ค่ำคืนที่ไร้ผู้คน ใต้ฟ้าพร่างพราวด้วยดวงดาว ร่างกายแนบชิด ลมหายใจสอดประสาน... ความอบอุ่นแปรเปลี่ยนเป็นแรงปรารถนาอันลึกล้ำ ยิ่งพยายามต้านทาน ก็ยิ่งถูกกลืนกินจนหมดสิ้น เขา...พ่อม่ายเจ้าของฟาร์มม้า ผู้กักขังหัวใจไว้กับความเศร้าโศกยาวนานกว่าสามปี เธอ...แอร์โฮสเตสสาวสวย ผู้ก้าวเข้าสู่โลกอันเงียบงันของเขาโดยไม่ตั้งใจ จากเพียงหน้าที่ดูแลเด็กน้อย-กลับกลายเป็นไฟปรารถนาที่จุดลุกในอกบุรุษผู้เย็นชา เพียงแค่สายตาที่สบ เพียงแค่สัมผัสเล็กน้อย เพียงกลิ่นกายหอมกรุ่น... ก็เพียงพอจะเผาผลาญกำแพงทุกชั้นที่เขาสร้างขึ้น ความใกล้ชิดที่เริ่มจากความจำเป็น กลับผูกพันธนาการเร่าร้อนที่ไม่มีใครอาจหลีกหนี นี่คือบทกวีแห่งไฟรัก- ที่ไม่มีวันถอยกลับ หากมีเพียงการลุกโชนไปพร้อมกัน จนสุดปลายทางแห่งหัวใจ
View Moreบทนำ ฟาร์มม้า และ ผู้มาใหม่
ชีวิตแอร์โฮสเตสของ พิม ที่ปกติจะเต็มไปด้วยการเดินทางข้ามทวีป ตอนนี้กลับช้าลงกว่าเดิมมาก ตารางบินที่เบาบางลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ เธอ มีเวลาว่างเหลือเฟือ แทนที่จะปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปเปล่าๆ ประกายความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในใจ ในเมื่อเธอมีความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษที่ยอดเยี่ยมและยังมีประสบการณ์ดูแลผู้คนมากมายมาอย่างยาวนาน การที่เธอจะรับงานดูแลเด็กที่ผู้ปกครองอยากให้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก และ ประกอบกับด้วยบุคลิกที่อ่อนโยน ใจเย็น อาชีพเสริมนี้ดูจะลงตัวกับ พิม อย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น เธอ ยังดูดีและมีเสน่ห์ไม่แพ้สาวๆ วัย 20 ปลายๆ ด้วยการดูแลตัวเองอย่างดีเยี่ยม แม้จะอายุ 35 ปีแล้วก็ตาม เมื่อประกอบกันทั้งบุคลิกหน้าตาและความมีวุฒิภาวะ โอกาสก็มาถึง อย่างง่ายดาย มีครอบครัวหนึ่งในจังหวัดสระบุรีกำลังมองหาคนดูแลเด็กที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วที่จะช่วยดูแลลูกชาย เป็นเวลา 2 เดือนเพื่อทดลองงาน พิมตัดสินใจตอบรับข้อเสนอทันที นี่ไม่ใช่แค่การหารายได้เสริม แต่ยังเป็นโอกาสที่จะได้หลีกหนีความจำเจจากชีวิตในเมืองใหญ่ไปสัมผัสบรรยากาศใหม่ๆ ..................................... พิมกำลังเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไปสระบุรี เธอคงกำลังคิดถึงบ้านหลังเล็กๆ ที่จะไปพัก การพบปะกับเด็กชายที่จะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด และแน่นอน... พิมจะคิดถึงแฟนหนุ่มนักบินของตนที่อาจต้องห่างกันไปชั่วคราว เธอตื่นเต้นกับบทบาทใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ และไม่รู้เลยว่าการเดินทางครั้งนี้จะนำพาให้พบกับอะไรบ้าง... บ้านที่เธอจะไปพักเป็นบ้านของเจ้าของฟาร์มม้าและสวนผักผลไม้ขนาดใหญ่ ส่วนเด็กที่ต้องดูแลคือเด็กชายวัย 5 ขวบที่พ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้ ผู้จัดการสวนเป็นคนกลางที่ประสานงานในครั้งนี้ และถึงแม้เธอเรียกเงินเดือนสูงในราคา 60,000 บาทต่อเดือน ทางผู้ปกครองก็ยินดีจ่ายโดยไม่ต่อรอง แม้เงินเเดือนราคานี้จะดูสูงมากในฐานะพี่เลี้ยงดูแลเด็ก แต่สำหรับอาชีพแอร์โฮสเตสของพิมมันกลับน้อยกว่ารายได้ปกติลงไปมาก แต่ในช่วงที่ไม่มีไฟลต์บินแบบนี้ ก็ถือเป็นโอกาสดีที่ เธอ จะได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และถึงแม้จริงๆ แฟนหนุ่มนักบินของพิมอาจจะไม่ค่อยเห็นด้วยนักแต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร พิม เก็บกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยครั้งใหม่ เสื้อผ้าที่เหมาะกับชีวิตในฟาร์มและอุปกรณ์การข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ เธอคิดถึงบทสนทนากับแฟนหนุ่มนักบินที่บอกว่า "ไปดีๆนะ คิดถึงกันด้วย แต่พี่ว่าหนูอยู่ไม่ถึงอาทิตย์ก็ร้งกลับมาแล้ว" น้ำเสียงที่แสดงความไม่เชื่อมั่นว่าเธอจะไปใช้ชีวิตในฟาร์มแบบนั้นได้ ทำให้พิมอยากที่จะพิสูจตัวเองให้สำเร็จ แต่เธอก็เข้าใจว่าที่เขาพูดแบบนี้ก็เพราะว่าเขาไม่ค่อยอยากให้พิมไปไหนไกลจากเขา แต่การสื่อสารของเขาอาจจะมีลักษณะที่แตกต่างไปจากที่ควรจะเป็นไปสักหน่อย รถที่พิมเช่าพา เธอออกจากความวุ่นวายของกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่จังหวัดสระบุรี ทิวทัศน์สองข้างทางค่อยๆ เปลี่ยนจากตึกสูงเป็นทุ่งนาเขียวขจีและเนินเขาสลับซับซ้อน อากาศที่บริสุทธิ์กว่าในเมืองใหญ่ทำให้ เธอรู้สึกสดชื่นและตื่นเต้นกับสิ่งที่จะได้เจอ ในที่สุด รถก็เลี้ยวเข้าสู่ถนนดินแดงที่ทอดยาวเข้าไปในบริเวณฟาร์ม กลิ่นดินและพืชพรรณโชยเข้ามาในรถ บรรยากาศเงียบสงบและร่มรื่นกว่าที่คิดไว้มาก พิมมองเห็นคอกม้าไกลๆ และต้นไม้ผลที่ปลูกเรียงรายเป็นระเบียบ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังก้าวเข้าสู่โลกอีกใบหนึ่ง ทันทีที่รถจอดลงที่หน้าบ้าน ผู้จัดการสวนที่เป็นคนติดต่อพิมไว้ มายืนรอต้อนรับอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ที่ดูโอ่อ่าแต่ยังคงความอบอุ่นแบบชนบทในสไตล์ Rustic ของอเมริกา ซึ่งสามารถเห็นได้จากในโลกออนไลน์ที่รวบรวมบ้านจากการออกแบบของสถาปนิกชื่อดัง “สวัสดีครับคุณพิมพ์ฟ้า...” เขาเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น “ยินดีต้อนรับสู่ฟาร์มของเราครับ” พิมยิ้มตอบกลับไป หัวใจเต้นระรัวด้วยความคาดหวัง เธอพร้อมแล้วที่จะเริ่มต้นบทบาทใหม่นี้ ไม่ว่าจะเป็นพี่เลี้ยงให้กับเด็กชายวัย 5 ขวบ หรือแม้แต่การใช้ชีวิตในฟาร์มม้าและสวนผักผลไม้ขนาดใหญ่ที่ไม่คุ้นเคย พิม ก้าวลงจากรถพร้อมรอยยิ้มสดใส และแนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เรียกว่า พิม ก็ได้ค่ะ” นางเอ่ยตอบกลับไป ก่อนจะถามเพื่อความแน่ใจ “คุณผู้จัดการใช่ไหมคะ” ผู้จัดการสวนยิ้มรับ มือของเขายกขึ้นแตะที่อกเล็กน้อยเป็นการแสดงความเคารพ เขาคือ คุณศักดิ์ ชายวัยกลางคนรูปร่างสันทัด ผิวคล้ำแดดจากการทำงานกลางแจ้งอยู่เป็นนิจ ใบหน้าของเขาดูใจดี มีรอยยิ้มอบอุ่นประดับอยู่เสมอ ดวงตาของเขาฉายแววเป็นมิตรและดูซื่อตรง เสื้อเชิ้ตลายสก๊อตที่สวมใส่ดูทะมัดทะแมง บ่งบอกถึงความเป็นคนทำงาน เขาดูเป็นคนเรียบง่ายและเข้าถึงง่าย ซึ่งทำให้ เธอ รู้สึกสบายใจตั้งแต่แรกเห็น "ครับ ผมศักดิ์ครับ ยินดีต้อนรับนะครับคุณพิม" คุณศักดิ์ผายมือเชิญให้คุณเดินตามเข้าไปในตัวบ้าน "ทางนี้เลยครับ เดี๋ยวผมจะพาไปดูห้องพัก แล้วค่อยแนะนำให้รู้จักกับน้องทีโอ" พิมพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมรับคำ เธอสูดหายใจลึกๆ เพื่อรับอากาศบริสุทธิ์จากธรรมชาติเข้ามาเต็มปอด คุณศักดิ์เดินนำเข้าไปในตัวบ้านที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่แค่มองก็รู้ว่าพิธิพิถันในทุกการออกแบบ ในระหว่างทางเขาเริ่มอธิบายรายละเอียดของงานที่พิมจะต้องรับผิดชอบ "คุณพิมมาถึงก็พักผ่อนให้สบายก่อนได้เลยครับ ห้องพักของคุณพิมอยู่ชั้นบน วิวดีทีเดียว" คุณศักดิ์พูดพลางชี้ไปยังบันไดไม้สัก "ส่วนเรื่องน้องทีโอ... ช่วงนี้แกเรียนเตรียมอนุบาลในตัวเมืองครับ เลิกเรียนแล้วกว่าจะกลับมาถึงฟาร์มก็คงจะช่วงประมาณ 5 โมงเย็นนี่แหละครับ" พิมพยักหน้ารับฟังอย่างตั้งใจ คุณศักดิ์อธิบายต่อว่า หน้าที่หลัก ของเธอคือ การดูแลกิจวัตรประจำวันของน้องทีโอ เมื่อน้องทีโอกลับมาถึง พิมจะต้องช่วยดูแลเรื่องการอาบน้ำ แต่งตัว และการทานอาหารเย็น และต้องเป็นเพื่อนเล่น พาทำกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งเสริมพัฒนาการ เช่น อ่านนิทาน วาดรูป หรือเล่นเกมในบริเวณบ้านและสวน และสุดท้ายคือ การดูแลทั่วไป เช่น ตรวจสอบความปลอดภัยและสุขอนามัยของน้องทีโอในระหว่างที่พิมรับผิดชอบดูแล "ส่วนคุณพ่อของน้องทีโอ คือคุณธนินทร์ แกอายุ 42ปี อยู่ในวัยที่กำลังทุ่มเทกับการทำงานอย่างหนักมากครับ ไม่มีเวลาดูแลในเรื่องเล็กน้อยพวกนี้เลย" คุณศักดิ์อธิบายด้วยน้ำเสียงเห็นใจ "เลยอยากให้คุณพิมมาช่วยดูแลในส่วนนี้ครับ จริงๆ ก็เหมือนเป็นพี่เลี้ยงส่วนตัวเลยก็ว่าได้" คุณศักดิ์อธิบายด้วยน้ำเสียงเห็นใจ "เลยอยากให้คุณพิมมาช่วยดูแลในส่วนนี้ครับ จริงๆ ก็เหมือนเป็นพี่เลี้ยงส่วนตัวเลยก็ว่าได้" พิมฟังแล้วเข้าใจในสถานการณ์ของครอบครัวนี้เป็นอย่างดี แม้จะเป็นงานที่ต้องใช้ความอดทนและใจเย็น แต่เธอก็พร้อมที่จะรับผิดชอบ หลังจากที่คุณศักดิ์พาไปเก็บของและพักผ่อนเล็กน้อย พิมก็ลงมาสำรวจรอบๆ บ้าน เธอเดินชมสวนผลไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้าน เห็นต้นไม้เขียวขจีออกผลอุดมสมบูรณ์ และได้ยินเสียงม้าร้องแผ่วๆ มาจากคอกม้าที่อยู่ห่างออกไป สายลมพัดเอื่อยๆ พาเอาความหอมของดินและพืชพรรณมาปะทะจมูก เป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากกลิ่นน้ำหอมในห้องโดยสารเครื่องบินที่คุณคุ้นเคย หลังจากเดินเล่นในสวนผลไม้จนวนกลับมาที่ตัวบ้านอีกครั้ง บรรยากาศเงียบสงบเริ่มมีความคาดหวังแฝงอยู่ เธออดคิดไม่ได้ว่าเด็กชายวัย 5 ขวบคนนี้จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร จะเข้ากับเธอได้ไหม สายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง พลางคิดในใจเมื่อคุณศักดิ์เอ่ยถึงคุณธนินทร์... ‘คุณธนินทร์... อายุ 42 แล้วมีลูก 5 ขวบ... แสดงว่ามีลูกตอนอายุ 38 เลยเหรอเนี่ย? …’ ความคิดนั้นแวบเข้ามาในหัวของพิมอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะฉุกคิดได้ว่า... ‘เดี๋ยวนะ! แล้วฉันล่ะ... ฉันก็ 35 แล้วนี่หนา... ลืมไปเลยว่าตัวเองก็ไม่ใช่วัยรุ่นแล้วเหมือนกัน! ฮ่าๆๆ’ รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนริมฝีปาก เธออดขำกับตัวเองไม่ได้ที่เผลอไปตัดสินคนอื่น ทั้งที่ตัวเองก็ใกล้จะอยู่ในช่วงวัยเดียวกันแล้ว ‘คุณธนินทร์คงเป็นคนวัยกลางคนคนหนึ่งจริงๆ นั่นแหละ ที่กำลังวุ่นกับการทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวจนไม่มีเวลาให้ลูกชายตัวน้อย…’ พิมพยักหน้ากับความคิดของตัวเอง ชายวัย 42 ที่เป็นเจ้าของฟาร์มม้าและสวนผลไม้ขนาดใหญ่ แถมยังต้องทำงานหนักจนไม่มีเวลาดูแลลูก... ภาพในจินตนาการของคุณพิมเริ่มชัดเจนขึ้น เขาคงเป็นคนจริงจัง มุ่งมั่น และอาจจะดูสุขุมรอบคอบ พิมยังคงเดินสำรวจรอบๆ ตัวบ้านชั้นล่างอย่างเพลินๆ เธอเดินผ่านสวนหย่อมเล็กๆ สัมผัสความร่มรื่นของต้นไม้ใบหญ้า จนกระทั่งสายตาเหลือบไปเห็นบางสิ่งบางอย่างที่มุมหนึ่งที่ห่างออกไปจากบริเวณบ้าน ไม่ไกลจากลานกว้าง เธอเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างม้าตัวใหญ่สีดำสนิท เขาสูงใหญ่ สง่างามในเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเข้มและกางเกงยีนเก่าๆ ที่ดูเหมือนจะผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชน ใบหน้าถูกปกปิดไว้ครึ่งหนึ่งด้วยผ้าปิดหน้าสีเข้ม และสวมหมวกปีกกว้างที่ดึงลงต่ำ บดบังใบหน้าส่วนบนเกือบทั้งหมด เหลือเพียงช่วงล่างของใบหน้าที่เห็นเค้าโครงคมสัน รูปร่างของเขาดูบึกบึน มีกล้ามเนื้อที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อผ้าแต่ก็ยังพอสัมผัสได้ถึงพละกำลัง เขากำลังสาละวนอยู่กับการผูกบังเหียนม้าตัวนั้นอย่างเงียบเชียบ -🖤🤍🖤-บทที่ 52 ถอยห่างธนินทร์ ยืนนิ่งอยู่กลางห้องนั่งเล่น มองประตูห้องนอนที่ปิดลงอย่างช้าๆ ความรู้สึกผิดหวังและเจ็บปวดเริ่มเข้ามาเกาะกุมหัวใจ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆ เธอถึงมีท่าทีเปลี่ยนไปขนาดนั้น แต่ไม่ว่ายังไงเขาจะทำทุกอย่างให้เธอรู้ว่าเขาจริงจังกับเธอมากแค่ไหน และเขาจะทำให้เธอรู้ว่าความสัมพันธ์ของเรามันไม่ใช่เรื่องเล่นๆห้องนั่งเล่นกลับเข้าสู่ความเงียบสงบอีกครั้งมีเพียงแสงไฟสลัวๆที่ยังคงส่องสว่าง ร่างสูงเดินกลับไปเก็บจานชามที่เหลือบนโต๊ะอาหารอย่างเงียบๆ และนำไปเก็บในครัว เขามองไปยังหน้าต่างที่พิมเคยยืนคุยโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ด้วยแววตาครุ่นคิดความฝันเมื่อกี้ยังคงชัดเจนในหัวเขา มันเร่าร้อนและสมจริงเสียจนเขาแทบแยกไม่ออกว่าอะไรคือความจริง ภาพของพิมที่ยั่วยวนเขาในความฝัน ทุกสัมผัส ทุกคำพูด ยังคงวนเวียนอยู่ในความคิด เขายังรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทุกครั้งที่นึกถึงมัน
บทที่ 51 นี้คือความสัมพันธ์แบบไหนเมื่อแฟนหนุ่มรับสายพิมก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติที่สุด แต่ก็ยังแฝงความรู้สึกบางอย่างเอาไว้"พี่ทำอะไรอยู่""มีอะไรไหม? ยังไม่พร้อมคุยตอนนี้ พี่ทำงานอยู่" เสียงเข้มตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดตามสไตล์ของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่พิมคุ้นเคยดีเมื่อเขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่อยากจะคุยแม้เรื่องนั้นจะเร่งด่วนจำเป็นแค่ไหน ถ้าตัวเขาไม่พร้อมก็คือไม่คุยคำพูดนั้นแทงเข้ากลางใจของร่างบางทันที ราวกับมีดที่กรีดลงไปบนบาดแผลทางใจที่เธอกำลังเผชิญอยู่ ความร้อนรุ่มที่เคยมีต่อธนินทร์พลันเย็นชาลงด้วยความเจ็บปวดจากคำพูดที่คุ้นเคยพิมรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าด้วยความจริงอันโหดร้าย ทั้งๆ ที่เมื่อครู่เธอยังรู้สึกผิดแทบตายกับเขา แต่คำพูดของเขากลับทำให้ความรู้สึกผิดนั้นถูกแทนที่ด้วยความชาชินและเจ็บปวด
บทที่ 50 ความผิดในใจเธอหั่นขอบขนมปังออกทั้งหมด เพราะคิดว่าเด็กๆ ไม่น่าจะชอบ จากนั้นก็ใส่เนยลงในกระทะเพียงเล็กน้อย รอจนเนยละลายดีแล้ววางขนมปังสองแผ่นลงไปในกระทะร้อนๆขณะที่ขนมปังกำลังปิ้ง เธอก็แกะห่อแฮม แล้ววางแฮมลงไปที่พื้นที่ว่าง ในกระทะเพื่อให้แฮมสุกพอประมาณ เมื่อด้านหนึ่งเริ่มเกรียมเล็กน้อย เธอก็กลับขนมปังและแฮมอีกด้านจากนั้นพิมก็วางชีสลงบนขนมปังทั้งสองแผ่น แผ่นละหนึ่งแผ่น รอจนชีสเริ่มละลายกำลังดี เธอก็วางแฮมที่สุกแล้วลงบนขนมปังแผ่นหนึ่งที่มีชีส ก่อนจะ นำขนมปังอีกแผ่นที่มีชีสมาประกบทับ กลายเป็นแซนด์วิชแฮมชีสชิ้นอวบเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยหญิงสาวก็ยกขนมปังแฮมชีสออกจากกระทะ แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอดีคำ 6 ชิ้น จัดใส่จานอย่างสวยงามพิมยกจานขนมปังแฮมชีสมาหาสองคนพ่อลูก ที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะในห้องนั่งเล
บทที่ 49 ไอ้ลูกชาย....ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าใกล้พิมช้าๆ เพียงชั่วลมหายใจก่อนริมฝีปากจะสัมผัสกัน เขากระซิบถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและให้เกียรติ "พิม... ผมขอจูบได้ไหม"ร่างบางกำลังจะเอ่ยปากตอบ แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ"แดดดี้~~~" เสียงเล็กๆ ของน้องทีโอดังขึ้นอย่างงัวเงียขณะที่เขาเดินออกมาจากห้องนอนพิมสะดุ้งด้วยความตกใจรีบดันอกธนินทร์ออกทันที แรงดันนั้นทำให้ธนินทร์ที่กำลังโน้มตัวเข้ามาเสียหลักเล็กน้อย‘อะไรกัน! ทีโอ!’ ทำไมต้องเป็นตอนนี้! ร่างสูงรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง หัวใจเจ็บแปลบที่ความตั้งใจอันแน่วแน่ถูกขัดจังหวะในวินาทีสุดท้าย แต่เขาก็ต้องควบคุมตัวเอง... น้องทีโอต้องมาก่อนเสมอธนินทร์เองก็ชะงักค้างไปในท่าที่กำลังโน้มตัว เมื่อได้ยินเสียงเรียกของลูกชายใบหน้าของเขาปรากฏแววผิดหวังอย่างชัดเจ
บทที่ 48 การล้างจานที่แสนโรแมนติกคนตัวสูงหยุดล้างจานชั่วขณะ พร้อมเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวข้างๆด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูและรอยยิ้มอบอุ่น"มาทำอะไรตรงนี้ ไปพักเถอะ" ธนินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจหรือไล่ให้เธอไปไหนจริงจังร่างบางไม่ตอบคำพูดของธนินทร์ แต่เธอยื่นมือไปหยิบฟองน้ำที่วางอยู่ข้างๆ ซิงค์น้ำแล้ว เริ่มช่วยเขาล้างจานโดยไม่พูดอะไรธนินทร์มองพิมด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน เขาไม่ได้ห้ามเธออีกต่อไปแต่กลับรู้สึกดีใจที่เธอมาอยู่ข้างๆ"ขอบคุณนะ" ธนินทร์เอ่ยเสียงนุ่มนวลร่างสูงขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้พิมมีพื้นที่ในการล้างจานสะดวกขึ้น ทั้งสองคนยืนล้างจานอยู่ข้างๆ กันในความเงียบ มีเพียงเสียงน้ำไหลและเสียงจานชามกระทบกันเบาๆ บรรยากาศในครัวเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความรู้สึกที่ยากจะบรรยายพิมไม่ตอบคำพูดของธนินทร์ เธอเริ่มช่วยเขาล้างจานอย่างเงี
บทที่ 47 ความทรมารใจของธนินทร์ร่างสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยายามสงบสติอารมณ์อีกครั้ง เขาเดินตามพิมออกไปที่ห้องนั่งเล่นอย่างเงียบๆเมื่อเดินมาถึงห้องนั่งเล่น พิมก็เห็นโต๊ะอาหารขนาดเล็กที่ถูกจัดวางไว้อย่างเรียบร้อย มีอาหารวางอยู่สองสามอย่าง เช่น ข้าวสวยร้อนๆ แกงเลียง และปลากะพงทอดน้ำปลา ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายร่างบางเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับที่ธนินทร์ตั้งใจจะนั่ง โดยไม่รอช้าเธอก็ตักข้าวเข้าปากทันทีเพราะความหิวที่สะสมมาทั้งวันคนตัวสูงเดินไปนั่งลงฝั่งตรงข้ามเขามองพิมที่กำลังทานอาหารอย่างรีบร้อนด้วยสายตาที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยความห่วงใย"ค่อยๆ ทานก็ได้ ไม่ต้องรีบ" ธนินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "ทีโอคงจะหลับลึกแล้ว ไม่ต้องห่วง"หญิงสาวเงยหน้าขึ้นจากจานข้าว ดวงตาที่ยังคงปรือเ
Comments