เฉากุ้ยเฟยรับกระดาษไปพินิจดู ก็พยักหน้า "นี่เป็นกระดาษชนิดพิเศษที่ผลิตใช้กันภายในตำหนักโซ่วคัง ส่วนลายมือที่ปรากฏ ก็เป็นลายมือของข้าไม่ผิดเพี้ยนแน่นอน""ยังมี พอหม่อมฉันเห็นกระดาษแผ่นนี้ก็ให้นึกสงสัย ตามธรรมเนียมผู้คนจะทะนุถนอมเอกสารทุกอย่างมินิยมเผาหรือเหยียบย่ำกระดาษที่มีตัวอักษร จากนั้นจึงลองสอบถ
หลังจากส่งลี่เฟยกลับตำหนัก งานเลี้ยงก็ดำเนินต่อไปอีกประมาณชั่วยามครึ่ง ท่ามกลางบรรยากาศอึมครึมทั้งที่เสียงดนตรีร่ายรำขับร้องไพเราะงดงาม จากนั้นหวงตี้จึงเสด็จกลับพร้อมพาฟู่หยวนเพ่ยกลับไปด้วย ทั้งยังออกปากให้นางค้างที่ตำหนักใหญ่ ไม่ต้องกลับตำหนักชุนชิวช่วงหลังตำหนักใหญ่นี้ถือเป็นบ้านหลังที่สองของหยวน
นางทำตามอย่างว่าง่าย วางถาดไว้บนโต๊ะ แล้วมานั่งข้างเตียง ชายหนุ่มยื่นมือมาให้ หยวนเพ่ยวางมือเตรียมนวด แต่เขากลับชักมือออก"...ไม่เอาจุดเสินเหมินแล้ว""...เพคะ" หยวนเพ่ยรับคำแต่โดยดี จากนั้นจึงเริ่มนวดคลึงฝ่ามือเขาอย่างนุ่มนวล แต่ละจุดเน้นฟื้นฟูเส้นที่เชื่อมสู่อวัยวะภายในร่างกาย อีกทั้งยังดึงข้อนิ้วแ
"ถวายบังคมเสด็จแม่""หม่อมฉันฟู่หยวนเพ่ย ถวายบังคมหวงไท่โฮ่วเพคะ""ลุกขึ้นเถิด" ไท่โฮ่วตรัสด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเปี่ยมเมตตา จากนั้นจึงปรายตามองเด็กสาวที่ยืนรักษาระยะห่างเอาไว้ "วันนี้ฝ่าบาทมีเรื่องอันใดถึงมาหาแม่ได้ล่ะ คงมิได้แค่มาคารวะแม่ตามธรรมเนียมเท่านั้นกระมัง""ลูกปิดเสด็จแม่มิได้จริงๆ" หวงตี้แย
หลังจากหยวนเพ่ยแนะนำตัวเสร็จเรียบร้อย จากนั้นจึงเป็นช่วงเวลาเสวยพระกระยาหารในช่วงกลางวัน โดยมีหยวนเพ่ยกับเชียนอิงคอยปรนนิบัติ ระหว่างนั้นหวงไท่โฮ่วก็ซักถามหยวนเพ่ยอีกเล็กน้อย โดยเฉพาะเรื่องที่นางถนัดที่สุด พอบอกไปพระองค์ก็แย้มสรวล บอกเพียงว่าพระนางไม่ค่อยโปรดให้ผู้อื่นแตะเนื้อต้องตัวเท่าใดนัก โดยเฉพ
"หวางเย่..." เชียนอิงคุกเข่าเตรียมถวายบังคม แต่มือใหญ่กลับยกขึ้นปรามเอาไว้ ไม่ช้าฝีเท้าเงียบกริบก็เดินเข้ามาประชิดหยวนเพ่ยทางด้านหลังท่าทางของเด็กสาวตรงหน้าดูมีสมาธิจดจ่อกับงานตรงหน้าแต่เพียงอย่างเดียว เขาจึงตัดสินใจกระแอมเบาๆ เป็นการเรียกนางไปในตัวหยวนเพ่ยสะดุ้งน้อยๆ แต่นางกลับสนใจในท่าทีของหวงไท
“จื่อหาน เจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่”หวงตี้เอ่ยขณะที่ผู้เป็นอนุชารายงานเหตุการณ์ในชายแดน ชายหนุ่มผู้ถูกเอ่ยถึงก็อดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้ เขาล้วงม้วนคัมภีร์ม้วนหนึ่งออกมาจากอกเสื้อแล้วเอ่ย“อาจเป็นเพราะคัมภีร์เล่มนี้พ่ะย่ะค่ะ มันคือคัมภีร์ปธังชลี เป็นตำราที่เกี่ยวกับการกำหนดลมหายใจผสานกับการยืดเส้นสาย กร
"...เรื่องนั้น" หยวนเพ่ยว่าพลางหันหลังให้เขา แล้วหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อส่งให้ เมื่อเขาคลี่ออกอ่าน ก็เห็นว่าเป็นหนังสือที่มีลายพระหัตถ์ของหวงตี้"หนังสือสัญญาว่าจะไม่เอาเรื่องเจ้าถ้าเกิดข้อผิดพลาดในการถวายตัว?" เขาเงยหน้าขึ้นเหมือนคาดไม่ถึง"...เพคะ""ต้องทำถึงขนาดนั้นเลยหรือ""...อยู่กับ
หยวนเพ่ยได้ฟังข้อหาใหม่เช่นนี้ยิ่งงุนงงหนัก “เขาไปล่วงเกินฝ่าบาทตอนไหนหรือเพคะ”“ไม่ใช่ข้า แต่เป็นเจ้า” เขาชี้มาทางนาง“หม่อมฉัน? ผิดแล้วเพคะ หม่อมฉันเป็นแค่หรูเหริน เทียบเท่ากับตำแหน่งพระสนมขั้นไฉเหรินลำดับห้า ถ้านับตามยศแล้วหม่อมฉันย่อมต่ำชั้นกว่า หม่อมฉันจะคารวะเขาก่อนย่อมไม่แปลกเพคะ และที่เขาแตะ
หวงตี้จูงมือหยวนเพ่ยเข้ามายังสวนด้านใน สร้างความแตกตื่นให้แก่นางกำนัลที่พบเห็นไม่น้อย หยวนเพ่ยเองก็ไม่กล้าทำอะไรรุนแรง หนึ่ง ด้วยนางกำลังครรภ์แก่ใกล้คลอด สอง อีกฝ่ายเป็นถึงหวงตี้ ตอนนี้สถานการณ์ในจวนก็ย่ำแย่พอแล้ว ถ้าเกิดนางเผลอพลั้งมือซัดหวงตี้สลบเหมือนตอนสยบท่านข่านด้วยขากวาง เกรงว่าเรื่องราวจะยิ่
หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างไม่มั่นคงและทุกข์ทรมานที่สุดนับตั้งแต่หยวนเพ่ยรู้จักวิธีหายใจ รายงานอาการบาดเจ็บของฉู่หวางที่ถูกส่งมาสัปดาห์ละสองฉบับนั้น แต่ละครั้งล้วนเป็นรายงานที่ไม่อาจนับได้เต็มปากว่าเป็นข่าวดี ถึงแม้เขาจะพ้นขีดอันตราย แต่ร่างกายของเขาก็อ่อนแอเกินกว่าที่จะส่งตัวกลับมายังซีหนิงได้ ทำให้หยวนเ
หยวนเพ่ยได้ยินเช่นนั้นก็แทบทรงตัวไม่อยู่ โชคดีที่มีหยุนรุ่ยกับเมิ่งหลานช่วยประคอง และมีหยวนหลี่ผู้เป็นมารดาบีบมือบุตรสาวไว้แน่น แล้วเอ่ยเบาๆ“ใจเย็นๆ ฟังให้จบก่อน”หญิงสาวได้ยินมารดาเอ่ยเช่นนั้นก็พยักหน้า นางสูดลมหายใจลึกแล้วเอ่ย“เรื่องเป็นมาอย่างไร”อู่จี๋หอบหายใจครู่หนึ่งจึงกัดฟันเอ่ยต่อ“เมื่อวั
สองเดือนหลังจากนั้น หยวนเพ่ยก็ได้รับข่าวดีว่าทัพของฉู่หวางได้รับชัยชนะ บัดนี้อยู่ในค่ายของซีซย่า คาดว่าอีกสามวันถึงจะเดินทางกลับสู่ซีหนิงหญิงสาวที่ได้ยินข่าวดีเช่นนี้ก็ให้เบาใจ นางในตอนนี้อายุครรภ์เจ็ดเดือน แต่ครรภ์กลับใหญ่โตอุ้ยอ้ายยิ่ง จะนั่งก็ลำบาก จะยืนก็ปวดขา ขนาดหยวนหลี่ผู้เป็นมารดายังอดทักไม
ย้อนกลับมาปัจจุบันฉู่หวางรู้ดีว่าพระเชษฐาของตนเป็นบุรุษที่ไม่เคยทำให้ผู้อื่นสมความปรารถนาได้โดยที่คนผู้นั้นไม่ทำสิ่งใดให้ ดังนั้นสิ่งที่ฉู่หวางต้องตอบแทนคือการปราบปรามความสงบในชายแดนซีหนิงที่มีพวกทั่วป๋าและทังกุสออกอาละวาด ชายแดนซีหนิงสงบเมื่อใด สารแต่งตั้งหยวนเพ่ยเป็นหวังเฟยจะส่งถึงมือเขาทันทีหยว
คืนนั้นหวงตี้มาค้างยังตำหนักของซูเฟย เนื่องจากโปรดองค์หญิงเมี่ยวอวิ๋น ธิดาที่ประสูติจากซูเฟย บัดนี้พระชนมายุเกือบหกเดือน น่ารักน่าชังยิ่งนัก ดังนั้นเมื่อพอมีเวลา พระองค์จะมีรับสั่งให้นำฎีกาส่วนหนึ่งที่ยังสะสางไม่เสร็จจากห้องทรงพระอักษรไปยังตำหนักซูเฟย พระองค์โปรดเล่นหยอกเย้ากับพระธิดาตัวน้อยพร้อมส่ง
ย้อนกลับไปยังพระราชวังต้าหมิงกง ฉางอัน หลายเดือนก่อนหน้าในวังหลวง กระแสแห่งยศศักดิ์ขึ้นลงรุนแรงราวกระแสน้ำหลาก เฉากุ้ยเฟยได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นหวงโฮ่ว แต่งตั้งองค์ชายจื่อหยวนเป็นหวงไท่จื่อ [1]มีกำหนดการสถาปนาในอีกสี่เดือนข้างหน้า บัดนี้ตำแหน่งโซ่วคังของเฉากุ้ยเฟยคึกคักเป็นอย่างยิ่ง ของขวัญแสดงความ
หลังจากกลับมายังซีซย่า ฉู่หวางก็ส่งจดหมายไปยังเมืองหลวง ขอพระบรมราชานุญาตจากหวงตี้ขออยู่ที่ซีหนิงต่ออีกหนึ่งปี จนกว่าหยวนเพ่ยจะคลอดและแข็งแรงพอที่จะกลับไปยังฉางอัน ถ้ามีเอกสารอันใดเร่งด่วน ขอให้ใช้ม้าเร็วส่งเอกสารมาหลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ราชโองการอนุญาตก็ส่งมาถึง พร้อมทั้งทองคำและแพรพรรณวิจิ