ พยายามถามให้ฉัตรตะวันตอบหรือปฏิเสธอะไรก็ได้ ช่วยพูดออกมาทีว่าสิ่งที่คีตกานต์กำลังพูดนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง"จริงค่ะพี่ธนา ซันกับคุณคีย์พึ่งไ
หลังจากนั้นคีตกานต์ก็พาเธอมายังสถานที่ๆหนึ่งซึ่งดูสงบและร่มเย็น เขาจอดรถไว้ที่ด้านนอกก่อนจะพาเธอเดินเข้าไปด้านใน ใบไม้ต้นไม้พัดโบกปลิวไสว ฉัตรตะวันมองตามที่คีตกานต์ชี้นิ้วตรงไปใต้ร่มโคลนต้นไม้ใหญ่ ตรงนั้นมีใครคนหนึ่งนุ่งชุดขาวห่มขาวปิดเปลือกตาทำสมาธิอย่างสงบฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาข้างหนึ่งเพื่อปิดปากไว้ หลังจากที่เพ่งมองจนเห็นชัดเจนว่าคนที่กำลังนั่งหลับตาอยู่ที่โคลนใต้ไม้ต้นนั้นคือใคร ไม่ว่าจะมองใกล้ไกลแค่ไหน ใบหน้านั้นก็ยังดูเด่นชัดคีตภัทรอยู่ในนุ่งห่มสีขาวและกำลังนั่งสวดภาวนาอย่างตั้งใจ คีตกานต์เล่าต่อให้เธอฟังว่า หลังจากที่ถูกธนากรทำร้ายจิตใจในวันนั้น คีตภัทรก็เริ่มเปลี่ยนไป จิตใจคิดฝักใฝ่ไปในทางธรรม เห็นทุกข์เห็นแจ้งว่าคงจะไม่มีใครรักเธออย่างจริงใจได้เท่าคนครอบครัว จากนั้นจึงได้ตัดสินใจที่จะละจากทางโลกมุ่งเข้าสู่ทางธรรม"เห็นแล้วนะว่าต่อไปนี้ครีมคงจะไม่มีทางที่จะเข้ามายุ่งเรื่องระหว่างเธอกับฉันได้""อันที่จริงขนาดน้องสาวคุณยังตัดสินใจละจากทางโลกเลย คนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างคุณก็น่าจะทำบ้างนะคะ""ไม่ล่ะ คนอย่างฉันมันกิเลสหนา ฉันยังตัดเรื่องอย่างว่าไม่ได้ นี่ขนาดว่าเธอยืนอยู่ตั้งไกลแบบ
กว่าครึ่งชั่วโมงที่คีตกานต์ยังคงนั่งเฉยอยู่ในรถและปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปอย่างนั้น ธนากรบอกว่าเสี่ยมนัสรู้สึกตัวและรับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว นั่นหมายความว่าอีกไม่นานก็คงจะนำเงินทั้งหมดมาคืนให้ เป็นไปได้ว่าคงจะเป็นเงินจากธนากรที่เสนอให้ อาจแลกด้วยการหมั้นหมายหรืออะไรสักอย่าง ไม่เช่นนั้นฝ่ายนั้นคงจะไม่แสดงท่าทีที่สุดแสนจะมั่นอกมั่นใจและกล้าเรียกฉัตรตะวันได้เต็มปากว่า 'ว่าที่คู่หมั้น'เขายังไม่ได้อยากได้เงินคืน หรือไม่ก็ไม่ได้อยากที่จะได้เงินคืนเลย..ขอเพียงแค่ฉัตรตะวันยังอยู่ใกล้ๆ คีตกานต์พาตัวเองกลับมายังบ้านพักก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คขึ้นมาแล้วจัดการโหลดไฟล์วีดีโอใส่เข้าไปในมือถือ จากนั้นจึงกดส่งไปยังรายชื่อที่ถูกตั้งค่าไว้ในโหมดรายชื่อโปรดที่พักหลังๆมานี้มักจะแสดงอยู่ในหน้าจอประวัติการโทรเข้าออกของเขาบ่อยที่สุด พร้อมมีข้อความกำกับเขียนเอาไว้ด้วยความร้อนอกร้อนใจ เขาอยากให้เธอได้เห็นว่าเรื่องระหว่างเขาและเนตรดาววันนั้นมันไม่ได้มีอะไร เขาไม่เคยแม้แต่คิดนอกใจเธอ'ที่ผ่านมาฉันไม่เคยทำผิดต่อเธอเลย แล้วเธอกล้าที่จะทิ้งฉัน หนีฉันไปหมั้นกับผู้ชายคนอื่นได้ยังไง'หมดวันหยุดฉัตรตะวันยังคง
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นคีตกานต์ก็ได้รับข่าวว่าฉัตรตะวันยกเลิกที่จะเช่าบ้านพักหลังนั้นแล้วย้ายออกไปเช่าหอพักอยู่ใหม่ในเมืองแทน พอคีตกานต์รู้ข่าวก็เกิดกระวนกระวายใจ พยายามแอบขับรถตามไปดูว่าฉัตรตะวันย้ายไปพักอยู่ที่ไหน และพอได้รู้ ใจก็อยากจะขอแอบตามขึ้นไปดูอีกว่าห้องหับความเป็นอยู่ของเธอนั้นเป็นอย่างไร สะดวกสบายปลอดภัยดีหรือเปล่า หากแต่แล้วก็ทำไม่ได้ มีคนไม่ยอมให้เขาขึ้นไปด้วยความที่ว่าหอพักแห่งนี้มีระบบความปลอดภัยที่ค่อนข้างสูง ทันทีที่บุคคลภายนอกอย่างเขาย่างกรายเข้าไป เจ้าหน้าที่ที่คอยรักษาความปลอดภัยก็ตรงดิ่งเข้ามาเชิญตัวเขาให้ออกไปโดยทันที "เมียผมพักอยู่ที่นี่จริงๆ เธอพึ่งย้ายมาเพราะว่าเราทะเลาะกัน ผมแค่อยากจะขอขึ้นไปดูความเป็นอยู่ของเธอหน่อยว่าห้องที่เธออยู่เรียบร้อยปลอดภัยดีไหม พี่ให้ผมขึ้นไปแค่แป๊บเดียวก็ได้แล้วผมจะรีบลงมา"หลังจากยืนอ้อนวอนพี่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่เสียนาน สุดท้ายแล้วคีตกานต์ก็ต้องหน้าจ๋อยกลับขึ้นรถมาอย่างเก่า สองวันมานี้ยอมรับว่าจิตใจของเขานั้นไม่เป็นสุขเลย มันค่อยๆดิ่งลงเพราะมัวแต่พะวงคิดมากเรื่องที่ฉัตรตะวันเข้ามาเห็นเขาและเนตรดาวอยู่ด้วยกันเขาไม่สบ
คีตกานต์ค่อยๆขยับลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อแสงแดดที่สาดเข้ามาจากด้านนอกนั้นโผล่ทะลุผ้าม่านห้องนอนเข้ามาได้ เมื่อวานเขาคงจะดื่มไปจนหนักมาก เช้านี้พอตื่นขึ้นมาถึงได้มีอาการปวดหัวจนแทบจะระเบิดแบบนี้ได้เรือนร่างสูงใหญ่พยามยามกระถดกายลุกขึ้นนั่ง เขาขยับอย่างช้าๆ สายตาเหลือบมองไปที่เข็มนาฬิกาซึ่งกำลังบอกว่าเป็นเวลาเกือบแปดโมง แต่ทันทีที่ได้ขยับ บริเวณหน้าอกของเขากลับมีการเคลื่อนไหวของอะไรบางอย่าง พอมันค่อยๆโผล่พ้นขอบผ้าห่มออกมา จึงได้เห็นว่าเป็นแขนของใครคนหนึ่งที่ยกพาดทับมากอดก่ายหน้าอกเขาเอาไว้คีตกานต์ถึงกับต้องทำการนึกคิดทบทวนอย่างละเอียด จำได้ว่าเมื่อคืนเขานั่งเครียดและดื่มอยู่เพียงคนเดียวในบ้าน แล้วเช้านี้ก็ตื่นขึ้นมาในบ้านของตัวเอง ไม่ได้ออกไปไหนหรือว่าพาใครที่ไหนเข้ามา แล้วแขนของคนที่นอนขยุกขยิกอยู่บนเตียงเดียวกันกับเขาใต้ผ้าห่มนี้คือใคร "ตื่นแล้วหรอคะคีย์"และทันทีที่ได้ยินเสียง คีตกานต์ก็จำได้ทันทีว่าเสียงที่พูดออกมานี้คือเสียงใคร ใช่เสียงของคนที่เขาคิดเอาไว้แน่ๆ แต่เพราะความที่อยากจะแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้จำผิด ผ้าห่มผืนใหญ่จึงได้ถูกดึงเปิดออกจนปรากฏเผยให้เห็นร่างที่เกือบจะนอนเปลือยเ