เดินไปไม่นานนัก ฟู่หยุนชิงก็มาถึงสถานที่ถ่ายทำ เธอถูกทีมงานเรียกตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน ไหนเธอจะต้องทำผมและแต่งหน้าอีก กว่าจะเสร็จก็คงจะใช้เวลามากพอสมควร
ฟู่หยุนชิงได้แต่พยักหน้ายิ้มรับและเดิมตามทีมงานคนนั้นไปอย่างช้าๆ ตามความเคยชิน ทีมงานที่นำทางเธอได้แต่คิดในใจว่าฟู่หยุนชิงเปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืนได้อย่างไรกัน ปกติฟู่หยุนชิงจะเดินเร็ว ๆ เพื่อมาพูดคุยกับพวกเขาเรื่องต่าง ๆ บ่อย ๆ แต่วันนี้เธอกลับเดิมตามมาอย่างเรียบร้อยเหมือนกับผ้าพับไว้ จะไม่ให้เธอคิดว่าฟู่หยุนชิงเปลี่ยนไปได้อย่างไรกัน
เดินกันไม่นานนักก็ถึงห้องแต่งตัว ฟู่หยุนชิงสอบถามว่าจะให้เธอใส่ชุดไหน ทีมงานชี้และบอกว่าวันนี้ให้เธอใส่ชุดสีเหลืองที่แขวนอยู่ ฟู่หยุนชิงพยักหน้ารับแล้วเดินไปเอาชุดที่ว่าเข้าไปเปลี่ยนในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าซึ่งทำเพียงใช้ฉากกั้นเอาไว้เท่านั้น ซึ่งการทำเป็นฉากกั้นเช่นนี้ตัวเธอเองเคยชินไปเสียแล้วกับชาติภพก่อน นับว่าเรื่องนี้ไม่แตกต่างจากการอยู่ในภพเดิมของเธอมากนัก
หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ฟู่หยุนชิงก็ไปนั่งรอให้ทีมงานมาแต่งหน้าและทำผมให้เธอ อีกไม่นานเธอจะต้องเข้าร่วมแสดงฉากในงานเลี้ยงวันนี้แล้ว ในบทบาทของตัวละครแม่ทัพหญิงที่เธอได้รับบทนั้น เธอจะถูกทุกคนในงานเลี้ยงกลั่นแกล้ง ดูถูก รวมทั้งยังคิดจะหาคู่แต่งงานให้เธออีกด้วย ทั้งที่เหล่าขุนนางพวกนั้นรู้ว่าเธอเป็นถึงแม่ทัพหญิง แต่ด้วยมารยาท เธอจะต้องอดทนต่อคำดูถูกต่าง ๆ นา ๆ รอบกาย ไหนจะยังต้องเก็บงำความไม่พอใจที่เกิดขึ้นอีกไม่น้อยด้วย ฟู่หยุนชิงคิดว่าบทนี้ช่างเหมือนกับชีวิตเธอในชาติภพก่อนยิ่งนัก เธอคิดว่าเธอน่าจะทำได้ดีในการถ่ายทำวันนี้
ระหว่างการแต่งหน้าและทำผม ทีมงานก็ชวนเธอคุยแก้เบื่อไปด้วย ฟู่หยุนชิงนำความทรงจำของร่างเดิมมาตอบพวกเขาอย่างเย็นชา จนทำให้ช่างแต่งหน้าและทำผมไม่กล้าคุยกับเธออีกเลย พวกเธอได้แต่คิดในใจว่าเหตุใดวันนี้ฟู่หยุนชิงจึงได้แปลกไปเช่นนี้ เธอมีรอยยิ้มให้พวกเขาก็จริงอยู่ แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นช่างเย็นชาราวกับน้ำแข็ง จนพวกเขาไม่กล้าคุยด้วยแล้ว
ฟู่หยุนชิงที่ไม่รู้ว่าทั้งสองคนกลัวเธอจนไม่กล้าคุยด้วยก็ได้แต่สงสัยเช่นกันว่าพวกเขาเป็นอันใดไป ทั้งที่เธอก็ตอบคำถามของพวกเธอแล้ว แต่ทั้งสองคนกลับเงียบไปเสียเฉย ๆ ในเมื่อฟู่หยุนชิงไม่รู้ว่าเกินอะไรขึ้น เธอจึงได้แต่นั่งเงียบ ๆ ให้พวกเขาแต่งหน้าทำผมให้เสร็จ เรื่องอื่นเธอไม่อยากคิดมากอีกแล้ว หากวันนี้เธอยังถ่ายทำได้ไม่ดีอีกล่ะก็ โอกาสในการทำงานบนเส้นทางนี้ของเธอคงต้องจบลงเป็นแน่ ซึ่งฟู่หยุนชิงไม่อาจทำให้งานนี้เกิดความเสียหายได้ เพราะเธอไม่รู้ว่าภพนี้เธอจะทำอาชีพอะไรได้อีกบ้างนอกจากการแสดง ในความทรงจำของร่างเดิมนั้นมีแต่งานรับจ้างทั่วไปที่ได้เงินไม่มากนัก ดังนั้น เธอจะต้องรักษางานนี้เอาไว้ให้ได้
กว่าที่ฟู่หยุนชิงจะแต่งหน้าทำผมเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบหนึ่งชั่วโมง เป็นเพราะทรงผมของคนโบราณนั้นช่างไม่ถนัดนัก เธอจึงต้องแก้ไขทรงผมอยู่เป็นเวลานานเช่นนี้ แต่ฟู่หยุนชิงก็ไม่โทษใคร เธอเพียงแต่นั่งเงียบ ๆ มองการทำงานของพวกเขาพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ เท่านั้น
ช่างทำผมได้แต่คิดว่า ถึงน้ำเสียงของฟู่หยุนชิงจะเย็นชา แต่ใบหน้าของเธอจะต้องประดับไปด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ แค่นี้ก็ทำให้เขาคิดว่าเธอไม่ได้แตกต่างจากเมื่อก่อนมากนัก อาจเพราะเธอจมน้ำเมื่อวานนี้กระมัง เสียงของเธอจึงได้ดูเย็นชา เขาได้แต่คิดไปในทางที่ดี
เมื่อการแต่งหน้าทำผมเสร็จดีแล้ว ฟู่หยุนชิงก็เตรียมที่จะไปบรีพงานกับผู้กำกับก่อนเริ่มถ่ายทำ ปกติแล้วร่างเดิมจะไม่ค่อยกล้าคุยกับผู้กำกับมากนัก ด้วยเธอกลัวผู้กำกับจะดุว่าเธอว่าแสดงไม่ดีอีก แต่กับฟู่หยุนชิงคนนี้นั้นต่างกันออกไป เธอคิดแค่ว่าจะแสดงอย่างไรให้ผู้กำกับพึงพอใจเท่านั้น
ผู้กำกับแปลกใจไม่น้อยที่วันนี้ฟู่หยุนชิงไม่วุ่นวายอยู่แต่กับพวกทีมงาน แต่เธอกลับมาสอบถามเขาว่าวันนี้เธอจะต้องแสดงอย่างไรแทนเสียอย่างนั้น เมื่อฟู่หยุนชิงกล้าถาม เขาเองก็กล้าที่จะบอกเธอเช่นเดียวกัน อย่างไรเสียการถ่ายทำครั้งนี้เขาก็ไม่อยากให้เสียค่าใช้จ่ายมากเกินไป หากสามารถถ่ายทำเสร็จในเทคเดียวจะเป็นการดีที่สุด
ผู้กำกับอธิบายอารมณ์ของตัวละครให้กับฟู่หยุนชิงฟังอย่างตั้งใจ ยิ่งเขาเห็นฟู่หยุนชิงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มรับทราบว่าเขาต้องการแบบไหน ผู้กำกับก็ยิ่งบอกเคล็ดลัพธ์การแสดงสีหน้าให้เธออีกต่างหาก เขายังคิดว่าเด็กคนนี้สอนได้หากเธอสงบนิ่งเหมือนวันนี้
หลังจากอธิบายจบแล้ว ผู้กำกับก็ให้ฟู่หยุนชิงไปลองซ้อมบทก่อนที่จะเข้าฉากในอีกไม่นานนัก เพราะตอนนี้ตัวละครหลักของเขากำลังซ้อมบทกันอยู่ในฉากรออยู่แล้ว ฟู่หยุนชิงที่จะต้องแสดงหลังจากฉากนี้จึงต้องฝึกฝนรอก่อนที่เข้าฉากจริงในอีกไม่นาน
ฟู่หยุนชิงขอบคุณผู้กำกับก่อนจะเดินไปหาที่ว่างซ้อมบทของตนเองตามที่ผู้กำกับบอกเธอมา ทีมงานคนอื่น ๆ ต่างแปลกใจอีกแล้วที่เห็นฟู่หยุนชิงตั้งใจทำงานมากกว่าที่จะมาคุยกับพวกเธอ เพียงแต่พวกเธอเองก็กลัวผู้กำกับเช่นเดียวกันจึงไม่กล้าไปก่อกวนฟู่หยุนชิงในระหว่างที่เธอกำลังซ้อมบทอยู่คนเดียว
ฟู่หยุนชิงจินตนาการตามที่ผู้กำกับบอกเธอเกี่ยวกับสีหน้าของตัวละครเมื่อถูกคนมากมายเหยียดหยาม เธอซึ่งเป็นแม่ทัพหญิงจะต้องวางตัวให้ดีตามที่ฟู่หยุนชิงเคยคิดเอาไว้ก่อนหน้านี้ แต่สายตาและใบหน้าของเธอจะต้องเย็นชากับคนเหล่านั้นที่เอาแต่พูดล้อเล่นกับเธอเหมือนเธอเป็นคนธรรมดาที่ใครจะรังแกก็ได้
ผู้กำกับได้แต่แอบมองฟู่หยุนชิงที่กำลังซ้อมบทอยู่อย่างพอใจ เขานึกทึ่งไม่น้อยที่เธอสามารถแสดงสีหน้าได้อย่างที่เขาต้องการจริง ๆ หากถึงฉากของเธอแล้วก็คงจะไม่ยากนักที่จะถ่ายทำครั้งเดียวจบฉากกระมัง
“ไม่ว่าลูกสาวหรือลูกชาย ผมก็ชอบทั้งนั้นที่รัก ขอบคุณนะครับที่ยอมเหนื่อยตั้งท้องให้ผมกับลูกได้มีลูกสาวอีกคน”“ใช่ครับ ๆ แม่เก่งที่ซู๊ดเลย หลังจากนี้ผมจะปกป้องน้องสาวเป็นอย่างดีนะครับแม่ไม่ต้องเป็นห่วง เห็นมั้ยครับพ่อ ผมบอกแล้วว่าต้องเป็นน้องสาว ฮิ ฮิ”“ครับผม ลูกชายพ่อเก่งมากเลย เราปล่อยให้แม่นอนพักผ่อนกันก่อนดีกว่า”“ที่รักนอนพักก่อนเถอะนะ รอให้ลูกตื่นก่อนคุณค่อยลุกมาให้นมก็แล้วกัน”“ได้ค่ะ คุณกับลูกก็นอนพักก่อนนะคะ เดี๋ยวพอลูกสาวเราตื่นคงไม่ได้พักผ่อนกันแน่เลย ท่าทางลูกสาวคนจะซนกว่าพี่ชายน่าดู กว่าฉันจะคลอดได้เลยเสียเวลาไปเยอะ”“ฮ่า ฮ่า จริงเหรอที่รัก ไม่ต้องกังวลไป อย่างไรเสี่ยวหมิงน่าจะดูแลน้องได้นะ” เหอจิ้งเกาจูบหน้าผากภรรยาแล้วอุ้มเสี่ยวหมิงหอมแก้มแม่ให้นอนพักผ่อน ส่วนพวกเขาพ่อลูกก็เข้าไปนอนที่เต
หลังหนังจบ เหอจิ้งเกาเห็นว่าภรรยากับลูกชายง่วงมากแล้ว เขาจึงไม่ให้ทั้งสองคนให้สัมภาษณ์นักข่าวหรือพูดคุยกับแฟนคลับ ซึ่งเขาสั่งให้บอดี้การ์ดไปบอกแฟนคลับของฟู่หยุนชิงเอาไว้ก่อน เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่เข้าใจฟู่หยุนชิงผิดสัปดาห์ต่อมา รายได้ของหนังที่ฟู่หยุนชิงแสดงยังขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในบ็อกซ์ออฟฟิศเหมือนเคย ทำให้ผู้กำกับและทีมงานต่างดีใจที่หนังเรื่องนี้คนดูชอบและนักวิจารณ์ยังกล่าวถึงหนังไปในทางบวกแทบทุกคน เหล่าแฟนหนังยังอยากดูภาคสองของเรื่องนี้อีกต่างหาก เสียดายที่ฟู่หยุนชิงต้องหยุดถ่ายทำเพื่อเลี้ยงลูกก่อน ทำให้ผู้กำกับไม่อยากนำคนอื่นมาแสดงแทน เขาตั้งใจจะรอฟู่หยุนชิงคนเดียวห้าเดือนต่อมา ตอนนี้ใกล้กำหนดคลอดของฟู่หยุนชิงเข้าไปทุกที เหอจิ้งเกาที่กลัวภรรยาจะคลอดก่อนกำหนดอีกจึงขอร้องให้ฟู่หยุนชิงไปพักที่ รพ.ก่อนสักสองสามวัน แน่นอนว่าพวกเขาพ่อลูกก็จะไปอยู่เป็นเพื่อนเธอด้วย&n
ก่อนที่เหอจิ้งเกาจะเคลียร์งานเสร็จในเดือนถัดมา ฟู่หยุนชิงก็จำเป็นต้องเข้าร่วมงานเปิดตัวหนังรอบปฐมทัศน์ เหอจิ้งเกาจึงพาเสี่ยวหมิงไปให้กำลังใจและคอยดูแลฟู่หยุนชิงด้วย เพราะตอนนี้ท้องของฟู่หยุนชิงเริ่มขยายใหญ่มากขึ้นเนื่องจากใกล้เข้าสู่เดือนที่สี่ของการตั้งครรภ์แล้ว ระหว่างทางที่กำลังจะไปยังโรงหนังในห้างสรรพสินค้าใหญ่ของเหอจิ้งเกา ฟู่หยุนชิงได้แต่บ่นว่าสามีห่วงมากเกินไป“ความจริงฉันมากับลูกก็ได้นะคะ มันทำให้คุณเสียเวลาทำงานไปด้วยโดยใช่เหตุ”“เฮ้อ ที่รัก ผมจะปล่อยให้คุณกับลูกมากันเองได้ยังไง ในเมื่องานนี้มีคนเข้าร่วมมากมาย หากใครชนท้องคุณเข้าจะทำยังไงล่ะที่รัก เชื่อผมเถอะ รับรองว่าผมไม่กวนตอนคุณอยู่บนเวทีแน่ที่รัก”“ใช่ครับแม่ ให้พ่อพามาดีแล้วครับ ผมเองก็เป็นห่วงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เพราะคนน่าจะเยอะมากจริง ๆ นะครับแม่”“เอาล่ะ ๆ ยังไงก็มากันแล้วนี่นะ แม่จะไม่บ่นแล้วก็ได้”
ระหว่างที่ฟู่หยุนชิงกำลังตั้งครรภ์อยู่นั้น เหอจิ้งเกาก็ให้ลูกน้องนำงานมาให้ทำที่บ้าน เพราะเขาอยากดูแลลูกกับภรรยาด้วยตัวเอง กระทั่งสามวันต่อมาที่เป็นวันนัดของหมอเพื่อตรวจครรภ์ของฟู่หยุนชิงมาถึง ทั้งสามคนต่างเตรียมตัวกันตั้งแต่เช้า หลังอาหารเช้าพวกเขาจึงออกจากบ้านเพื่อไปที่ รพ. ระหว่างนั่งรถอยู่นั้น ฟู่หยุนชิงก็คุยกับสามีเรื่องลูกคนที่สอง“คุณคะ ครั้งนี้เรามาลุ้นกันดีไหมคะว่าลูกจะเป็นชายหรือหญิง ฉันไม่อยากรู้ก่อนเหมือนตอนเสี่ยวหมิงน่ะค่ะ ดีไหมลูก”“ได้จ๊ะ ผมตามใจคุณอยู่แล้ว เรารอลุ้นก็สนุกดีเหมือนกันนะ”“ดีครับแม่ ผมอยากลุ้นว่าน้องของผมจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง อีกตั้งหลายเดือนกว่าที่แม่จะคลอดน้องอ่ะ ยังไงผมจะช่วยแม่ดูแลน้องหลังคลอดนะครับ”“ขอบใจมากจ๊ะลูก แล้วลูกอยากไปโรงเรียนตอนกี่ขวบ แม่เห็นส่วนใหญ่เด็กสามขวบก็เข้าเรียนอนุบาลกันแล้วนะ”
เมื่อพวกเขามาถึงร้านนาฬิกา พนักงานในร้านรีบออกมาต้อนรับฟู่หยุนชิงเช่นกันกับพนักงานร้านก่อนหน้านี้ พวกเขาได้รับข่าวมาก่อนหน้าจากร้านเสื้อผ้าแล้วว่าภรรยาของท่านประธานกับนายน้อยมาเดินเล่นที่นี่ ด้วยการข่าวอันฉับไว ทุกร้านในห้างจึงเตรียมพนักงานเอาไว้ต้อนรับกันแต่แรกแล้ว“ไม่ทราบว่าคุณมีนาฬิกาคู่รักหรือเปล่าคะ? กับนาฬิกาของเด็กขนาดเดียวกับแขนลูกชายของฉัน”“มีทั้งสอบแบบเลยค่ะ เชิญคุณลูกค้าตามดิฉันมาดูนาฬิกาคู่รักก่อนนะคะ พอดีเพิ่งมีคอลเลคชั่นใหม่ออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน เผื่อว่าคุณลูกค้าถูกใจ” ฟู่หยุนชิงพยักหน้ารับคำและเดินตามพนักงานไปพร้อมอาหยงที่อุ้มเหอเสี่ยวหมิงอยู่ ส่วนอาเหว่ยก็เดินตามหลังฟู่หยุนชิงไปไม่ไกลเช่นกัน อาเหว่ยได้แต่คิดว่าตอนนี้ทั้งห้างคงรู้แล้วว่านายหญิงมา ดูจากการบริการที่รวดเร็วและไม่ถามที่มาที่ไปแบบนี้ นับว่าผู้จัดการห้างมีความสามารถไม่น้อยที่แจ้งข่าวให้ร้านต่าง ๆ ทราบภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโม
ระหว่างทางไปยังบริษัท เลขารายงานเรื่องเมื่อวานให้กับเหอจิ้งเกาทราบทุกอย่าง อีกทั้งวันนี้เขาจะไปหาทนายของบริษัทเพื่อให้ทำเรื่องแจ้งความและส่งฟ้องหวงเหมยหงและลี่ลี่อีกครั้งหนึ่ง“คุณทำได้ดีมาก รอสิ้นปีผมจะเพิ่มโบนัสให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีกที ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับการช่วยรักษาชื่อเสียงภรรยาของผมก็แล้วกัน”“ขอบคุณครับเจ้านาย” เลขากับบอดี้การ์ดที่ช่วยเหลืองานเมื่อวานนี้ไม่คิดว่าพวกเขาจะได้รับรางวัลในการทำงานครั้งนี้ด้วย นับว่าเจ้านายใจดีมากขึ้นตั้งแต่มีครอบครัว พวกเขาที่ได้รับเงินเดือนไม่น้อยต่างก็ดีใจที่เจ้านายมีความสุขและเผื่อแผ่ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้พวกเขาเช่นนี้ ฟู่หยุนชิงที่อยู่บ้านกับเหอเสี่ยวหมิงวันนี้ เธอเรียกอาหยงกับอาเหว่ยมาสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่สามีทำให้เธออยู่เบื้องหลัง เธอแน่ใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที