LOGINบทที่ 9 เข้าเมือง
เธอมองไปรอบๆ โรงอาหารและบริเวณฟาร์มด้วยความรู้สึกงงๆ ไม่รู้จะทำอะไรต่อดี ถ้าเป็นตอนอยู่ที่กรุงเทพฯ ป่านนี้เธอคงเปิดหาซีรีส์เรื่องโปรดดูไปแล้ว แต่นี่เธอมาทำงาน แถมเมื่อเช้าเธอก็เพิ่งตื่นสายอีก การจะไปนั่งดูซีรีส์กลางวันแสกๆ แบบนี้ จะโดนเจ้าของบ้านด่าเอาหรือเปล่านะ? พิมรู้สึกได้ถึงความว่างเปล่าในตารางเวลาที่ไม่คุ้นชิน เธอไม่รู้ว่าในฟาร์มแห่งนี้มีกิจกรรมอะไรให้ทำบ้าง พิมตัดสินใจที่จะไม่ปล่อยให้ความงุนงงครอบงำ เธอเห็นธนินกำลังจะเดินออกจากโรงอาหารแล้ว จึงรีบเรียกเขาไว้ "คุณธนินทร์คะ" พิมเอ่ยเรียกเสียงดังพอสมควร ร่างสูงหยุดเดินแล้วหันกลับมามองพิมด้วยสายตาเรียบเฉยเช่นเคย เขารอคอยว่าเธอจะพูดอะไรต่อ "ปกติถ้าอยากเข้าไปในเมือง ต้องทำยังไงหรอคะ" พิมถามออกไป ดวงตาคมกริบของเขามองตรงมาที่คุณพิมอย่างพิจารณาเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและเรียบเฉย "ไปเมืองไหน" ธนินทร์ถามกลับสั้นๆ เหมือนไม่มีอะไรในน้ำเสียง แต่กลับทำให้พิมรู้สึกว่าเขาอาจจะมองว่าคำถามนี้ไร้สาระไปบ้าง พิมตอบกลับทันที "ตัวเมืองสระบุรีน่ะค่ะ" เธอคิดในใจว่าคำถามของเธอก็ไม่ได้ยากอะไรเลย ไม่น่าจะต้องถามกลับด้วยซ้ำ เขามองพิมนิ่งๆ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยตามเคย "ให้คนขับรถไปส่งให้ได้" ธนินทร์กล่าว "แต่ต้องแจ้งคนขับล่วงหน้า" เขาไม่ได้ใหรายละเอียดเพิ่มเติมว่าต้องแจ้งใคร ล่วงหน้านานแค่ไหน หรือต้องทำอย่างไรบ้าง ธนินทร์เพียงแค่ยืนจ้องคุณพิมอยู่แบบนั้น ราวกับว่าคำอธิบายของเขาเพียงพอแล้ว และไม่จำเป็นต้องมีคำถามใดๆ ตามมาอีก พิมถามต่อทันที "ล่วงหน้ากี่วันหรอคะ" เธอพยายามคิดในใจว่า ‘หนึ่งวัน สองวัน สามวัน? หรือแค่หนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง สามชั่วโมง?’ ธนินทร์ยังคงยืนนิ่ง มองพิมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก เขาถอนหายใจแผ่วเบา แต่ก็เพียงพอที่จะให้พิมได้ยิน ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำและเรียบเฉยเช่นเดิม "อย่างน้อยหนึ่งวัน" เขาตอบสั้นๆ "แจ้งคุณศักดิ์" และไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมอีก ก่อนหมุนตัวกลับ แล้วเดินออกจากโรงอาหารไปทันที ทิ้งให้พิมยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพังกับข้อมูลที่ได้รับ เธอมองตามแผ่นหลังของธนินทร์ที่เดินจากไปอีกครั้ง เธอเห็นท่าทีถอนหายใจและน้ำเสียงที่ดูจะรำคาญของเขาอย่างชัดเจน เธอรู้สึกว่าตัวเองก็แค่ถามในสิ่งที่จำเป็นต้องรู้ เพราะเธอเป็นคนใหม่ที่นี่ ความรู้สึกอึดอัดกับธนินทร์ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้เป็นคนเย็นชาและไม่ค่อยอยากพูดคุยนัก หรือเพราะเขาไม่ชอบเธอ? พิมส่ายหน้าเล็กน้อย พยายามสลัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไป ................. ธนินทร์เดินออกจากโรงอาหารไปอย่างเงียบๆ ทิ้งให้พิมยืนอยู่เบื้องหลัง สายตาคมกริบของเขายังคงมองตรงไปข้างหน้า แต่ในใจกลับครุ่นคิดถึงการสนทนาเมื่อครู่ ‘ถามเรื่องเข้าเมือง...คงอยากจะหาทางหนีกลับแล้วสินะ’ เขาคิดอย่างไม่แปลกใจนัก นี่เป็นปฏิกิริยาปกติของคนเมืองส่วนใหญ่ที่มาอยู่ในที่แบบนี้ได้ไม่นาน พวกเขาไม่คุ้นชินกับความเงียบสงบ ความไม่มีชีวิตชีวาแบบที่ฟาร์มเป็น ‘ถามอะไรไม่รู้จักจบจักสิ้น... แค่นี้ก็ต้องอธิบายเป็นฉากๆ’ เขานึกถึงคำถามของพิมที่ถามซ้ำๆ ถึงรายละเอียดเล็กน้อย ทั้งเรื่อง Grab ทั้งเรื่องต้องทำอาหารเอง และเรื่องการเดินทางเข้าเมืองที่ต้องถามยิบย่อยว่า ‘กี่วัน?’ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องง่ายๆ แค่นี้ถึงต้องซับซ้อนนัก แต่แล้วภาพของเธอในชุดขาวสะอาดตากับผมหางม้าก็แวบเข้ามาในหัว ‘แต่ก็ไม่ได้แย่นัก... ที่จริงก็ดูดี’ เขาหวนคิดถึงลุคที่ดูสดใสกว่าเมื่อเช้าตรู่ และความซุ่มซ่ามเมื่อครู่ที่ทำให้เสื้อเธอเปียกน้ำจนเผยให้เห็นบางสิ่งบางอย่าง... ที่น่ามองกว่าที่คิด ธนินทร์เดินไปตามทางที่มุ่งหน้าสู่ไร่ของเขา ปล่อยให้ความคิดเกี่ยวกับพิมวนเวียนอยู่ในหัวเงียบๆ มันเป็นความรู้สึกที่เขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก... ทั้งความรำคาญเล็กๆ น้อยๆ และความสนใจที่ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงัน ............................ พิมเดินโต๋เต๋ไปเรื่อยๆ ตามทางเดินที่ปูด้วยหินกรวด ปล่อยให้ความคิดฟุ้งซ่านไปตามจังหวะก้าวเท้า จนกระทั่งกลับมาถึงตัวบ้านหลังใหญ่ เธอเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่กว้างขวาง แต่กลับรู้สึกว่ามันว่างเปล่าเหลือเกิน ทันใดนั้นเอง ภาพของน้องทีโอที่เขี่ยขนมปังเล่นเมื่อเช้าก็แวบเข้ามาในหัว ซึ่งดูเหมือนน้องจะไม่ค่อยชอบอาหารเช้าวแบบวันนี้ พิมจึงตัดสินใจว่าจะใช้เวลาว่างตอนบ่ายเตรียมอาหารเย็นไว้ให้กับน้องทีโอ เธอเป็นคนทำกับข้าวเป็น แต่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยทำเพราะขี้เกียจล้างจาน แต่ที่นี่มีแม่บ้านดังนั้นยิ่งเป็นการง่ายสำหรับเธอ ความคิดที่จะทำอาหารให้น้องทีโอทำให้คุณพิมรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาเล็กน้อย เธอเริ่มคิดเมนูที่เหมาะกับเด็กน้อย และนึกถึงสิ่งที่น้องทีโออาจจะชอบ ‘น่องไก่ตุ๋นละกัน... มีเวลาจะได้ตุ๋นให้เข้าเนื้อ’ พิมคิดอย่างกระตือรือร้น เธอเดินตรงไปยังห้องครัวที่กว้างขวาง เพื่อสำรวจวัตถุดิบและเริ่มต้นภารกิจการทำอาหารสำหรับน้องทีโอ แต่เมื่อเปิดตู้เย็นและตู้กับข้าวออกดูก็พบว่า...ไม่มีอะไรเลย! นอกจากของใช้จำเป็นบางอย่างแล้ว ห้องครัวก็ดูว่างเปล่า ไม่มีวัตถุดิบสดใหม่สำหรับทำอาหารเลยแม้แต่น้อย "ไม่มีอะไรเลยหรอ” พิมพึมพำกับตัวเองอย่างผิดหวัง เธอเดินออกมาจากห้องครัว แล้วมองหาแม่บ้านที่กำลังทำความสะอาดอยู่บริเวณห้องโถงไม่ไกลนัก "พี่แม่บ้านขา ถ้าพิมอยากได้วัตถุดิบทำอาหาร พิมหาได้จากที่ไหนหรอคะ" พิมถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ แม่บ้านหันมามองเธอด้วยรอยยิ้มใจดี "อ๋อ คุณพิมจะทำอาหารเหรอคะ ปกติที่ฟาร์มจะมีคนไปซื้อของสดมาให้ตอนเช้าค่ะ แต่ถ้าอยากได้อะไรเพิ่ม ต้องแจ้งคุณศักดิ์นะคะ คุณศักดิ์จะเป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้ค่ะ" พิมฟังและถามด้วยสีหน้าหงอยๆ "แล้วตอนนี้ถ้าอยากได้น่องไก่กับเครื่องปรุงนิดหน่อย ก็ไม่มีเลยหรอคะ" แม่บ้านยิ้มอย่างใจดีแต่ก็ส่ายหน้าเล็กน้อย "ไม่มีเลยค่ะคุณพิม ถ้าจะทำอาหารต้องเตรียมของไว้ล่วงหน้าจริงๆ เพราะที่นี่ไม่ค่อยมีของสดสต็อกไว้เยอะเท่าไหร่ค่ะ ถ้าอยากได้จริงๆ ต้องรอพรุ่งนี้เช้าเลยค่ะ จะมีรถเข้าเมืองไปซื้อของ" คำตอบของแม่บ้านทำให้พิมถอนหายใจเฮือกใหญ่ แผนการทำน่องไก่ตุ๋นให้น้องทีโอเป็นอันต้องพับไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งไหนๆ ตอนนี้เธอก็ไม่มีอะไรทำแล้ว... เธอเลยตัดสินใจไปหาคุณศักดิ์แทน พิมเดินออกจากตัวบ้านใหญ่ไปทางด้านหลัง ซึ่งเป็นโซนที่พักของคนงานและพื้นที่ปฏิบัติงานของฟาร์ม เธอจำได้ว่าเมื่อเช้าธนินทร์บอกให้ไปแจ้งคุณศักดิ์หากต้องการรถเข้าเมือง เธอเดินมาตามทางเดินที่ค่อนข้างเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมพัดและเสียงธรรมชาติ ไม่นานนัก พิมก็เห็นร่างคุ้นตาของชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังยืนคุยอยู่กับคนงานอีกสองสามคนบริเวณโรงเก็บเครื่องมือ เขาคือ คุณศักดิ์ ผู้จัดการสวนนั่นเอง พิมเดินเข้าไปหาด้วยท่าทางสุภาพ "คุณศักดิ์คะ" คุณศักดิ์หันมามองพิมด้วยรอยยิ้มใจดี "อ้าวคุณพิม มีอะไรให้รับใช้ครับ" "รถที่จะไปรับน้องทีโอตอนเย็นออกไปหรือยังคะ" พิมถามด้วยความกังวลเล็กน้อย คุณศักดิ์ยิ้มรับคำถามของเธอ เขาหยิบผ้าเช็ดมือขึ้นมาซับเหงื่อที่หน้าผากเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงใจดี "อ๋อ ยังหรอกครับคุณพิม รถจะออกไปประมาณบ่ายสามโมงครึ่งครับ ยังมีเวลาอีกเยอะเลยครับ ไม่ต้องห่วง" คุณศักดิ์ตอบอย่างใจเย็น ทำให้พิมรู้สึกโล่งใจ “งั้นพิมขอติดรถไปด้วยได้ไหมคะ พิมจะไปรับน้องทีโอแล้วก็จะแวะซุปเปอร์มาร์เก็ตหน่อย” พิมเอ่ยถามด้วยความหวังการ คุณศักดิ์ฟังคำขอของหญิงสาวตรงหน้าด้วยรอยยิ้มใจดีเช่นเคย เขาพยักหน้าช้าๆ และรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะไม่เคยเห็นใครที่เข้ามาดูแลน้องทีโอจะแสดงออกถึงความผูกพันได้เร็วขนาดนี้ ปกติแล้วคนดูแลคนอื่นมักจะทำตามหน้าที่เท่านั้น "ได้สิครับคุณพิม ไม่มีปัญหาเลย" คุณศักดิ์ตอบด้วยน้ำเสียงเต็มใจ "เดี๋ยวผมจะไปบอกคนขับรถให้ เตรียมตัวได้เลยนะครับ ประมาณบ่ายสามโมงครึ่งรถจะออกแล้ว" พิมรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากที่ได้รับอนุญาต เธอพยักหน้าขอบคุณคุณศักดิ์ด้วยรอยยิ้มสดใส ไม่ได้สังเกตเห็นว่ารถที่จะไปรับน้องทีโอเป็นรถตู้หรูหราเพียงใด แต่ก็รู้สึกดีที่ได้ไปทำอะไรที่มีประโยชน์บ้าง "ขอบคุณมากค่ะ" พิมกล่าวกับคุณศักดิ์ด้วยรอยยิ้มสดใส เธอรู้สึกโล่งใจและกระตือรือร้นที่จะได้ออกไปข้างนอกบ้าง หลังจากความว่างเปล่าของช่วงบ่าย ระหว่างรอรถออก เธอเพียงแค่เดินกลับไปยังห้องนอนของตัวเองเพื่อหยิบกระเป๋าสะพายใบเล็กที่จำเป็น และตรวจเช็กความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้งในกระจก ผมหางม้าสูงยังคงกระชับ ใบหน้าสดใสไร้คราบกังวล เธอหยิบผ้าพันคอผ้าไหมผืนเล็กสีน้ำเงินนาวี ขึ้นมาผูกรอบลำคออย่างบรรจง ปล่อยชายผ้าพลิ้วไหวเป็นหางเล็กๆ แค่นี้ก็เป็นการเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับชุดสีขาวเรียบๆ ทำให้ดูมีสไตล์และพร้อมสำหรับบรรยากาศในเมืองมากขึ้น เมื่อเวลาล่วงเลยมาจนเกือบบ่ายสามโมงครึ่ง พิมก็เดินออกมาจากบ้านใหญ่ มุ่งหน้าไปยังบริเวณที่จอดรถตู้ เธอยืนรออยู่ไม่นาน รถตู้คันหรูสีดำ ที่คุณศักดิ์พูดถึงก็แล่นมาจอดตรงหน้าประตู คนขับรถเปิดประตูรอรับ พิมก้าวขึ้นรถอย่างกระฉับกระเฉง พร้อมสำหรับการเดินทางเข้าเมืองเพื่อรับน้องทีโอและแวะซุปเปอร์มาร์เก็ต รถตู้คันหรูแล่นออกจากบริเวณฟาร์มอย่างเงียบเชียบ พิมนั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง ทิวทัศน์สองข้างทางค่อยๆ เปลี่ยนจากความเขียวขจีของไร่และสวนผลไม้ ไปสู่บ้านเรือนที่อยู่อาศัยที่หนาแน่นขึ้น มีร้านรวงและผู้คนสัญจรไปมามากขึ้นตามลำดับ บรรยากาศเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นเรื่อยๆ ห่างไกลจากความเงียบสงบของฟาร์มที่พิมเพิ่งจากมาอย่างสิ้นเชิง การเดินทางใช้เวลาไม่นานนัก เพียงไม่กี่สิบนาที รถตู้ก็ขับมาจอดที่หน้าโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งดูสะอาดตาและร่มรื่น เสียงเด็กๆ เจื้อยแจ้วดังออกมาจากด้านใน คนขับรถหันมาบอกพิมว่า "ถึงแล้วครับพิม" หลังลงจากรถ พิมเห็นเด็กๆ ตัวเล็กๆ กำลังทยอยเดินออกมาพร้อมผู้ปกครอง สายตาของพิมกวาดหาน้องทีโอ ทันใดนั้นเธอก็เห็นเด็กชายตัวเล็กน่าตาน่ารักกำลังเดินออกมาจากอาคารเรียนพร้อมคุณครู เขามีใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาแป๋วแหวว พร้อมรอยยิ้มกว้างเมื่อเห็นพิมยืนรออยู่ "พี่พิม!" น้องทีโอร้องเรียกอย่างดีใจ พลางวิ่งตรงเข้ามาหาพิมทันที เธอย่อตัวลงเล็กน้อย กางแขนออกพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้ารอให้น้องทีโอวิ่งเข้ามากอดรับด้วยความคิดถึง "พี่พิม!" น้องทีโอร้องเรียกอย่างดีใจ พลางพุ่งตัวเข้ามากอดพิมแน่น "สนุกไหมคะวันนี้" เธอถามด้วยน้ำเสียงสดใส พร้อมกอดตอบน้องทีโอเบาๆ และ ลูบศีรษะเล็กๆ อย่างอ่อนโยน น้องทีโอเงยหน้าขึ้นจากอ้อมกอดของพิม ใบหน้าเปื้อนยิ้มสดใส ดวงตาเป็นประกาย "สนุกครับพี่พิม! วันนี้ทีโอได้ระบายสีรูปสัตว์ด้วย" เขาเล่าอย่างตื่นเต้น พร้อมกับชูมือเล็กๆ ขึ้นมาประกอบท่าทาง "เก่งจังเลย" พิมยิ้มชม พลางหอมแก้มน้องทีโออย่างอดใจไม่ไหว "งั้นเรากลับกันเลยไหมครับ" "กลับเลยครับ!" น้องทีโอตอบรับเสียงใส พิมจูงมือน้องทีโอเดินกลับมาที่รถตู้คันหรู คนขับรถเปิดประตูรอรับ ทั้งคู่ก้าวขึ้นรถแล้วรถก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปจากโรงเรียน ในรถ น้องทีโอเล่านั่นนี่ให้พิมฟังไม่หยุด ทั้งเรื่องเพื่อนๆ ที่โรงเรียน เรื่องคุณครู และเรื่องที่เขาอยากกินขนมอะไรที่ซุปเปอร์มาเก็ต พิมยิ้มรับและตอบคำถามของน้องอย่างตั้งใจ เมื่อทั้งสองคนเดินเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ใจกลางเมือง น้องทีโอเดินตามพิมไม่ห่าง สายตาเป็นประกายกับสินค้ามากมายที่วางเรียงรายอยู่ เธอพาน้องทีโอเดินตรงไปยังแผนกเนื้อสัตว์ เธอเลือก น่องไก่ และ ปีกไก่ สดใหม่จำนวนหนึ่ง คิดเผื่อไว้สำหรับเมนูตุ๋นและอาจจะทำอย่างอื่นได้อีก และหยิบ กระดูกหมู สำหรับต้มน้ำซุปเพิ่มความหวาน จากนั้นก็เดินไปยังโซนเครื่องปรุง หยิบจับ เครื่องปรุงสารพัด ที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย น้ำตาล พริกไทย และอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงผักต่างๆ ที่ดูสดใหม่และเหมาะสำหรับทำอาหารให้น้องทีโอ สุดท้ายพิมก็เดินไปที่แผนกข้าวสาร หยิบ ข้าวสวยญี่ปุ่น ถุงเล็กๆ เผื่อไว้ให้น้องทีโอที่อาจจะชอบทานข้าวญี่ปุ่นมากกว่าข้าวสวยปกติ รถเข็นเต็มไปด้วยวัตถุดิบมากมายที่ได้มาครบถ้วนตามความต้องการของพิม น้องทีโอดึงแขนพิมให้ไปดูแผนกขนม พิมก็พาเดินไปเลือกขนม2-3 อย่างพลางหยิกแก้มยุ้ยๆ ของน้องเบาๆ อย่างเอ็นดู หลังจากชำระเงินเรียบร้อยแล้ว พิมและน้องทีโอก็เดินออกมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ต พร้อมถุงใส่ของพะรุงพะรัง คนขับรถช่วยยกของขึ้นรถตู้ พิมรู้สึกดีใจที่ได้วัตถุดิบครบถ้วนสำหรับเมนูที่ตั้งใจไว้ รถตู้คันหรูแล่นกลับมาถึงบริเวณฟาร์มอีกครั้งในยามพลบค่ำ แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว เหลือเพียงแสงสีส้มแดงอ่อนๆ ฉาบท้องฟ้า บรรยากาศเงียบสงบกว่าตอนกลางวันมากนัก เมื่อคนขับรถจอดสนิทและพิมมองนาฬิกา... หนึ่งทุ่มตรง เธอกับน้องทีโอใช้เวลาอยู่ในเมืองนานกว่าที่คิดไว้มาก เธอรู้สึกกังวลเล็กน้อย เธอพาลูกชายของเจ้านายกลับช้ากว่าปกติถึงหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ เมื่อประตูรถตู้เปิดออก พิมที่มีน้องทีโอที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่บนตัก ก็เห็นร่างสูงใหญ่ของ ธนินทร์ยืนรออยู่หน้าบ้านใหญ่ เขายืนนิ่งสง่างามภายใต้แสงไฟสลัวของบ้าน ใบหน้าของเขาดูเรียบเฉยจนยากจะคาดเดาความรู้สึก แต่แววตาคมกริบนั้นจ้องมองตรงมาที่พิมและรถตู้ที่เพิ่งกลับมาถึงอย่างไม่วางตา -🖤🤍🖤-บทที่ 53 ความเย็นชาร่างสูงเปิดประตูรถลงมา เขาก้าวไปยืนตรงหน้าร่างบางกับลูกชายแววตาของเขายังคงซ่อนความปรารถนาที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่สีหน้ากลับเรียบสงบ เขาค่อย ๆยื่นมือออกไปรับน้องทีโอจากอ้อมแขนพิมอย่างแผ่วเบา เพื่อซ่อนความรู้สึกทั้งหมดไว้ภายใต้การกระทำที่มั่นคงและอ่อนโยนของแดดดี้ผู้ใจดี"มาแล้วครับ" ธนินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แต่แฝงความร้อนรุ่มบางอย่างที่พยายามจะสะกดไว้ธนินทร์ก้าวเข้ามาใกล้พิมสายตาคมไม่ละจากเธอแม้แต่วินาทีเดียว เขายื่นมือไปรับน้องทีโอจากอ้อมแขนบอบบางด้วยท่าทีมั่นคง ทว่าในจังหวะที่แขนทั้งสองเฉียดกัน หลังมือของเขากลับเผลอสัมผัสหน้าท้องแบนราบของเธอเข้าอย่างจังสัมผัสนั้นเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที แต่กลับราวกับทิ้งร่องรอยไว้ในใจ ธนินทร์รีบกดสีหน้าให้เรียบที่สุด พยายามกลบเกลื่อนแรงสั่นสะท้านที่แล่นผ่านร่าง ก่อนจะรับลูกชายมาแนบอกและก
บทที่ 52 ถอยห่างธนินทร์ ยืนนิ่งอยู่กลางห้องนั่งเล่น มองประตูห้องนอนที่ปิดลงอย่างช้าๆ ความรู้สึกผิดหวังและเจ็บปวดเริ่มเข้ามาเกาะกุมหัวใจ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆ เธอถึงมีท่าทีเปลี่ยนไปขนาดนั้น แต่ไม่ว่ายังไงเขาจะทำทุกอย่างให้เธอรู้ว่าเขาจริงจังกับเธอมากแค่ไหน และเขาจะทำให้เธอรู้ว่าความสัมพันธ์ของเรามันไม่ใช่เรื่องเล่นๆห้องนั่งเล่นกลับเข้าสู่ความเงียบสงบอีกครั้งมีเพียงแสงไฟสลัวๆที่ยังคงส่องสว่าง ร่างสูงเดินกลับไปเก็บจานชามที่เหลือบนโต๊ะอาหารอย่างเงียบๆ และนำไปเก็บในครัว เขามองไปยังหน้าต่างที่พิมเคยยืนคุยโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ด้วยแววตาครุ่นคิดความฝันเมื่อกี้ยังคงชัดเจนในหัวเขา มันเร่าร้อนและสมจริงเสียจนเขาแทบแยกไม่ออกว่าอะไรคือความจริง ภาพของพิมที่ยั่วยวนเขาในความฝัน ทุกสัมผัส ทุกคำพูด ยังคงวนเวียนอยู่ในความคิด เขายังรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทุกครั้งที่นึกถึงมัน
บทที่ 51 นี้คือความสัมพันธ์แบบไหนเมื่อแฟนหนุ่มรับสายพิมก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติที่สุด แต่ก็ยังแฝงความรู้สึกบางอย่างเอาไว้"พี่ทำอะไรอยู่""มีอะไรไหม? ยังไม่พร้อมคุยตอนนี้ พี่ทำงานอยู่" เสียงเข้มตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดตามสไตล์ของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่พิมคุ้นเคยดีเมื่อเขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่อยากจะคุยแม้เรื่องนั้นจะเร่งด่วนจำเป็นแค่ไหน ถ้าตัวเขาไม่พร้อมก็คือไม่คุยคำพูดนั้นแทงเข้ากลางใจของร่างบางทันที ราวกับมีดที่กรีดลงไปบนบาดแผลทางใจที่เธอกำลังเผชิญอยู่ ความร้อนรุ่มที่เคยมีต่อธนินทร์พลันเย็นชาลงด้วยความเจ็บปวดจากคำพูดที่คุ้นเคยพิมรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าด้วยความจริงอันโหดร้าย ทั้งๆ ที่เมื่อครู่เธอยังรู้สึกผิดแทบตายกับเขา แต่คำพูดของเขากลับทำให้ความรู้สึกผิดนั้นถูกแทนที่ด้วยความชาชินและเจ็บปวด
บทที่ 50 ความผิดในใจเธอหั่นขอบขนมปังออกทั้งหมด เพราะคิดว่าเด็กๆ ไม่น่าจะชอบ จากนั้นก็ใส่เนยลงในกระทะเพียงเล็กน้อย รอจนเนยละลายดีแล้ววางขนมปังสองแผ่นลงไปในกระทะร้อนๆขณะที่ขนมปังกำลังปิ้ง เธอก็แกะห่อแฮม แล้ววางแฮมลงไปที่พื้นที่ว่าง ในกระทะเพื่อให้แฮมสุกพอประมาณ เมื่อด้านหนึ่งเริ่มเกรียมเล็กน้อย เธอก็กลับขนมปังและแฮมอีกด้านจากนั้นพิมก็วางชีสลงบนขนมปังทั้งสองแผ่น แผ่นละหนึ่งแผ่น รอจนชีสเริ่มละลายกำลังดี เธอก็วางแฮมที่สุกแล้วลงบนขนมปังแผ่นหนึ่งที่มีชีส ก่อนจะ นำขนมปังอีกแผ่นที่มีชีสมาประกบทับ กลายเป็นแซนด์วิชแฮมชีสชิ้นอวบเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยหญิงสาวก็ยกขนมปังแฮมชีสออกจากกระทะ แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอดีคำ 6 ชิ้น จัดใส่จานอย่างสวยงามพิมยกจานขนมปังแฮมชีสมาหาสองคนพ่อลูก ที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะในห้องนั่งเล
บทที่ 49 ไอ้ลูกชาย....ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าใกล้พิมช้าๆ เพียงชั่วลมหายใจก่อนริมฝีปากจะสัมผัสกัน เขากระซิบถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและให้เกียรติ "พิม... ผมขอจูบได้ไหม"ร่างบางกำลังจะเอ่ยปากตอบ แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ"แดดดี้~~~" เสียงเล็กๆ ของน้องทีโอดังขึ้นอย่างงัวเงียขณะที่เขาเดินออกมาจากห้องนอนพิมสะดุ้งด้วยความตกใจรีบดันอกธนินทร์ออกทันที แรงดันนั้นทำให้ธนินทร์ที่กำลังโน้มตัวเข้ามาเสียหลักเล็กน้อย‘อะไรกัน! ทีโอ!’ ทำไมต้องเป็นตอนนี้! ร่างสูงรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง หัวใจเจ็บแปลบที่ความตั้งใจอันแน่วแน่ถูกขัดจังหวะในวินาทีสุดท้าย แต่เขาก็ต้องควบคุมตัวเอง... น้องทีโอต้องมาก่อนเสมอธนินทร์เองก็ชะงักค้างไปในท่าที่กำลังโน้มตัว เมื่อได้ยินเสียงเรียกของลูกชายใบหน้าของเขาปรากฏแววผิดหวังอย่างชัดเจ
บทที่ 48 การล้างจานที่แสนโรแมนติกคนตัวสูงหยุดล้างจานชั่วขณะ พร้อมเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวข้างๆด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูและรอยยิ้มอบอุ่น"มาทำอะไรตรงนี้ ไปพักเถอะ" ธนินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจหรือไล่ให้เธอไปไหนจริงจังร่างบางไม่ตอบคำพูดของธนินทร์ แต่เธอยื่นมือไปหยิบฟองน้ำที่วางอยู่ข้างๆ ซิงค์น้ำแล้ว เริ่มช่วยเขาล้างจานโดยไม่พูดอะไรธนินทร์มองพิมด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน เขาไม่ได้ห้ามเธออีกต่อไปแต่กลับรู้สึกดีใจที่เธอมาอยู่ข้างๆ"ขอบคุณนะ" ธนินทร์เอ่ยเสียงนุ่มนวลร่างสูงขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้พิมมีพื้นที่ในการล้างจานสะดวกขึ้น ทั้งสองคนยืนล้างจานอยู่ข้างๆ กันในความเงียบ มีเพียงเสียงน้ำไหลและเสียงจานชามกระทบกันเบาๆ บรรยากาศในครัวเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความรู้สึกที่ยากจะบรรยายพิมไม่ตอบคำพูดของธนินทร์ เธอเริ่มช่วยเขาล้างจานอย่างเงี







