Share

3.ของกำนัลจากเบื้องบน

last update Last Updated: 2025-10-06 23:11:27

นางรำผู้นี้ขยับข้อเท้าที่สวมใส่กระดิ่งอย่างแช่มช้าอ่อนช้อย  อาภรณ์สีแดงสดแนบเนื้อพลิ้วไหวตามการเคลื่อนตัวของเรือนกาย  มันงดงามราวกับเปลวเพลิงที่กำลังหลอกล่อแมลง

ใบหน้างามยังคงเรียบเฉย  ไม่ยิ้มแย้มเพื่อเชิญชวนคนดู  ดวงตากลมโตคมดุเยือกเย็นไร้ซึ่งการหยอกล้อเฉกเช่นนางรำทั่วไป  ทว่าทุกฝีก้าวกลับมีแรงดึงดูดอย่างประหลาด  ทั้งนุ่มนวลและหนักแน่น  ยามเสียงดนตรีเริ่มหนักขึ้น  นางก็ยกแขนทั้งสองขึ้นเหนือศีรษะ  นิ้วเรียวขยับอ่อนช้อย  ท่วงท่าเชื่องช้าดั่งสายธาร  ทว่าเต็มไปด้วยพลังที่บดบังไม่ให้ใครละสายตาได้

พอบทเพลงเปลี่ยนจังหวะ  เรือนกายอ่อนนุ่มก็เคลื่อนไหวรวดเร็วเฉียบคม  ปลายผ้าคล้ายเปลวไฟพุ่งออกพร้อมฝีเท้าที่หมุนวนไปทั่วพื้นที่กว้างในห้องรับรอง

เหล่าบุรุษในห้องต่างก็พากันมองอย่างไม่ละสายตา  บางคนแทบจะลืมหายใจไปก็มี  เพราะสตรีนางนี้ทั้งงามและยั่วยวนนัก  แม้ไม่ยิ้มทว่าสีหน้าและแววตากลับดึงดูดได้ดียิ่ง

ร่างกายของนางเปรียบดังสายน้ำ  มือที่ชูขึ้นนั้นดูอ่อนโยนราวกับผ้าไหมที่พัดปลิว  แต่เมื่อใดที่นางขยับตัวรวดเร็วกลับดูแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า  ซึ่งมันสร้างความตื่นตะลึงได้ดียิ่ง  

แม้แต่เจ้าของงานยังนั่งนิ่งมองตามจนลืมความโกรธไปสิ้น

กระทั่งร่างอรชรนี้หยุดลงตรงหน้าซูเหวินอี้  อารมณ์คุกรุ่นของฟู่อินหลางก็ปะทุขึ้นอีก  เพราะสายตาของนางจับจ้องไปยังศัตรูของเขาอย่างเปิดเผย  พร้อมกับยิ้มหวานให้มันด้วย

นางหยุดร่ายรำแล้ว  และยามนี้กำลังรินสุราให้บุตรชายกั๋วกงอย่างเอาใจ “เป็นบุญของข้าน้อยจริง ๆ ที่ได้พบซื่อจื่อกั๋วกง  ข้าได้ยินว่าท่านรูปงามนัก  วันนี้ได้เห็นกับตาเถียงไม่ออกจริง ๆ เจ้าค่ะ”  นางรำเอ่ยกับคนตรงหน้าเสียงอ่อนหวาน

“ข้าก็นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะได้ยลโฉมสาวงาม  เกิดมาข้าไม่เคยพบสตรีใดงามเท่าเจ้าเลยนะ  ร่ายรำก็อ่อนช้อย  งดงามยิ่งนัก”  อีกฝ่ายก็กล่าวคำหวานไม่น้อยหน้ากัน  สุ้มเสียงคล้ายกับคนละเมอเพ้อพบไม่มีผิด  แววตาที่มองนางก็หยาดเยิ้มเหลือเกิน

“จริงหรือเจ้าคะ  ซื่อจื่อกั๋วกงจะบอกว่า  ไม่เคยพบเห็นสตรีงามเช่นข้ามาก่อนจริง ๆ หรือ  ข้าไม่อยากเชื่อเลย”  หญิงสาวยังคงกล่าวด้วยท่าทางเย้ายวน  จากนั้นนางก็เผยยิ้มเอียงอาย  จนอีกฝ่ายต้องรีบยื่นมือออกมาหมายจะจับ

ทว่าร่างอรชรกลับขยับถอยหนี  พร้อมกับทำท่าเขินอาย  “อย่านะเจ้าคะ  ถึงข้าน้อยจะเป็นนางรำ  ก็ใช่ว่าจะให้บุรุษจับต้องได้ง่าย ๆ  แต่ถ้าใครอยากสัมผัสเราก็มาเล่นทายปริศนากัน  ใครทายถูกว่าข้าเป็นบุตรคนที่เท่าไหร่  ข้าจะให้จับมือ  แต่ถ้าใครทายนามข้าน้อยได้  คืนนี้ข้าน้อยจะปรนนิบัติทั้งคืนเลยเจ้าค่ะ”  เอ่ยจบหญิงสาวก็เผยยิ้มยั่วยวนเพื่อเชิญชวนชายหนุ่มทั้งหลาย

ทว่าแต่ละคนกลับดูกังวลเป็นอย่างมาก  ทายลำดับจำนวนยังพอมีคนคาดเดาถูก  ทว่าหากเป็นชื่อแซ่ย่อมเป็นเรื่องยากแน่  เพราะดูแล้วนางน่าจะไม่ใช่คนที่อาศัยในเมืองหลวง  มิเช่นนั้นบุรุษอย่างพวกเขาต้องรู้แน่ว่าสตรีที่งามเช่นนี้เป็นบุตรใคร

“หากข้าทายถูก  เจ้าจะยอมไปปรนนิบัติข้าทั้งคืนจริงหรือ”  ซูเหวินอี้ยกยิ้ม  พร้อมกับใช้สายตาเจ้าชู้มองนาง

“แน่นอนเจ้าค่ะ  แต่ข้ามีโอกาสให้แค่คนละสองครั้งนะเจ้าคะ ใครตอบผิดก็หมดโอกาส”  นางรำคนงามเผยยิ้ม  ก่อนจะเดินมารินสุราให้เหล่าคุณชายทั้งหลายที่มองนางตาเป็นมัน

กระทั่งมาหยุดที่หน้าโต๊ะของเจ้าบ่าวในค่ำคืนนี้

“ท่านโหวอยากร่วมสนุกด้วยไหมเจ้าคะ”  เอ่ยถามเสียงหวาน  พร้อมกับนั่งลงบนโต๊ะแล้วยื่นจอกสุราให้เขา  ใบหน้านางยังคงยิ้มแย้ม  ทว่าแววตาที่สื่อออกมากลับมีความนัยแฝงอยู่

“ข้าไม่ชอบแย่งชิงสตรีมากตัญหากับผู้ใด”  เสียงเย็นชาเปล่งออกมาหยามเหยียด  และเผยแววตาดูแคลนอย่างชัดเจน

ผู้ที่ตั้งใจยั่วเย้าเขาถึงกับหน้าเสีย  แต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้นใบหน้านางก็กลับมายิ้มให้ตามเดิม  ราวกับไม่นึกเสียใจอันใด

“แม่นางอย่าได้ไปรบกวนท่านโหวเลย  คืนนี้เขามีเจ้าสาวผู้ช่ำชองรออยู่แล้ว  เขาไม่มีทางแยแสเจ้าหรอก”  เสียงหนึ่งตะโกนเย้ยหยัน  สร้างความแค้นเคืองให้เจ้าของงานไปอีก

“อ๊ะ!  จริงด้วยข้าก็ลืมไปเจ้าค่ะ  ต้องขออภัยท่านโหวนะเจ้าคะ”  ร่างอรชรรีบขยับลงจากโต๊ะพร้อมกับสีหน้าเป็นกังวล  ก่อนจะย่อตัวเพื่อขอขมาอีกฝ่ายอย่างรู้สึกผิด

“ไปให้พ้นหน้าข้า”  ฟู่อินโหวยังคงกล่าวอย่างเย็นชา  แม้ว่าคราแรกที่เห็นนางเขาจะเผลอมองอยู่นาน  ทว่าเมื่อเห็นกิริยาที่นางมีต่อบุรุษในห้อง  เขาก็อดนึกถึงภรรยาที่เพิ่งแต่งเข้ามาไม่ได้  ท่าทางที่ใช้ยั่วบุรุษให้ตกหลุมพรางคงไม่ต่างกันกระมัง

‘ชั่วช้าพอกัน’  อินหลางก่นด่าในใจ  ก่อนจะชะงักเพราะใบหน้างามนี้โน้มเข้ามาใกล้  และนางยังกล่าวกับเขาว่า

“อย่าพึ่งลุกหนีไปไหนนะเจ้าคะ มิเช่นนั้นท่านโหวอาจจะเสียใจที่พลาดโอกาสงาม ๆ นี้ไปก็ได้”  สิ้นคำร่างอรชรก็เหยียดตรง  ก่อนจะเผยยิ้มอ่อนหวานให้เขาแล้วก็ถอยออกมา

อินหลางมองนางนิ่งราวกับต้องการพิจารณาให้ถี่ถ้วน  เพราะกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่โชยเข้ามามันช่างคุ้นนัก  เหมือนเขาเคยสูดดมมันมาเมื่อไม่นานนี้เอง  ทว่าความคิดเขาพลันต้องหยุดลง  เพราะเสียงที่เขาไม่อยากได้ยินมากที่สุดกำลังดังขึ้น

“มาทางนี้เถิดแม่นาง  มาสนุกกันดีกว่านะ”  เหวินนอี้กวักมือเรียก  ร่างอรชรจึงเดินอ้อยอิ่งเข้าไปหา  พร้อมกับร่ายรำอย่างอ่อนช้อย  โดยใช้พัดในมือช่วยให้ท่าทางที่ขยับนั้นงดงามขึ้น

“เช่นนั้นเราก็มาเริ่มทายกันเลยนะเจ้าคะ  ใต้เท้าทั้งสองอย่าลืมร่วมสนุกด้วยนะเจ้าคะ”  หญิงสาวหันมาหาสหายของท่านโหว และไม่ลืมที่จะส่งยิ้มให้เจ้าของจวนด้วย  

ทว่ามันเป็นยิ้มที่แฝงไว้ด้วยเลศนัยให้คนมองต้องคิด  จนเขาต้องกระซิบบางอย่างกับคนสนิท  ไม่ถึงอึดใจ  เว่ยซาก็เดินออกจากห้องไป  โดยมีสาวใช้นางหนึ่งตามออกไปด้วย

นางรำคนงามมองตามคนทั้งคู่  ก่อนจะหันไปมองผู้ที่นั่งนิ่งและยังคงใช้แววตาเย็นชามองมาเช่นเคย

“แม่นางคนงาม  ข้าทายถูกหรือไม่  สนใจกันบ้างสิ”  เสียงหนึ่งดังขึ้นมาขัดจังหวะ  หญิงสาวจึงหันกลับมาหาเขา

“ถูกเจ้าค่ะ  ข้าคือบุตรสาวลำดับที่สองของตระกูล”  เอ่ยบอกพร้อมกับยื่นมือไปหาอีกฝ่าย  เผยท่าทางเอียงอาย

ชายหนุ่มผู้นั้นก็รีบจับไปดอมดมทันที  แต่ไม่ถึงอึดใจมือเรียวขาวก็ชักกลับ  ทำให้อีกฝ่ายถึงกับร้องอย่างขัดใจ

“อะไรกัน  ข้ายังไม่ทันได้ชื่นชมเลยนะ”

“แหม!  คุณชาย  หากท่านอยากได้มากกว่านี้  ก็ต้องทายชื่อข้าให้ถูกสิเจ้าคะ  ข้าได้ยินว่าคุณชายไปมาทั่วเจ็ดย่านน้ำมิใช่หรือ  กะอีแค่ชื่อเสียงเรียงนามข้า  ท่านจะทายไม่ถูกเชียวหรือ  ชิ!  หรือข้างามไม่พอ  ถึงไม่มีใครตอบถูกสักคน  ข้าน้อยน้อยใจแล้วนะเจ้าคะ  ไม่มีใครรู้จักข้าจริง ๆ หรือ”  หญิงสาวกล่าวเสียงเครือ  พร้อมกับยกมือทำท่าปาดน้ำตาอย่างน่าสงสาร

“โถ ๆ แม่นาง  เราไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร  บิดามารดาเจ้าอาจจะซ่อนเจ้าไว้มิดชิด  จนพวกเราไม่อาจรู้ได้  เจ้าสามารถบอกเราได้หรือไม่  เจ้าเคยอาศัยอยู่ที่เมืองใดหรือ  ไม่แน่เราอาจจะตอบถูกก็ได้นะ”  คุณชายกงหยาง  สหายสนิทของเหวินอี้รีบเอ่ย  เขาหมายจะเดินออกมาหานาง  ทว่ามือเรียวของเหวินอี้ได้รั้งเอาไว้ก่อน  ทำให้ต้องนั่งลงตามเดิม

“ข้าต้องได้นาง  ไม่ว่าใครจะตอบถูกก็ต้องยกนางให้ข้า”  เขากล่าวอย่างถือสิทธิ์  ทำให้ทุกคนในห้องต้องเงียบในทันที

“หึ! ไม่มีปัญญาทายให้ถูก  แต่ดันอยากครอบครอง ไร้ยางอายที่สุด” เสียงหัวหน้าองครักษ์เกราะดำกล่าวหยัน

“หากพวกเจ้าเก่งนักก็ทายให้ถูกสิว่า  นางรำผู้นี้มีนามว่ากระไร  หากฝ่ายเจ้าตอบถูก  ข้าจะยอมยกนางให้เลย  ถือว่าเป็นของขวัญวันแต่งงานของฟู่อินโหวก็ได้  ข้าว่าท่านโหวได้เสียกับนางรำผู้นี้  ยังดีกว่านอนกอดสตรีที่เคยผ่านมือ ไม่สิ… ต้องบอกว่าผ่านร่างกายบึกบึนของพวกข้ามันถึงจะถูก  ฮ่าฮ่า”  ซูเหวินอี้ส่งเสียงหัวเราะร่วน  ตามมาด้วยเสียงขบขันดังลั่นห้อง

“อุ๊ยตายจริง!  มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือเจ้าคะ  นี่พวกท่านอย่าบอกนะว่า  บุรุษที่นั่งอยู่ตรงนี้  ต่างก็เคยร่วมรักกับคุณหนูรองตระกูลมู่อย่างที่คนด้านนอกเลื่องลือ”  นางรำคนงามกล่าวด้วยเสียงตื่นตระหนก  ใครคนหนึ่งจึงรีบตอบ

“ก็ใช่น่ะสิแม่นาง”

เมื่อซ่งเทียนขวางกาสุราออกมากระทบพื้นจนแตก

เพล้ง!!

 

 

 

 

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [นางร้าย]   31. นางร้ายมีสุข

    อินหลางไม่ปล่อยโอกาสให้ภรรยารักตนได้เอ่ยปาก เพราะกำหนัดก่อนหน้ามันยังค้างคาอยู่ พอมาเห็นผิวขาวของนาง ความต้องการมันก็ยิ่งเพิ่มพูนร่างอรชรจึงถูกเขาโถมเข้าใส่อย่างไม่รีรอ“อ่า… น้องหญิง ร่องเจ้ารัดแน่นยิ่งนัก” ท่านโหวเอ่ยชมทุกรั้งยามเมื่อเขาสอดใส่แท่งหยกเข้ามา ยิ่งไปกว่านั้นท่วงท่าที่ทั้งคู่ทำ มันก็กระตุ้นกำหนัดดีนัก ยามเมื่อเขาออกแรงน้ำในถังก็กระเพื่อมตาม ดีที่มันกว้างใหญ่จึงรับการกระแทกของเขาได้ตันหยงได้แต่ครางเสียว ไม่อาจตอบโต้เป็นภาษาปกติเพราะร่างแกร่งถาโถมเข้าใส่จนนางต้องหาที่ยึด นั่นคือขอบถังที่อยู่บนศีรษะ ส่วนมืออีกข้างก็โอบรอบคอสามีไว้ ส่วนด้านล่างก็ถูกสะโพกหนาขยับเข้าใส่ไม่หยุดหย่อน ทำเอากำหนัดที่กักเก็บไว้เป็นได้ทะลักออกมาในเวลาอันรวดเร็ว ถึงกระนั้นก็ใช่ว่ามันจะจบ มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อไป เพียงแต่ว่ามันไม่ใช่ในถังอีกแล้ว ตรงนี้มันคับแคบเกินไป“ต่อนะน้องหญิง” สิ้นคำท่านโหวก็สอดลิ้นอุ่นเข้าปากนางทันที ตามด้วยเสียงจูบแลกลิ้นที่ไม่มีใครยอมใครเตียงกว้างที่ถูกปูไว้อย่างเรียบร้อย บัดนี้มันเริ่มย่นเข้าหากันเพราะสงครามของเนื้อกายเริ่มปะทุขึ้นมาอีกหนความสุข

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [นางร้าย]   30. ลอบสังหาร

    อินหลางพาภรรยาตัวน้อยของตนกลับมาถึงเรือนก็ไม่ยอมเสียเวลาจัดการกับนาง เพราะวันนี้ฮูหยินเขาแต่งกายได้งดงามเย้ายวนนัก หากไม่ติดว่าอยู่ในงานเลี้ยง เขาเป็นได้แบกนางกลับห้องในยามนั้นแล้ว และเมื่อมาถึงเขาก็ไม่รอช้าที่จะยกนางขึ้นบนโต๊ะกลางห้อง หมายจะรีดน้ำรักตนเสียตรงนี้ ทว่าในขณะที่เขาซุกหน้าบนซอกคอขาว ประตูที่ปิดอยู่กลับถูกเปิดออก ตามมาด้วยชายฉกรรจ์ปิดหน้าตากรูกันเข้ามา “ฆ่าฟู่อินโหว แล้วเอาฮูหยินมันไป” เสียงคำสั่งดังขึ้นทันที จากนั้นพวกมันก็ง้างดาบใส่ หมายเอาชีวิตเจ้าของจวน อินหลางป้องภรรยาตนไว้ข้างหลัง ทั้งเตะทั้งถีบผู้ที่ก้าวเข้าใกล้ เขาพาฮูหยินถอยร่นไปจนถึงมุมเก็บดาบ เมื่อคว้ามันมาได้ก็กลายเป็นกลุ่มคนร้ายที่ต้องหวาดกลัว เพราะฟู่อินโหวสังหารคนเหล่านี้อย่างไม่มีปรานี ถึงกระนั้นพวกมันก็ยังพุ่งเข้ามาไม่หยุด บางคนอ้อมมาด้านหลังหมายจะจัดการกับภรรยาเขา ฟิ้ว! คมธนูจากหน้าประตูแหวกผ่านอากาศปะทะร่างคนร้ายทันที พร้อมกันนั้นเหล่าองครักษ์ของฉินอ๋องก็กรูกันเข้ามา “จัดการมันให้หมด” เขาสั่งการเสียงเข้ม กลุ่มคนร้ายจึงพากันตื่นตระหนก บ้างก็วิ่งออกทางหน้าต่างเพื่อเอาตัวรอด “ข้

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [นางร้าย]   29. ภาพเสมือนจริง

    ผ้าแพรสีแดงถูกลากลงมาอย่างเชื่องช้า เสียงเนื้อผ้าลากผ่านไม้ดังแผ่วเบา ทว่าไม่มีใครใส่ใจตรงนี้เลย เพราะหลังจากผ้าถูกดึงออก พวกเขาก็เอาแต่จ้องฉากไม้กั้นที่สูงเท่าตัวคน แขกเหรื่อในงานรวมถึงเจ้าภาพแทบจะหยุดหายใจ ตรงหน้าพวกเขาคือฉากกั้นบานใหญ่ขนาดหกพับ แต่ละพับมีภาพของชายหญิงคู่หนึ่ง ร้อยเรียงเป็นเรื่องราวต่าง ๆ พวกเขามีหลากหลายอิริยาบถ บางภาพยืนสบตากันใต้ร่มไม้ บางภาพยิ้มอ่อนขณะช่วยกันชงชาในศาลา บางภาพยืนกุมมือกันท่ามกลางแสงจันทร์ ซึ่งแต่ละภาพล้วนสะท้อนถึงความรัก ความผูกพัน และช่วงเวลาที่ฝังลึกอยู่ในใจ แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงไม่แพ้กัน กลับมิใช่ความละเอียดของเส้นพู่กัน และเรื่องราวมากมายบนฉากกั้น ทว่า! มันคือ สีสัน ที่สาดซัดลงบนผืนผ้าอย่างวิจิตรตระการตาต่างหาก บางภาพเผยความงามของท้องฟ้าในยามเย็นเสมือนจริงยิ่งนัก และยังมีแสงสะท้อนสาดส่องลงมา นำพาให้อาภรณ์ของหนุ่มสาวในภาพนี้ทอประกาย ดวงตาของทั้งคู่หรือก็ดูแวววาว…ราวกับมีชีวิต ทุกภาพล้วนแต่เสมือนจริงจนทุกคนได้แต่ยืนนิ่งงัน แม้เสียงดนตรีขาดหายไปก็ยังไม่มีใครใส่ใจ ด้านไท่ฮูหยิน นางกำลังก้าวเข้าไปใกล้ พร้อมกับเอ

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [นางร้าย]   28. สาวงาม

    เวลาต่อมา ณ ลานไม้หน้าเรือนรับรอง กลุ่มคนงานก็นำโต๊ะยาวมาตั้งขวางทางเดิน ในขณะนั้นแขกผู้ใหญ่อย่างฉินอ๋องก็เดินทางมาถึง ซึ่งเขามักจะมาอวยพรนางทุกปีเพราะไท่ฮูหยินคือน้องสาวของหานสืออวิ้นผู้เป็นตาของเขาเอง หากจะนับให้เข้าใจฉินอ๋องก็คือญาติผู้พี่ของฟู่อินหลางและอายุของทั้งคู่ก็เท่ากัน เพราะเกิดในวันเดียวกัน ต่างก็แค่ คนหนึ่งเกิดกลางวัน อีกคนเกิดยามวิกาล“ท่านพี่ ไยท่านไม่บอกว่าฉินอ๋องจะมาด้วย แค่นี้ข้าก็ต้อนรับไม่ทันแล้วท่านรู้หรือไม่” ตันหยงตำหนิสามีทันที “พี่ก็ไม่รู้ว่าพระองค์จะเสด็จมา ก่อนหน้าทรงรับสั่งว่าจะเดินทางไปตรวจตราภัยแล้งช่วยรัชทายาท ทว่าเหตุใดจู่ ๆ ถึงได้เสด็จมาก็ไม่รู้” อินหลางหันมากระซิบบอกภรรยา ก่อนจะมองไปที่ร่างสูงตัวเท่ากัน ซึ่งยามนี้กำลังประคองท่านย่าตนออกมานั่งที่ตั่ง ทำให้แขกเหรื่อที่มาอวยพรต้องรีบเงียบเสียงลง“ตามสบายเถิด ข้าเองก็มาโดยไม่ได้แจ้งก่อน ต้อนรับตามแต่พวกเจ้าสะดวกเถิด” สุรเสียงของฉินอ๋อง เอ่ยออกมาเล็กน้อยก็ทำให้ภายในงานเงียบลงถนัดตา มีเพียงเสียงดนตรีเท่านั้นที่ยังคงบรรเลงขับกล่อมให้ได้ยิน“ทรงอำนาจดีจังเลยนะเจ้าคะ น่าเกรงขามมาก

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [นางร้าย]   27. ชุลมุนวุ่นวาย

    ตันหยงอาบน้ำเสร็จก็ออกมายืนรอสามีที่ระเบียงนอกเรือน เป็นจังหวะที่มีคนมารายงานข่าวกับเว่ยซาพอดี“มีอะไรหรือ” นางรีบถาม“ท่านโหวให้คนมาแจ้งว่าคืนนี้อาจจะกลับดึกขอรับ”“ได้บอกหรือไม่ว่าเพราะเหตุใด” “คงหารือกันเรื่องงานขอรับ ช่วงนี้ทางตะวันออกเกิดภัยแล้งอย่างหนัก ยังมีโรคระบาดตามมาอีก ผู้คนทางนั้นอดอยากและล้มตายกันมาก ท่านโหวและขุนนางคนอื่น ๆ ต่างก็พยายามหาทางแก้กันอยู่ขอรับ” เว่ยซารายงานเท่าที่ตนเคยได้ยินมา“ภัยแล้งเหรอ” ตันหยงนิ่งไป พร้อมกับคิดถึงเนื้อเรื่องที่ตนเคยอ่าน มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ฟู่อินโหวไม่ค่อยได้กลับจวน จึงทำให้ภรรยาตามไปราวีถึงหอ เป็นเหตุให้เขาอับอายมาก ทว่าคนเขียนไม่ได้ระบุไว้ว่าเขาจะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะเนื้อเรื่องหลัก ๆ บรรยายถึงปัญหาชีวิตคู่ของฟู่อินโหวและมู่ตันหยง รวมถึงตัวนางเอกของเรื่องมากกว่าองค์ประกอบส่วนอื่นผู้ประพันธ์ไม่ได้ลงรายละเอียดนักเพราะนี่มันคือนิยายรักดราม่า แนวรักสามเส้าทว่าเมื่อนางเข้ามาอยู่ในนี้และเปลี่ยนบท เนื้อเรื่องมันเลยละเอียดขึ้น ตัวละครยังคงดำเนินชีวิตเหมือนคนทั่วไป ไม่ได้ตัดไปวันนั้นวันนี้เหมือนในนิยายที่ตนเคยอ่านมา ฉะน

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [นางร้าย]   26. มีมิตรย่อมดีกว่ามีศัตรู

    อินหลางเองก็มึนงงไม่แพ้กัน เขาจึงรีบถามให้แน่ใจ“จะ… จริงหรือ เจ้าไม่ได้ปดพี่นะ”“ข้าจะปดท่านพี่ทำไม เอาล่ะในเมื่อทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นเราก็มาวาดภาพกันต่อดีกว่านะเจ้าคะ ข้าขอใช้ห้องตำราของท่านพี่ได้หรือไม่” ตันหยงยิ้มหวานให้เขา“ได้สิ จวนนี้เจ้าอยากใช้ตรงไหนจัดการได้เลย” ฟู่อินโหวรีบเอ่ย ภรรยาตัวน้อยก็ยิ้มกว้างทันที ด้านไป่ฮวาได้แต่เหลือบตามองอย่างหมั่นไส้ แต่ยังไม่ทันได้เปลี่ยนสีหน้า แขนของนางก็ถูกคว้ามาเกาะ แล้วรั้งให้เดินตามกันออกมา ทิ้งให้คนในห้องมองตามอย่างมึนงง…“ฮะ… ฮูหยินไปสนิทกับแม่นางไป่ฮวาตั้งแต่เมื่อใดกัน” เป็นเกาหยางที่เอ่ยในสิ่งที่ตนสงสัยก่อนใคร“นั่นสิ ข้าไม่เคยเห็นแม่นางไป่มาหาฮูหยินเลยสักครั้ง และฮูหยินก็ไม่เคยไปหานางเลยสักครา แล้วทั้งคู่ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อใด” ครานี้เป็นเว่ยซานที่เอ่ยขึ้นมาอย่างงวยงง“พวกนางไม่เคยไปมาหาสู่กันกระนั้นหรือ”“ไม่ขอรับ ข้าอยู่เฝ้าฮูหยินตามคำสั่งนายท่านตลอดทั้งวัน มีแยกไปบ้างเวลาทำธุระ แต่ก็ไม่นานนะขอรับ เอ๋! หรือสองคนนี้จะนัดพบกันยามค่ำคืน ทว่าแม่นางไป่ก็เพิ่งมาอยู่แค่สามวันมิใช่หรือขอรับ มิหนำซ้ำว

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status