LOGIN“ผมยังไม่รับเลขาฯ ตอนนี้” ธามไทพูดแทรกขึ้นมาทันที แม้จะรู้ว่าฝ่ายบุคคลหวังดี แต่เขาก็ไม่อยากมีเรื่องวุ่นวายตามมาทีหลัง
“เอ่อ ไม่ใช่นะคะ” เขมมิกาพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอกลัวเหลือเกินว่าหมอหนุ่มจะไม่รับตนเองเข้าฝึกงาน และแน่นอนว่ามาถึงขนาดนี้แล้ว เธอจะไม่ยอมถอยแน่นอน
“หืม?”
ธามไทถึงกับเงยหน้าเพื่อมองต้นเสียงที่ไม่คุ้นเคย ก่อนจะสบตาเข้ากับนักศึกษาสาวที่มองมาด้วยแววตาสั่นระริก เขาจ้องมองเธอด้วยสายตานิ่งงันโดยที่ไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกไป เด็กสาวรีบก้มหลบตาเขาทันที แวบหนึ่งธามไทรู้สึกคุ้นเด็กสาวอย่างประหลาด แต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่าเคยเจอเธอที่ไหน
“เอ่อ หมอธามคะ พิมไม่ได้จะหาเลขาฯ มาให้หมอค่ะ แต่น้องเค้กมาสมัครเป็นเด็กฝึกงาน แล้วก็จะมาช่วยเป็นเลขาฯ ให้หมอช่วงนี้ค่ะ” พิมอรค่อยๆ พูดทีละนิด ด้วยรู้ดีว่าความเย็นชาของหมอธามไทนั้นยากที่จะคาดเดาว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
“แล้วต่างจากเลขาฯ ตรงไหน กลับไปเถอะ” ธามไทพูดอย่างไม่ใส่ใจอะไร ต่อให้แม่สาวน้อยคนนี้จะเข้ามาในฐานะเด็กฝึกงาน แต่สุดท้ายก็ต้องทำงานใกล้กันอยู่ดี เขาเหนื่อยที่จะต้องมีปัญหาเกินพอ
“แต่ว่าน้องเค้กเป็นเด็กดีนะคะ พิมมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบที่หมอกังวลแน่นอนค่ะ” พิมอรพยายามช่วยเขมมิกาอย่างสุดความสามารถ
“คุณพิม…”
ธามไทหยุดจ้องคอมพิวเตอร์ ก่อนจะหันไปจ้องพิมอรด้วยสายดุนิ่ง เยือกเย็น จนคนถูกมองอดกลัวไม่ได้ แม้จะเคยเห็นสายตานี้บ่อยๆ แต่เธอก็ไม่เคยชินเลยสักนิด
“ผมบอกว่าไม่ ผมดูแลงานของตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องมีเลขาฯ พาเด็กของคุณออกไปเถอะ ถ้าอยากฝึกงานที่นี่ก็ให้ไปเป็นเลขาฯ หมอคนอื่นแทน”
คุณหมอหนุ่มพูดอย่างเด็ดขาดจนพิมอรต้องหันไปลูบไหล่เขมมิกาอย่างปลอบประโลม
“ไม่เป็นไรนะเค้ก เดี๋ยวพี่ช่วยให้เป็นเลขาฯ ของหมอท่านอื่นให้ เราไปกันเถอะ” พิมอรพูดพร้อมกับจะจูงมือเขมมิกาเดินกลับ ทันใดนั้น สาวน้อยคนสวยก็รีบดึงมือกลับและพูดขึ้นทันที
“ใครบอกว่าหมอดูแลงานตัวเองได้กันคะ ดูสิคะ หมอทำงานหนักจนไม่มีเวลาทานข้าว แถมงานก็รกเต็มโต๊ะแบบนี้ นี่เหรอคะดูแลตัวเองได้” เขมมิกาพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ความกลัวเป็นแรงผลักดันให้เธอฮึดพูดประโยคเหล่านั้นออกมา
“เค้ก กลับ!”
พิมอรเริ่มเห็นท่าไม่ดีจึงออกแรงเตือนเขมมิกา แต่เขมมิกากลับหันมามองสาวรุ่นพี่ด้วยสายตาจริงจังและแน่วแน่
“เค้กไม่ไปค่ะ หมอรู้ไหมคะ ว่าเค้กพยายามแค่ไหนที่จะได้เข้ามาฝึกงานที่นี่ แต่หมอกลับไม่เห็นความพยายามของเค้กเพียงเพราะว่าฝังใจกับการกระทำของคนอื่นๆ เนี่ยนะคะ มันไม่แฟร์กับเค้กเลย”
เขมมิกาตอบกลับราวกับเด็กที่น้อยใจผู้ใหญ่ จนหมอธามไทเหยียดยิ้มขำขันขึ้นมา
“อายุเท่าไร” ธามไทมองจับจ้องไปยังเด็กสาวปากกล้าที่กล้ามาพูดจาต่อล้อต่อเถียงกับตนเอง แน่นอนว่าเขาไม่ได้เจอใครกล้าพูดแบบนี้มานานแล้ว
“ยี่สิบสองค่ะ” เขมมิกาตอบพร้อมกับจ้องลึกไปในดวงตาคมเข้ม เขาคงจำเธอไม่ได้จริงๆ สินะ
“หึ อายุแค่นี้กล้าเถียงผู้ใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ ไม่มีมารยาท”
ธามไทเหยียดยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน แม้จะชอบในความใจกล้าของเด็กสาวคนนี้ แต่สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คือคนอวดดี!
“นี่เค้กไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ ปีนี้ เค้กก็เรียนจบแล้ว และเค้กไม่ได้คิดจะเถียง แค่อยากอธิบายบ้างเท่านั้นค่ะ”
“ที่เธอกำลังทำ เขาเรียกว่าเถียงผู้ใหญ่” คุณหมอหนุ่มเสียงแข็งใส่ทันที แบบนี้เขายิ่งไม่ชอบ
“เค้กแค่อยากให้คุณหมอมองในมุมของเค้กบ้าง” เขมมิกาพยายามอธิบาย เธอไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่ที่ดูแลตนเองมาจนถึงทุกวันนี้
“งั้นเหรอ” ธามไทจ้องหน้าเด็กสาวอย่างท้าทาย พร้อมกับประมวลเรื่องราวทุกอย่างว่าจะเอาอย่างไรต่อไปดี ยิ่งเห็นแววตาดื้อรั้นของอีกฝ่าย เขาก็ยิ่งอยากจับเด็กอวดดีตีก้นเสียให้เข็ด
“ค่ะ เค้กทำงานได้แล้ว ขอแค่หมอให้โอกาส” สาวน้อยสูดหายใจลึกๆ พยายามตั้งสติไม่ให้หัวใจเต้นแรงเพียงเพราะแค่สบตาอันร้ายกาจของเขา
“ทำอะไรได้บ้าง” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ พร้อมกับมองไปยังเขมมิกาด้วยสายตาเยือกเย็นเสียจนคนถูกมองเสียวสันหลัง
“กะ ก็ เค้กเรียนสาขาภาษาไทยมา เค้กสามารถเขียนสรุปการประชุมได้ เป็นพีอาร์ได้ แล้วก็คอยจัดตารางงานให้คุณหมอได้ค่ะ” พยายามคิดสิ่งที่ตนเองจะทำให้กับหมอธามไทได้ แม้จะคิดอย่างกะทันหัน แต่ทั้งหมดที่พูดมา เธอก็มั่นใจว่าทำได้จริงๆ
“ที่บอกว่าพยายาม ทำไมคุณถึงอยากมาฝึกงานที่นี่” ธามไทถามขึ้นด้วยความอยากรู้ เพราะปกติแล้วโรงพยาบาลของเขาแทบไม่ได้มีชื่อเสียงเรื่องการปั้นเด็กออกสู่โลกภายนอก แต่มีชื่อเสียงในการรับบุคลากรเข้าทำงานที่มีประสิทธิภาพเสียมากกว่า
“เพราะพ่อของเค้กเสียที่นี่ค่ะ”
เขมมิกาตอบด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว หญิงสาวพยายามไม่ให้น้ำตาไหลริน การที่พูดเรื่องพ่อต่อหน้าหมอธามไทเปรียบเหมือนแรงขับเคลื่อนน้ำตาชั้นดีเลยก็ว่าได้
“เสียชีวิตจากการรักษาที่นี่งั้นเหรอ” คุณหมอหนุ่มขมวดคิ้วทันที เพราะหากเป็นเรื่องคนไข้ เขาไม่เคยปล่อยผ่าน และหากมีการรักษาผิดพลาดเกิดขึ้นก็ไม่เคยปัดความรับผิดชอบ
“ไม่ใช่ค่ะ พ่อของเค้กได้รับการรักษาอย่างดีที่สุด แต่พ่อสู้ต่อไม่ไหวและเสียชีวิตที่นี่ เค้กเลยอยากฝึกงานที่นี่เพื่อรำลึกถึงพ่อ และขอบพระคุณหมอทุกท่านที่ช่วยพ่อของเค้กในวันนั้นค่ะ” ตอบคุณหมอหนุ่มอีกครั้ง และภาวนาให้อีกฝ่ายพอจะจำเธอได้ แต่ก็ไร้วี่แวว เขาคงรักษาคนมามาก กับแค่เคสผู้ป่วยธรรมดาๆ คนหนึ่งคงไม่เก็บมาใส่ใจ
“ปณิธานแน่วแน่ดีนี่ ถ้าผมไม่รับคุณผมคงดูเป็นหมอใจร้ายมากใช่ไหม” ธามไทพูดขึ้นพร้อมกับเหยียดยิ้มขึ้นมา เขาจ้องหน้าเขมมิกาอย่างหาคำตอบ
“เอ่อ หมอธามคะ ถ้าไม่อยากรับเค้กจริงๆ เดี๋ยวพิมไปลองคุยกับหมอวินดูก็ได้ค่ะว่าอยากได้เลขาฯ ไหม” พิมอรพยายามคลี่คลายสถานการณ์อีกครั้ง
“พี่พิม แต่…”
“อย่าดื้อสิเค้ก” พิมอรหันไปดุเขมมิกา เพราะรู้ดีว่าหมอธามไทไม่ชอบคนเถียง และไม่ชอบคนแสดงกิริยาเช่นนี้ต่อหน้าผู้ใหญ่
“หมอวินมันงานเยอะถึงขั้นต้องมีเลขาฯ เลยหรือไง” ธามไทหันไปถามพิมอรอย่างต้องการคำยืนยัน เขารู้ว่ามาวินเป็นหมออายุรกรรม และโดยปกติแล้วมาวินไม่ได้ยุ่งถึงขั้นต้องมีเลขาฯ เสียด้วยซ้ำ
คุณหมอหนุ่มพูดอย่างไม่ใส่ใจอีกตามเคย จะว่าเขาใจร้ายก็ได้ แต่สิ่งที่ศศิทำ หรือแม้แต่การเอาเรื่องเขมมิกาไปประจานแบบนี้ แค่เขายังให้พ่อของเจ้าหล่อนเป็นหุ้นส่วนของโรงพยาบาลอยู่ก็ถือว่าใจดีมากแล้ว“ค่ะ งั้นก็เอาที่พี่ธามเห็นว่าสมควรละกัน” เขมมิกาไม่อยากเซ้าซี้คนรักต่อ ในเมื่ออีกฝ่ายคิดแบบนั้น เธอก็เคารพการตัดสินใจของเขา“พี่แค่หลีกเลี่ยงการปะทะ พี่ไม่อยากให้ศิมาพูดอะไรไม่ดีใส่เค้กอีก แค่นี้ก็มากพอแล้ว นี่พี่ต้องอดทนมากนะที่รู้ว่าศิประจานเค้กแบบนี้” ธามไทมองหน้าเขมมิกาด้วยสายตาจริงจัง“เค้กไม่ได้คิดมากค่ะ ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องก็นานมากแล้ว เรามาดูชื่อคนอื่นต่อเถอะนะคะ” หญิงสาวรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีเมื่อเห็นว่าคุณหมอหนุ่มเริ่มอารมณ์เสียเรื่องศศิขึ้นมา“ตอนนี้ พี่เหนื่อยแล้ว อยากหาอะไรกินจังแลย”เจ้าของร่างสูงพูดขึ้นพร้อมกับเอนศีรษะพิงไหล่หญิงสาวอย่างเหนื่อยล้า การได้อยู่กับเธอแบบนี้ มันเหมือนการพักผ่อนชั้นดีสำหรับเขา“ถ้าอย่างนั้น พี่ธามรอเค้กอยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวเค้กไปทำอะไรให้ทาน” เขมมิกาค่อยๆ ขยับตัว พร้อมกับให้หมอหนุ่มเอนตัวนอนที่โซฟา“ให้พี่ไปช่วยไหม” เอ่ยถามด้วยสายตาที่ปรือจนแทบจะหลับลง
เสียงปรบมือดังขึ้นจากคนที่มาใหม่ ทำให้คนรักทั้งสองต้องหันไปมองทันที เวทัสกับเมรีญาเดินเข้ามาหาทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม“แหม โชคดีจริงๆ มาทันเห็นโมเมนต์สุดแสนโรแมนติกของมึง ไอ้เพื่อนรัก”เวทัสมาถึงก็รีบแซวธามไททันที จริงๆ เขาพาเมรีญามาภูเก็ตครั้งนี้ก็เพื่อพักผ่อน แต่พอรู้ว่าธามไทจะพาเขมมิกามาเจอบิดาด้วย ก็เลยคิดว่าคงต้องนัดพบเพื่อนเสียหน่อย“เออ กูอุตส่าห์จะรีบทำก่อนมึงมา แต่มึงเสือกมาพอดี” ธามไทพูดด้วยความหัวเสีย เขาแค่ไม่อยากให้เวทัสได้เห็นตนเองในมุมนี้เท่าไรนัก เพราะเท่านี้ก็โดนมันล้อจะแย่แล้ว“อะไรกันวะ อย่าบอกนะว่ามึงอายกู คุณเค้กดูสิครับ จะแต่งงานอยู่แล้ว มันยังเขินเรื่องไม่เป็นเรื่อง” เวทัสได้ทีหันไปพูดกับว่าที่เจ้าสาว“สงสัยถูกหมอว่านแกล้งบ่อยมั้งคะ” เขมมิกาตอบกลับอย่างปกป้องว่าที่สามี“ใช่ค่ะ หมอว่านน่ะชอบแซวหมอธาม สงสัยจะลืมไปว่า ก่อนหน้านี้ ตัวเองก็ไม่ต่างจากเพื่อนเท่าไรหรอก” เมรีญามองสามีด้วยสายตาเจ้าเล่ห์จนอีกฝ่ายหลุดขำออกมา“โธ่ ที่รัก อย่าไปบอกเขาสิ ให้ผมได้เท่หน่อย” เวทัสพูดอย่างขำขัน จริงอยู่ว่าช่วงนี้ เขาแซวธามไทบ่อย แต่ที่พูดไปทั้งหมดก็เพราะยินดีกับเพื่อนทั้งนั้น“ช่างเถอะ
“พ่อ…” ธามไทห้ามพ่อด้วยน้ำเสียงโอดครวญตามเคย“ฉันถามหนูเค้ก แกไม่ต้องยุ่ง” คราวนี้ คนเป็นพ่อหันไปดุลูกชายทันที“เอ่อ ค่ะ เค้กคิดว่าเค้กเข้าใจงานของพี่ธามดีค่ะ พี่ธามไม่ได้เป็นแค่หมอ แต่พี่ธามเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลด้วย ตอนทำงานกับพี่ธาม เค้กเข้าใจดีว่าเพราะอะไร พี่ธามถึงต้องทำงานหนัก แต่เค้กจะไม่ยอมให้พี่ธามทำงานหนักจนลืมดูแลตัวเองเหมือนแต่ก่อนแน่นอนค่ะ”เขมมิกาพูดออกไปด้วยความมั่นใจ ที่ผ่านมา ชายหนุ่มทำงานหนักจริง แต่ทุกอย่างย่อมมีเหตุผลของมัน และต่อไปนี้เธอเองจะเป็นคนเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ให้กับเขา“บอกตามตรงว่า ฉันไม่ได้ติดอะไรเลยกับการที่จะรับหนูมาเป็นสะใภ้ นึกดีใจด้วยซ้ำที่ลูกชายฉัน มันรักใครเป็นสักที แต่ที่ห่วงก็คือกลัวว่ามันจะทำให้หนูเสียใจอีก” ธนาธรพูดออกมาด้วยเป็นห่วง แม้ว่าธามไทจะเป็นลูกชายตนเองก็จริง แต่เขาก็ไม่เคยเข้าข้างลูกในทางที่ผิด“โธ่ พ่อ ผมไม่ทำอะไรแบบนั้นแล้วครับ ผมรักเค้ก แล้วก็จะมีหลานให้พ่ออุ้มห้าคนเลย” ธามไทพูดออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ จนโดนหญิงสาวตีไหล่เข้าให้“พี่ธาม! ห้าคนเกินไปไหมคะ” เขมมิกาตอบกลับด้วยใบหน้าแดงก่ำ“ฮ่าๆ ถ้ามีน้ำยาขนาดนั้นก็ลองดู ฉันจะรออุ
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ต่อให้พี่ธามไม่มีแหวน หรือไม่มีอะไรเลย เค้กก็อยากเป็นเจ้าสาวของพี่ค่ะ” เธอจับมือเขาให้ลุกขึ้นยืนเคียงข้างกันอีกครั้ง “เค้กเคยบอกพี่แล้วไงคะว่า ทรัพย์สมบัติ หรือฐานะเงินทองของพี่ไม่ได้สำคัญสำหรับเค้กเลย ที่เค้กรักพี่มาตลอดหลายปี มันมาจากความดีและความอบอุ่นของหมอธามคนนั้น คนที่เคยช่วยเค้กเอาไว้ แค่ความรักที่พี่ธามมีให้เค้กวันนี้ มันก็มากเกินพอแล้วค่ะ”เขมมิกาพูดทุกอย่างออกมาจากใจ ต่อให้วันนี้ธามไทกลายเป็นคนล้มละลายเธอก็ยังเลือกที่จะอยู่เคียงข้างชายหนุ่มเช่นเคย“น่ารักที่สุด เค้กของพี่ สรุปแต่งงานกับพี่นะ” ถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ แม้หญิงสาวจะดูไม่ติดอะไร แต่เขาก็อยากจะได้คำยืนยันจากปากของเธอ“แค่นี้ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอคะ…แต่งค่ะ”หญิงสาวตอบกลับด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง แม้เรื่องนี้จะเกินความคาดหวังที่คิดเอาไว้ แต่ก็รู้ใจตัวเองดีว่า ตอนนี้ ตนเองรักคุณหมอหนุ่มมากแค่ไหน และก็ไม่อยากหนีไปไหนอีกแล้ว ในเมื่อเขาและเธอต่างใจตรงกัน“เย่! พี่จะมีเมียแล้ว” ธามไทก้มลงหอมแก้มคนตัวเล็กฟอดใหญ่ทันทีด้วยความดีใจ“แล้วทำแบบนี้ คนที่โรงพยาบาลว่าไงบ้างคะ”เขมมิกาพูดออกไปด้วยความเป็นห่วง เพราะกา
เขมมิกาเดินทางมาที่โรงพยาบาลอินทรารามด้วยหัวใจเต้นรัว แม้บรรยากาศตอนนี้จะสงบแล้วเพราะกองทัพสื่อมวลชนได้ทยอยกันกลับไป แต่หญิงสาวก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่ดี“เค้ก!”เสียงเรียกจากพิมอรทำให้เขมมิกาต้องหยุดเดินก่อนจะไปถึงห้องของหมอธามไทเพื่อทักทายรุ่นพี่สาวทันที“พี่พิมสวัสดีค่ะ” เขมมิกายกมือไหว้พิมอรอย่างนอบน้อมเช่นเคย“มาหาหมอธามใช่ไหม หืม เค้กน่ะ ทำไมไม่บอกเรื่องนี้กับพี่ ถ้าพี่รู้แต่แรกก็คงจะได้ไม่เชียร์หมอมาวินกับเค้ก เฮ้อ...ป่านนี้ หมอมาวินอกหักแย่แล้ว”พิมอรพูดด้วยรอยยิ้ม เพราะอดปลื้มใจแทนเขมมิกาที่ถูกขอแต่งงานสดๆ ร้อนๆ ไม่ได้จริงๆ“เอ่อ เค้กขอโทษนะคะที่ปิดบังเรื่องนี้มาตลอด” เขมมิการู้ดีว่าพิมอรคงเป็นห่วงตนมาก แต่หากตอนนั้นเล่าให้ฟัง ฝ่ายบุคคลสาวคงไม่อยากให้เธอต้องตกอยู่ในสถานะแบบนั้น“ช่างมันเถอะ อย่างน้อย ตอนนี้ หมอธามก็กล้าออกมาพูดเรื่องนี้แล้ว พี่ว่าเค้กไปหาหมอเถอะ” พิมอรรีบดันหลังให้เขมมิกาเดินไปยังห้องทำงานของหมอหนุ่มทันที“งั้นไว้เค้กแวะมาหาพี่พิมใหม่นะคะ” สาวน้อยพูดด้วยความเกรงใจ“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ หลังจากนี้ พี่ว่าเรามีแววจะได้เจอกันแทบทุกวันแน่นอน”สาวรุ่นพี่พูดแซวออกไปอีกค
วันเวลาผ่านไปร่วมสัปดาห์ ธามไทไม่ได้ติดต่อมาหาเขมมิกาตามที่บอกเอาไว้จริงๆ ดูเหมือนคุณหมอหนุ่มไม่เร่งรีบหรือคอยทวงเอาคำตอบ จนหญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่าเขาเองอาจจะไม่ได้หวังในตัวเธอแล้ว ยิ่งช่วงนี้เห็นว่าโรงพยาบาลอินทรารามกำลังประกาศเปิดสาขาใหม่ ชายหนุ่มอาจจะเอาเวลาทั้งหมดของตนเองไปใส่ใจเรื่องควรใส่ใจอยู่ก็ได้“เค้กครับ เชิญห้องทำงานพี่หน่อย”ปริญเดินออกมาเรียกเลขาฯ ส่วนตัวของตนเองเข้าไปด้านในห้อง สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เขาสังเกตเห็นว่าเธอเริ่มเหม่อลอย และดูไม่ร่าเริงเหมือนปกติจนแอบคิดไม่ได้ว่าหญิงสาวอาจกำลังคิดถึงใครอยู่“พี่ปริญมีอะไรให้เค้กทำหรือคะ” เขมมิกาเอ่ยถามพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามเขา“ไม่มีครับ พี่แค่อยากเรียกเค้กมาคุย พักนี้เห็นเค้กดูเครียดๆ” ปริญพูดด้วยสีหน้ากังวลใจ และสัญชาตญาณบางอย่างมันบอกให้เขาเตรียมใจเอาไว้ว่าหญิงสาวอาจพูดเรื่องเซอร์ไพรส์อะไรขึ้นมาก็ได้“เหรอคะ เค้กต้องขอโทษด้วยนะคะที่เค้กอาจจะทำงานได้ไม่ดี”“เรื่องงานไม่มีปัญหาเลยเค้ก แต่พี่แค่เห็นว่าเค้กดูไม่ร่าเริงเหมือนก่อนหน้านี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า หรือว่าเรื่องหมอธาม” CEO หนุ่มเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา ตั้งแต่วันนั







