“ทรงคิดว่ากองทัพเกราะดำ จะมาทันปกป้องท่านกับฮ่องเต้สินะ...ฮ่าๆ ทุกการลงมือ ย่อมมีการเตรียมการเอาไว้แล้วทั้งสิ้น”
“ไม่ผิด...เพราะทุกการเคลื่อนไหว ข้าย่อมมองทุกอย่างให้ถี่ถ้วน เว้นแต่ในบางครั้ง ที่เส้นผมบางเส้นมันแตกแยก”
เยี่ยเจา เบนสายตาไปยังคนที่นางเรียกว่า ท่านน้า สตรีผู้เป็นดั่งมารดาอีกคนของนาง นี่คือความเลินเล่อของนาง ที่ไม่มองอีกฝ่ายให้ถี่ถ้วน
นั่นเพราะเห็นอีกฝ่าย เป็นน้องสาวแท้ๆ ของมารดา และเป็นสนมคนหนึ่งของบิดา แต่วันนี้นางได้เห็นกับตาแล้ว ว่าที่ผ่านมาเหยาเยี่ยน สวมหน้ากากเป็นคนดีมาโดยตลอด
“อย่าได้มองข้าแบบนั้น หากเจ้าคิดจะโทษ ก็โทษที่พ่อแม่ของเจ้า ที่ไร้ความเป็นธรรมต่อข้า”
เหยากุ้ยเฟย รีบพูดขึ้น เมื่อเห็นสายตาของหลานสาว พระนางต้องใช้สารพัดวิธี เพื่อให้ได้เข้าวัง และต้องอดทนมาไม่น้อย กว่าจะก้าวสู่ตำแหน่งกุ้ยเฟย แต่ถึงกระนั้น สิ้นพี่สาวของนางไปแล้ว
ฮ่องเต้ยังไม่ยินยอมให้นาง หรือสนมคนใด ก้าวสู่ตำแหน่งฮองเฮา แทนพี่สาวของนางที่ตายไป และยังมอบอำนาจทั้งหมดให้พระธิดาองค์โต ส่วนบัลลังก์ กลับตกเป็นของเด็ก ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เยี่ยงเยี่ยจง แทนที่จะเป็นโอรสของนาง ที่มีวัยหนุ่มและเฉลียวฉลาดกว่า
“ใช่ข้าต้องโทษพวกเขา ที่โง่เขลา มองสตรีแพศยาเยี่ยงท่านไม่ออก คิดจะให้โอรสครองบัลลังก์ ไหนเล่า...ตราแผ่นดิน”
“ไม่จำเป็น เพราะอย่างไร องค์ชายห้าก็คือพระโอรส ที่กำเนิดจากสนมเอก”
“หึๆ ท่านเสนาบดีชงกล่าวได้ดี แต่ข้าเองก็เพิ่งรู้ ว่าสนมเอก มีอำนาจมากกว่าฮองเฮา คงเป็นเรื่องจริงอย่างที่ผู้คนเล่าลือ ว่าอนุของท่าน กุมอำนาจทั้งหมดในเรือน หาใช่ภรรยาเอก นี่คงเป็นกฎเกณฑ์ใหม่ ของการสืบสายเลือดกระมัง”
ขุนนางหลายคน ที่ร่วมก่อกบฏ ต่างหันมองหน้ากัน หากจะว่ากันตามจริงแล้ว พวกเขาเองก็ยึดถือเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย เพราะพวกเขาเอง ก็ถือกำเนิดมาจากสายเลือดภรรยาเอก จึงได้รับโอกาสที่มากมายในสังคม
“อย่าไปฟังนาง! คนที่กำลังจะตาย พูดสิ่งใดก็ได้เพื่อให้ตัวเองรอดชีวิต”
“อย่าเสียเวลา หากจะลงมือ ก็เข้ามา!”
ทวนในมือ ชี้ตรงไปเบื้องหน้าอย่างองอาจ ดวงตาดุกร้าวราวบุรุษ บอกชัดว่าต่อให้นางสิ้นชีพตรงนี้ ก็จะทำหน้าที่ให้ถึงที่สุด สมกับเป็นพระธิดาองค์โต อันเป็นที่รักของพ่อแม่ และประชาชนทั้งแผ่นดิน
“พี่หญิง...”
“ต่อให้ข้าตายต่อหน้าเจ้า อย่าแม้แต่จะมีน้ำตา เพราะเจ้าคือผู้นำคนทั้งแผ่นดิน เจ็บเจียนตาย เจ้าก็ต้องเก็บมันให้ลึกสุดใจ ความอ่อนแอ มีไว้ให้ตัวเจ้าเท่านั้นได้เห็นมัน อย่าให้ใครได้เห็นมัน นอกเหนือจากนั้นเป็นอันขาด”
ถ้อยคำสอนของพี่สาว ทำให้เด็กชาย ฝืนกลืนความเจ็บจุกลงคอ ตำแหน่งฮ่องเต้ มันควรเป็นของพี่สาว มากกว่าตัวเขา แต่เพราะนางคือสตรี ทุกอย่างจึงถ่ายเทมาที่เขา ผู้เกิดมาเป็นชาย
“ข้าจะไม่ทำให้ท่านพี่ ผิดหวังขอรับ”
น้ำเสียงแม้จะไม่หนักแน่น เทียบเท่าบุรุษโตเต็มวัย แต่มันก็มากพอ สำหรับเด็กชายวัยสิบสามเยี่ยงเขา
สองพี่น้องบีบมือกันแน่น ก่อนจะเงยหน้า มองสิ่งที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า มุมปากอิ่มเหยียดออก เมื่อสิ่งที่รอคอยมาถึงเสียที เคร้ง! ในจังหวะนั้นเอง ขุนพลฝ่ายกบฏ พุ่งเข้าหาองค์หญิงใหญ่ในทันที
เพราะหากขืนยังชักช้า อาจเป็นพวกเขา ที่ต้องสังเวยชีวิต ให้แก่กองทัพเกราะดำ ซึ่งขึ้นตรง ต่อองค์หญิงใหญ่ เพียงคนเดียวเท่านั้น นางกุมกำลังทหารมากกว่าฮ่องเต้
นี่คือสิ่งที่อดีตฮ่องเต้ เตรียมการเพื่อความมั่นคง สำหรับบัลลังก์ของฮ่องเต้น้อย โดยมีองค์หญิงใหญ่เป็นผู้เคียงข้าง เยี่ยเจาผลักน้องชาย ให้อยู่ในความดูแลของขันทีเฒ่า
ทวนในมือตวัดกวัดแกว่ง เพื่อปกป้องดวงใจของนาง และคนทั้งแผ่นดิน พี่น้องเข่นฆ่ากันเพียงเพื่ออำนาจ สิ้นพ่อแม่ ไร้สามี นี่คือชีวิตของนาง ผู้ขึ้นชื่อว่าองค์หญิงใหญ่ แห่งแผ่นต้าเหลียง
“พี่หญิง/องค์หญิง/ท่านแม่ทัพ”
เสียงตะโกนก้องจากคนที่รัก ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ทว่าคนฟังนั้น รู้สึกเหมือนมันห่างไกล ราวอยู่คนละโลกเลยก็ว่าได้ ดวงตาคู่งาม จ้องเขม็งไปยังคนที่ลงมือ จากเบื้องหลัง
“ไยเป็นเจ้า...”
น้ำเสียงที่เปล่งออกมา มิต่างจากสายลมพัดเอื่อย รอยยิ้มหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้างาม ชายที่นางเคยวาดหวัง จะรักเขาไปจนชีวิตหาไม่ ทว่าวันนี้ กลับเป็นเขา ที่ลงมือต่อนาง
“อย่าโทษข้าเลย เพราะไม่ว่าอย่างไร ฐานะของข้าก็ไม่อาจเทียบท่านได้ เมื่อมีทางเลือก ไยข้าจะต้องเมิน ต่ออำนาจนั้นด้วยเล่า”
คำพูดของชายหนุ่ม มันเจ็บปวดกว่ากระบี่ ที่แทงทะลุร่างนางในตอนนี้เสียอีก
“หึๆ ข้าเข้าใจแล้ว”
หญิงสาวเบนสายตาไปที่น้องชาย ซึ่งตอนนี้ได้รับการปกป้อง จากคนของนางที่มาถึงพอดี เคร้ง! หมับ! แม่ทัพหนุ่มตวัดกระบี่ เข้าใส่คนที่ทำร้ายผู้นำของตน ก่อนจะรวบร่างของนางเข้าสู่อ้อมแขน
“เจ้ามันบ้า...”
แม่ทัพหนุ่ม กอดกระชับร่างอ่อนแรงเอาไว้แน่น พร้อมทั้งตะโกนก้องราวพยัคฆ์บาดเจ็บ เขาและนาง เป็นแม่ทัพเคียงกันมาทั้งชีวิต แม้จะรู้ดีว่าหัวใจของนางอยู่ที่ใคร แต่แล้วอย่างไรเล่า เขาสาบาน ว่าจะปกป้องนางไปชั่วชีวิต ทว่าสุดท้ายแล้ว เขาทำมันไม่สำเร็จ
ทางด้านเรือนรับรองแขก เหล่ยฟู่เฉา หลีเกอ พากันยืนหน้าบอกบุญไม่รับ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแขกของจวน เชี่ยอ๋อง แสร้งเบนหน้าไปทางอื่น ก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างเขาไม่นึกว่าบุตรชาย ที่ไม่เคยสนใจมองสตรีใด หรือแม้แต่จะพูดคุยกับใคร จะมาต้องตากับท่านหญิงจวนกู้ เด็กหญิงที่มีบิดาถึงสองคน และมีน้าชายที่ดุยิ่งกว่าเสืออีกคน เจ้าตัวดีของเขาจะผ่านได้สักด่านไหมเล่า!“เชี่ยอ๋อง ไม่คิดที่จะไปพักยังจวนเหล่ย หรือจวนเผยรึขอรับ ที่นี่คนมากมาย คงดูแลได้ไม่ทั่วถึงกระมัง”หลีเกอ รีบที่จะชักชวนเชี่ยอ๋อง ให้พาครอบครัว ออกจากจวนอ๋องนี้เสีย ด้วยเกรงว่าท่านอ๋องน้อย จะลักลอบพบหลานสาว“พระชายาได้จัดที่พัก ให้แก่ครอบครัวเราเป็นอย่างดี ท่านแม่ทัพทั้งสอง โปรดอย่าได้กังวลไปเลย”เชี่ยอ๋องตอบอย่างสุภาพ ทว่าสายตาของแม่ทัพหนุ่มทั้งสอง หาได้มองที่เขา แต่เป็นบุตรชายที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ“เช่นนั้น ข้าสองคนไม่กวนแล้ว ฝันดีขอรับท่านอ๋อง”แม่ทัพทั้งสอง เลือกที่จะล่าถอยกลับไปเอง แต่ทิศทางเดินนั้น ตรงไปยังเรือนของท่านหญิงใหญ่ คืนนี้อย่างไรเสีย พวกเขาก็ไม่คิดกลับจวน“เจ้ายังมีเวลาพบผู้คนอีกมาก เชี่ยหลาง”“ท่านพ่อมิชอบท่านหญิงหรือขอรับ”“นางเพ
“จะรีบไปทำไมเจ้าคะ ลูกบอกแล้วว่า จะเลือกสตรีเพียงหนึ่งเดียว มันต้องใช้เวลาเจ้าค่ะ”พระมารดาของฮ่องเต้ ผู้ไม่รับตำแหน่งใดๆ ในวัง เอ่ยกับสามีด้วยรอยยิ้มกว้าง วันนี้นางได้เป็นเพียงสตรีธรรมดาคนหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตบั่นปลายกับตาแก่ขี้บ่น มีเวลาปลูกผักทำอาหาร ตกปลายามว่าง จะมีสิ่งใดสุขไปกว่านี้เล่า“จะต้องรอจนแก่แบบเจี๋ยรึ! ถึงจะมีหลานสาวให้ข้าอุ้ม”“อ้าว...ทำไมตอนข้าให้มีลูกชาย แล้วทีหย่งซางถึงต้องมีลูกสาวเล่าขอรับ”“ก็เจ้ามีท่านหญิงในจวนแล้ว นางเป็นธิดาคนโต ต้องมีน้องชายมาคอยปกป้อง เพราะฟู่หลงต้องทำหน้าที่ลูกชายคนโตของเหล่ยฟู่เฉา มิช้าต้องแบกหลายสิ่งอย่างบนบ่า ถ้ามีน้องชายอีกสักสี่ห้าคนมาดูแล นางจะได้ปลอดภัยไร้กังวล”“ฮ่าๆ ตาเฒ่านี่พูดไปเรื่อย เพราะท่านรู้ตัวต่างหาก ว่าถ้าได้หลานชาย เขาจะต้องให้อยู่ในวัง เอาออกไปเลี้ยงเป็นตุ๊กตาข้างนอก แบบหลานสาวไม่ได้”“อย่ามารู้ทันข้า”“ฮ่าๆ”ทุกคนต่างหัวเราะร่า ทำให้เจ้าสาวที่ถูกพาตัวไปห้องหอ ได้แต่เขินอายอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว เรื่องร้ายๆ มันอาจเกิดขึ้นในอนาคตก็เป็นได้ แต่นั้นคือเวลาที่ยังมาไม่ถึง วันนี้ขอให้มันมีเพียงความสงบสุขเท่านั้นก็ดีมากแล้วเ
รุ่งสาง มีครอบครัวขุนนางหลายสกุล ได้ออกเดินทาง โดยไร้ทรัพย์สินติดตัวออกนอกเมืองหลวง ชาวบ้านคิดเพียงแค่ว่าขุนนางเหล่านี้ถูกโยกย้าย แต่หารู้ไม่ว่ามันคือการเคลื่อนย้ายนักโทษ ส่วนขุนนางที่เป็นผู้นำตระกูล ได้ถูกมอบยาพิษให้แล้วทั้งสิ้น ที่เดินทางมีเพียงครอบครัว ที่โทษยังไม่ถึงตาย แต่ให้ย้ายไปอยู่ตามชายแดนต่างๆ ในฐานะทาสเท่านั้น นี่คือเมตตาเดียวที่ฮ่องเต้จะมอบให้ เผยฮูหยิน ที่ไม่อาจทนรับเรื่องราวทั้งหมดได้ เลือกที่จะปลิดชีพตนเอง ด้วยยาพิษอยู่ภายในเรือนการกวาดล้างกบฏในครั้งนี้ ไม่มีข่าวใดแพร่งพรายออกไป ให้เกิดความโกลาหล เพราะต่อให้คิดว่ากำจัดทรราชไปจนสิ้นแล้ว ก็ใช่ว่าจะไม่มีคลื่นลูกใหม่ซัดเข้ามา การทำทุกอย่างให้เงียบเข้าไว้ ย่อมส่งผลดีต่อภายหน้าองค์ชายใหญ่ที่ได้ก้าวขึ้นเป็นองค์รัชทายาทได้เพียงข้ามคืน ก็ต้องแตกตื่นเมื่อเขา ต้องกลายเป็นฮ่องเต้ในเช้าวันถัดมา ส่วนอดีตฮ่องเต้ไม่รอการปฏิเสธ รีบพาพระชายาคนแรกของพระองค์ ออกจากวังไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนองค์ชายสาม ที่เป็นสายเลือดแท้อีกคนของฮ่องเต้ เลือกที่จะขอผู้เป็นพี่ชายออกจากวัง เพื่อตามหาความฝันของตนเอง ฮ่องเต้ห
“อีกอย่างเป็นเขา ที่สารภาพด้วยตนเอง เจ้าเก่งมากชุนหนิง ที่เบี่ยงเบนทุกสายตา ไปที่หลี่เหยากับลูก เพราะเจ้ารู้ดีว่าหย่งฉี เป็นลูกอีกคนหนึ่งของคนผู้นั้น เจ้าจึงใช้อำนาจที่เหนือกว่าหลี่เหยา ทำให้คนรักของเจ้า ยืมมือหลี่เหยาและหย่งฉีกำจัดข้า ก่อนจะวกกลับไปจัดการกับนางสองแม่ลูก” ใบหน้างามเชิดขึ้นสูง เมื่อความจริงออกจากปากของสวามี นางหรือจะมีข้อโต้แย้ง หากเขาไม่เสื่อมทางการสืบพันธ์ จนนางต้องอาศัยชายอื่น มาเพื่อสืบทอดทายาท ไยนางต้องเอาตนเองไปเกลือกกลั้วกับคนอย่างเผยหลี่ “ทรงรู้แล้ว แต่ไยยังนิ่งเฉยเล่าเพคะ” “ข้าแค่รอเก็บกวาดเพื่อชำระล้าง ให้มันสะอาดหมดจด เลยนั่งมองละครฉากใหญ่ของพวกเจ้า ด้วยความสุนทรีย์ และอดทนเป็นที่สุด ทั้งยังยอมให้พวกเจ้าแต่ละคน รังแกลูกของข้าต่อหน้าต่อตานับครั้งมิถ้วน” “ลูก...หึๆ คงหมายถึง องค์ชายตำหนักเย็นสินะเพคะ เขามีค่าอะไรให้คนใส่ใจเล่า สมองรึ! ก็น้อยนิด” “ขอบพระทัยฮองเฮา ที่ชื่นชมกระหม่อม” “เจ้า! ไยจึง...” “กระหม่อมกู้หย่งซาง องค์ชายใหญ่จากตำหนักเย็นพ่ะย่ะค่ะ” “ไม่จริง!/ไม่จริง!” สตรีสองนา
“ข้าจะทำให้...อึก!”ดวงตาคู่งามเบิกโพลง ด้วยไม่คิดว่าชายที่รักนางนักหนา จะอาจหาญลงมือต่อนาง ทั้งที่เขาเคยบอกว่าจะปกป้องนางมิใช่หรือ...“ท่านพี่...”“ความตายที่เจ้าคิด จะให้เป็นภาพทรงจำ ของพวกข้าทุกคน มันย่อมไม่เกิดขึ้นอยู่แล้วอันหลิง เจ้าลืมไปแล้วหรืออย่างไร ว่าทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ ล้วนช่ำชองในเรื่องการ ฆ่า!”“อีกด้านของท่านสินะ! พรู๊ด!”“ข้ารักเจ้า และหวังดีต่อเจ้าเสมอ และนี่คือเมตตาที่ข้ามอบให้ และขอให้ความรักของข้า ตายไปพร้อมเจ้าเสีย”คำพูดที่เย็นชา ช่างหนาวเหน็บในใจยิ่งนัก เขาคือคนที่นางมองเป็นเพียงหมาก ที่เอาไว้ชักใยตามใจชอบ แต่ไม่คิดว่าคนที่ตาบอดเพราะความรักเยี่ยงเขา จะมีวันนี้ วันที่ลงมือกับนางอย่างเลือดเย็น “เรื่องในบ้านของเจ้า ข้าเองหาได้อยากสอดมือ แต่เพราะเขาคือคนของราชวงศ์ ข้าจึงต้องติดตามมาพาตัวกลับไปตัดสินโทษ ส่วนเรื่องของครอบครัวเจ้า ข้าจะไม่ขอก้าวล่วงแล้ว” องค์รัชทายาท ส่งสัญญาณมือ ให้องครักษ์พาตัวขององค์ชายรองไป ก่อนจะหันไปพยักหน้าน้อยๆ ให้แก่หลีเกอ แล้วจึงเดินหายไปในความมืด “หวังว่าเรื่องวุ่นวายนี้ จะไม่ติดตามไปยุ่งเกี่ยวกับหลานๆ ของข้าอีก”
“กรี๊ด!!! องค์ชายใหญ่!” ด้วยความห่วงใยชายหนุ่ม หญิงสาวเผลอปล่อยมีดสั้นในมือ ก่อนที่นางจะถลาเข้าประคองร่างบอบช้ำนั้น ด้วยอาการทะนุถนอม “ขอโทษด้วยเหล่ยฟู่เฉา พอดีข้ามีเรื่องต้องทำอีกหลายอย่าง จึงต้องออกมาขัดจังหวะ การสะสางของเจ้ากับครอบครัว” “กระหม่อมขอบพระทัย องค์รัชทายาทที่ช่วยเหลือพ่ะย่ะค่ะ” “อะไรนะ!” ทุกสายตาหันไปมององค์ชายรอง ซึ่งก้าวออกมายืนเคียงข้างแม่ทัพหนุ่ม เผยอันหลิงที่เอาแต่ปลอบประโลมชายคนรัก ยังไม่ฉุกใจกับคำพูดก่อนหน้าขององค์ชายหย่งฉี “องค์ชายรอง!” เหล่ยฮูหยิน ที่ตอนนี้เซถอยหลังไปเสียหลายก้าว เรียกชื่อของผู้มาใหม่ ราวคนกำลังตกอยู่ในห้วงละเมอ “หลีเกอ พาเด็กๆ กลับไปเถอะ เรื่องทางนี้ข้าจัดการเอง ออ...พี่สาวของเจ้า กับท่านอาของข้า คงจะค้างแรมอยู่นอกเมือง พวกเขาคงกลับเข้าเมืองหลวงไม่ทันประตูปิด” “พ่ะย่ะค่ะ” หลีเกอ ที่เดินออกมายืนอยู่ข้างหลานสาว สะบัดมือเล็กน้อย ชายชุดดำที่จ่อมีดกับลำคอเล็ก ได้เก็บมีดสั้น และโค้งกายให้แก่คุณชายและคุณหนู เพื่อเป็นการขออภัย ที่ต้องล่วงเกินเมื่อครู่ “น