ในเวลานี้ชายชราและเย่เจียทั้งสามคนยังอยู่ในห้อง ชายที่มีอายุเท่ากันกับชายชรามองไปที่หลูมู่หยานด้วยความสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดพี่ของเขาถึงเชื่อหญิงสาวที่มีทักษะการฝึกฝนต่ำเช่นนี้
หลังจากนั้น สายตาเย็นชาก็เริ่มปรากฏให้เห็น พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้สนใจว่าใบหน้าของหลูมู่หยานจะสะสวยเพียงใด แต่เขาจะไม่ปล่อยให้นางหยิบยื่นความหวังและตบท้ายด้วยการมอบความผิดดหวังให้พี่ชายของพวกเขาอีกครั้ง
หลูมู่หยานไม่ได้สนใจสายตาของผู้อื่น นางหยิบเข็มทองที่ถูกทำขึ้นพิเศษออกมา ก่อนจะฉีดไปตามร่องรอยพลังวิญญาณที่อยู่ภายในเสื้อโค้ชของชายชรา และเจาะจุดฝังเข็มหลายบริเวณบนร่างกายส่วนบนของชายชราผู้นั้น
แม้ว่าร่างกายนี้จะไม่สามารถดูดซับพลังงานที่อยู่โดยรอบได้ แต่หลังจากที่นางดูดซับได้แล้วนั้น หลูมู่หยานก็ยังหาวิธีสะสมพลังงานเหล่านั้นให้เปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณให้คงอยู่ในร่างกาย และการใช้มันทำก็สร้างความเจ็บปวดได้อย่างสาหัสเลยทีเดียว
หลูมู่หยานใช้พลังวิญญาณและเข็มทองในการรักษาชายชราผู้นั้น และเชื่อว่าในครั้งนี้เขาจะไม่เจ็บปวดมากเหมือนที่ผ่านมา และนางเองก็มั่นใจทักษะทางการแพทย์ของตนเอง
ครึ่งชั่วโมงถัดมา ใบหน้าของหลูมู่หยานเริ่มซีดลง เหงื่อกาฬเริ่มผุดขึ้นตามกรอบหน้า ณ ตอนนี้นางยังยังไม่สามารถที่จะรวบรวมพลังงานเพื่อใช้เข็มทองในการรักษาได้อย่างสมบูรณ์ ร่างกายนี้ยังจำเป็นต้องใช้พลังอยู่อีกมาก
ภายหลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมงถัดมา ใบหน้าของหลูมู่หยานกลับต้องซีดลงอีกครั้ง นางหยิบเข็มทองกลับมา ในตอนนี้หลูมู่หยานนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเหนื่อยหอบ นั่นเป็นเพราะนางเริ่มอ่อนแรงเล็กน้อยและหมดแรงจริง ๆ เสียแล้ว สำหรับนางการที่ต้องใช้ร่างนี้ดูจะเป็นสิ่งที่อยากลำบากไม่น้อย
ชายชราที่อยู่ตรงข้ามหลูมู่หยาน นอกจากใบหน้าที่แดงก่ำแล้วยังแสดงถึงความปีติยินดีที่ค้นพบการรักษาด้วยเข็มทองของหญิงผู้นี้ เขาปิดกั้นเส้นลมปราณอยู่นาน ตอนนี้ก็เริ่มคลายตัวแล้วเล็กน้อย และตันเถียนหรือศูนย์กลางพลังงานที่ได้รับความเสียหายจากคมดาบของฉี ก็เริ่มมีกระแสน้ำอุ่นไหลเวียนหล่อเลี้ยงบริเวณดังกล่าวแล้ว เขามองไปยังใบหน้าซีดเผือดของหลูมู่หยานพร้อมกับถามด้วยน้ำเสัยงปนความห่วงใยว่า “สาวน้อย เจ้าเป็นอย่างไรบ้างหรือ?”
หลูมู่หยานส่ายหน้าไปมา “ข้าค่อนข้างเหนื่อยเลยทีเดียวในการรักษาท่าน แต่หากข้าได้พักก็คงจะรู้สึกดีขึ้น แล้วท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?”
“ข้ารู้สึกว่าเส้นปิดกั้นลมปราณค่อนข้างหลวม และยังรู้สึกว่าตัวข้าเริ่มเชื่อมโยงกับตันเถียนที่หายไปแล้ว แต่เส้นลมปราณของข้าจะเจอในอีกหลังจากฉีดมันเข้าไปอีกสองถึงสามครั้งหรือไม่?” ชายชราเริ่มถามอย่างไม่สบอารมณ์
เมื่อฟังคำพูดของชายชราผู้นั้น ใบหน้าของทั้งสามคนที่อยู่ถัดจากเขาก็แสดงความสุขเช่นกัน โดยเฉพาะชายวัยกลางคนที่ยังคงมีท่าทีตื่นเต้นเล็กน้อย
หลูมู่หยานส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ง่ายเกินไป ท่านต้องใช้ยาและเทคนิคพิเศษของเข็มทองเพื่อรักษาอาการป่วยที่ดื้อรั้นอยู่กับท่านมานานให้หายขาด” นางมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเอ่ยพูดอีกครั้ง “ข้าจะไปแล้ว ท่านคอยดูผลจากการรักษาด้วยเข็มทองของข้าในคืนนี้เถอะ แล้วข้าจะกลับมาอีกในรุ่งเช้า”
“เอาล่ะ ชายชรากำลังรอคอยผลการรักษาของหญิงสาวอยู่” ชายชรากล่าวด้วยรอยยิ้มที่หายาก
หลูมู่หยานกลับไปที่สถาบันอีกครั้งในตอนบ่าย นางกินบางอย่างและหลับใหลบนเตียง ตอนนี้พลังวิญญาณในร่างกายเริ่มหมดลง ทำให้ทั้งจิตใจและร่างกายเริ่มอ่อนล้า แต่นางสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งทางร่างกายได้เพียงแค่นอนเท่านั้น หลูมู่หยานปรารถนาอย่างยิ่งที่จะปรับปรุงเม็ดยาชำระไขกระดูกมันเสียตอนนี้ เพื่อทำให้ร่างกายของนางแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่จะได้เริ่มต้นฝึกฝนอย่างจริงจัง
เช้าวันรุ่งขึ้น หลูมู่หยานได้พบกับหลูมู่ไป๋ก่อนที่นางกำลังจะออกไป
“อรุณสวัสดิ์ ท่านพี่!” หลูมู่หยานเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม
รอยยิ้มบางเบาถูกฉายบนใบหน้าที่ไม่ธรรมดาของหลูมู่ไป๋ “เจ้าจะไปไหนแต่เช้าหรือ?”
“ข้าจะไปที่สมาคมทหารรับจ้าง” หลูมู่หยานไม่ได้ต้องการปิดบังถึงสถานที่ที่นางจะไป ในความเป็นจริงแม้ว่านางต้องการที่จะปกปิดก็ไม่อาจทำได้ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับตระกูลหลูที่จะรู้เส้นทางของนางในเมืองหลวงของจักรวรรดิ
หลูมู่ไป๋แสดงความประหลาดใจผ่านดวงตา เขาถามอย่างไม่เข้าใจว่า “เจ้าไปทำอะไรที่นั่นหรือ?”
“ข้าได้รับภารกิจที่เทือกเขาแห่งเพลิง วันนี้ข้าว่าจะไปที่นั่นท่านให้ข้าไปได้หรือไม่”
“เจ้าจะไปเล่นซนที่นั่นหรือ? รู้หรือไม่ว่ามันอันตรายแค่ไหน” หลูมู่ไป๋เริ่มแสดงท่าทีปรามน้องสาวของเขาผ่านใบหน้าเย็นชา
หลูมู่หยานรู้ว่าหลูมู่ไป๋หวังดีกับนาง แต่นางจะปล่อยความไม่พอใจของเขาทิ้งไปก่อน หลูมู่หยานก้าวไปข้างหน้าและดึงแขนเสื้อของพี่ชายเอาไว้ พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านพี่ ข้าต้องการกำจัดขยะชิ้นนั้นให้เร็วที่สุด แต่ข้ากำลังสิ้นหวังกับการมองหาผลไม้แห่งเพลิง ข้าคงต้องเริ่มทำอะไรบางอย่างแทนที่การรอแบบนี้”
“ใครว่าการหาผลไม้แห่งเพลิงเป็นสิ่งที่สิ้นหวังกันเล่า วันนี้ที่ข้ามาก็เพื่อจะบอกเจ้าว่าข้าจะไปที่เทือกเขาแห่งเพลิงเพื่อช่วยเจ้าตามหาผลไม้แห่งเพลิงภายในสองวัน และเจ้าจะต้องรอข้าอยู่ในเมืองหลวง” หลูมู่ไป๋เริ่มแสดงสีหน้าอย่างช่วยไม่ได้
หลูมู่หยานส่ายหัว “ท่านพี่ หากลูกไก่อยากบินขึ้นฟ้า ก็ต้องหัดบินด้วยตัวเองเสียก่อน ข้าต้องการแข็งแกร่ง แต่ข้าก็ไม่ต้องการที่จะพึ่งพาท่านพี่เพื่อให้แข็งแกร่งขึ้นอย่างเดียว และในคราวนี้ข้าก็กำลังจะติดตาม เทือกเขาที่ข้าจะไปนั้นไม่ได้อันตรายเกินไปหรอก” นางจับมือหลูมู่ไป๋อีกครั้ง พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “ปล่อยข้าไปนะท่านพี่ ข้าสัญญาว่าข้าจะกลับมาอย่างปลอดภัย”
“เจ้า! ทำไมถึงได้ดื้อรั้นขนาดนี้หยานเอ๋อร์?” หลูมู่ไป๋ถอนหายใจแผ่วเบา สายตามองไปยังน้องสาวของเขาพร้อมกับพูดว่า “งั้นข้าจะไปกับเจ้า”
“ท่านพี่ ท่านพี่ไม่เชื่อข้าหรือ? ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าสัญญาว่าข้าจะกลับมาอย่างปลอดภัย มีคนเคยบอกว่าหากไม่ตายด้วยภัยพิบัติก็จะได้รับพร ในคราก่อนข้าก็ไม่ตาย และในครั้งนี้มันก็จะไม่มีอะไรผิดพลาด ได้โปรด ให้ข้าได้ลองหาประสบการณ์บ้างเถอะนะ” หลูมู่หยานลูบไปที่ลาดไหล่ของพี่ชายพร้อมกับวาจากะลิ้มกะเหลี่ย
“เจ้านี่มัน ช่างเถอะ หากเจ้าอยากจะไปเจ้าต้องใส่ใจเรื่องความปลอดภัยมาก ๆ รู้หรือไม่?” หลูมู่ไป๋เริ่มมีท่าทางประณีประนอมเล็กน้อย เพราะเขารู้ดีว่าน้องสาวของตนนั้นเก่งไปเสียทุกด้าน แต่อารมณ์ดื้อรั้นหัวชนฝาของนางอาจจะทำให้นางไม่สามารถย้อนกลับมาเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แม้ว่าเขาจะห้ามไม่ให้ไป แต่นางก็จะต้องหาวิธีแอบไปอยู่ดี
เมื่อใช้ความคิดทบทวนสิ่งที่จะเกิดขึ้น หลูมู่ไป๋หยิบเอาเครื่องรางสีเหลืองออกมาจากแหวนนิมิตและมอบให้หลูมู่หยาน “สิ่งนี้คือเครื่องรางเคลื่อนย้ายพันไมล์ หากเจ้าตกอยู่ในอันตรายเจ้าสามารถใช้เครื่องรางนี้ได้ มันจะย้ายเจ้าไปที่เฉียนหลี่ และเจ้าจะปลอดภัย แต่แม้ว่าเจ้าจะไม่เจอผลไม้แห่งเพลิงก็ไม่เป็นไร ข้าจะช่วยเจ้าหามันในเมืองนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือชีวิตของเจ้า”
“ขอบคุณท่านพี่ ท่านพี่ของข้าเก่งที่สุด” หลูมู่หยานหยิบเครื่องรางของขลังและเก็บมันไว้กับตัว
ในโลกนี้ ปรมาจารย์ด้านดาบยังสามารถเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ ปรมาจารย์ด้านเถียนการใช้อาวุธ ปรมาจารย์ด้านการก่อตัว หรือปรมาจารย์ด้านเครื่องราง ฯลฯ แต่พวกเขาก็มีความคล้ายคลึงกับผู้ทรงศีลของพวกเขา ทว่าอาชีพเหล่านี้หาได้ยากในทวีปแห่งนี้ และพวกเขาทั้งหมดมีลักษณะคล้ายกับเบ่าที่ถูกขัดตั้งขึ้นจากกองกำลังติดอาวุธ
“เจ้านี่เอาแต่ใจยิ่งนัก” หลูมู่ไป๋ใช่นิ้วเรียวแตะไปที่จมูกของผู้เป็นน้อง
ในที่สุดหลูมู่หยานก็หลอกพี่ของนางได้ เมื่อเห็นว่าตอนนี้สายแล้วนางจึงรีบเดินไปที่ประตูของสถาบัน แต่แล้วกลับพบกับฉีอี้ซวนและหยุนจิน
“เฮ้ คนนี้ใช่หลูมู่หยานหรือไม่นะ?” หยุนจินก้าวมาข้างหน้าและขวางทางหลูมู่หยาน พร้อมกับเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
หลูมู่หยานมองด้วยสีหน้าซื่อ ชายคนนี้รู้ทั้งรู้ว่านางรีบ แต่ทำไมถึงจงใจขวางทางกัน?
“ใช่! ข้ากำลังรีบ ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะนะ” หลูมู่หยานกล่าว และไม่มีแม้แต่จะเหลือบไปมองฉีอี้ซวนแม้แต่น้อย นางเพียงต้องการรีบออกไปจากตรงนี้ก็เท่านั้น
พฤติกรรมของหลูมู่หยานทำให้ฉีอี้ซวนไม่สบอารมณ์ นางต้องการเล่นสนุกกับเขางั้นหรือ? ถึงได้แสร้งทำเป็นไม่สนใจกัน แต่กระนั้นเขาเองก็อยากจะรู้ว่าหลูมู่หยานคิดจะเล่นอะไรต่อไปกันแน่
“หลูมู่หยาน” ฉีอี้ซวนเอ่ยเรียกเสียงดังพร้อมกับขมวดคิ้ว
หมิงซิ่วไม่ได้สนใจคนรอบข้างที่ลอบมองเขา หากแต่ดวงตาฟีนิกซ์ที่ยาวเรียวภายใต้หน้ากากทำให้หลูมู่หยานมองลึกลงไป แต่เพียงเสี้ยววินาทีมันก็หายวับอย่างรวดเร็วจนคนอื่นไม่สามารถสังเกตได้ทัน เขาหยุดพูด ก่อนจะหายตัวไปเหล่าเย่ที่รอให้หมิงซิ่วจากไป ค่อย ๆ เดินมาหาหลูมู่หยานด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “แม่นางไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” “ขอบคุณท่านเหล่าเย่ที่เป็นห่วงข้า แต่ข้าไม่เป็นไร” หลูมู่หยานยิ้มตอบ พร้อมกับส่ายหัวไปมา หลูมู่หยานรู้สึกถึงแรงสั่นที่มาจากอสูรน้อยในมือของนางที่เริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาของนางกลับนิ่งเรียบ ก่อนจะเอ่ยกับเหล่าเย่ทั้งที่ยังยิ้มว่า “เหล่าเย่ ข้าคงต้องไปก่อน ข้ามีอะไรต้องทำต่อ” “ตกลง เจ้าทำเถิด” เหล่าเย่สังเกตเห็นอสูรร้ายตัวเล็กในมือของนางอยู่ในสภาพที่ไม่ดีนัก เขาจึงค่อย ๆ พรูลมหายใจออกมาด้วยความเสียดาย หลูมู่หยานพยักหน้า จากนั้นจึงหยิบนกหวีดที่คล้องคอไว้ขึ้นเป่า ใช้เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ ม้าอาชาตัวสีขาวสว่างก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าทุกคน นางกล่าวลาหยุนหลัน และคนอื่น ๆ ก่อนจะขึ้นไปที่หลังม้าพร้อมกับอสูรกลืนกินวิญญาณ และออกจากหอการค้าหมิงเหมิงเพื่อมุ่งหน้ากลับไปที่บ้าน ใบหน้
ทันใดนั้นก็มีพลังที่นุ่มนวลจำนวนหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้า ห่อหุ้มไปด้วยก้อนกรวดที่ถูกรัศมีดาบของชายชราในชุดดำบดขยี้ ก่อนจะรวมตัวกันอีกครั้งทีละชิ้น แค่เพียงครู่เดียวรอยแตกที่พื้นบลูสโตนใต้ดินก็เริ่มสมาน และกลับคืนสู่สภาพเดิม“แม่นาง เจ้าเป็นหนี้บุญคุณต่อเทพอีกแล้ว” เสียงของบุรุษที่ฟังแล้วเหมือนจะมีความเป็นผู้ใหญ่ดังแว่วผ่านโสตประสาทของหลูมู่หยานราวกับสายลม ความเฉยเมยระหว่างคิ้วและดวงตาของหลูมู่หยานเริ่มถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้ม แท้จริงแล้วมือนั้นเป็นฝ่ามือของบุรุษผู้มากไปด้วยเสน่ห์ … หมิงซิ่ว! เมื่อมองไปยังฝ่ามือใหญ่ที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิง นางรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นคลื่นของการทำสมาธิ และความรู้สึกไว้วางใจก็เกิดขึ้นในใจของนางอย่างอธิบายไม่ได้ หลูมู่หยานหันกลับมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองบุรุษผู้กล้าหาญรูปร่างสูงโปร่ง และสวมหน้ากากสีเงินที่กำลังเดินเหมือนกับอยู่ที่บ้านตัวเอง ชุดสีแดงของเขาพริ้วไหวไปตามสายลม และพลังที่แผ่กระจายออกมารอบตัวของเขาก็เผยให้เห็นโดยธรรมชาติ และเมื่อเทียบกับบุรุษทุกคนที่อยู่ตรงนั้น คนอื่น ๆ เปรียบเสมือนเป็นเกราะป้องกันของเขา เหมือนกับหิ่งห้อยที่ไม่สามารถเทียบกับเฮาเยว่ได้
ชายชราชุดดำก้าวไปด้านหน้าสองก้าว ก่อนจะยกฮั่วหยุนเตียวจากพื้นด้วยมือของเขา พร้อมกับแสยะรอยยิ้มแปลก ๆ ออกมา เขายังคงท่องคาถายอมจำนนอสูรร้ายอย่างเงียบ ๆ ในปากและหลังจากท่องเสร็จเขาก็ใช้ดาบลมของหยุนลี่กรีดไปที่นิ้วชี้ และหยดเลือดสีแดงลงที่ขนของเสี่ยวซูหลูมู่หยานคลี่ยิ้มเบา ๆ กอดอก พร้อมกับมองไปที่ชายชราที่กำลังทำการแสดงด้วยท่าทีเย้ยหยันชายชราผู้นี้ยังคงต้องการที่จะปราบอสูรร้ายกลืนกินวิญญาณด้วยวิธีนี้ ช่างเป็นความฝันที่เพ้อเจ้อเสียจริงหลังจากนั้นไม่นาน ชายชราก็พบว่าเลือดที่เขาหยดไปนั้น ไม่สามารถเข้ากับร่างกายของอสูรกลืนกินวิญญาณได้ เขาตกใจ และสายตาของเขาก็เริ่มนิ่ง ก่อนจะหยิบเครื่องรางสีแดงออกมาจากแหวนจักรวาล โดยที่ปากยังคงพึมพำท่องคาถาอย่างเงียบ ๆ และแตะเครื่องรางสีแดงด้วยมือของเขา ก่อนที่มันจะตกใส่ร่างของอสูรร้ายจากนั้นชายชราก็ได้สร้างผนึกที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่งขึ้นในอากาศ พร้อมกับบังคับให้เข้าสู่ก้องสำนึกของสัตว์ร้าย จากนั้นก็ได้หยดเลือดลงบนหน้าผากของมันอีกสองสามหยด ดวงตาของมันประกายแสงราวกับมีดาวนับล้าน และนี่คือสัญญาณนักฆ่าในฐานะปรมจารย์อสูรวิญญาณ เขาไม่เชื่อว่าเขาจะยังสามารถจั
หลังจากที่หลูมู่หยานเสร็จสิ้นกับการพูดคุยกับเหล่าเย่ นางก็รีบไปพบหยุนหลันทันที และเมื่อนางออกจากประตูของหอการค้า นางสังเกตเห็นบุรุษวัยกลางคนร่างกายกำยำ และชายชราในชุดสีดำผอมแห้งหยุดอยู่ตรงหน้าหยุนหลัน ก่อนที่นางจะเกิดคำถามขึ้นในใจว่าสองคนนี้เป็นใคร?“มู่หยาน ข้าจะส่งเจ้ากลับไปที่คฤหาสน์นายพล” หยุนหลันพูด ก่อนจะเดินมาหาหลูมู่หยานที่ยืนอยู่ย้อนหลับไปเมื่อครู่ ราชาแห่งเจิ้นซีได้เอ่ยถามพวกเขาถึงผู้ที่ครอบครองฮั่วหยุนเตียว พวกเขาจึงพยายามบ่ายเบี่ยงเพื่อเก็บมันไว้เป็นความลับ ทว่ากู่ยันรันกลับพูดออกไปเสียหมด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเขาจึงต้องไปส่งหลูมู่หยานที่คฤหาสน์นายพล“ตกลง” หลูมู่หยานยิ้ม และพยักหน้าแม้ว่าหลูมู่หยานจะตกลงออกไปแบบนั้น แต่นางสัมผัสได้ว่าการที่นางจะเดินทางกลับนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ ๆ “ทำไมต้องกังวลขนาดนั้นด้วยเล่า” หวังเจิ้นซีเอ่ย ก่อนจะยื่นมือออกไปข้างหน้าเพื่อหยุดหยุนหลันเอาไว้ เขาจะปล่อยให้คน ๆ นั้นออกไปได้อย่างไรหวังเจิ้นซีมองไปยังหลูมู่หยานที่สวมใส่ชุดสีม่วง ผมยาวม้วนขึ้นเป็นมวยแบบธรรมชาติ ดวงตานิ่งเรียบ ประกอบกับใบหน้าที่สวยงามน่าเย้ายวนแม้ว่าอายุยังน้อยหลูมู่ห
ราคาของการประมูลของซีซุยตันทำให้คนที่อยู่ในห้องประมูลส่วนตัวหมายเลขเก้าต้องตกใจ สายตาที่เต็มไปด้วยความริษยาจับจ้องไปทางหลูมู่หยานแทบจะเป็นสายตาเดียว เพราะตอนนี้นางจะกลายเป็นสตรีผู้ร่ำรวย ต่อให้พวกเขากลับบ้านไปได้ช่วงหนึ่ง ก็ไม่สามารถหาเหรียญทองคำจำนวนมหาศาลนี้ได้หยุนจินเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “ดูเหมือนจะทำกำไรถึงสามร้อยล้านเหรียญทองเลยนะ” เมื่อมองไปยังใบหน้าที่หล่อเหลาของหยุนจิน หยุนหลัวก็อดมองว่าเขางี่เง่าไม่ได้ เขาอิจฉาที่ลูกพี่ลูกน้องเขาผู้นี้ได้ยามูลค่าสามร้อยล้านเหรียญไปครอบครอง เสี่ยวเซียงเองก็อดไม่ได้ที่จะมองหยุนจินด้วยความไม่สบอารมณ์ เพราะเขาเองก็อยากจะได้ยาเม็ดไขกระดูกเหมือนกันหลังจากการประมูลซีซุยตันในวันนี้ จะสร้างความตื่นเต้นให้อาณาจักรแห่งอัคคี และประเทศอื่น ๆ ในทวีปวิญญาณสวรรค์ เพราะการจะได้มาซึ่งยาเม็ดนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากดวงตาของกู่ยันรันเต็มไปด้วยเจตนาปองร้ายและอาฆาตแค้น นางไม่เข้าใจว่าทำไมหลูมู่หยานถึงเปลี่ยนไปได้เพียงระยะเวลาแค่ไม่ถึงสามเดือน และนางก็ดีกว่าหลูมู่หยานทุกเรื่อง เว้นพื้นฐานครอบครัว แต่ทำไมนางถึงไม่ได้รับยาซีซุยนั่นนางเกลียด เกลียดหลูมู่หยานขณะ
หลังจากนั้นก็ยังคงมีการประมูลรายการสินค้าอีกหลายอย่างจากหอการค้าหมิงเหมิง ซึ่งซีซุยตันยังไม่ได้เข้าร่วมประมูลโดยตรงหลูมู่หยานยังได้เก็บภาพดอกไม้ลิงสีม่วงที่จำเป็นสำหรับการปรับแต่งจีตัน รวมไปถึงการฝึกฝนอื่น ๆ ทั้งเครื่องมือจิตวิญญาณ ชุดเกราะวิญญาณ แต่นางไม่ได้ต้องการ เพราะรวม ๆ แล้วนางเองได้ประโยชน์มากมายจากการประมูลในครั้งนี้ ณ ห้องประมูลส่วนตัว แขกที่เข้าร่วมการประชุมมักจะเก็บภาพรายการประมูลที่พวกเขาชื่นชอบ ขณะที่เม็ดยาซีซุยไม่ได้รับความสนใจมากนัก ซึ่งอาจเป็นเพราะรูปลักษณ์ของมันที่ไม่ได้ดึงดูดอะไรหลังจากที่รายการสินค้าทั้งหมดถูกประมูลแล้ว หนี่จุนก็ได้คลี่ยิ้มพร้อมกับเอ่ยว่า “การประมูลต่อไปคือรายการสุดท้ายที่ค่อนข้างหนักเป็นพิเศษของหอการค้าหมิงเหมิง และเราก็เพิ่งได้รับเกียรติจากเหล่าเย่ ผู้รับผิดชอบการประมูลโจวกั๋วขึ้นมาเป็นประธาน” เมื่อจบคำพูดของหนี่จุน ผู้เข้าร่วมการประมูลที่อยู่ข้างล่างก็ต่างพากันส่งเสียงวุ่นวายรายการประมูลใดกันที่จะสามารถรบกวนเหล่าเย่ได้ เพราะเขาไม่เพียงแต่เป็นราชาแห่งดาบที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้สะกัดระดับกลางอีกด้วย นั่นทำให้เป็นเรื่องยากที่เข