LOGINบทที่ 10 ความใส่ใจที่คาดไม่ถึง
ธนินทร์กำลังเดินตรวจงานในไร่ของเขาเมื่อคุณศักดิ์เข้ามาแจ้งว่าพิมขอติดรถไปรับน้องทีโอด้วย และจะแวะซุปเปอร์มาร์เก็ต ‘ไปรับทีโอเองงั้นเหรอ...?’ ธนินทร์คิดในใจ แววตาคมกริบฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดคิดว่าเธอจะแสดงความกระตือรือร้นในการดูแลทีโอมากขนาดนี้ ปกติแล้วคนดูแลคนอื่นมักจะทำตามหน้าที่เท่านั้น ‘แถมยังจะแวะซุปเปอร์มาร์เก็ตอีก... คงอยากได้ของอะไรที่ไม่มีในนี้สินะ’ เขานึกถึงคำถามเรื่องอาหารเมื่อกลางวันที่เธอถามถึง Grab และเรื่องการทำอาหารเอง เขาพอจะเดาได้ว่าเธอไม่คุ้นชินกับการใช้ชีวิตแบบฟาร์มที่ไม่ได้มีทุกอย่างครบครันเหมือนในเมือง ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรกับคุณศักดิ์มากไปกว่าการพยักหน้ารับรู้ แต่ในใจเขากลับรู้สึกสนใจเล็กน้อย การที่เธออาสาไปรับทีโอเองและยังจะซื้อของเข้าบ้านด้วย แสดงให้เห็นว่าเธอก็ไม่ได้เป็นแค่คนที่รอรับคำสั่งไปวันๆ เวลาผ่านไป... แสงอาทิตย์เริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ จนกระทั่งลับขอบฟ้าไปแล้ว ธนินทร์เดินกลับมาที่บ้านใหญ่หลังจากจัดการงานในไร่เสร็จสิ้น เขามองนาฬิกา... หนึ่งทุ่มแล้ว ’ ยังไม่กลับมาอีกเหรอ...?’ ความรู้สึกกังวลเล็กๆ เริ่มก่อตัวขึ้นในใจเขา ไม่ใช่เพราะห่วงพี่เลี้ยง แต่เป็นเพราะน้องทีโอ ปกติแล้วน้องจะกลับมาถึงบ้านไม่เกินหกโมงเย็น นี่มันเลยเวลาไปมากแล้ว ธนินทร์เดินออกมาจากตัวบ้านใหญ่ ยืนรออยู่หน้าประตูบ้านภายใต้แสงไฟสลัวๆ ของบ้าน เขากวาดสายตามองไปยังถนนทางเข้าฟาร์มด้วยความอดทน แต่ในใจก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยกับความล่าช้าที่เกิดขึ้น ‘ทำไมถึงได้ช้าขนาดนี้... หรือจะเกิดอะไรขึ้น?’ เขาไม่ได้คิดว่าจะมีอันตรายอะไร แต่การที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามตารางเวลาที่วางไว้ ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจนัก เมื่อแสงไฟหน้ารถตู้คันหรูสีดำปรากฏขึ้นในความมืด ร่างสูงก็ยืนนิ่งมองรถที่ค่อยๆ แล่นเข้ามาจอดตรงหน้าประตูบ้าน เขามองเห็นร่างของพิมที่ก้าวลงมาจากรถ พร้อมกับน้องทีโอที่หลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมแขนของเธอ ใบหน้าหล่อเหลายังคงเรียบเฉยเหมือนเดิม ไม่มีร่องรอยของความโกรธหรือความโล่งใจปรากฏให้เห็นชัดเจน แต่ดวงตาคมกริบของเขากลับจับจ้องไปที่พิมและน้องทีโออย่างไม่วางตา ราวกับกำลังประเมินสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ขณะที่พิมก้าวลงจากรถตู้ช้าๆ เธอเห็นธนินทร์ยืนอยู่ตรงหน้า สายตาคมกริบของเขาจ้องมองมาที่เธอและลูกชายที่กำลังหลับใหลโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ "ชู่ว..." พิมยกนิ้วชี้ขึ้นจรดริมฝีปากเบาๆ เป็นสัญญาณให้ธนินทร์เงียบไว้ เธอไม่ได้รอให้เขาตอบหรือทำอะไรต่อ แต่เดินผ่านเขาไปทันที มุ่งตรงไปยังประตูบ้านใหญ่ ธนินทร์ยืนอยู่ตรงจุดเดิมที่เคยยืนเมื่อพิมเดินผ่านไป เขาไม่ได้ขยับตัว ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรเลยแม้แต่น้อย สายตาคมกริบของเขายังคงจับจ้องไปที่พิมตลอด ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉยจนพิมไม่อาจคาดเดาได้ว่าเขากำลังรู้สึกโกรธ ผิดหวัง หรือเพียงแค่สงสัย แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่ไร้เสียง ‘ชู่ว? สั่งให้ฉันเงียบงั้นเหรอ?’ เขาอดคิดในใจไม่ได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าออกคำสั่งกับเขาตรงๆ แบบนี้ และเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำเช่นนั้น เขารู้สึกประหลาดใจระคนหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา พิมเดินขึ้นบันไดอย่างแผ่วเบาไปยังห้องนอนของน้องทีโอ เธอวางน้องลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ถอดรองเท้าและถุงเท้าออกอย่างระมัดระวัง แล้วเปลี่ยนชุดนอนให้น้องอย่างเบามือที่สุด เพื่อไม่ให้เด็กน้อยตื่น น้องทีโอทานข้าวเย็นมาเรียบร้อยแล้วจากในเมือง พิมรู้ดีว่าควรปลุกให้อาบน้ำก่อนนอน แต่เธอก็อดสงสารเด็กน้อยที่หลับลึกอย่างสบายไม่ได้ จึงปล่อยให้พักผ่อนเต็มที่ ธนินทร์เดินตามพิมขึ้นไปบนห้องลูกชาย เขายืนมองทุกการดูแลที่พิมมอบให้กับน้องทีโอ เขารู้ว่าการไม่อาบน้ำก่อนนอนอาจไม่ถูกสุขลักษณะนัก แต่ก็เข้าใจได้ว่าเธอคงสงสารทีโอที่หลับไปแล้ว เขาเห็นความอ่อนโยนที่เธอมีต่อน้องทีโออย่างชัดเจน ทั้งการอุ้ม การเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ รวมถึงการตัดสินใจไม่ปลุกน้องให้ตื่น มันขัดแย้งกับภาพความซุ่มซ่ามและท่าทีหงุดหงิดของเธอเมื่อเช้าอย่างสิ้นเชิง พิมเดินออกมานอกห้อง สายตาของธนินทร์ยังคงจดจ้องมาที่เธอไม่วางตา ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉย ไร้อารมณ์ใดๆ เหมือนเคย ทำให้พิมไม่สามารถเดาได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ‘เอาสิ... จะถามก็ถามเลย’ พิมคิดในใจอย่างหงุดหงิดระคนอึดอัดกับความเงียบที่ปกคลุมอยู่ เธอรู้ดีว่าตัวเองพาน้องทีโอกลับมาช้ากว่าปกติ และไม่ได้ปลุกให้อาบน้ำ แต่เขาก็ไม่ยอมปริปากพูดอะไรเลย ‘จะเงียบอะไรนักหนา... อึดอัดชะมัด!’ เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกจับจ้องและถูกประเมินค่าอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำให้เธอไม่สบายใจเป็นอย่างมาก ธนินทร์ยังคงยืนอยู่ตรงจุดเดิม ดวงตาคมกริบคู่นั้นจับจ้องอยู่ที่พิมนิ่งๆ เขาไม่ได้เปิดปากถามเรื่องความล่าช้า ไม่ได้พูดเรื่องน้องทีโอ หรือแม้แต่เรื่องเสื้อของเธอที่ยังคงมีรอยคราบจางๆ อยู่ ใช่เขามองตรงจุดนั้นโดยอัตโนมัติอย่างไม่ทันห้ามตัวเอง และสุดท้ายเขาก็ปล่อยให้ทุกอย่างเงียบงัน ราวกับกำลังรอให้เธอเป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนา หรือเพียงแค่สังเกตปฏิกิริยาของเธอเท่านั้น "พิมพาน้องทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้วค่ะ" พิมตัดสินใจที่จะเป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนา เธอสบตาคุณธนินทร์ตรงๆ เพื่อรอปฏิกิริยา ธนินทร์ยังคงยืนนิ่ง ดวงตาคมกริบคู่นั้นยังคงจ้องมองพิมไม่วางตา แต่กลับไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากของเขา เขาเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นในความเงียบงัน ราวกับกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง หรือไม่ก็พอใจที่จะสังเกตการณ์หญิงสาวตรงหน้าต่อไป พิมยืนเผชิญหน้ากับความเงียบงันของคุณธนินทร์อยู่ครู่หนึ่ง ความอึดอัดเริ่มคืบคลานเข้ามาในใจ ‘อะไรเนี่ย...’ พิมคิดในใจอย่างหงุดหงิดระคนไม่เข้าใจท่าทีของเขา ‘ช่างเขาเถอะ’ เธอตัดสินใจที่จะไม่สนใจปฏิกิริยาของเขาอีกต่อไป ก่อนจะหันหลังเดินลงไปชั้นล่าง และตรงไปยังเคาน์เตอร์ครัวทันที เพื่อจัดการนำของสดที่ซื้อมาเมื่อครู่ ทั้งน่องไก่ ปีกไก่ กระดูกหมู และผักต่างๆ ไปแช่ตู้เย็นอย่างเป็นระเบียบ ส่วนเครื่องปรุงก็จัดเก็บเข้าที่เข้าทาง และเกินกว่าที่พิมจะคาดคิดคือ ธนินเดินตามเธอลงมาข้างล่างด้วยเหมือนเป็น ‘เงา’ ตามตัว แต่แทนที่เขาจะตามมาที่เคาเตอร์ครัว เขากลับเลือกไปนั่งที่โซฟาแล้วหยิบไอแพดขึ้นมาเปิดทำงาน พิมเหลือบไปมองไปที่เขาเล็กน้อยและเลือกที่จะไม่สนใจเขาอีกครั้ง เธอเริ่มภารกิจใหม่ของตัวเองอย่างเงียบๆ เธอหยิบหม้อใบใหญ่ขึ้นมา ตั้งไฟอ่อนๆ แล้วใส่ กระดูกหมู ที่ซื้อมาลงไป ตามด้วย หัวไชเท้า แครอท และ รากผักชี เพื่อเคี้ยวน้ำซุปให้หวานหอม เธอตั้งใจจะทำ ข้าวต้มหมูสับ ให้น้องทีโอทานตอนเช้า หวังว่าน้องจะชอบ แต่คนที่ทำท่าเหมือนดูไอแพดนั้น กลับจับจ้องทุกการกระทำของพิมอย่างไม่คลาดสายตา ตอนแรกที่เห็นเธอแบกถุงจากซุปเปอร์มาร์เก็ต เขานึกว่าเธอคงซื้อของฟุ่มเฟือยติดชีวิตหรูหราแบบคนเมือง แต่เมื่อเห็นเธอเริ่มจัดการกับวัตถุดิบเหล่านั้น ความคิดของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป ‘ซื้อของสดพวกนี้มาเองเลยเหรอ?’ เขาเห็นทั้งเนื้อสัตว์และผักสด ไม่ใช่แค่ขนมขบเคี้ยวหรืออาหารสำเร็จรูปอย่างที่เขาคาดไว้ ‘แล้วนี่... กำลังจะตั้งหม้อเคี่ยวน้ำซุป?’ แววตาคมกริบของธนินทร์ฉายแววประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด จากที่คิดว่าเธอเป็นคนบอบบางและไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตแบบฟาร์ม ความคล่องแคล่วในการจัดเก็บของและการเริ่มต้นเตรียมอาหารของเธอนั้น ทำให้เขาต้องทบทวนความคิดใหม่ เขายังไม่รู้ว่าเธอจะทำอาหารให้ใคร แต่การกระทำของเธอในตอนนี้มันขัดแย้งกับภาพลักษณ์แอร์โฮสเตสผู้ซุ่มซ่ามและเอาแต่ใจเมื่อเช้าอย่างสิ้นเชิง มันทำให้ธนินทร์รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรบางอย่างที่คาดเดายากอยู่เสมอ พิมยังคงไม่สนใจสายตาของธนินทร์ที่จับจ้องมาตลอด เธอจัดการหุงข้าวญี่ปุ่นในหม้อหุงข้าวแล้วเสียบปลั๊กทิ้งไว้ พิมวางแผนไว้ว่าพรุ่งนี้เช้าตื่นมาก็แค่เอาข้าวที่สุกแล้วใส่เข้าไปในหม้อน้ำซุปที่เคี่ยวไว้ แล้วก็ต้มเพิ่มอีกหน่อยก็จะได้ข้าวต้มสำหรับน้องทีโอ เธอคิดในใจเงียบๆ อย่างเป็นระบบ ร่างสูงใหญ่ยังคงนั่งอยู่ตรงจุดเดิม ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องทุกการกระทำของพิมอย่างไม่คลาดสายตา เขาเห็นเธอจัดการกับหม้อหุงข้าว และท่าทางที่ดูคุ้นเคยกับการทำครัว ‘หุงข้าวญี่ปุ่น... แล้วจะทำอะไรต่อ?’ เขานึกถึงวัตถุดิบที่เธอเพิ่งเอาไปแช่ตู้เย็น และหม้อน้ำซุปที่กำลังเคี่ยวอยู่บนเตา เขาพอจะเดาออกว่าเธอไม่ได้ทำอาหารเพื่อตัวเอง แต่ดูเหมือนจะตั้งใจทำเพื่อคนอื่น ซึ่งอาจจะเป็นน้องทีโอ การกระทำเหล่านี้ทำให้ธนินรู้สึกว่าพิมใส่ใจน้องทีโอมากกว่าแค่คนที่เข้ามาดูแลลูกชายของเขาตามหน้าที่เท่านั้น เขามองพิมเงียบๆ ปล่อยให้ความคิดและความรู้สึกที่ซับซ้อนก่อตัวขึ้นในใจอย่างช้าๆ ความคิดเดิมๆ ที่เขามีต่อพิมเมื่อช่วงบ่าย เมื่อเห็นเธอซุ่มซ่ามทำแกงเลอะเสื้อ หรือเมื่อเธอถามว่าต้องทำอาหารเองไหม ตอนนี้มันสั่นคลอนไปหมดสิ้นแล้ว เขาเห็นความคล่องแคล่วในการจัดการกับของสด การเลือกวัตถุดิบ การตั้งหม้อเคี่ยวน้ำซุป และการวางแผนทำอาหารล่วงหน้าอย่างเป็นขั้นตอน ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงที่ทำอาหารไม่เป็นจะทำได้ สิ่งที่เธอแสดงออกมาในห้องครัวนั้นตรงกันข้ามกับภาพลักษณ์แรกที่เขามีต่อเธออย่างสิ้นเชิง ‘น่าสนใจมาก...’ ธนินทร์ยอมรับในใจ เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นแค่แอร์โฮสเตสสาวสวยที่ดูอ่อนแอและซุ่มซ่าม แต่เธอยังมีอะไรที่เขาคาดไม่ถึง ความสนใจและความอยากรู้จักเธอก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ในหัวใจของธนินทร์ คนตัวสูงยังคงแสร้งทำเป็นดูไอแพดทั้งๆ ที่หน้าจอไม่ได้สลับเปลี่ยนไปไหนเลย ดวงตาคมกริบของเขายังคงจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของพิมอย่างเงียบงัน เขาเหลือบตามองเธอที่ทำอะไรต่อมิอะไรอย่างเพลิดเพลินโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งพิมจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย สุดท้ายแล้วพิมก็หันมามองคนที่นั่งเงียบๆ อยู่ตรงโซฟามาโดยตลอด เธอไม่เอ่ยคำพูดใดๆ ออกมาอีก เพราะรู้ว่าพูดไปเขาก็คงไม่คิดจะตอบอะไรกลับมา เธอเพียงแค่หมุนตัวกลับแล้วเดินขึ้นชั้นบนไป มุ่งหน้ากลับไปยังห้องนอนของตัวเอง และปล่อยให้ธนินทร์อยู่กับความเงียบสงัดในห้องนั่งเล่นตามลำพัง -🖤🤍🖤-บทที่ 53 ความเย็นชาร่างสูงเปิดประตูรถลงมา เขาก้าวไปยืนตรงหน้าร่างบางกับลูกชายแววตาของเขายังคงซ่อนความปรารถนาที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่สีหน้ากลับเรียบสงบ เขาค่อย ๆยื่นมือออกไปรับน้องทีโอจากอ้อมแขนพิมอย่างแผ่วเบา เพื่อซ่อนความรู้สึกทั้งหมดไว้ภายใต้การกระทำที่มั่นคงและอ่อนโยนของแดดดี้ผู้ใจดี"มาแล้วครับ" ธนินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แต่แฝงความร้อนรุ่มบางอย่างที่พยายามจะสะกดไว้ธนินทร์ก้าวเข้ามาใกล้พิมสายตาคมไม่ละจากเธอแม้แต่วินาทีเดียว เขายื่นมือไปรับน้องทีโอจากอ้อมแขนบอบบางด้วยท่าทีมั่นคง ทว่าในจังหวะที่แขนทั้งสองเฉียดกัน หลังมือของเขากลับเผลอสัมผัสหน้าท้องแบนราบของเธอเข้าอย่างจังสัมผัสนั้นเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที แต่กลับราวกับทิ้งร่องรอยไว้ในใจ ธนินทร์รีบกดสีหน้าให้เรียบที่สุด พยายามกลบเกลื่อนแรงสั่นสะท้านที่แล่นผ่านร่าง ก่อนจะรับลูกชายมาแนบอกและก
บทที่ 52 ถอยห่างธนินทร์ ยืนนิ่งอยู่กลางห้องนั่งเล่น มองประตูห้องนอนที่ปิดลงอย่างช้าๆ ความรู้สึกผิดหวังและเจ็บปวดเริ่มเข้ามาเกาะกุมหัวใจ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆ เธอถึงมีท่าทีเปลี่ยนไปขนาดนั้น แต่ไม่ว่ายังไงเขาจะทำทุกอย่างให้เธอรู้ว่าเขาจริงจังกับเธอมากแค่ไหน และเขาจะทำให้เธอรู้ว่าความสัมพันธ์ของเรามันไม่ใช่เรื่องเล่นๆห้องนั่งเล่นกลับเข้าสู่ความเงียบสงบอีกครั้งมีเพียงแสงไฟสลัวๆที่ยังคงส่องสว่าง ร่างสูงเดินกลับไปเก็บจานชามที่เหลือบนโต๊ะอาหารอย่างเงียบๆ และนำไปเก็บในครัว เขามองไปยังหน้าต่างที่พิมเคยยืนคุยโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ด้วยแววตาครุ่นคิดความฝันเมื่อกี้ยังคงชัดเจนในหัวเขา มันเร่าร้อนและสมจริงเสียจนเขาแทบแยกไม่ออกว่าอะไรคือความจริง ภาพของพิมที่ยั่วยวนเขาในความฝัน ทุกสัมผัส ทุกคำพูด ยังคงวนเวียนอยู่ในความคิด เขายังรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทุกครั้งที่นึกถึงมัน
บทที่ 51 นี้คือความสัมพันธ์แบบไหนเมื่อแฟนหนุ่มรับสายพิมก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติที่สุด แต่ก็ยังแฝงความรู้สึกบางอย่างเอาไว้"พี่ทำอะไรอยู่""มีอะไรไหม? ยังไม่พร้อมคุยตอนนี้ พี่ทำงานอยู่" เสียงเข้มตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดตามสไตล์ของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่พิมคุ้นเคยดีเมื่อเขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่อยากจะคุยแม้เรื่องนั้นจะเร่งด่วนจำเป็นแค่ไหน ถ้าตัวเขาไม่พร้อมก็คือไม่คุยคำพูดนั้นแทงเข้ากลางใจของร่างบางทันที ราวกับมีดที่กรีดลงไปบนบาดแผลทางใจที่เธอกำลังเผชิญอยู่ ความร้อนรุ่มที่เคยมีต่อธนินทร์พลันเย็นชาลงด้วยความเจ็บปวดจากคำพูดที่คุ้นเคยพิมรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าด้วยความจริงอันโหดร้าย ทั้งๆ ที่เมื่อครู่เธอยังรู้สึกผิดแทบตายกับเขา แต่คำพูดของเขากลับทำให้ความรู้สึกผิดนั้นถูกแทนที่ด้วยความชาชินและเจ็บปวด
บทที่ 50 ความผิดในใจเธอหั่นขอบขนมปังออกทั้งหมด เพราะคิดว่าเด็กๆ ไม่น่าจะชอบ จากนั้นก็ใส่เนยลงในกระทะเพียงเล็กน้อย รอจนเนยละลายดีแล้ววางขนมปังสองแผ่นลงไปในกระทะร้อนๆขณะที่ขนมปังกำลังปิ้ง เธอก็แกะห่อแฮม แล้ววางแฮมลงไปที่พื้นที่ว่าง ในกระทะเพื่อให้แฮมสุกพอประมาณ เมื่อด้านหนึ่งเริ่มเกรียมเล็กน้อย เธอก็กลับขนมปังและแฮมอีกด้านจากนั้นพิมก็วางชีสลงบนขนมปังทั้งสองแผ่น แผ่นละหนึ่งแผ่น รอจนชีสเริ่มละลายกำลังดี เธอก็วางแฮมที่สุกแล้วลงบนขนมปังแผ่นหนึ่งที่มีชีส ก่อนจะ นำขนมปังอีกแผ่นที่มีชีสมาประกบทับ กลายเป็นแซนด์วิชแฮมชีสชิ้นอวบเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยหญิงสาวก็ยกขนมปังแฮมชีสออกจากกระทะ แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอดีคำ 6 ชิ้น จัดใส่จานอย่างสวยงามพิมยกจานขนมปังแฮมชีสมาหาสองคนพ่อลูก ที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะในห้องนั่งเล
บทที่ 49 ไอ้ลูกชาย....ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าใกล้พิมช้าๆ เพียงชั่วลมหายใจก่อนริมฝีปากจะสัมผัสกัน เขากระซิบถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและให้เกียรติ "พิม... ผมขอจูบได้ไหม"ร่างบางกำลังจะเอ่ยปากตอบ แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ"แดดดี้~~~" เสียงเล็กๆ ของน้องทีโอดังขึ้นอย่างงัวเงียขณะที่เขาเดินออกมาจากห้องนอนพิมสะดุ้งด้วยความตกใจรีบดันอกธนินทร์ออกทันที แรงดันนั้นทำให้ธนินทร์ที่กำลังโน้มตัวเข้ามาเสียหลักเล็กน้อย‘อะไรกัน! ทีโอ!’ ทำไมต้องเป็นตอนนี้! ร่างสูงรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง หัวใจเจ็บแปลบที่ความตั้งใจอันแน่วแน่ถูกขัดจังหวะในวินาทีสุดท้าย แต่เขาก็ต้องควบคุมตัวเอง... น้องทีโอต้องมาก่อนเสมอธนินทร์เองก็ชะงักค้างไปในท่าที่กำลังโน้มตัว เมื่อได้ยินเสียงเรียกของลูกชายใบหน้าของเขาปรากฏแววผิดหวังอย่างชัดเจ
บทที่ 48 การล้างจานที่แสนโรแมนติกคนตัวสูงหยุดล้างจานชั่วขณะ พร้อมเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวข้างๆด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูและรอยยิ้มอบอุ่น"มาทำอะไรตรงนี้ ไปพักเถอะ" ธนินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจหรือไล่ให้เธอไปไหนจริงจังร่างบางไม่ตอบคำพูดของธนินทร์ แต่เธอยื่นมือไปหยิบฟองน้ำที่วางอยู่ข้างๆ ซิงค์น้ำแล้ว เริ่มช่วยเขาล้างจานโดยไม่พูดอะไรธนินทร์มองพิมด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน เขาไม่ได้ห้ามเธออีกต่อไปแต่กลับรู้สึกดีใจที่เธอมาอยู่ข้างๆ"ขอบคุณนะ" ธนินทร์เอ่ยเสียงนุ่มนวลร่างสูงขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้พิมมีพื้นที่ในการล้างจานสะดวกขึ้น ทั้งสองคนยืนล้างจานอยู่ข้างๆ กันในความเงียบ มีเพียงเสียงน้ำไหลและเสียงจานชามกระทบกันเบาๆ บรรยากาศในครัวเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความรู้สึกที่ยากจะบรรยายพิมไม่ตอบคำพูดของธนินทร์ เธอเริ่มช่วยเขาล้างจานอย่างเงี







