“เธอทำบ้าอะไรกับปู่ฉันห๊ะยัยกาฝาก!” เสียงเข้มตวาดถามทันทีที่พบหญิงสาวที่เขากำลังตามหาอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ ที่เธอมักจะชอบพาปู่ของเขาออกมานั่งเล่นอยู่บ่อย ๆ ตั้งแต่จำความได้
ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่ถามเปล่า แต่เขายังกระชากต้นแขนแม่ตัวดีให้ลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรง ให้สาสมกับความโกรธทั้งหมดที่เขากำลังมีต่อเธอ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะคุณวิน! มัทเจ็บค่ะ” มัทนา ดวงใจ สาวใช้ที่ทำหน้าที่ดูแลเจ้าสัวไกรวิทย์เอ่ยขึ้นอย่างตกใจ เมื่อจู่ ๆ หลานชายเพียงคนเดียวของผู้ที่มีพระคุณของเธอก็เดินตรงเข้ามาตวาดใส่หน้ากัน ทั้ง ๆ ที่น้อยครั้งมากที่เขาจะเข้ามาพูดคุยกับสาวใช้ต่ำต้อยในบ้านอย่างเธอ
เรื่องราวทั้งหมดมันเกิดขึ้นตอนที่เธอมีอายุได้เพียงแค่เจ็ดขวบ จากเด็กสาวธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่เติบโตมาจากพ่อกับแม่ที่ทำงานเป็นชาวประมงธรรมดาหาเช้ากินค่ำ แต่แล้วจู่ ๆ วันหนึ่งพ่อและแม่ของเธอบังเอิญเข้าไปช่วยเหลือเจ้าสัวไกรวิทย์ที่ถูกลอบยิงจนได้รับบาดเจ็บเข้า ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้พวกมันย้อนกลับมาจัดการกับพวกท่านทีหลัง เหลือไว้เพียงแต่เด็กสาววัยเจ็ดขวบที่หลบซ่อนอยู่ในโอ่งใบเล็ก ก่อนจะถูกชายชราที่เดินทางไปดูสถานที่เกิดเหตุในครั้งนั้นด้วยตัวเองไปพบเข้า และพาเธอกลับมาเลี้ยงดูในฐานะหลานสาวคนหนึ่ง คู่กับกวินภพหลานชาย
แต่เพียงไม่นานสถานะคุณหนูคนเล็กของบ้านก็ต้องถูกถอดออกไป เพราะเหล่าบรรดาญาติไม่มีใครเห็นด้วยสักคน ที่จู่ ๆ จะให้เด็กที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างเธอขึ้นเทียบตีเสมอคุณหนูคนเดียวภายในบ้านอย่างกวินภพ
เจ้าสัวไกรวิทย์จึงทำได้เพียงส่งตัวเด็กน้อยผู้น่าสงสารให้ไปอยู่กับนวลแจ่ม หัวหน้าแม่บ้านวัยชรา ก่อนจะแต่งตั้งให้เธอเป็นคนดูแลพิเศษของตัวเองในเวลาต่อมาเมื่อไม่มีกวินภพคอยขัดขวาง แต่ช่างน่าเศร้าที่ท่านต้องมาด่วนจากไปอย่างสงบด้วยโรคชราเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้
และถึงแม้สถานะหลานสาวจะถูกถอดออกไปแล้วนั้น เจ้าสัวไกรวิทย์ก็ไม่เคยลืมคำสัญญาต่อหน้าหลุมศพของพ่อและแม่เธอเลยว่าจะรักและดูแลเธอให้ดีที่สุดตราบเท่าที่ท่านยังมีลมหายใจอยู่ เพราะท่านส่งเสียเธอเข้าเรียนจนจบอีกครั้ง ยังให้ความรักความเมตตาจนหญิงสาวซาบซึ้งและเทิดทูนท่านเหนือทุก ๆ สิ่ง
“ตอบฉันมาสิว่าเธอทำบ้าอะไรลงไป คุณปู่ของฉันถึงได้สั่งให้ฉันแต่งงานกับเธอในพินัยกรรมแบบนั้น” ห้วงความคิดที่กำลังนึกย้อนไปถึงอดีตของตัวเองอยู่นั้นเป็นอันต้องชะงักไปเมื่อได้ยินประโยคที่ตามหลังมาติด ๆ จากคนตรงหน้าเข้า มัทนาไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินจากปากของชายหนุ่ม หญิงสาวส่ายหน้าช้า ๆ พร้อมกับเอ่ยถามย้ำออกไปอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าตนเองนั้นฟังไม่ผิด
“คุณวินว่ายังไงนะคะ มัทไม่รู้เรื่อง คุณวินปล่อยมัทเถอะค่ะ มัทเจ็บ” มัทนาเอ่ยตอบไปตามความจริง หัวใจดวงน้อยสั่นไหวยามเมื่อเผลอไปจ้องมองดวงตาดุของคนตรงหน้าเข้า มันพาลทำให้เธอนึกไปถึงเรื่องราวในอดีตเกี่ยวกับเขา อดีตที่ไม่น่าจดจำ..
“พี่วิน”
“อย่ามาเรียกฉันว่าพี่! ฉันไม่มีน้องสาวอย่างเธอ ฉันเกลียดเธอ!” กวินภพประกาศลั่นถึงความเกลียดชังที่มีต่อเธอตั้งแต่วันแรกที่พบหน้ากัน เขามักจะไม่ชอบใจเสมอเวลาที่เห็นเธออยู่กับปู่ของเขา และมักจะหาเรื่องมากลั่นแกล้งกันอยู่เรื่อยไป
จนเมื่อกระทั่งหกปีก่อนชายหนุ่มตัดสินใจเดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษตามคำสั่งของผู้เป็นแม่ที่อยากจบปัญหาทุก ๆ อย่างระหว่างเขากับมัทนา และนับตั้งแต่นั้นมาจนถึงวันนี้เธอก็ไม่เคยได้ข่าวอะไรจากเขาอีกเลย
จนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันก่อนที่เขาบินกลับมาที่นี่เพื่อร่วมงานศพของปู่ และเพื่อมาร่วมฟังพินัยกรรมที่เจ้าสัวไกรวิทย์เขียนทิ้งเอาไว้ก่อนตายด้วยตัวเอง หญิงสาวยังคงจดจำสายตาเย็นชาของเขาเมื่อสามวันก่อนได้เป็นอย่างดี
สายตาที่ภายในนั้นยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังที่ไม่เคยลบเลือนหายไปตามเวลา ทั้ง ๆ ที่สำหรับเธอแล้วเขาเป็นดั่งรักแรกพบ เป็นคน ๆ เดียวที่เธอเฝ้าแต่คิดถึงและรอคอยการกลับมาของเขาตลอดหลายปี
“ฉันถามไม่ได้ยินรึไง ว่าเธอใช้มารยาแบบไหนถึงได้มีชื่อเธอไปโผล่อยู่ในพินัยกรรมของคุณปู่ฉันได้ ตอบมาสิ!” เสียงที่ตะคอกใส่บวกกับแรงบีบที่ต้นแขนทำให้มัทนาได้สติ แต่ก่อนที่หญิงสาวจะได้ทันตอบอะไรกลับออกไปนั้นเสียงหนักแน่น ของประมุขอีกคนของบ้านกลับดังขึ้นขัดจังหวะ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะตาวิน! ปล่อยยัยมัท มีอะไรก็ค่อย ๆ คุยกัน อย่าใช้อารมณ์” คุณหญิงลัดดาวัลย์ว่าให้ลูกชายตัวดีพร้อมทั้งเดินตรงเข้ามาสมทบกับคนทั้งสอง สีหน้าไม่บ่งบอกว่ากำลังรู้สึกอย่างไรอยู่ ลอบมองลูกชายสลับกับสาวใช้ส่วนตัวของพ่อสามีไปมาอย่างคนคิดไม่ตก
“ยังต้องคุยอะไรกันอีกครับ บอกฉันมาสิว่าเธอต้องการอะไรกันแน่ถึงได้ทำแบบนั้น บอกมา!” คนที่อารมณ์กำลังอยู่เหนือทุกสิ่งจนไม่คิดจะฟังคำใครตวาดสวน พร้อมทั้งเขย่าร่างบางในกำมืออย่างรุนแรง ในขณะที่อีกฝ่ายทำได้เพียงส่ายหน้าบอกปัดไปมาเท่านั้น เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง
กวินภพและมัทนาเดินทางมาร่วมงานแต่งงานระหว่างกล้องภพกับรุจิราตามคำเชิญของทั้งคู่ที่โรงแรมหรูใจกลางเมือง แขกนับพันถูกเชิญให้มาร่วมงานตามฐานะของพ่อเจ้าบ่าวและเจ้าสาวภาพของทั้งสองที่เดินจูงมือเข้ามาหาทำให้มัทนาอดยิ้มอย่างมีความสุขกับทั้งสองไม่ได้ ในที่สุดแล้วกล้องภพก็ยอมรับหัวใจตัวเองได้เสียทีแต่อย่างไรลึก ๆ ในใจหญิงสาวก็ยังคงอุตริอิจฉารุจิราไม่ได้ตรงที่ว่าเธอได้มีงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ หนำซ้ำยังได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากเจ้าบ่าวที่แทบไม่ยอมปล่อยให้มือของเขาหลุดออกไปจากมือของเธอเลย “กำลังคิดว่าถ้างานแต่งงานของเราเป็นแบบนี้บ้างก็ดีอยู่ใช่ไหมครับ”เสียงของคนรู้ทันที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปจ้องมองสามีที่กำลังจ้องกันอยู่ก่อนหน้า “เปล่าซะหน่อยค่ะ” เสียงหวานว่ากลับไปแทบจะทันที ก่อนจะจ้องมองคนที่ไม่ว่าจะเมื่อไรก็รู้ทันความคิดของเธอไปเสียตลอดเวลาอย่างเคือง ๆ จะมีสักครั้งไหมที่เธอจะสามารถปิดบังความรู้สึกของตัวเองกับเขาได้จริง ๆ คงไม่มีแน่ ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจตัวเองที่เสียเปรียบกวินภพมาตลอด “อย่าโกหกเลย แค่มองตาก็รู้แล้วว่ามัทคิดอะไร
เกาะตาล เกาะเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในทะเลใต้ ถูกรอบล้อมไปด้วยหาดทรายสีขาว แต่บรรยากาศสวยงามรอบด้านนั้นไม่ได้ช่วยทำให้ชายหนุ่มที่กำลังยืนประจัญหน้ากับเจ้าของเกาะอยู่ในขณะนี้รู้สึกคลายความกดดันที่มีอยู่ ล้อมรอบตัวเองไปได้เลยแม้แต่นิดเดียว “สวัสดีครับท่านเจ้าสัว ผมชื่อกล้องภพครับ” กล้องภพตัดสินใจเอ่ยแนะตัวออกไปช้า ๆ ก่อนจะจ้องมองเจ้าสัวบัณณ์ พ่อของรุจิราด้วยสายตานอบน้อมถ่อมตัวเมื่อกล่าวจบ “ผมรู้ว่าคุณเป็นใคร แต่ที่อยากรู้มากกว่าคือคุณมาทำอะไรที่นี่บนเกาะส่วนตัวของผม” เสียงก้องกังวาลจากผู้อาวุโสกว่าดังตอบ ก่อนจะจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาไม่เป็นมิตรสักเท่าไร เพราะนอกจากจะรู้ว่ากล้องภพเป็นใครแล้วนั้นยังรู้ด้วยว่าเขาคือคนที่ทำให้ลูกสาวเพียงคนเดียวที่เปรียบได้ดั่งแก้วตาดวงใจของตัวเองต้องพาตัวเองกลับมาที่นี่พร้อมกับความโศกเศร้าอย่างหนักหน่วง “ผมมาตามลูกกับเมียกลับบ้านครับท่าน” “ไหนล่ะลูกเมียที่คุณว่า” “หนูรุ้ง...ลูกสาวของท่านครับ เธอเป็นภรรยาของผม และตอนนี้ในท้องของเธอก็ยังมีลูกของผมอยู่” คำบอกเล่าจากปากของชายหนุ่มสร้างค
“ไม่ต้องอายหรอกน่า ฉันเห็นหมดทุกซอกทุกมุมแล้ว หรือถ้าอาย จะให้ฉันถอดเป็นเพื่อนเอาไหม ฉันเองก็ชอบนะแบบนั้น มันจะได้ดูไม่เป็นการเอาเปรียบเธอจนเกินไป” คนอะไรพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย มัทนาส่งค้อนวงใหญ่ให้คนที่ไม่รู้จะปากตรงกับใจไปไหนก่อนจะเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีเมื่อเขาโน้มเข้ามาชิดใกล้ “เอาไงครับที่รัก สรุปฉันต้องถอดเป็นเพื่อนมัทด้วยไหม” “ไม่ต้องค่ะ ฉันไม่อยากเป็นตากุ้งยิง” “น่าเสียดายจัง ไอ้เรารึอุตส่าห์คิดว่ามีคนอยากจะเห็นของดี ไม่อยากเห็นแน่เหรอครับ” จบคำพูดกำกวมมือบางก็ยกขึ้นฟาดไหล่ของเขาเบา ๆ หนึ่งทีอย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้ คนอะไรไม่รู้จักอายเอาเสียเลย คิดจะพูดก็พูด ไม่ได้เห็นใจคนฟังอย่างเธอเสียบ้างเลย “หยุดพูดจาลามกกับฉันได้แล้วค่ะ คนอะไรหน้าไม่อาย!” “คนที่เป็นพ่อของลูกเธอไง ใช่ไหมครับลูกพ่อ” กวินภพยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่เขาจะจัดการเช็ดตัวให้คนหน้าบูดอย่างตั้งอกตั้งใจ สัมผัสที่อ่อนโยนไม่แข็งกระด้างหยาบคายเหมือนอย่างที่ผ่านมานั้นทำให้มัทนาสุขใจ และอยากจะเก็บเกี่ยวช่วงวันเวลาเหล่านี้เอาไว้นาน ๆ เพราะเดาไม่
“จริงเหรอ นี่แม่ไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม มัทท้อง! หลานของแม่อยู่ในนี้จริง ๆ ใช่ไหมลูก” ไม่มีเรื่องอะไรอีกแล้วที่จะทำให้คุณหญิงลัดดาวัลย์สุขใจไปมากกว่าการกลับมาของคนสองคนพร้อมกับข่าวดีที่สุดในรอบปีเลยก็ว่าได้และเพราะมัวแต่ดีอกดีใจกับข่าวดีที่เพิ่งจะได้ยินเลยทำให้คุณหญิงลัดดาวัลย์แทบจะลืมคำต่อว่าที่กะจะเทศนาพ่อลูกชายตัวดีตรงหน้าไปจนหมดสิ้นเมื่อทราบเรื่อง “ครับคุณแม่ ตอนนี้มัทท้องได้สองเดือนแล้วครับ แถมเด็กในท้องก็แข็งแรงปกติดีทุกอย่าง” กวินภพเอ่ยตอบผู้เป็นแม่พร้อมกับจ้องมองหน้าท้องของมัทนาไปพลาง ๆ แม้ว่าตอนนี้มันจะยังคงแบนราบอยู่ แต่ภายในนั้นกลับมีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอยู่ ความรู้สึกอิ่มเอมที่เกิดขึ้นทำให้เขายิ้มไม่ยอมหุบ “แม่ดีใจกับเราสองคนจริง ๆ แล้วมัทล่ะลูก ดีใจหรือเปล่า” คำถามจากแม่สามีทำให้มัทนายิ้มรับ พร้อมให้คำตอบอีกฝ่ายไปตามที่รู้สึกโดยไม่คิดปิดบัง “ดีใจค่ะคุณแม่ แต่ตอนนี้มัทรู้สึกเหนื่อย ๆ ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ” “เอาสิ พาน้องไปพักก่อนเถอะตาวิน แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะพาไปฝากท้องที่โรงพยาบาลของอาหมอนะ เขาเป็นญาติของเรานี่ล่ะ รับรองว
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะคุณวิน ปล่อย”มัทนายืนยันหนักแน่นพร้อมทั้งออกแรงดิ้นรนอีกครั้ง ไม่อยากจะไปไหนกับเขาทั้งนั้น แล้วก็ไม่ชอบที่เขามาตีหน้ามึนใส่กันเหมือนอย่างที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ เพราะยิ่งเขาทำแบบนี้มันก็ยิ่งจะทำให้เธอรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังถูกตบหัวแล้วลูบหลังไม่มีผิด “อย่าดิ้นได้ไหม อยากตกลงไปรึไง” เสียงเข้มเอ่ยดุพร้อมกับก้าวเดินออกไปนอกห้องทำงานของตัวเอง และไม่ลืมตะโกนสั่งเลขาฯ หน้าห้อง ที่กำลังจ้องมองมาด้วยความสงสัยเสียงแข็ง “โทร.สั่งให้ใครก็ได้มาช่วยขับรถให้ผมหน่อยครับ!” “ได้ค่ะ แล้วไม่ทราบว่าคุณวินจะไปไหนคะ แล้วคุณมัท...” “มัทนาไม่ค่อยสบายครับ ผมจะพาเธอไปหาหมอ” กิ่งแก้วแทบไม่อยากจะเชื่อหูกับสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินมันออกจากปากของเจ้านายหนุ่ม แต่ถึงกระนั้นเธอก็มีเวลาตกใจไม่มาก เพราะสายตาเอาเรื่องของกวินภพที่กำลังจ้องมองมาทำให้หญิงสาวต้องรีบคว้าเอาโทรศัพท์โทร. ออกไปทำตามที่เจ้านายหนุ่มสั่งแทบจะทันที โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง “ยินดีด้วยนะครับ ตอนนี้คุณผู้หญิงตั้งท้องได้สองเดือนแล้
“ครับ เพราะคงไม่มีผู้ชายคนไหนทนได้เวลามีใครสักคนมาบอกว่ารักผู้หญิงของตัวเอง เขารักคุณมากนะครับ และผมไม่อยากให้คุณสองคน เชื่ออะไรในคำพูดของผู้หญิงคนนั้นเท่าไหร่” “แต่ที่มัทได้ยิน มันมาจากปากของคุณวินเองเลยนะคะ” “ถ้าผมเป็นคุณวิน ผมก็จะทำแบบนั้นเหมือนกันครับ เพราะมันจะทำให้ฝ่ายนั้นยอมตัดใจ คุณมัทยังไม่ต้องเชื่อผมในตอนนี้ก็ได้นะครับ ผมว่าเวลาจะพิสูจน์ทุกอย่างให้เราเห็นเอง” “ค่ะ มัทขอบคุณคุณกล้องมากนะคะที่บอกความจริงกับมัททั้งหมด” มัทนาตอบรับพร้อมส่งยิ้มหวานละมุนอย่างเป็นมิตรกลับให้ไป “ผมไม่อยากให้คุณมัทต้องเสียคนดี ๆ ไป เหมือนกับผม” “คุณกล้อง มีอะไรที่มัทพอจะช่วยได้บ้างไหมคะ บอกมัทมาได้เลยนะคะ มัทยินดีช่วยค่ะ คิดเสียว่ามัทเป็นเพื่อนคนหนึ่งของคุณก็ได้ค่ะ” เพราะสังเกตได้หลายต่อหลายครั้งถึงสีหน้าที่ดูเหมือนจะมีเรื่องไม่สบายใจอยู่มัทนาจึงเอ่ยขึ้น เผื่อว่าเธอจะสามารถช่วยอะไรเขาบ้างได้ไม่มากก็น้อย “ผมเผลอไปทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเสียใจเอามาก ๆ ครับ และตอนนี้เธอก็คงจะเกลียดผมไปแล้ว” สีหน้าและแววตาของเขาช่างดูเศร้าจนมั