ภัตตาคาร
ท้ายที่สุดภารัชชาก็มิอาจขัดคำสั่งปรางสิตาได้ เธอเติมแต่งใบหน้าที่ขาวราวกับหยวกด้วยที่ปัดแก้มสีชมพูอ่อน ปาดลิปสติกสีสวยบนริมฝีปากรูปกระจับดูอวบอิ่ม
เธอสวมชุดเดรสกระโปรงสีมุกดูสุภาพ เพื่อมาพบคุณหมิงกับคุณหลี่จูที่ภัตตาคารหรู ถึงจะไม่เต็มใจก็ตามที แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะขัดขวางการแต่งงานครั้งนี้ได้
ซ่งไป๋หรือในนามหมอไป๋ที่ใครต่างก็รู้จัก ชื่อเสียงเรียงนามค่อนข้างดังกระฉ่อนเรื่องความโฉด ขนาดเธอที่ไม่ฝักใฝ่ใคร่รู้ชีวิตคนอื่น ยังได้ยินประวัติความโหดร้ายของเขาผ่านหู
หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันหมด ว่าหมอไป๋เป็นคนไร้หัวใจทั้งโหดเหี้ยมและเย็นชา เธอไม่เคยเจอตัวจริงก็เลยไม่รู้ว่าเป็นอย่างที่พูดจริงไหม
จวบจนกระทั่งวินาทีที่ได้เผชิญหน้า ภารัชชารู้แจ้งแจ่มชัดแล้วว่าหมอไป๋เป็นอย่างที่คนเขาพูดจริงเชียว
“จะให้ผมแต่งกับลูกเมียน้อยอย่างเธอเหรอครับ” เสียงเย็นเยียบเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น
คำพูดที่ตอกหน้าเธอบนโต๊ะอาหาร ทำเอาภารัชชาหน้าชาวาบราวกับถูกของแข็งฟาดเข้าอย่างจัง
“หนูภารัชชาเพียบพร้อมทั้งหน้าตาและการศึกษา อีกอย่างคุณปรางสิตาเป็นเมียรองที่มีหน้าตาในสังคมเชียว” คนเป็นพ่อพูดอย่างใจเย็น แต่แววตาดุดันเหมือนลูกชายไม่มีผิด
“ดีแค่ไหนก็กลบคำว่าลูกเมียน้อยไม่ได้อยู่ดี” พอเขารู้ว่าต้องเข้าประตูวิวาห์กับภารัชชา หมอไป๋ก็อยากค้านหัวชนฝากับการจับคู่เขากับลูกภรรยารองบ้านสกุลนี้
“ตาไป๋อย่าเถียงพ่อสิลูก” หลี่จูปรามลูกชายให้หยุดวาจา
“แกอยากได้ทุกอย่างของเหลียนฮวากรุ๊ปไม่ใช่รึไง”
“แล้วยังไงครับ”
หมอไป๋คิ้วกระตุก ในเมื่อเขาเป็นลูกของภรรยาหลวง เขาก็ควรได้ทุกอย่างที่เป็นของเหลียนฮวากรุ๊ปไม่ใช่หรือไง
“แต่ถ้าแกขัดคำสั่งฉัน แกจะไม่ได้อะไรเลย”
“แต่พ่อครับ...”
หมอไป๋ใจร้อนรัวเร็วอยากล่มงานวิวาห์นี้ ผู้เป็นแม่เห็นท่าไม่ดีรีบปรามอีกรอบ หวังจะคลี่คลายสถานการณ์ที่ดุเดือด ราวกับเพลิงกัลป์ที่ถูกโหมกระหน่ำด้วยน้ำมันเชื้อไฟให้สงบลง
“ถึงคุณปรางสิตาจะเป็นเมียรอง แต่ก็มีคนนับหน้าถือตานะลูกไป๋ หนูภารัชชาก็เป็นลูกสาวเจ้าสัวชาญชัยด้วย แม่ว่าถ้าเราจะดองกันไว้ก็มีแต่ประโยชน์ดีกับพวกเรานะ”
หลี่จูผู้เป็นแม่แตะมือลูกชายให้ใจเย็นก่อน แต่แววตาเหี้ยมเกรียมของหมอไป๋ก็ทำใจภารัชชาสั่นประหม่าอยู่ดี
“คุณไป๋ไม่เหมาะกับหนูหรอกค่ะคุณหลี่จู...”
“หนูชา”
ภารัชชาคลี่ยิ้มให้อีกฝ่าย เธอนั่งตรงข้ามกับทั้งสามคนพ่อแม่ลูก เหมือนกำลังถูกสอบสวนคุณสมบัติการเป็นสะใภ้ตระกูลซ่ง ไม่รู้หาคู่ให้ลูกหรือแม่พันธุ์ชั้นดีผลิตทายาทกันแน่
“คนที่ดีทั้งหน้าตา การศึกษา และวงศ์ตระกูลไม่ควรจะลดตัวมาแต่งงานกับลูกเมียรองจริงๆ ค่ะ” ภารัชชาจงใจใช้คำพูดจิกกัดเขา เพราะหมอไป๋ก็ตั้งใจจะเหยียดเธอแต่แรกเหมือนกัน
“อย่าเสแสร้งหน่อยเลยภารัชชา”
“ฉันเสแสร้งตรงไหนมิทราบคะ”
“เธอได้ทั้งขึ้นทั้งล่องจะอวดดีไปทำไมกัน”
หมอไป๋แสยะยิ้ม สายตาที่มองเธอมีแต่ความเกลียดชัง แค่รู้ว่าภารัชชาเป็นลูกเมียน้อยเขาก็แขยงเต็มแก่แล้ว
ซ่งหมิงคนเป็นพ่อไม่พูดอะไร หลี่จูก็มิอาจแย้งในสิ่งที่ลูกชายกำลังปรามาสภารัชชา ราวกับนี่คือบททดสอบแรกของเธอที่ต้องรับมือกับชายฝีปากกล้าอย่างซ่งไป๋
“รู้มั้ยว่าอะไรที่ฉันเกลียดรองจากการทำงานพลาด”
“ราคาหุ้นตกจนกราฟแดงดิ่งติดต่อกันล่ะมั้งคะ”
“เปล่า แต่เป็นพวกลูกเมียน้อยที่ชูคอหน้าสลอนแบบนี้”
เธอกำมือบนหน้าตักเข้าหากันแน่น แต่ไม่แสดงสีหน้าใดให้ละอายใจ ไม่เช่นนั้นเขาคงคิดว่าถือไพ่เหนือกว่าอยู่ อยากจะเหยียบย่ำความรู้สึกเธอให้ป่นปี้ยังไงก็ได้
“แม่ก็เร่ขายลูก ลูกก็เสนอตัวจนตัวสั่น”
“ให้มันน้อยหน่อยตาไป๋”
พ่อเขาแทรกขึ้นเสียงเข้ม ทั้งสองผัวเมียตระกูลซ่งอยากได้ลูกสาวบ้านนี้ เพียงเพราะจะฮั้วะเรื่องธุรกิจกันก็เท่านั้น
แต่น่าเสียดาย เมื่อดันเหลือลูกสาวคนเล็กอย่างภารัชชา ถ้าหากพลอยลดายังไม่ตบแต่งออกเรือนไป คนเป็นพ่อกับแม่ก็คงจะให้มาแต่งกับลูกชายของตัวเองแล้ว
“เหอะ ยังกล้ามีลูกประจานความทุเรศของตัวเองอีก” เขาแค่นยิ้มเย้ยหยันเธอที่สบตาอย่างไม่ลดละ
“ไม่คิดว่ามันมากเกินไปเหรอคะคุณไป๋”
“ลูกเมียน้อยก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ”
ภารัชชามองแก้วแชมเปญขวามือ เธออยากจะยกแล้วสาดใส่เขาให้หยุดพูดจาต่ำทรามสักที แต่หัวเดียวกระเทียมลีบแบบนี้จะทำอะไรได้นอกจากกัดฟันกรอด
“ผู้หญิงที่ทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อแย่งผู้ชายของคนอื่นไปครอง มันน่าสมเพชจนฉันสะอิดสะเอียนเต็มกลืนเลยรู้มั้ย”
“คุณคงมีปมกับลูกเมียน้อยฉันเข้าใจได้ค่ะ”
รังสีอำมหิตแผ่กระจายรอบตัวหมอไป๋ ผู้ใหญ่ทั้งสองนั่งฟังเด็กทั้งคู่ต่อปากกัน และพ่อของเขาก็แสยะยิ้มออกมา เมื่อได้ยินภารัชชาสู้ลูกชายกลับแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
แบบนี้สิถึงจะเหมาะสมกับลูกชายของตระกูลซ่ง…
“งั้นคุณคงต้องทิ้งศักดิ์ศรีลง เพื่อมาแต่งงานกับลูกเมียน้อยอย่างฉันแล้วล่ะค่ะ”
“เหอะ”
“เหล่ากง...”
VENIKA WEDDINGคนทั้งคู่ที่เกลียดกันตั้งแต่แรกพบ กลับต้องมานั่งลองชุดแต่งงานร่วมกัน บรรยากาศในร้านก็พาลอึมครึ้ม แลดูขมุกขมัวราวกับมีพายุฝนลูกใหญ่ก่อตัวระหว่างเขาและเธอหมอไป๋หน้าบอกบุญไม่รับ นั่งไขว่ห้างไม่สนใจภารัชชา ที่เลือกทั้งการ์ดและของชำร่วยในงานอย่างตั้งใจอยู่วันหยุดไม่มีเคสให้ต้องผ่าตัดทั้งที กลับต้องมานั่งทำเรื่องไร้สาระจนหัวเสียแต่เช้า แค่ต้องนั่งรถคันเดียวมากับเธอ หมอไป๋ก็หงุดหงิดงุ่นง่านจนเพลิงอัคคีจะปะทุออกจากอกอยู่แล้ว“อยากได้สีการ์ดโทนไหนดีคะคุณไป๋” ภารัชชาชวนเขาให้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นตัวเขาเองก็ควรมีส่วนร่วมเหมือนกัน ในเมื่อเธอไม่ได้เข้าวิวาร์รักจอมปลอมกับตัวเองสักหน่อย แต่มีหมอไป๋เป็นเจ้าบ่าวของงานนี้ต่างหากพูดจบแล้วเธอก็หันโทนสีของการ์ดให้เขาดู หมอไป๋ปรายตามองแล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายเต็มทน“ก็เลือกมาสักสี จะถามพร่ำเพื่อทำไม”“ฉันแค่อยากถามความเห็นคุณค่ะ”“เธอจะจริงจังกับวิวาห์จอมปลอมนี่ไปทำไม”น้ำเสียงเขาเจือรอยเย็นชาปนความหงุดหงิดใจ ใบหน้าคมคายไร้ซึ่งอารมณ์ร่วมในการสนทนา ทำเธอหน้าเจื่อนแต่ยังฝืนอดรนทนกลั้นเก็บอาการอยู่ภารัชชาสูดลมหายใจเข้าเพื่อปรับอารม
THE 619 BARเจ้าของร่างสูงกำยำราวร้อยแปดสิบเก้าเซนติเมตร ชายผู้มีใบหน้าหล่อดุจเทพบุตรแต่นิสัยสุดราวกับซาน กำลังนั่งเท้าแขนดื่มเหล้ากับเพื่อนสนิทที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์เขาสบถหยาบระหว่างพูดถึงงานแต่งเดือนหน้าที่จะถึง สั่งเสียชีวิตที่แสนสงบสุขหลังจากนี้ได้เลย เพราะคงจะมีสงครามประสาททุกครั้งที่เจอหน้ายัยผู้หญิงอวดดีแน่นอน“นี่กูต้องตัดชุดเพื่อนเจ้าบ่าวรอใช่มั้ยวะไอ้ไป๋”“ตลกเหรอวะ กูเครียดจะตายห่าอยู่แล้ว”คนที่นั่งฟังอย่างเพลิงเหมันต์ไม่ได้ทำแค่ฟัง แต่ยังขำพรืดจนไหล่สั่นกับการที่เพื่อนรักถูกจับคู่ลูกสาวของภรรยารองคุณหมอไป๋ผู้เงียบขรึมกำลังเดือดกรุ่น เวลานึกถึงใบหน้าของหญิงสาวที่โต้เถียงคอเป็นเอ็นอย่างไม่ลดละ เขาสลัดสีหน้าถือดีของภารัชชาออกจากหัวไม่ได้เลย“ลูกสาวคุณปรางสิตาสวยอย่างกับนางฟ้า การศึกษาก็ไม่น้อยหน้าลูกสาวเมียหลวงด้วยซ้ำ ไม่แย่หรอกเว้ย”“มึงพูดได้ไงว่าไม่แย่”“ก็ไม่แย่นะ ทั้งสวยแล้วก็การศึกษาดีอีก แย่ตรงไหน”เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาระบายลมหายใจใส่ ยิ่งอีกฝ่ายพูดเขาก็พาลหัวร้อนปุดๆ จนอยากเอาถังดับเพลิงมาฉีดดับ ก่อนมันจะลามเผาหัวเขาให้ร้อนผ่าวไปมากกว่านี้“แต่เธอเป็นลูกเมียน้อย...
“ผู้หญิงอะไรหน้าไม่อาย...”เขามองเธอด้วยสายตารังเกียจเดียดฉันท์ พ่นคำพูดที่ไม่ถนอมน้ำใจเพื่อแสดงจุดยืนให้เห็นชัดเจน ว่าตัวเขาไม่ได้ใคร่พิศวาสลูกสาวภรรยารองของบ้านนี้แม้แต่นิดเดียวแม้ว่าจะปฏิเสธงานวิวาห์จอมปลอมในครั้งนี้ไม่ได้ แต่เขาแค่อยากทำให้ภารัชชาได้เห็นด้วยตาเนื้อ ถ้าหากก้าวขาเข้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลซ่งจะต้องเจอกับอะไร“ฉันก็แค่ยอมให้คุณลามปามถึงแม่ฉัน และดูถูกศักดิ์ศรีของฉันไม่ได้เหมือนกันค่ะ” ภารัชชานั่งหลังตรง สบเข้าที่นัยน์ตาสีรัตติกาลราวกับคืนเดือนดับของเขาไม่ละไปไหน“แค่พูดความจริงถึงกับรับไม่ได้เชียวเหรอ”“ฉันรู้ว่าตัวฉันไม่คู่ควรกับคุณเลยสักอย่าง... แต่คุณก็ไม่ได้มีคุณสมบัติสามีที่ดีสำหรับฉันเหมือนกัน”ภารัชชาไม่ใช่คนชอบมีปากเสียง แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่จะยอมให้เขาประโคมคำพูดแย่ๆ ใส่ฝ่ายเดียวเช่นกัน“ฉันไม่ปรารถนาสามีที่ไม่ให้เกียรติภรรยาค่ะ... คุณไป๋”ใบหน้าสวยเข้ารูปรับกับเครื่องหน้า โดยรวมดูอ่อนหวานงดงามดุจภาพวาด แต่ดวงตาคู่งามทำให้เธอดูผยองจองขน เชิดหน้าอย่างหยิ่งทะนงจนน่ากำราบให้ศิโรราบต่อเขา“เหอะ” ผู้นำตระกูลยิ้มชอบใจ ตอนเห็นสายตาฟาดฟันของว่าที่ลูกสะใภ้โต้กลับซ่งหมิงต้อ
ภัตตาคารท้ายที่สุดภารัชชาก็มิอาจขัดคำสั่งปรางสิตาได้ เธอเติมแต่งใบหน้าที่ขาวราวกับหยวกด้วยที่ปัดแก้มสีชมพูอ่อน ปาดลิปสติกสีสวยบนริมฝีปากรูปกระจับดูอวบอิ่มเธอสวมชุดเดรสกระโปรงสีมุกดูสุภาพ เพื่อมาพบคุณหมิงกับคุณหลี่จูที่ภัตตาคารหรู ถึงจะไม่เต็มใจก็ตามที แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะขัดขวางการแต่งงานครั้งนี้ได้ซ่งไป๋หรือในนามหมอไป๋ที่ใครต่างก็รู้จัก ชื่อเสียงเรียงนามค่อนข้างดังกระฉ่อนเรื่องความโฉด ขนาดเธอที่ไม่ฝักใฝ่ใคร่รู้ชีวิตคนอื่น ยังได้ยินประวัติความโหดร้ายของเขาผ่านหูหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันหมด ว่าหมอไป๋เป็นคนไร้หัวใจทั้งโหดเหี้ยมและเย็นชา เธอไม่เคยเจอตัวจริงก็เลยไม่รู้ว่าเป็นอย่างที่พูดจริงไหมจวบจนกระทั่งวินาทีที่ได้เผชิญหน้า ภารัชชารู้แจ้งแจ่มชัดแล้วว่าหมอไป๋เป็นอย่างที่คนเขาพูดจริงเชียว“จะให้ผมแต่งกับลูกเมียน้อยอย่างเธอเหรอครับ” เสียงเย็นเยียบเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้นคำพูดที่ตอกหน้าเธอบนโต๊ะอาหาร ทำเอาภารัชชาหน้าชาวาบราวกับถูกของแข็งฟาดเข้าอย่างจัง“หนูภารัชชาเพียบพร้อมทั้งหน้าตาและการศึกษา อีกอย่างคุณปรางสิตาเป็นเมียรองที่มีหน้าตาในสังคมเชียว” คนเป็นพ่อพูดอย่างใจเย
“ยังไงหนูก็ไม่แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเด็ดขาด...”คำพูดอันเป็นประกาศิตจากภารัชชาบอกกับมารดา ขณะที่เธอกำลังจัดดอกไม้จับช่อใส่แจกันให้สวยงามภายนอกดูนิ่งสงบและใจเย็นดุจผืนน้ำ แต่ข้างในกำลังร้อนรนราวกับมีกองไฟสุมอกให้เธอต้องเป็นกังวล เมื่อคนเป็นแม่ออกคำสั่งให้เข้าประตูวิวาห์กับชายหนุ่มที่ไม่ได้รักใคร่“มันเป็นคำสั่งจากพ่อของแกจะปฏิเสธได้ยังไง”“ทำไมจะปฏิเสธไม่ได้คะ ตัวกับใจมันเป็นของหนูค่ะแม่”ปรางสิตาบุกมาที่ร้านดอกไม้ของลูกสาว ทั้งที่ปกติเธอแทบจะไม่เคยกร่ำกรายเข้ามาด้วยซ้ำ เพราะไม่ชอบกลิ่นดอกไม้ที่หอมคละคลุ้งส่งกลิ่นฉุนฟุ้งโพรงจมูกแต่อุตส่าห์ถ่อสังขารมาทั้งที ดันมาเพื่อทำให้อารมณ์ของภารัชชามัวหม่นแต่เช้าของวัน เพราะผู้นำของบ้านจะจับเธอคลุมถุงชนกับลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลซ่ง“แกอายุ 28 ปีแล้วนะภารัชชา” ปรางสิตาถอนหายใจอย่างเอือมระอา เมื่อลูกสาวเพียงคนเดียวไม่มีคู่ครองสักที“แนวโน้มอายุไขของมนุษย์เราถึง 70 ปีเชียวนะคะ” ภารัชชาพูดขณะใช้กรรไกรตัดตกแต่งกิ่งของดอกไม้คนเราจะรีบมีความรักในวันที่ไม่พร้อมทำไม ตัวเธอขยาดความรักยิ่งกว่าแมลงที่ไต่ยั้วะเยี้ยเสียอีก ถึงจะไม่เคยมีคนรักแต่ก็เข้าใจ