LOGINภารัชชาสบมองดวงตาหมอไป๋ไม่ละไปไหน การที่เขาเปรยมาแบบนี้ก็แปลว่าคงสืบประวัติเธอมาหมดแล้ว แววตาที่มองกันอย่างดูแคลนตอกย้ำเธอให้รู้สึกด้อยค่าตัวเอง
เพราะลูกสาวของภรรยารอง เป็นดั่งนกในกรงทองปรางสิตาไม่มีผิด เจ้าของให้ทั้งข้าวให้ทั้งน้ำและชีวิต แต่ไม่เคยที่จะให้อิสระเธอได้ใช้ชีวิตเป็นของตัวเอง
ทั้งที่รู้ว่าโลกมันกว้างใหญ่ไพศาล แต่ทว่ากลับมองเห็นทุกอย่างผ่านซี่ลูกกรงที่อาศัยอยู่เท่านั้น
“แต่ฉันเข้าใจเธอนะภารัชชา การเป็นลูกของเมียนอกสมรสคงไม่เป็นที่ยอมรับ เธอก็ต้องตะเกียดตะกาย... เพื่อที่จะได้เชิดหน้าชูตาอยู่ในสังคม”
“คุณคิดอย่างงั้นจริงเหรอคะ”
เขามันตัวร้ายในนิยายที่เสแสร้งแกล้งทำเป็นเห็นใจ แต่คำพูดที่หลุดออกจากปาก ล้วนมีแต่คำปรามาสมาดร้ายทั้งนั้น
“นี่คุณคิดว่าการที่ฉันแต่งงานกับคุณ ก็เพื่อจะเชิดหน้าชูตาในสังคมจอมปลอมนี้เหรอ”
ภารัชชาหลุดยิ้มจนหมอไป๋มุ่นคิ้วนิ่วหน้า ถ้าสำหรับเขาจะมองกันแบบนั้นมันก็ไม่ผิดแปลกอะไร แต่สำหรับคนที่เติบโตมาโดยขาดความรักจากแม่ ย่อมโหยหาความรักนั้นกว่าใคร
ใฝ่หาการถูกรักจากผู้ให้กำเนิดเกิดมา...
“ถ้างั้นความต้องการของเธอคืออะไร ความรักเหรอ ?” ซ่งไป๋อยากหัวเราะให้กรามค้าง
ถ้าสิ่งที่เธอต้องการคือความเกลียดชัง เขาคงมอบให้โดยไม่คิดเงินสักแดงเดียว หากแต่ความรักคงเป็นสิ่งเดียวที่เขาไม่มีวันจะมอบมันให้เธอ
“เงินทอง... หรือชื่อเสียงเกียรติยศกอบกู้หน้าลูกเมียน้อย”
“ฉันจะไม่ขอให้คุณมารักกันหรอกนะคะคุณไป๋”
ภารัชชายังคงฝืนยิ้มฝืดเฝื่อนเข้าสู้ แม้จะรู้สึกได้ถึงใต้ตาอันร้อนผ่าวก็ตาม เพราะสิ่งที่เธอต้องการคืออิสระต่างหาก
“และฉันก็จะไม่ขอร้องสิ่งใดจากคุณ นอกจากให้เราสองคนมีทายาทให้ตระกูลซ่งสำเร็จ”
“นี่คือความต้องการของเธอจริงๆ เหรอ”
“ค่ะ คุณจะได้เหลียนฮวากรุ๊ป แม่ฉันจะได้ถือหุ้นใหญ่ในนาวารีรักษ์ นั่นก็แปลว่าเราทั้งคู่ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน”
เพราะเป็นมนุษย์จึงมีโครงสร้างความคิดที่บิดเบี้ยว...
ภารัชชาหวังว่าสักวันเธอจะดีพอ เป็นลูกสาวที่เพียบพร้อมให้กับแม่ แต่สุดท้ายเธอก็เป็นได้แค่นกในกรงขัง นกที่ไม่กล้าพอจะบินออกจากอ้อมอกเพราะรักเจ้าของเหลือเกิน
ปรางสิตาเอาแต่ร่ำไห้ตัดพ้อชีวิต ใช้ความขี้สงสารของภารัชชาเล่นงานตัวเธอ ให้แบกรับภาระแทนแบบไม่มีทางเลือก
“ฉันรู้นะว่าคุณอยากให้ฉันล่มงานวิวาห์ในครั้งนี้”
“เหอะ ฉันจะทำแบบนั้นไปทำไม”
“ก็เพราะว่าคุณ... ไม่ได้อยากแต่งงานตั้งแต่แรก”
หมอไป๋กระตุกยิ้มมุมปาก ปกติเขาไม่ชอบคนรู้ทันความคิดเท่าไหร่ แต่กับเรื่องนี้เขาชอบใจนักที่เธอมองออก
“คุณเป็นศัลยแพทย์ฝีมือดีที่มีอนาคตไกล การแต่งพาลูกสาวภรรยารองเข้าตระกูลคือสิ่งที่แปดเปื้อนในชีวิตคุณ แต่...”
เธอเว้นวรรคช่องว่าง พลางแสยะยิ้มอ่านยากบนมุมปาก
“แต่คุณควรเข้าใจความรู้สึกนี้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอคะคุณไป๋”
“ไหนพูดสิว่าฉันควรเข้าใจอะไรเธอ”
“คุณเอง... ก็เป็นนกน้อยในกรงทองคุณหมิงเหมือนกัน”
ซ่งไป๋นิ่งงันไปหลังโดนตอกหน้า เขาไม่ควรปรามาสเธอซะด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาทั้งคู่ก็อยู่ในสถานะเดียวกัน เป็นนกน้อยในกรงทองของผู้บังเกิดเกล้าทั้งสองคน
“เป็นนกในกรงทองของพ่อแม่... ต่อให้เปิดประตูกรงทิ้งเอาไว้ก็บินหนีไปไม่ได้ ทางเดียวที่จะทำให้คุณเป็นอิสระ คือคุณต้องได้เหลียนฮวากรุ๊ปมาครอง”
“.....”
“ฉันจะช่วยพาอิสระมาให้คุณ... และหลังจากนั้นเราค่อยหาทางหย่ากัน เพื่อคืนอิสระให้กันและกัน ตกลงมั้ยคะ”
ข้อเสนอของเธอฟังดูจะถูกใจหมอไป๋ จนมุมปากเขายกยิ้มโดยไม่รู้ตัว ไม่ใช่แค่ปากคอเลาะร้ายแต่หัวดีใช้ได้อีกด้วย
เหลียนฮวากรุ๊ปเหมือนเส้นชัยจุดสูงสุดของชีวิต เขาทุ่มเททุกอย่างจนอายุเข้าเลขสาม เพื่อจะได้ครอบครองสิ่งที่พ่อและแม่สร้างมา ไม่คิดจะเจียดแบ่งไปให้ลูกเมียน้อยสักนิดเดียว
ภารัชชาก็ต้องอาศัยบารมีซ่งไป๋เช่นกัน ถึงจะเป็นลูกนอกสมรสของเจ้าสัวชาญชัย แต่เงินทองก็ไม่ได้มีมากมาย เพราะเธอไม่ได้เก่งเรื่องงานบริหารมีแค่ร้านดอกไม้งี่เง่าเท่านั้น
หากหมอไป๋ได้ขึ้นเป็นใหญ่ในตระกูลซ่ง เงินก้อนใหญ่สักก้อนคงทำให้เธอได้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่สักแห่ง
เมื่อวันนั้นมาถึง... เธอจะทิ้งทุกอย่างแบบไม่เหลือรอย
“ก็ดี ให้กำเนิดทายาทตระกูลซ่งแล้วรับเงินไป”
ซ่งไป๋ต้องการแค่ทายาทสืบทอดสกุล เขาไม่ได้อยากแต่งเหย้าเข้าเรือนกับภรรยาที่ไม่ได้รัก
หากภารัชชาให้กำเนิดบุตรชายแก่เขาได้ เขาคงจะต้องทำการตบรางวัลใหญ่ให้เธออย่างงาม รวมถึงตลบหลังสัญญาผูกรักจอมปลอมนี่อีกด้วย
“เธออยากได้เท่าไหร่ก็ว่ามา แต่มอบลูกชายให้ฉัน เพื่อที่ฉันจะได้เหลียนฮวากรุ๊ปมาครอง จากนั้นก็ค่อยหย่ากัน”
“ถ้าฉันเรียกมากกว่าหลักร้อยล้านล่ะคะ คุณคิดว่าไง”
ภารัชชามีสีหน้าเรียบเฉย เพราะเธอกำลังหยั่งเชิงอีกฝ่ายอยู่เช่นกัน ถ้าได้ผลประโยชน์ร่วมกัน ราคาที่ต้องจ่ายและได้รับมาก็ต้องเป็นที่พึงพอใจของทั้งคู่สิ
“เธอจะเอาเงินมากมายไปทำอะไร”
“หนีจากกรงทองของแม่ไงคะ...”
คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน สบสายตาภารัชชาที่ยิ้มรับราวกับไม่ทุกข์ร้อน ราคาของอิสระมันแพงหูฉี่กว่าที่คิด หากคิดจะไปก็ต้องไม่ทิ้งร่องรอยหรือตัวตนไว้อีกเลย
“อีกอย่างถ้าวันนึงฉันให้กำเนิดสายเลือดของคุณ... ฉันก็เชื่อว่าคุณไป๋จะเป็นทุกอย่างให้กับลูกได้ค่ะ”
เธอรู้ว่าเขาแต่งภรรยาเพื่ออุ้มท้อง ให้กับสายเลือดของเขาเท่านั้น หลังจากที่ได้ตามใจหวังคงเขี่ยภรรยาทิ้งอย่างไม่ใยดี
แต่เงินที่สูงลิบลิ่วทำให้เธอลังเลใจ รวมถึงความกดดันก็ประดังประเดเข้ามาในคราวเดียวกันอีกด้วย
ซ่งไป๋เป็นหมอฝีมือดี การเลี้ยงเด็กสักคนให้เติบโตมาอย่างดีคงไม่ยาก เพราะงั้นเธอคิดว่ามันคุ้มค่ามากพอที่จะเสี่ยง ก่อนชีวิตนี้จะกลายเป็นเถ้าธุลีโดยที่เธอไม่ได้ใช้เพื่อตัวเองเลย
“เป็นไงบ้างคะ ข้อเสนอนี้พอจะถูกใจคุณบ้างมั้ย”
ชีวิตของหมอไป๋ วนเวียนอยู่กับสองสาวแทบทั้งวัน แต่ส่วนใหญ่เขาจะคอยดูแลเหมยหลินมากกว่า แค่เพราะรู้สึกผิด ที่ไม่สามารถปกป้องเธอไว้ได้จนพลั้งเผลอไปตกหลุมพราง น้องชายสารเลวอย่างเพชรเพทายเหมยหลินเริ่มเบื่อรายการโทรทัศน์ตรงหน้า ยาคลายกังวลที่กินไปก่อนหน้านี้ เริ่มออกฤทธิ์ให้เธอง่วงงุนอยากนอน“ไป๋คะ”“หือ”“คุณชาเขาจะโกรธหลินไหม... หลินมาอยู่แบบนี้”เหมยหลินวางมือบนตักหมอไป๋ เขาหลุบตามองนิ่งๆ ก่อนจับมือบางไปวางไว้ที่ตักเธอแทน พลางลดหนังสือที่อ่านอยู่ลงเล็กน้อยวันนี้เขาไม่มีเคสผ่าตัด เวลาว่างจึงใช้ไปกับการอยู่บ้าน อ่านหนังสือที่อ่านค้างไว้ยังไม่จบ แล้วก็คอยนั่งเป็นเพื่อนเหมยหลิน ตามประกบดูแลอย่างใกล้ชิดตามคำสั่งแพทย์ไม่งั้นเธออาจจะคิดไม่ดีขึ้นมาอีกก็ได้...“อย่าห่วงเลย ภารัชชาไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยอะไร”“ผู้หญิงเราก็คิดเล็กคิดน้อยกันทั้งนั้นค่ะไป๋”เขามุ่นคิ้วคิดไม่ตก จะคิดอะไรให้มากมาย ในเมื่อเขาให้เธอมาอยู่ในฐานะเพื่อน ไม่ได้เอามาเป็นเมียเพิ่มสักหน่อย“แต่ภารัชชา...”“ไป๋รู้จักเธอดีจังนะคะ”ใบหน้าขาวระบายยิ้มอ่อนๆ ต่อให้เหมยหลินรู้สึกดีกับซ่งไป๋ แต่เธอเข้าใจหัวอกผู้หญิงด้วยกันดี ไม่มีหรอ
โรงพยาบาลซ่งไป๋เฝ้าอยู่ข้างเตียงเหมยหลิน เธอจมดิ่งสู้ห้วงนิทรา หลังเอาแต่นั่งร้องไห้จนตัวสั่นโยน สุดท้ายก็ผล็อยหลับไป เพราะคุณหมอให้ทานยาจะได้คลายกังวลก่อนหน้านี้ เธอโทรมาหาเสียงสั่นเครือท่าไม่ค่อยดี ดูหวาดระแวงว่าเพชรเพทายจะทำร้าย เพราะสามีเป็นคนโมโหร้ายใช่ย่อย“ไป๋... เหมยหลินกลัว ฮึก คุณเพชรอารมณ์ไม่ดีเลย ฮือ”สามีเธอคงจะคลั่งปนคับแค้บใจ หลังลูกในไส้หลุดไปก่อนกำหนดเหมยหลินผู้เป็นภรรยา ถึงได้โทรหาให้เขาพาออกมา สุดท้ายเธอก็มีอาการวิตกกังวลหนัก เขาเลยอยากให้อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดหรือไม่ ทางที่ดีควรจะพบหมอทางใจสักหน่อย เผื่ออาการที่เป็นจะพาลให้บรรเทา ทุเลาทุกความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นได้บ้าง“ภารัชชา...”อยู่ดีไม่ว่าดี เขากลับนึกถึงภรรยาที่ไม่คิดจะรักขึ้นมา พลางยกข้อมือขึ้นดูเวลาที่นาฬิกา ดึกดื่นจนป่านนี้แล้ว เธอคงเปิดไฟนอนสบายใจเฉิบสิท่า ไม่ต้องมาระแวงว่าเขาจะกลั่นแกล้งปิดไฟใส่“ถ้าฉันไม่ใช่ลูกสาวของภรรยารอง...”“ฮึก ...ฉันจะถูกรักบ้างมั้ยคะ”คืนนั้น ภรรยาฝีปากกล้าร่ำไห้โฮ ตัดพ้อที่ไม่เคยเป็นคนถูกรัก ปกติทีท่าเย่อหยิ่งและถือดีเป็นที่หนึ่ง พอเขาได้เห็นว่าเธอร้องไห้เป็น หัวใ
ภารัชชาไม่พูดไม่จาสักคำตั้งแต่เข้าห้องมา นอกจากนั่งกอดเข่าร้องไห้ คุดคู้อยู่บนโซฟาปล่อยโฮจนตัวสั่นโยนเจ้าของห้องอย่างสิบทิศ หยิบยื่นกระดาษให้เธอซับน้ำตา นั่งจมจ่อมอยู่ข้างอีกฝ่ายตั้งแต่สิบห้านาทีก่อน ไม่กล้าถามไถ่ถ้าเธอไม่เล่า เขาก็เลยทำได้แค่นั่งรอให้พายุความเศร้าสงบลงเท่านั้น“น้ำ... น้ำไหมน้องชา”“เอาค่ะ ฮึก ขอบคุณค่ะ”เธอพยักหน้าหงึกหงัก แต่ยังหยุดเสียงสะอื้นร้องไห้ไม่ได้เสียน้ำตาไปก็เยอะ ร้องจนเสียงแหบแห้ง ขอเติมน้ำเข้าไปหน่อยจะได้ช่วยหล่อเลี้ยง ไม่ให้น้ำหมดตัวเพราะเสียน้ำตาเท่าโอ่งซะก่อนสิบทิศรอให้ภารัชชาร้องไห้อย่างใจเย็น แม้จะร้อนรุ่มอยากรู้ก็ตามที เขาเดินเข้าไปเอาผ้าผืนเล็ก ถึงไม่รู้อะไรนำพาเธอให้มาหาเขา อีกทั้งยังตากฝนตัวเปียกมาอีกต่างหากแต่เขาจะไม่ถาม รอให้เธอใจเย็นลงกว่านี้อีกหน่อย“พี่ขอเช็ดให้นะ” เขาพูดขึ้นเบาๆ พอเธอไม่ปฏิเสธ เขาก็จัดการใช้ผ้าซับเส้นผมที่เปียกน้ำฝนให้อย่างเบามือความรักไม่เคยง่ายเลย...โดยเฉพาะการเป็นคนไม่ถูกรัก ไม่ง่ายสำหรับเธอเลยสักนิดภารัชชาเพิ่งเข้าใจก็วันนี้ อาการเจ็บชาในหัวใจมันเป็นยังไง เวลานึกถึงภาพของคนที่ไม่รักกัน เหมือนถูกของแหลมคมกรีดซ้ำ
รถยนต์คันหรูจอดเทียบข้างฟุตบาธ ไม่มีประโยครั้งจากสามี เธอจึงทำได้แค่เดินลงจากรถแล้วมองเขาไกลสายตาออกไปคนเก่าเขาคงสำคัญกว่า...ภารัชชาอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงหมดปาก มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องคิดวกวนให้ซ้ำเติมตัวเองเลยเราทั้งคู่จะกลายเป็นคนรักกันได้ยังไง ในเมื่อคนเป็นสามีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอแพ้กุ้ง ที่ผ่านมามันก็แค่ความอ่อนไหวชั่วครู่ชั่วคราว เวลาเธอเศร้าหรือไม่มีใคร เขาเป็นเพียงแค่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ต่างจากคนที่กำลังจะจมน้ำ ไขว่คว้าทุกอย่างที่เกาะได้นั่นแหละกลับบ้าน...ความหมายคือกลับบ้านที่เคยอยู่ ไม่ใช่เพนส์เฮ้าส์ของซ่งไป๋ ภารัชชานั่งรถมาลงที่บ้านสกุลนาวารีรักษ์ คนแรกที่นึกถึงคือแม่ ถึงแม้ตั้งแต่เกิดมาจะไม่เคยสัมผัสคำว่าความอบอุ่นก็ตามแต่เธอยังหวังว่าแม่จะแบ่งปันมาให้บ้างในสักวัน...ร่างบางเดินลากเท้าเอื่อยเฉื่อยเข้ามาในบ้าน หันไปยกมือไหว้แม่นมที่เคยเลี้ยง แต่กลับไม่พบคนอื่นอยู่ในบ้านแล้ว อาจเป็นเพราะเวลานี้คือทุ่มกว่า ทุกคนคงแยกย้ายกันกลับไปในพื้นที่ของตัวเอง“แม่คะ...” เธอคลี่รอยยิ้มเศร้า เหม่อมองแม่ที่เดินลงมาจากบันไดบ้านชั้นสองพอดีปรางสิตาที่เห็นลูกสาวก็เบิกตาตกใจ พ
คฤหาสน์ตระกูลซ่งข่าวที่เหมยหลินแท้งลูกไม่ได้ถูกแพร่งพรายออกไป จุดสำคัญคือเธอเป็นนักแสดงมีชื่อเสียง และอีกอย่างคือครอบครัวทั้งสองฝ่ายไม่รับรู้ ไม่มีใครได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหมยหลินในคืนนั้นเพชรเพทายก็ไม่อยากให้ใครรู้เช่นกัน ไม่งั้นคงมีผลต่อกองมรดกในอนาคตอย่างแน่นอนเหมยหลินสูญเสียลูกในท้อง ภารัชชาที่รับรู้ก็เห็นใจ อยากจะไถ่ถามด้วยความเป็นห่วง แต่เธอคงไม่จำเป็นต้องทำหรอกในเมื่อซ่งไป๋... ออกอาการห่วงกว่าเธออีก“ทานทอดมันกุ้งสิครับ เจ้านี้อร่อยมาก” เพชรเพทายตัดทอดมันกุ้งใส่จานภารัชชา เธอหลุบมองนิ่งๆ ในมือเขี่ยข้าวไม่กินสักที“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มรับ แต่ใช้ช้อนเขี่ยไปไว้ขอบจาน“ผัดผักน้ำมันหอยด้วย...”เขายังตักอาหารใส่จานเธอต่อ ในขณะที่ผู้เป็นสามีเธอ คอยหยิบยกจานอาหารที่เหมยหลินเรียกหาส่งให้ เพชรเพทายคงประชดประชัน ที่ได้เห็นว่าหมอไป๋ใส่ใจภรรยาเขาเป็นพิเศษเพราะงั้นเขาก็จะใส่ใจภรรยาพี่ชายบ้าง...หมอไป๋ปรายตามองภารัชชาที่นั่งก้มหน้าไม่พูดไม่จา เธอแทบจะไม่แตะอาหารบนโต๊ะด้วยซ้ำ ข้าวในจานก็พร่องไปแค่นิดเดียวเอง เขาเอื้อมแขนตักกุ้งคั่วพริกเกลือใส่จานเธอสายตาของซ่งหมิงและหลี่จูมองทุกคนบนโต๊ะ
“คุณไป๋อย่าเพิ่งค่ะ...”“เธอไม่อยากจูบฉันเหรอ”เธอผงะใบหน้าถอยหนีเขาที่ยื่นหน้าจะโฉบมาจูบ คำอ้อนวอนขอให้เธอจูบมาจากใจจริง หรือเพียงเพราะเขาเมามายจากไวน์ที่ดื่มไปกันแน่ปกติเขาดื่มเวลามีเรื่องให้เครียด หลายวันมานี้ปัญหาถาโถมเข้ามาพร้อมกันไม่หยุด กอปรกับภรรยานอนหันหลังให้ มิหนำซ้ำยังไม่ได้กินมื้อดึกอย่างที่เคยกินอีกมื้อดึกที่ไม่ได้มีอาหารเป็นส่วนประกอบ แต่เป็นการชิมรสหวานจากตัวของภารัชชาต่างหากเครียดจนต้องรีดน้ำออกสักหน่อยไม่ได้ทำหลายวันคงขุ่นข้นจนคลั่กแน่...“คุณดื่มมาเหรอ” เธอถามเขาเมื่อสังเกตเห็นริ้วสีแดงที่ผิวแก้ม“นิดหน่อย” เขาตอบหน้านิ่ง แต่นัยน์ตาทอประกายวาบหวามภารัชชาหรี่ตาแล้วส่ายหน้าไม่เชื่อที่เขาพูด ดื่มนิดหน่อยแต่ตาหวานเยิ้มมาขนาดนี้ คำว่านิดหน่อยที่พูดคือเหลือไวน์แค่ก้นขวดหรือเปล่า“ภรรยาที่ดีไม่ควรหันหลังให้สามี”“สามีที่ดีก็ไม่ควรผิดนัดภรรยาค่ะ”พอเธอยอกย้อนกลับ เขาก็ชะงักตัวไป เถียงไม่ออกสักคำเมื่อถูกเธอตอกหน้าด้วยความจริงที่เขาผิดสัญญาก่อน“คุณอย่าเอาแต่พูดพร่ำอยากได้ภรรยาที่ดี... แต่หน้าที่การเป็นสามีของคุณบกพร่องเลยค่ะคุณไป๋”ภารัชชาย้ำเตือนความจำให้เขาอีกครั้ง สา







