ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะตั้งรับการกระทำคาดคั้นของคนใจร้ายตรงหน้าคนนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเขาได้ตัดสินไปแล้วว่าเธอคือคนผิด โดยไม่ยอมเปิดโอกาสให้เธอได้แก้ต่างหรืออธิบายอะไรออกไปเลยแม้แต่คำเดียว ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติไปแล้วที่เขาจะตีหน้ากันอย่างที่พูดออกมาทั้งหมด
“มัทไม่ทราบจริง ๆ ค่ะคุณวิน มัทไม่รู้เรื่องพินัยกรรมของคุณท่านจริง ๆ นะคะคุณผู้หญิง” ต่อให้กวินภพคาดคั้นแค่ไหนหญิงสาวก็ยังจะขอยืนยันคำเดิมว่าเธอไม่เคยรู้เรื่องพินัยกรรมของเจ้าสัวไกรวิทย์มาก่อน ไม่รู้เลยสักนิดว่าผู้มีพระคุณของตัวเองจะเขียนพินัยกรรมแบบนั้นขึ้นมา เพราะว่าท่านไม่เคยบอกหรือพูดอะไรเกี่ยวกับมันให้เธอได้รับรู้เลยแม้แต่คำเดียว
“เธอจะไม่รู้ได้ยังไง ในเมื่อเธอเป็นคนเดียวที่อยู่กับปู่ของฉันจนวันสุดท้ายของท่าน นี่คงจะไปเป่าหูท่านก่อนตายสิใช่ไหม ท่านถึงได้สั่งให้ฉันแต่งงานด้วยแบบนี้ หน้าด้าน! ไร้ยางอาย!” คำด่าทอที่รุนแรงไม่ต่างอะไรกับการถูกน้ำกรดร้อน ๆ สาดใส่หน้ากันนั้น ทำให้คนฟังปวดหนึบที่อกข้างซ้ายขึ้นมาอย่างหักห้ามไม่อยู่
มัทนาจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเจ็บปวดกับคำสบประมาทที่เขามอบให้กัน ทั้ง ๆ ที่เธอเองก็ตกใจกับเรื่องตรงหน้าจนแทบจะตั้งรับไม่ทันแท้ ๆ แต่เขาก็ยังไม่วายด่าทอกันไม่หยุดหย่อน ราวกับจะไม่มีทางมองเธอในด้านดีได้เลย หญิงสาวยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าอะไรมันทำให้เขาเกลียดเธอได้มากถึงเพียงนี้
“จะให้มัทตอบอีกสักกี่ครั้งมัทก็ไม่รู้เรื่องจริง ๆ ค่ะ มัทมีหน้าที่แค่คอยดูแลรับใช้คุณท่านตามที่ท่านสั่งเท่านั้น ส่วนเรื่องพินัยกรรมของท่าน ต่อให้คุณวินไม่เชื่อมัทก็ขอยืนยันคำเดิมว่าไม่รู้เรื่องจริง ๆ” หญิงสาวยังคงยืนกรานหนักแน่นไปตามความจริง และดูเหมือนว่าต่อให้เธอจะอธิบายไปจนตายคนตรงหน้าก็ไม่ยอมปักใจเชื่อกันอยู่ดี
กวินภพไม่คิดที่จะมองเธอในแง่ดีเลยสักครั้ง เพราะเวลาเจอหน้ากันแต่ละทีเขาก็เอาแต่กล่าวหาว่าเธอทำดีเพื่อหวังเพียงแค่จะตบตาทุก ๆ คน เพื่อหวังทรัพย์สมบัติของตระกูลของตัวเอง
ซึ่งความจริงแล้วไม่มีเลยสักครั้งที่ความคิดเหล่านั้นจะฉายเข้ามาในหัวของมัทนา หญิงสาวรู้สถานะและที่ไปที่มาของตนเองดี และยังรู้สึกซาบซึ้งต่อบุญคุณของทุก ๆ คนในบ้านหลังนี้ที่ต้อนรับและมอบน้ำใจให้เธอเสมอมา
“ฉันไม่เชื่อ!”
“แต่แม่เชื่อ แม่อยู่กับมัทนามานานกว่าเรานะตาวิน และแม่ก็เชื่อว่ามัทนาไม่ได้โกหก ลูกเองก็รู้ว่าคุณปู่เคยเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดมาแล้วถ้าไม่ได้พ่อกับแม่ของมัทนาช่วยท่านเอาไว้ บางทีที่ท่านทำแบบนี้ก็คงเพราะอยากให้มัทนามีหลักประกันในชีวิตก็ได้นะลูก ลูกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าคุณปู่เรายึดถือเรื่องบุญคุณต้องทดแทนแค่ไหน” คุณหญิงลัดดาวัลย์เอ่ยขึ้นยาวเหยียดไปตามที่รู้สึก แม้ว่าจะยังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่บ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่เชื่อได้คือสายตาใสซื่อของหญิงสาวตรงหน้าที่มันไม่ได้ฉายแววความโกหกให้ได้เห็นเลยแม้แต่วินาทีเดียว
“คุณแม่! นี่คุณแม่เข้าข้างเธอเหรอครับ อ้อ ใช่สินะ ผมลืมไปว่านอกจากคุณปู่แล้ว เธอยังเป็นคนโปรดของคุณแม่ด้วยอีกคน เธอนี่ก็เก่งใช่เล่นนะมัทนา เพราะนอกจากเธอจะปั่นหัวคุณปู่ของฉันได้แล้วยังทำให้แม่ของฉันรักเสียยิ่งกว่าลูกในไส้ได้อีกด้วย ช่างเป็นความสามารถที่น่าปรบมือให้จริง ๆ” กวินภพเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งสะบัดต้นแขนเรียวออกห่างอย่างแรงจนหญิงสาวกระเด็นไปไกลตัวจนเกือบจะล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น เขาจ้องมองด้วยสายตาดุดัน ไม่นานก็หันหลังและเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
“ตาวิน! แล้วนั่นแกจะออกไปไหนอีก กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะ!” คุณหญิงลัดดาวัลย์ตะโกนไล่ตามหลัง แต่ก็ช้ากว่าฝีเท้าของลูกชายตัวดีที่ยังคงก้าวเดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ และไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หันกลับมามองผู้เป็นแม่เป็นครั้งที่สองอีกเลย
“คุณหญิงคะ มัทไม่รู้เรื่องจริง ๆ นะคะ คุณหญิงเชื่อมัทนะคะ มัทไม่เคยต้องการสมบัติของคุณท่าน ไม่เคยต้องการแต่งงานกับคุณวิน แค่บุญคุณที่คุณท่านเลี้ยงดูส่งเสียให้มัทมีโอกาสได้เรียนจนจบมัทก็ไม่รู้จะตอบแทนท่านได้ยังไงแล้ว มัทไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ นะคะ” มัทนาเอ่ยบอกนายหญิงที่มีเมตตาต่อเธอมากทั้งน้ำตา หญิงสาวจำต้องรีบจ้องมองใบหน้าของผู้สูงวัยโดยไม่คิดหลบสายตาเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาสบตาด้วย
“ฉันเชื่อที่เธอพูดมาทั้งหมดนะมัท แต่ข้อความในพินัยกรรมมันก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้เหมือนกัน ในเมื่อคุณพ่อต้องการให้มันเป็นแบบนั้น ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามพินัยกรรมที่ท่านเขียนอย่างไม่มีเงื่อนไข ฉันหวังว่าเธอคงเข้าใจนะ ส่วนเรื่องตาวินเดี๋ยวฉันจัดการเอง เธอไม่ต้องห่วง” หญิงสาวพยักหน้ารับความจริงที่เข้าใจดีทั้งน้ำตา แม้ว่าใจอยากจะขัดแค่ไหน แต่ด้วยสถานะอันต่ำต้อยของตัวเองในตอนนี้มันยากเหลือเกินที่เธอจะกล้าปริปากเอ่ยอะไรออกไป
กวินภพและมัทนาเดินทางมาร่วมงานแต่งงานระหว่างกล้องภพกับรุจิราตามคำเชิญของทั้งคู่ที่โรงแรมหรูใจกลางเมือง แขกนับพันถูกเชิญให้มาร่วมงานตามฐานะของพ่อเจ้าบ่าวและเจ้าสาวภาพของทั้งสองที่เดินจูงมือเข้ามาหาทำให้มัทนาอดยิ้มอย่างมีความสุขกับทั้งสองไม่ได้ ในที่สุดแล้วกล้องภพก็ยอมรับหัวใจตัวเองได้เสียทีแต่อย่างไรลึก ๆ ในใจหญิงสาวก็ยังคงอุตริอิจฉารุจิราไม่ได้ตรงที่ว่าเธอได้มีงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ หนำซ้ำยังได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากเจ้าบ่าวที่แทบไม่ยอมปล่อยให้มือของเขาหลุดออกไปจากมือของเธอเลย “กำลังคิดว่าถ้างานแต่งงานของเราเป็นแบบนี้บ้างก็ดีอยู่ใช่ไหมครับ”เสียงของคนรู้ทันที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปจ้องมองสามีที่กำลังจ้องกันอยู่ก่อนหน้า “เปล่าซะหน่อยค่ะ” เสียงหวานว่ากลับไปแทบจะทันที ก่อนจะจ้องมองคนที่ไม่ว่าจะเมื่อไรก็รู้ทันความคิดของเธอไปเสียตลอดเวลาอย่างเคือง ๆ จะมีสักครั้งไหมที่เธอจะสามารถปิดบังความรู้สึกของตัวเองกับเขาได้จริง ๆ คงไม่มีแน่ ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจตัวเองที่เสียเปรียบกวินภพมาตลอด “อย่าโกหกเลย แค่มองตาก็รู้แล้วว่ามัทคิดอะไร
เกาะตาล เกาะเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในทะเลใต้ ถูกรอบล้อมไปด้วยหาดทรายสีขาว แต่บรรยากาศสวยงามรอบด้านนั้นไม่ได้ช่วยทำให้ชายหนุ่มที่กำลังยืนประจัญหน้ากับเจ้าของเกาะอยู่ในขณะนี้รู้สึกคลายความกดดันที่มีอยู่ ล้อมรอบตัวเองไปได้เลยแม้แต่นิดเดียว “สวัสดีครับท่านเจ้าสัว ผมชื่อกล้องภพครับ” กล้องภพตัดสินใจเอ่ยแนะตัวออกไปช้า ๆ ก่อนจะจ้องมองเจ้าสัวบัณณ์ พ่อของรุจิราด้วยสายตานอบน้อมถ่อมตัวเมื่อกล่าวจบ “ผมรู้ว่าคุณเป็นใคร แต่ที่อยากรู้มากกว่าคือคุณมาทำอะไรที่นี่บนเกาะส่วนตัวของผม” เสียงก้องกังวาลจากผู้อาวุโสกว่าดังตอบ ก่อนจะจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาไม่เป็นมิตรสักเท่าไร เพราะนอกจากจะรู้ว่ากล้องภพเป็นใครแล้วนั้นยังรู้ด้วยว่าเขาคือคนที่ทำให้ลูกสาวเพียงคนเดียวที่เปรียบได้ดั่งแก้วตาดวงใจของตัวเองต้องพาตัวเองกลับมาที่นี่พร้อมกับความโศกเศร้าอย่างหนักหน่วง “ผมมาตามลูกกับเมียกลับบ้านครับท่าน” “ไหนล่ะลูกเมียที่คุณว่า” “หนูรุ้ง...ลูกสาวของท่านครับ เธอเป็นภรรยาของผม และตอนนี้ในท้องของเธอก็ยังมีลูกของผมอยู่” คำบอกเล่าจากปากของชายหนุ่มสร้างค
“ไม่ต้องอายหรอกน่า ฉันเห็นหมดทุกซอกทุกมุมแล้ว หรือถ้าอาย จะให้ฉันถอดเป็นเพื่อนเอาไหม ฉันเองก็ชอบนะแบบนั้น มันจะได้ดูไม่เป็นการเอาเปรียบเธอจนเกินไป” คนอะไรพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย มัทนาส่งค้อนวงใหญ่ให้คนที่ไม่รู้จะปากตรงกับใจไปไหนก่อนจะเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีเมื่อเขาโน้มเข้ามาชิดใกล้ “เอาไงครับที่รัก สรุปฉันต้องถอดเป็นเพื่อนมัทด้วยไหม” “ไม่ต้องค่ะ ฉันไม่อยากเป็นตากุ้งยิง” “น่าเสียดายจัง ไอ้เรารึอุตส่าห์คิดว่ามีคนอยากจะเห็นของดี ไม่อยากเห็นแน่เหรอครับ” จบคำพูดกำกวมมือบางก็ยกขึ้นฟาดไหล่ของเขาเบา ๆ หนึ่งทีอย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้ คนอะไรไม่รู้จักอายเอาเสียเลย คิดจะพูดก็พูด ไม่ได้เห็นใจคนฟังอย่างเธอเสียบ้างเลย “หยุดพูดจาลามกกับฉันได้แล้วค่ะ คนอะไรหน้าไม่อาย!” “คนที่เป็นพ่อของลูกเธอไง ใช่ไหมครับลูกพ่อ” กวินภพยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่เขาจะจัดการเช็ดตัวให้คนหน้าบูดอย่างตั้งอกตั้งใจ สัมผัสที่อ่อนโยนไม่แข็งกระด้างหยาบคายเหมือนอย่างที่ผ่านมานั้นทำให้มัทนาสุขใจ และอยากจะเก็บเกี่ยวช่วงวันเวลาเหล่านี้เอาไว้นาน ๆ เพราะเดาไม่
“จริงเหรอ นี่แม่ไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม มัทท้อง! หลานของแม่อยู่ในนี้จริง ๆ ใช่ไหมลูก” ไม่มีเรื่องอะไรอีกแล้วที่จะทำให้คุณหญิงลัดดาวัลย์สุขใจไปมากกว่าการกลับมาของคนสองคนพร้อมกับข่าวดีที่สุดในรอบปีเลยก็ว่าได้และเพราะมัวแต่ดีอกดีใจกับข่าวดีที่เพิ่งจะได้ยินเลยทำให้คุณหญิงลัดดาวัลย์แทบจะลืมคำต่อว่าที่กะจะเทศนาพ่อลูกชายตัวดีตรงหน้าไปจนหมดสิ้นเมื่อทราบเรื่อง “ครับคุณแม่ ตอนนี้มัทท้องได้สองเดือนแล้วครับ แถมเด็กในท้องก็แข็งแรงปกติดีทุกอย่าง” กวินภพเอ่ยตอบผู้เป็นแม่พร้อมกับจ้องมองหน้าท้องของมัทนาไปพลาง ๆ แม้ว่าตอนนี้มันจะยังคงแบนราบอยู่ แต่ภายในนั้นกลับมีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอยู่ ความรู้สึกอิ่มเอมที่เกิดขึ้นทำให้เขายิ้มไม่ยอมหุบ “แม่ดีใจกับเราสองคนจริง ๆ แล้วมัทล่ะลูก ดีใจหรือเปล่า” คำถามจากแม่สามีทำให้มัทนายิ้มรับ พร้อมให้คำตอบอีกฝ่ายไปตามที่รู้สึกโดยไม่คิดปิดบัง “ดีใจค่ะคุณแม่ แต่ตอนนี้มัทรู้สึกเหนื่อย ๆ ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ” “เอาสิ พาน้องไปพักก่อนเถอะตาวิน แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะพาไปฝากท้องที่โรงพยาบาลของอาหมอนะ เขาเป็นญาติของเรานี่ล่ะ รับรองว
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะคุณวิน ปล่อย”มัทนายืนยันหนักแน่นพร้อมทั้งออกแรงดิ้นรนอีกครั้ง ไม่อยากจะไปไหนกับเขาทั้งนั้น แล้วก็ไม่ชอบที่เขามาตีหน้ามึนใส่กันเหมือนอย่างที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ เพราะยิ่งเขาทำแบบนี้มันก็ยิ่งจะทำให้เธอรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังถูกตบหัวแล้วลูบหลังไม่มีผิด “อย่าดิ้นได้ไหม อยากตกลงไปรึไง” เสียงเข้มเอ่ยดุพร้อมกับก้าวเดินออกไปนอกห้องทำงานของตัวเอง และไม่ลืมตะโกนสั่งเลขาฯ หน้าห้อง ที่กำลังจ้องมองมาด้วยความสงสัยเสียงแข็ง “โทร.สั่งให้ใครก็ได้มาช่วยขับรถให้ผมหน่อยครับ!” “ได้ค่ะ แล้วไม่ทราบว่าคุณวินจะไปไหนคะ แล้วคุณมัท...” “มัทนาไม่ค่อยสบายครับ ผมจะพาเธอไปหาหมอ” กิ่งแก้วแทบไม่อยากจะเชื่อหูกับสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินมันออกจากปากของเจ้านายหนุ่ม แต่ถึงกระนั้นเธอก็มีเวลาตกใจไม่มาก เพราะสายตาเอาเรื่องของกวินภพที่กำลังจ้องมองมาทำให้หญิงสาวต้องรีบคว้าเอาโทรศัพท์โทร. ออกไปทำตามที่เจ้านายหนุ่มสั่งแทบจะทันที โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง “ยินดีด้วยนะครับ ตอนนี้คุณผู้หญิงตั้งท้องได้สองเดือนแล้
“ครับ เพราะคงไม่มีผู้ชายคนไหนทนได้เวลามีใครสักคนมาบอกว่ารักผู้หญิงของตัวเอง เขารักคุณมากนะครับ และผมไม่อยากให้คุณสองคน เชื่ออะไรในคำพูดของผู้หญิงคนนั้นเท่าไหร่” “แต่ที่มัทได้ยิน มันมาจากปากของคุณวินเองเลยนะคะ” “ถ้าผมเป็นคุณวิน ผมก็จะทำแบบนั้นเหมือนกันครับ เพราะมันจะทำให้ฝ่ายนั้นยอมตัดใจ คุณมัทยังไม่ต้องเชื่อผมในตอนนี้ก็ได้นะครับ ผมว่าเวลาจะพิสูจน์ทุกอย่างให้เราเห็นเอง” “ค่ะ มัทขอบคุณคุณกล้องมากนะคะที่บอกความจริงกับมัททั้งหมด” มัทนาตอบรับพร้อมส่งยิ้มหวานละมุนอย่างเป็นมิตรกลับให้ไป “ผมไม่อยากให้คุณมัทต้องเสียคนดี ๆ ไป เหมือนกับผม” “คุณกล้อง มีอะไรที่มัทพอจะช่วยได้บ้างไหมคะ บอกมัทมาได้เลยนะคะ มัทยินดีช่วยค่ะ คิดเสียว่ามัทเป็นเพื่อนคนหนึ่งของคุณก็ได้ค่ะ” เพราะสังเกตได้หลายต่อหลายครั้งถึงสีหน้าที่ดูเหมือนจะมีเรื่องไม่สบายใจอยู่มัทนาจึงเอ่ยขึ้น เผื่อว่าเธอจะสามารถช่วยอะไรเขาบ้างได้ไม่มากก็น้อย “ผมเผลอไปทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเสียใจเอามาก ๆ ครับ และตอนนี้เธอก็คงจะเกลียดผมไปแล้ว” สีหน้าและแววตาของเขาช่างดูเศร้าจนมั