ผู้กำกับสั่งให้นักแสดงเริ่มฉากแรกในเวลาไม่นานนักหลังจากทุกคนซ้อมบทกันแล้ว เหล่านักแสดงทั้งนักแสดงนำและตัวประกอบแสดงในฉากก่อนเริ่มงานเลี้ยงได้อย่างไม่ผิดพลาด ไม่นานนักผู้กำกับก็พอใจกับผลงานและสั่งคัตทันที
ฟู่หยุนชิงพอได้ยินเสียงคัตแล้วก็รู้ว่าตอนนี้ต้องถึงคราวเธอเข้าฉากแล้ว เธอเดินอย่างช้า ๆ เข้าไปรอก่อนเข้าฉากตามบทบาทที่เธอได้รับ เหล่านักแสดงทั้งหมดที่ต้องเข้าฉาก รวมทั้งทีมงานต่างตกตะลึงกับเพียงแค่ท่าเดินของฟู่หยุนชิง พวกเขาไม่คิดว่าฟู่หยุนชิงจะแสดงเข้าถึงบทบาทได้เสียขนาดนี้ แม้แต่ตัวนางเอกอย่างหวงเหมยหงยังไม่สามารถแสดงท่าเดินตามมารยาทได้ดีเท่ากับฟู่หยุนชิงเลย
ผู้กำกับกับผู้เขียนบทที่เห็นเช่นนี้ต่างก็พยักหน้าอย่างพอใจ ผู้กำกับเห็นว่าทุกคนพร้อมที่จะถ่ายฉากต่อไปแล้วจึงได้สั่งให้เริ่มการแสดงทันที เขาไม่อยากทิ้งเวลาให้เสียเปล่า ในเมื่อนักแสดงต่างพร้อมแล้วเขาก็สั่งแอคชั่น
ฟู่หยุนชิงที่ได้ยินเสียงให้เริ่มการแสดง เธอเดินไปตามบทบาทที่ได้รับเข้าไปยังงานเลี้ยงซึ่งมีเหล่าขุนนางและครอบครัวมากมายมารวมกันอยู่ ต่างคนต่างเกาะกลุ่มกันเพื่อพูดคุย ยกเว้นนางที่ไม่สนิทกับใครในที่นี้ ไม่นานนักหลังจากฟู่หยุนชิงเข้าฉาก ตัวละครที่ต้องมาเยาะเย้ยถากถางฟู่หยุนชิงก็เริ่มการแสดง
ฟู่หยุนชิงเองก็ได้แต่ทำสีหน้านิ่งเรียบ ถึงแม้ในใจนางจะโกรธไม่น้อยที่พวกเขาดูถูกนาง หากพวกเขาดูถูกนางที่เป็นแม่ทัพหญิงแล้วล่ะก็ มันจะไม่เหมือนกับที่พวกเขาดูถูกฝ่าบาทที่แต่งตั้งนางมาหรืออย่างไร
ฉากนี้มีคนไม่น้อยที่จะต้องมาพูดถากถางฟู่หยุนชิง เธอจึงได้แต่ยืนนิ่งฟังอย่างไม่สะทกสะท้าน กระทั่งนักแสดงที่จะต้องมาพูดเรื่องการแต่งงานของนางอย่างหยอกเย้า ฟู่หยุนชิงจึงได้เอ่ยปากอย่างเย็นชาตามบท
“เรื่องการแต่งงานของข้า พวกเจ้าไม่มีสิทธิเข้ามายุ่ง เรื่องนี้ฝ่าบาทจะเป็นคนจัดการให้ข้าตามสมควรเอง หากพวกเจ้ามีปัญหาก็สอบถามกับฝ่าบาทดูได้”
หลังจบคำพูดตามบทของฟู่หยุนชิงแล้ว นักแสดงที่แสดงเป็นขุนนางได้แต่เบ้ปากอย่างดูถูก พวกขุนนางในงานเลี้ยงเองก็ได้ยินกันทั้งหมด พวกเขาได้แต่คิดว่าแม้แต่เรื่องแต่งงานนางยังต้องให้ฝ่าบาทจัดการให้ ข่าวลือที่ว่าฝ่าบาทโปรดปรานนางจึงน่าจะเป็นเรื่องจริง หลังจากการแสดงของทุกคนเป็นไปด้วยดีอยู่เกือบยี่สิบนาที ฟู่หยุนชิงที่แสดงสีหน้าได้ดีและเดินไปยังโต๊ะนั่งตามตำแหน่งของนางอย่างไม่สนใจใคร
ผู้กำกับที่เมื่อกี้ตกตะลึงกับการแสดงของฟู่หยุนชิงได้แต่สั่งคัตอย่างแสนเสียดาย หากฟู่หยุนชิงมีบทพูดมากกว่านี้น่าจะดี เขาเห็นเธอแสดงได้อย่างไหลลื่นจึงไม่อยากพลาดนักแสดงดี ๆ เช่นนี้ ถึงแม้อีกไม่กี่ฉากเธอก็ต้องตายในสนามรบแล้ว แต่ผู้กำกับก็ยังเสียดายไม่หาย เขาได้แต่คิดว่าหนังเรื่องหน้าหากมีบทที่ตรงกับเธอ เขาจะเรียกเธอมาแคสติ้งก่อนใครเพื่อน
นักเขียนบทเองก็เสียดายเช่นเดียวกัน เขามองว่าฟู่หยุนชิงช่างแสดงได้อย่างที่เขาเขียนบทเอาไว้ไม่มีผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าการเดิน การยืน การพูด แม้กระทั่งสีหน้าแววตาของเธอก็ไม่ผิดพลาดเลย นักเขียนบทได้แต่ซุบซิบกับผู้กำกับหลังจากจบฉากนี้ของฟู่หยุนชิง
ในฉากต่อไปจะเป็นการปรากฏตัวของบรรดาเชื้อพระวงศ์แล้ว ผู้กำกับสั่งให้ทุกคนเตรียมตัวที่จะถ่ายฉากต่อไปทันที ฟู่หยุนชิงเองก็นั่งรอในฉากด้วยสีหน้าเย็นชาเช่นเดิม เธอจะต้องรักษาสีหน้านี้ให้คงอยู่จนกว่าจะถ่ายฉากต่อไปที่เธอจะต้องร่ายรำกระบี่เนื่องจากนางเอกทูลฝ่าบาทว่าอยากเห็นฝีมือแม่ทัพหญิงเป็นบุญตา
ผู้กำกับมองดูเหล่าราชวงศ์ที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเขาสั่งให้เริ่มการแสดงได้ นักแสดงทุกคนต่างมีประสบการณ์มากมาย ทำให้ฉากการปรากฏตัวผ่านไปได้ด้วยดีเช่นเดียวกับฉากก่อนหน้านี้
ต่อไปเป็นฉากการแสดงของบรรดาบุตรสาวขุนนางต่อหน้าฝ่าบาทและราชวงศ์ กว่าที่การแสดงของทุกคนในบทจะครบก็เกือบสองชั่วโมงเลยทีเดียว ฟู่หยุนชิงเองก็ยังคงนั่งจิบชาดูการแสดงอย่างไม่สะทกสะท้าน กระทั่งเสียงของบุตรตรีเสนาบดีฝ่ายซ้ายดังขึ้นมาว่าอยากเห็นฝีมือร่ายรำกระบี่ของแม่ทัพหญิงดังขึ้น ฟู่หยุนชิงค่อย ๆ หันไปมองหน้านางเอก จากนั้นจึงละสายตาและหันไปมองฮ่องเต้เพื่อรอฟังคำสั่ง
นักแสดงที่แสดงเป็นฮ่องเต้เองพอเห็นท่าทางการแสดงที่ลื่นไหลของฟู่หยุนชิงเขาก็แสดงต่อทันที โดยการพยักหน้าอนุญาตให้นางแสดงฝีมือการร่ายรำกระบี่ให้กับคนในงานดูเป็นขวัญตา แน่นอนว่าฮ่องเต้เป็นคนให้ขันทีคนสนิทสอนนางเองกับมือ เขาจึงมั่นใจว่านางจะไม่ทำให้ขายหน้า
หลังจบฉากการอนุญาตแล้วผู้กำกับก็สั่งคัตอีกครั้ง ทั้งยังให้นักแสดงทุกคนพักทานอาหารกันเสียก่อน ด้วยตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงพอดี ฟู่หยุนชิงเองก็เดินไปรับกล่องอาหารจากทีมงานแล้วเลือกที่นั่งกินสงบ ๆ ของนางที่อีกฟากของสถานที่ถ่ายทำ
ฉากต่อไปเป็นฉากที่ยากไม่น้อย ฟู่หยุนชิงไม่แน่ใจว่าร่างนี้จะสามารถร่ายรำได้ลื่นไหลเหมือนที่นางเคยทำได้ในภพชาติก่อนหรือไม่ นั่นเพราะนางยังไม่เคยฝึกดาบ กระบี่ตั้งแต่มาถึงที่นี่มาก่อน เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว ฟู่หยุนชิงก็เร่งกินอาหารเร็วขึ้น แต่ยังคงความสง่างามอยู่เช่นเดิมเพื่อที่เธอจะได้รีบไปหากระบี่มาซ้อมเสียก่อนที่จะต้องเข้าฉาก
หลังกินอาหารเสร็จแล้ว ฟู่หยุนชิงสอบถามทีมงานว่ากระบี่ที่ต้องใช้ในฉากอยู่ที่ไหน เธอจะนำมาซ้อมสักหน่อยก่อนที่จะถ่ายทำ ทีมงานเห็นความตั้งใจของฟู่หยุนชิง เธอจึงชี้ไปที่กระบี่ไร้คมซึ่งเป็นอุปกรณ์การแสดงทั่วไปซึ่งทีมงานสั่งทำขึ้นมาไม่ไกลนัก ฟู่หยุนชิงได้แต่ขอบคุณทีมงานที่บอกเธอ จากนั้นฟู่หยุนชิงก็เดินไปหยิบกระบี่และทดลองขึ้นไปบนเวทีที่เธอจะแสดง
ผู้กำกับ ผู้เขียนบท นักแสดงรวมทั้งทีมงานที่กำลังกินอาหารอยู่ต่างหันไปมองฟู่หยุนชิงซึ่งกำลังร่ายรำดาบอย่างสวยงาม พวกเขาไม่คิดว่าฟู่หยุนชิงจะมีฝีมือการแสดงมากมายขนาดนี้แต่แรก หากให้ใครมาร่ายรำกระบี่อย่างที่ฟู่หยุนชิงกำลังทำอยู่ ทุกคนต่างก็คิดว่าไม่มีใครสามารถร่ายรำกระบี่ได้สวยงามเท่าเธออีกเป็นแน่
ยิ่งผู้กำกับกับผู้เขียนบทเห็นเช่นนี้ก็ยิ่งเสียดายนักแสดงดี ๆ สิ่งที่พวกเขาซุบซิบกันก่อนหน้านี้ทั้งสองคนต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยแล้วว่าจะเพิ่มฉากให้กับฟู่หยุนชิงอีกหนึ่งฉากเพื่อให้หนังสมจริงมากขึ้น
“ไม่ว่าลูกสาวหรือลูกชาย ผมก็ชอบทั้งนั้นที่รัก ขอบคุณนะครับที่ยอมเหนื่อยตั้งท้องให้ผมกับลูกได้มีลูกสาวอีกคน”“ใช่ครับ ๆ แม่เก่งที่ซู๊ดเลย หลังจากนี้ผมจะปกป้องน้องสาวเป็นอย่างดีนะครับแม่ไม่ต้องเป็นห่วง เห็นมั้ยครับพ่อ ผมบอกแล้วว่าต้องเป็นน้องสาว ฮิ ฮิ”“ครับผม ลูกชายพ่อเก่งมากเลย เราปล่อยให้แม่นอนพักผ่อนกันก่อนดีกว่า”“ที่รักนอนพักก่อนเถอะนะ รอให้ลูกตื่นก่อนคุณค่อยลุกมาให้นมก็แล้วกัน”“ได้ค่ะ คุณกับลูกก็นอนพักก่อนนะคะ เดี๋ยวพอลูกสาวเราตื่นคงไม่ได้พักผ่อนกันแน่เลย ท่าทางลูกสาวคนจะซนกว่าพี่ชายน่าดู กว่าฉันจะคลอดได้เลยเสียเวลาไปเยอะ”“ฮ่า ฮ่า จริงเหรอที่รัก ไม่ต้องกังวลไป อย่างไรเสี่ยวหมิงน่าจะดูแลน้องได้นะ” เหอจิ้งเกาจูบหน้าผากภรรยาแล้วอุ้มเสี่ยวหมิงหอมแก้มแม่ให้นอนพักผ่อน ส่วนพวกเขาพ่อลูกก็เข้าไปนอนที่เต
หลังหนังจบ เหอจิ้งเกาเห็นว่าภรรยากับลูกชายง่วงมากแล้ว เขาจึงไม่ให้ทั้งสองคนให้สัมภาษณ์นักข่าวหรือพูดคุยกับแฟนคลับ ซึ่งเขาสั่งให้บอดี้การ์ดไปบอกแฟนคลับของฟู่หยุนชิงเอาไว้ก่อน เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่เข้าใจฟู่หยุนชิงผิดสัปดาห์ต่อมา รายได้ของหนังที่ฟู่หยุนชิงแสดงยังขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในบ็อกซ์ออฟฟิศเหมือนเคย ทำให้ผู้กำกับและทีมงานต่างดีใจที่หนังเรื่องนี้คนดูชอบและนักวิจารณ์ยังกล่าวถึงหนังไปในทางบวกแทบทุกคน เหล่าแฟนหนังยังอยากดูภาคสองของเรื่องนี้อีกต่างหาก เสียดายที่ฟู่หยุนชิงต้องหยุดถ่ายทำเพื่อเลี้ยงลูกก่อน ทำให้ผู้กำกับไม่อยากนำคนอื่นมาแสดงแทน เขาตั้งใจจะรอฟู่หยุนชิงคนเดียวห้าเดือนต่อมา ตอนนี้ใกล้กำหนดคลอดของฟู่หยุนชิงเข้าไปทุกที เหอจิ้งเกาที่กลัวภรรยาจะคลอดก่อนกำหนดอีกจึงขอร้องให้ฟู่หยุนชิงไปพักที่ รพ.ก่อนสักสองสามวัน แน่นอนว่าพวกเขาพ่อลูกก็จะไปอยู่เป็นเพื่อนเธอด้วย&n
ก่อนที่เหอจิ้งเกาจะเคลียร์งานเสร็จในเดือนถัดมา ฟู่หยุนชิงก็จำเป็นต้องเข้าร่วมงานเปิดตัวหนังรอบปฐมทัศน์ เหอจิ้งเกาจึงพาเสี่ยวหมิงไปให้กำลังใจและคอยดูแลฟู่หยุนชิงด้วย เพราะตอนนี้ท้องของฟู่หยุนชิงเริ่มขยายใหญ่มากขึ้นเนื่องจากใกล้เข้าสู่เดือนที่สี่ของการตั้งครรภ์แล้ว ระหว่างทางที่กำลังจะไปยังโรงหนังในห้างสรรพสินค้าใหญ่ของเหอจิ้งเกา ฟู่หยุนชิงได้แต่บ่นว่าสามีห่วงมากเกินไป“ความจริงฉันมากับลูกก็ได้นะคะ มันทำให้คุณเสียเวลาทำงานไปด้วยโดยใช่เหตุ”“เฮ้อ ที่รัก ผมจะปล่อยให้คุณกับลูกมากันเองได้ยังไง ในเมื่องานนี้มีคนเข้าร่วมมากมาย หากใครชนท้องคุณเข้าจะทำยังไงล่ะที่รัก เชื่อผมเถอะ รับรองว่าผมไม่กวนตอนคุณอยู่บนเวทีแน่ที่รัก”“ใช่ครับแม่ ให้พ่อพามาดีแล้วครับ ผมเองก็เป็นห่วงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เพราะคนน่าจะเยอะมากจริง ๆ นะครับแม่”“เอาล่ะ ๆ ยังไงก็มากันแล้วนี่นะ แม่จะไม่บ่นแล้วก็ได้”
ระหว่างที่ฟู่หยุนชิงกำลังตั้งครรภ์อยู่นั้น เหอจิ้งเกาก็ให้ลูกน้องนำงานมาให้ทำที่บ้าน เพราะเขาอยากดูแลลูกกับภรรยาด้วยตัวเอง กระทั่งสามวันต่อมาที่เป็นวันนัดของหมอเพื่อตรวจครรภ์ของฟู่หยุนชิงมาถึง ทั้งสามคนต่างเตรียมตัวกันตั้งแต่เช้า หลังอาหารเช้าพวกเขาจึงออกจากบ้านเพื่อไปที่ รพ. ระหว่างนั่งรถอยู่นั้น ฟู่หยุนชิงก็คุยกับสามีเรื่องลูกคนที่สอง“คุณคะ ครั้งนี้เรามาลุ้นกันดีไหมคะว่าลูกจะเป็นชายหรือหญิง ฉันไม่อยากรู้ก่อนเหมือนตอนเสี่ยวหมิงน่ะค่ะ ดีไหมลูก”“ได้จ๊ะ ผมตามใจคุณอยู่แล้ว เรารอลุ้นก็สนุกดีเหมือนกันนะ”“ดีครับแม่ ผมอยากลุ้นว่าน้องของผมจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง อีกตั้งหลายเดือนกว่าที่แม่จะคลอดน้องอ่ะ ยังไงผมจะช่วยแม่ดูแลน้องหลังคลอดนะครับ”“ขอบใจมากจ๊ะลูก แล้วลูกอยากไปโรงเรียนตอนกี่ขวบ แม่เห็นส่วนใหญ่เด็กสามขวบก็เข้าเรียนอนุบาลกันแล้วนะ”
เมื่อพวกเขามาถึงร้านนาฬิกา พนักงานในร้านรีบออกมาต้อนรับฟู่หยุนชิงเช่นกันกับพนักงานร้านก่อนหน้านี้ พวกเขาได้รับข่าวมาก่อนหน้าจากร้านเสื้อผ้าแล้วว่าภรรยาของท่านประธานกับนายน้อยมาเดินเล่นที่นี่ ด้วยการข่าวอันฉับไว ทุกร้านในห้างจึงเตรียมพนักงานเอาไว้ต้อนรับกันแต่แรกแล้ว“ไม่ทราบว่าคุณมีนาฬิกาคู่รักหรือเปล่าคะ? กับนาฬิกาของเด็กขนาดเดียวกับแขนลูกชายของฉัน”“มีทั้งสอบแบบเลยค่ะ เชิญคุณลูกค้าตามดิฉันมาดูนาฬิกาคู่รักก่อนนะคะ พอดีเพิ่งมีคอลเลคชั่นใหม่ออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน เผื่อว่าคุณลูกค้าถูกใจ” ฟู่หยุนชิงพยักหน้ารับคำและเดินตามพนักงานไปพร้อมอาหยงที่อุ้มเหอเสี่ยวหมิงอยู่ ส่วนอาเหว่ยก็เดินตามหลังฟู่หยุนชิงไปไม่ไกลเช่นกัน อาเหว่ยได้แต่คิดว่าตอนนี้ทั้งห้างคงรู้แล้วว่านายหญิงมา ดูจากการบริการที่รวดเร็วและไม่ถามที่มาที่ไปแบบนี้ นับว่าผู้จัดการห้างมีความสามารถไม่น้อยที่แจ้งข่าวให้ร้านต่าง ๆ ทราบภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโม
ระหว่างทางไปยังบริษัท เลขารายงานเรื่องเมื่อวานให้กับเหอจิ้งเกาทราบทุกอย่าง อีกทั้งวันนี้เขาจะไปหาทนายของบริษัทเพื่อให้ทำเรื่องแจ้งความและส่งฟ้องหวงเหมยหงและลี่ลี่อีกครั้งหนึ่ง“คุณทำได้ดีมาก รอสิ้นปีผมจะเพิ่มโบนัสให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีกที ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับการช่วยรักษาชื่อเสียงภรรยาของผมก็แล้วกัน”“ขอบคุณครับเจ้านาย” เลขากับบอดี้การ์ดที่ช่วยเหลืองานเมื่อวานนี้ไม่คิดว่าพวกเขาจะได้รับรางวัลในการทำงานครั้งนี้ด้วย นับว่าเจ้านายใจดีมากขึ้นตั้งแต่มีครอบครัว พวกเขาที่ได้รับเงินเดือนไม่น้อยต่างก็ดีใจที่เจ้านายมีความสุขและเผื่อแผ่ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้พวกเขาเช่นนี้ ฟู่หยุนชิงที่อยู่บ้านกับเหอเสี่ยวหมิงวันนี้ เธอเรียกอาหยงกับอาเหว่ยมาสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่สามีทำให้เธออยู่เบื้องหลัง เธอแน่ใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที