“นางเอก คือสิ่งใดเจ้าคะ” ฟู่อิงถามมารดา ด้วยแววตาใคร่รู้“หึๆ นางเอกคือตัวละครในนิยาย เอาไว้แม่จะให้น้าปี้เหลียน พาพวกเจ้าไปฟังจากผู้บรรยายในตลาด ดีหรือไม่”“ดีเจ้าค่ะ”“เจ้าไม่สงสัยรึฟู่หลง”หญิงสาวหันไปถามบุตรชายบ้าง แต่จากสายตาที่เห็น บุตรชายกำลังใช้ความคิดอย่างหนักอยู่เช่นกัน“ข้าเป็นบุรุษ จะขี้สงสัย แล้วถามทุกเรื่องไม่ได้ขอรับ”“หือ!”“ข้าจะไปเตรียมรถม้ารอนะขอรับ”ถงเจี้ยน รีบก้าวออกจากเรือนไปในทันที เพราะดูเหมือนศิษย์คนแรก กำลังทำให้เขาถูกนายหญิงเล่นงานเสียแล้ว“ไม่ผิด... แต่แม่ขอเพิ่มเติมสักนิด ว่าเจ้าต้องไม่แสดงความสงสัยทางสีหน้า และแววตาด้วย จึงจะนับว่าสมบูรณ์แบบ เพราะใจเราคิดอย่างไร แววตาต้องไม่แสดงออกเช่นนั้น เพราะท้ายที่สุดแล้ว คนก็รู้ว่าเจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่”“ลูกจะจดจำไว้ขอรับ”“ค่อยๆ ฝึกฝนไป ไม่มีสิ่งใดสามารถ ทำสำเร็จได้ในวันเดียว อาจารย์ของเจ้า ท่าทางจะเก่งกาจไม่น้อย”“ท่านแม่ไม่ว่าหรือขอรับ”“เจ้าไม่เอาใจใส่ต่อการเรียน นั่นคือสิ่งที่แม่จะว่า”“ขอรับ”“กินต่อเถอะ วันนี้เราต้องออกไปที่ร้านขนม แม่มีสิ่งต้องจัดการอีกมาก ปี้เหลียนกินข้าวพร้อมกันเลย จะได้ไม่เสียเวลา”“แต่.
หลังจากแม่สามีกลับไป หญิงสาวได้กลับเข้าห้อง เพื่อไปอาบน้ำแต่งกาย สำหรับออกไปจัดการ เรื่องการค้าต่อ นางยังต้องเรียนรู้อีกมาก กับโลกใหม่นี้การที่นางตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นั่นเท่ากับนางจะต้องใช้ชีวิต ในโลกต่างมิตินี้ไปอีกนาน และมันจะนานแค่ไหน ขึ้นกับมือของนาง ว่าจะรังสรรค์ ให้มันสมบูรณ์แบบ ได้มากน้อยเพียงใด“นายหญิง ท่านไป๋ส่งข่าวมาแล้วเจ้าค่ะ” ปี้เหลียนที่ยืนอยู่หลังฉาก รายงานให้แก่นายสาวได้ทราบ“เรื่องเหล่ยฟู่เฉารึ!”“เจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านแม่ทัพ ใกล้จะถึงเมืองหลวงแล้ว คาดว่าไม่เกินสามวันเจ้าค่ะ”“ดี! เด็กๆ เรียบร้อยดีใช่ไหม ประเดี๋ยวเราจะออกไปที่ร้านกัน”“เจ้าค่ะ”ปี้เหลียนตอบรับ ก่อนจะเดินไปเตรียมอาภรณ์ ให้แก่ผู้เป็นนาย ไหมที่ว่าเนื้อดี ยังหยาบนักในความคิดของหญิงสาว สกุลเหล่ยไม่ได้เมตตานายของนางเลยสักนิด“ต่ำช้า! หากวันใดนายหญิงหลุดพ้นไปจากที่นี่ ข้าจะถล่มพวกเจ้ามิให้เหลือชิ้นดี”เผยอิงเถายิ้มน้อยๆ เมื่อสาวใช้ข้างกาย กำลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง กับเสื้อผ้าในมือ นางรู้ดีว่าชุดที่สกุลเหล่ย นำมาให้เมื่อสองวันก่อน มันก็แค่ผ้าไหมผสม หาได้เป็นไหมเนื้อดีอย่างที่ควรจะเป็น แต่ ณ เวลานั้น นางกับลูกไม่
“ไม่แล้วอย่างไรหรอกเจ้าค่ะ ข้าแค่สงสัยว่าสิ่งใดกัน ทำให้ท่านพ่อ มาเยี่ยมเยียนข้า ทั้งที่ตลอดหลายปีมานี้ แม้แต่คำถามไถ่ยังไม่เคยมีมา” “เจ้ามีสิทธิ์อันใด ขับไล่คนของข้าออกจากร้าน และยึดทุกอย่างไป” “คนของท่าน ไยไม่อยู่ในที่ของท่านเล่าเจ้าคะ จะมาอยู่ในพื้นที่ของข้ากับท่านแม่ได้อย่างไร ไม่มีกฎหมายข้อใดในแผ่นดิน ที่บอกว่าสินเดิม ที่ต้องส่งต่อจากแม่สู่ลูก เป็นของสามี ท่านพ่อกินใช้สิ่งของเหล่านั้นมานานปี ข้าจะไม่ถือสา แต่เมื่อข้าต้องการของ...ของข้าคืน ท่านพ่อก็ไม่มีสิทธิ์ทัดทาน” “เผยอิงเถา! เจ้าก็รู้ว่าร้านค้าสองแห่ง คือรายได้หลักของสกุลเผย และมันต้องเป็นสินเดิมของข้าในภายหน้า” เผยอันหลิง เอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ หญิงโง่คนนี้มิรู้ที่ตายจริงๆ อาจหาญมาต่อกรกับบิดาของนาง “รายได้หลัก มิใช่เบี้ยหวัดของท่านพ่อหรือ ส่วนเรื่องสินเดิม มันเกี่ยวอันใดกับทรัพย์สินของข้า มารดาเจ้าก็มี ก็ใช้สินเดิมของนางสิ! นี่ของแม่ข้า” “แต่เจ้าออกเรือนไปแล้วนะ!” เผยอันหลิง ยังคงตอบโต้ ด้วยน้ำเสียงของคนไม่ยอมแพ้ “นั่นยิ่งสมควรเป็นของข้า ตั้งแต่วันที่ข้า ก
“พาส่งตำรวจเถอะ” คล้ายกับเขา รู้ถึงความต้องการของพี่สาว จึงเลือกที่จะส่งลู่ถิงให้กับตำรวจ เพราะยังไงเมื่อเข้าไปอยู่ในคุก ลู่ถิงก็ไม่รอดอยู่ดี แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น “ฉันไม่กลัวแกหรอก นังฉู่หร่าน! แกด้วยไอ้ปัญญาอ่อน ฉันจะส่งพวกแกไปตายอีกครั้ง” ลู่ถิงพุ่งไปที่ขอบระเบียงกว้าง ก่อนจะพุ่งลงไปเบื้องล่าง โดยไม่มีใครคิดห้ามปราม อาจด้วยยังตกตะลึง กับคำพูดของหญิงสาวอยู่ก็เป็นได้ ฉู่หร่านมองไปจุดที่ลู่ถิงหายไป ชายหนุ่มที่มีรอยยิ้มประดับ โบกมือให้กับเธอ กู้เจี๋ยน้อยของสกุลฉู่ น้องชายและลูกชายที่ทุกคนรัก กำลังโบกมือลา และเริ่มเลือนหายไปทีละน้อย “หรานหร่าน อย่าร้อง เจี๋ยจะเป็นเด็กดี จะไม่ดื้อด้วย เจี๋ยจะดูแลหรานหร่านเอง” หญิงสาวปล่อยโฮออกมา เหมือนเด็กในทันที เมื่อรอยยิ้มของกูเจี๋ย เลือนหายไป พร้อมกับร่างกาย ที่กลายเป็นเพียงแสงสีขาว จนเหลือเพียงความว่างเปล่า ในสายตาเธอ กู้เจี๋ย ลูกชายของเพื่อนพ่อ ที่ครอบครัวประสบอุบัติเหตุ เหลือรอดเพียงเด็กชายกู้เจี๋ย ที่สมองได้รับความกระทบกระเทือน จนทำให้สมองไม่สามารถ ที่จะพัฒนาได้ทันร่างกาย
ภายในห้องนอนเล็กๆ สามแม่ลูกหลับใหลไปด้วยความเหนื่อยล้า เพราะตลอดสองวัน ทั้งร่างกายและจิตใจ ล้วนต้องใช้พลังงานเหลือล้นเผยอิงเถา นอนตรงกลาง ขนาบสองข้าง ด้วยลูกชายหญิง ทว่าเวลานี้ ใบหน้างามกลับมีเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า ราวกับในความฝันของนาง มันคือสิ่งที่นางมิอยากพานพบ....‘หรานหร่าน...หรานหร่าน!’ เสียงร่ำร้องดังอยู่แสนไกล ทำให้หญิงสาวที่เวลานี้ ยืนอยู่ท่ามกลางความมืด พยายามวิ่งตามเสียงเรียกนั้นไป จนสุดฝีเท้า ทว่ายิ่งไล่ล่า ยิ่งดูเหมือนจะห่างไกลออกไป จนอยากจะตามทัน‘พ่อคะ แม่คะ หนูอยู่นี่...’มิติคู่ขนาด ปัจจุบัน ฉู่หร่านวิ่งตามเสียงจนสุดฝีเท้า ก่อนจะหยุดลง เมื่อภาพเบื้องหน้า ทำให้เธอรู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งตัว ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดสีดำแบรนด์ดัง เป็นที่คุ้นตาของเธอเหลือเกิน หญิงสาวเดินเข้าใกล้ชายหนุ่มให้มากขึ้น เสียงที่ได้ยิน เธอมั่นใจว่านั่นคือคิงส์ น้องชายแท้ๆ ของเธอ ที่ถูกเก็บเป็นความลับ เพราะคิงส์อยู่ในท้องแม่ ได้เพียงสองเดือน พ่อกับแม่ของเธอก็ตกลงแยกทางกันอย่างถาวร แม่จึงเลือกที่จะให้น้องชาย มีชีวิตที่ไม่ต้องวุ่นวาย กับธุรกิจหรือตระกูลของพ่ออีก แต่ก
“ไม่ขอรับ น้ำค้างเริ่มลงแล้ว เชิญฮูหยินน้อยด้านในเถิดขอรับ” พ่อบ้านจวงรีบปฏิเสธ เมื่อน้ำเสียงของฮูหยินน้อย แสดงชัดว่าไม่ยินยอม ต่อคำทัดทานใดๆ ทั้งสิ้น “อืม” เผยอิงเถา อุ้มบุตรสาว มืออีกข้างจับมือบุตรชาย ก้าวผ่านเข้าไปภายในจวน แน่นอนว่าบ่าวชายหญิง ที่ติดตามเข้าไปนับสิบ ล้วนมีใบหน้าที่เย็นยา เยี่ยงนายสาวทั้งสิ้น สายตาที่มองคนในจวน เฉยชาเหมือนคนเหล่านั้น เป็นเพียงฝุ่นผงในสายตา “ท่านแม่” เจาเยียน กระทืบเท้าราวเด็กถูกขัดใจ เหล่ยฮูหยินที่เคยเอ็นดูลูกสะใภ้คนรอง บัดนี้นางทำได้เพียงเมินหน้าหนี เพราะความต่างของสะใภ้ใหญ่กับสะใภ้รอง ในตอนนี้มันราวฟ้ากับเหวลึก ยิ่งเห็นเผยอิงเถา พาบ่าวชายหญิง ที่ล้วนมีลักษณะดี ก้าวผ่านนางไป มันตอกย้ำว่านับจากนี้ อำนาจในมือจะถูกลิบคืน เห็นทีนางคงต้องนิ่งมองสถานการณ์ไปก่อน หากผลีผลามลงมือ อาจไม่ส่งผลดีเท่าใดนัก “ท่านแม่...” “เจ้ารู้ตัวไหม ว่าทำอะไรลงไป มิเพียงเจ้าที่ต้องอับอาย มันรวมถึงข้า และสกุลเจาของบิดาเจ้าด้วย ที่อบรมลูกหลานได้ไม่ดี” “นางกำลังเสแสร้งอยู่นะเจ้าคะ” “แล้วอย่าง