จวนสกุลลั่ว
เสียงการต่อสู้ดังขึ้นเป็นระยะ หลังประตูบานใหญ่ที่ปิดสนิท และมีทหารจากจวนอ๋องจิ้งหยวน ยืนขวางทางอยู่ด้านนอก ท่านแม่ทัพชราผู้เป็นเจ้าของบ้าน ถือดาบยืนอยู่กลางลานบ้านอันกว้างขวาง ด้วยใบหน้าที่ย้อมไปด้วยสีเลือด ชายชราขบกรามแน่นด้วยความคลั่งแค้น
เพราะคนที่ลงมือต่อครอบครัวของเขา คือสามีของบุตรสาว ชายที่เขาฝากทั้งชีวิตของลุกและกองทัพสกุลเชี่ยของภรรยา ที่เป็นสินเดิมของบุตรสาว ซึ่งเวลานี้มันตกอยู่ในมือของลูกเขย
สายตาที่เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ มองไปที่หน้าเรือน สถภาพของบุตรสาวนั้น ช่างนาเวทนายิ่งนัก อ๋องจิ้งทำเหมือนนางเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งไปได้อย่างไร คนเป็นพ่อเยี่ยงเข้าหรือจะทนกับภาพเช่นนี้ได้
แม่ทัพชรากระชับดาบในมือแน่น ก่อนจะขยับก้าวเพื่อไปช่วยเหลือบุตรสาว เขไม่เคยโกรธนางที่เลือกคนผิด แต่โกรธตัวเองที่ไม่ได้มองคนผู้นั้นให้ดีพอ แต่กลับยินดีส่งบุตรสาวให้แก่คนชั่วด้วยมือตนเอง
ฟิ้ว! ฉึก! ร่างสูงใหญ่ของแม่ทัพชรา เซถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนจะทรุดลงคุกเข่าโดยมีดาบในมือช่วยยันกาย มิให้ล้มลงไป แม่ทัพชราข่มกลั้นทุกความเจ็บปวดบนกายเอาไว้ ทว่าใจนั้นร้าวรานเหลือแสน
“ไม่นะ! ท่านพ่อ! ปล่อยข้านะ! ท่านพ่อ!!”
หญิงสาวในชุดที่ย้อมไปด้วยสีเลือด ดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากพันธนาการ เพื่อเข้าช่วยเหลือบิดา ลำคอที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่เส้นใหญ่ คอยรั้งมิให้นางไปที่ไหนได้อย่างใจหวัง หยิงสาวกรีดร้องแทบขาดใจเมื่อเห็นสภาพของผู้เป็นพ่อ
ก่อนที่โซ่ในมือของทหารจากจวนอ๋อง จะหลุดออกจากมือเขา ซึ่งนั้นคือคำสั่งของอ๋องจิ้งหยวน ที่ต้องการให้รสชาติความตาย ของภรรยาและครอบครัวพ่อตา ดูมีสีสันมากขึ้น เรียวปากหนายกยิ้มหยันต่อสภาพราวสุนัขของภรรยา นางหงส์ผู้สง่างาม ยามนี้เป็นได้แค่สัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง ที่รอวันตายก็เท่านั้น
“หาตัวลั่วอันผิงเจอหรือยัง”
อ๋องจิ้งหยวน ถามทหารที่วิ่งกลับมารายงาน ถึงการติดตามหาตัวของลั่วิงอัน บุตรสาวคนเล็กของแม่ทัพชรา เขาต้องการให้ครอบครัวลั่ว ได้อยู่กันพร้อมหน้า แม้จะรู้สึกเสียดายความงามของลั่วอันผิง ที่มิแพ้พี่สาวของนาง ทั้งที่กำเนิดจากคนละมารดา
“ยังขอรับ”
“หานางให้พบ ข้าจะให้พวกเจ้าได้สนุกกับนางอย่างเต็มที่”
เมื่อได้ยินคำของผู้เป็นนาย รอยยิ้มและแววตาหื่นกระหาย ของทหารที่อยู่รอบๆ ต่างปรากฏชัดให้เห็น การได้ลิ้มรองสตรีชนชั้นสูง และมีพรหมจรรย์อยู่ มันจะให้ความรู้สึกที่ดีแค่ไหนกัน เมื่อนึกถึงสิ่งที่จะได้รับ ทหารหลายคนเริ่มค้นหาคุณหนูเล็กสกุลลั่วในทันที
ทางด้านลั่วอันคังที่กำลังพยายามก้าวเดิน ไปหาผู้เป็นพ่อด้วยขาที่อ่อนแรง แต่นางก็หาได้ใส่ใจไม่ เพราะเป้าหมายคือบิดาอันเป็นที่รักเท่านั้น
หญิงสาวรวบรวมกำลังทั้งหมดในกาย ออกแรงวิ่งตรงไปหาบิดา ที่คุกเข่าอยู่กลางลานบ้าน บนกายของชายที่รักนางยิ่งกว่าชีวิต เต็มไปด้วยเลือด และลูกธนูดอกใหญ่ปักคาอยู่ ดวงตาที่มองมายังนาง หาได้กล่าวโทษนางแม้แต่น้อย
“ท่านพ่อ ลูกมาแล้วเจ้าค่ะ”
ฟิ้ว! ฉึก! ฉึก! ลูกธนูที่ถูกปล่อยออกมาพร้อมกันสองดอก แม่นยำราวจับวาง ขาสองข้างของลั่วคังอัน ถูกลูกธนูปักเข้ายังข้อพับอย่างพอดิบพอดี ตึก! เข่าสองข้าง ทรุดลงกระแทกกับพื้นหินอย่างแรง ทว่าความเจ็บปวดนั้น ไม่ได้ทำให้นางลดละความพยายามที่จะไปหาบิดาได้แม้เลยแต่น้อย
หากต้องตาย! นางก็ขออยู่ในอ้อมกอดของพ่อ เพราะนางคนเดียวโดยแท้ ที่เลือกคนผิดเข้ามาในชีวิต จนทำให้กองทัพของมารดาต้องตกไปอยู่ในมือคนชั่ว
สินเดิมที่เป็นของมารดา เดิมทีมันอยู่ในการปกครองของท่านพ่อ จนวันที่นางออกเรือน สินเดิมนี้จึงตกไปอยู่ในมือของนาง และมันถูกเขา...สามีที่นางเชื่อมั่นว่าเขารักนาง ช่วงชิงไปพร้อมกับพรากชีวิตของคนสกุลลั่ว และสกุลเชี่ยไปต่อหน้านาง
“อันเอ๋อร์ เด็กโง่...ไยเจ้าไม่หนีไป”
แม่ทัพชราเอ่ยกับบุตรสาว ด้วยน้ำเสียงร้าวลึก บุตรสาวของเขาไม่ผิด ที่เลือกแต่งงานกับอ๋องจิ้งหยวน แต่ผิดที่เขาคิดเชื่อมั่นผิดคน จนทำให้ครอบครัวต้องพังพินาศ
หญิงสาวใช้นิ้วที่ปริแตก จิกลงไปในร่องหินบนพื้น เพื่อช่วยให้นางลากร่างที่ไม่อาจเดินได้ ไปหาบิดาที่นั่งคุกเข่าโอนเอนอยู่กลางลานกว้าง
“จิ้งหยวน! หากข้าเลือกได้อีกครั้ง ข้าจะชดเชยบาปนี้ของเจ้าให้สาสม พรู๊ด!”
หญิงสามคำรามก้องอยู่ภายในใจ นางจะไม่ยอมให้ตนเองเป็นดาวหายนะของครอบครัวอีกเป็นอันขาด หากสวรรค์จะเมตตา ให้นางได้แก้ไขมัน
ห้าเดือนต่อมา ทุกอย่างได้สงบลงเป็นที่เรียบร้อย แม่ทัพสาวที่ตอนนี้ได้ยื่นขอ พาครอบครัวย้ายไปอยู่ชายแดน ก็ได้รับอนุญาตจากฮ่องเต้แล้ว แม้ว่าการเดินทางกลับไปในครานี้ จะไม่ครบจำนวนสหายเช่นเดิม แต่ไม่ว่าจะอยู่ใกล้ไกล พวกเขาทั้งเจ็ดก็คือสหายรัก และพี่น้องร่วมสาบาน “อู๋เกอ เจ้าจะไม่กลับไปกับข้าจริงหรือ” “ข้าต้องไปแน่ แต่ข้าขอทำธุระบางอย่างก่อน” อู๋เกอ ไม่คิดที่จะบอกว่าเรื่องใด ที่ทำให้เขาต้องอยู่เมืองหลวงต่อ ไม่ใช่การช่วยวางแผนจัดการ เรื่องในวังช่วยองค์รัชทายาทอย่างแน่นอน แม้ว่าเหล่าสหายจะรู้ดี แต่พวกเขาเลือกที่จะเงียบ รอดูคนปากแข็ง ผ่านด่านหิน กับการเกี้ยวพาบุตรสาวคนเดียวของบ้าน “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ ข้าขอไปอยู่ด้วยนะเจ้าคะ ที่นี่มันจะน่าเบื่อมากเลย พี่รองก็ต้องเรียนรู้งานของบ้านเรา ท่านพ่อท่านแม่ ก็จะพากันกลับฉงอาน เพื่อทำหน้าที่ต่อ ข้าเหงาเจ้าค่ะ” “หากท่านพ่อท่านแม่ไม่ขัดข้อง พี่สะใภ้ต้องยินดีให้เจ้าติดตามไป” “นี่พวกเจ้าจะทิ้งคนแก่ไว้ลำพัง มิห่วงว่าข้าจะตรอมใจหรืออย่างไร” หยางไท้ฮูหยิน แสร้งทำเป็นน้อยใจหลานๆ ที่จะพากันเดิน
อ๋องหนุ่มไม่ได้สนใจ ว่าตอนนี้ชิงอวี่ถง จะยังอยู่หรือตาย เวลานี้เขาต้องหนีไปให้ได้ก่อนเท่านั้น รักษาชีวิตไว้ได้ เรื่องอื่นใดก็ค่อยว่ากันภายหลัง ลั่วคังอันที่มองทุกอย่างมาโดยตลอด เคลื่อนกายพุ่งผ่านหน้าของอ๋องหนุ่มไป หญิงสาวหยุดยืนขวางหน้าเขาเอาไว้ แววตาที่มองไปยังอดีตสามีในชาติที่แล้ว มันมีเพียงความเห็นแก่ตัวเท่านั้น ที่นางมองเห็นจากแววตาของเขา “ช่างเป็นสามีที่ดี” ลั่วคังอันยกยิ้มน้อยๆ นางต้องขอบคุณสวรรค์ ที่ให้นางกลับมามีชีวิตอีกครั้ง พร้อมความทรงจำทั้งหมด หาไม่แล้วนางคงวิ่งลงสู่หุบเหวลึกอีกครั้งเป็นแน่ “เจ้าไม่น่าทำแบบนี้คังอัน ข้ารอจ้ามานานหลายปี แต่เจ้าทรยศต่อการรอคอยของข้า ทำให้อนาคตของข้ามืดมน ทุกอย่างล้วนเป็นความผิดของเจ้า” เขาไม่คิดโทษตัวเองแม้แต่น้อย ทุกความผิดล้วนเป็นเพราะสตรีตรงหน้า เขาเป็นถึงอ๋อง การต้องรอหญิงสามัญคนหนึ่ง ถือว่าเขาให้เกียรตินางมากแล้ว แต่นางกลับเลือกมองข้ามเขาไป เลือกสวะไร้ค่าคนหนึ่งมาแทนที่ “ข้าบอกให้ท่านรอข้าหรือ ข้าไม่เคยทรยศต่อหัวใจของตัวเอง ดังนั้นอย่าเอาความเห็นแก่ตัวของท่าน มาโยนให้เป็นความผิดของผู
“กลับไปกับเราเถอะ จิ้งหยวน” “สามหาว! เจ้ากล้าเรียกชื่อข้า โดยไม่เอ่ยยศได้หรือ” เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกหวาดหวั่น ที่อำนาจในมือมันไม่หลงเหลืออยู่ “ท่านอ๋อง!” องครักษ์คนสนิท พุ่งพรวดเข้ามายืนเคียงข้างผู้เป็นนาย พร้อมทั้งกระชับอาวุธในมือ เตรียมพร้อมปกป้องท่านอ๋องอย่างเต็มที่ ซึ่งองครักษ์ของชิงอวี่ถงเองก็เช่นกัน “อย่างน้อย...เจ้าได้กลับไปแก้ต่าง ให้ตนเองที่เมืองหลวง เจ้ายังมีโอกาสรอดชีวิต” ลั่วคังอันฝังกลบเรื่องในอดีตไปแล้ว พยายามที่จะไม่ให้มัน ผุดขึ้นมาอยู่เหนือความเป็นธรรมได้ หากนางลงมือเช่นที่สองคนผัวเมียตรงหน้า เคยกระทำต่อนางในชาติที่แล้ว นางก็มิต่างจากสัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่งเท่านั้น “อย่างน้อย...เช่นนั้นรึ! ฮ่าๆ ในเมื่อมันมาถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังคิดว่าข้าจะรอดชีวิตอีกหรือลั่วคังอัน ทำไม! ไยเจ้าจึงเลือกคนไร้ค่า แต่ไม่เลือกข้าที่เป็นชายผู้เพียบพร้อม ทำไม!” “ข้ารักของข้า ทำไมต้องแจกแจงให้คนอื่นฟังด้วย” “รักอย่างนั้นรึ! เจ้ากับมันไม่เคยได้ชิดใกล้กันเลยด้วยซ้ำ” “ไม่ได้ชิดใกล้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าห่
หญิงสาวไม่ได้คิด ที่จะปล่อยใครออกไป จากเรือนหลังนี้อยู่แล้ว การต่อสู้ได้เกิดขึ้นอย่างหนักหน่วงทันที เมื่อแม่ทัพตะวันตก พุ่งเข้าหาผู้ทรยศต่อแผ่นดิน ที่รวมตัวกันอยู่ภายในห้องนี้ อ๋องจิ้งหยวน รีบลากตัวบ่าวชายของร้านมาอยู่ข้างตัว ก่อนจะบังคับให้พาเขาไปยังทางลับ เขาไม่สนว่าคนที่เหลือ จะรอดหรือตาย ตอนนี้เขาต้องออกจากที่นี่ และกลับเมืองหลวง ก่อนที่จะถูกจับตัวได้ อย่างน้อยเขาก็มีข้ออ้างได้ ว่ามิได้ออกไปที่ใด การหลบหนีไปของอ๋องหนุ่ม มิได้ทำให้หญิงสาว ที่เห็นทุกการกระทำคิดใส่ใจ เพราะนางรู้ดีว่าอย่างไรเสียอ๋องหนุ่มผู้นั้น ก็ไร้หนทางรอด “พาข้าออกจากโรงน้ำชาเดี๋ยวนี้” เมื่อออกมาจากเส้นทางลับ อ๋องหนุ่มก็สั่งให้บ่าวผู้นั้น พาเขาออกจากโรงน้ำชาโดยเร็ว เขายังไม่อยากที่จะเอาชีวิต มาทิ้งอยู่ตรงนี้ “ท่านพี่! ไยจึงมาสถานที่เช่นนี้” แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวเท้าเดินต่อ ก็ได้ยินเสียงแวดแหลมดังเข้าหู สตรีบ้านี่ จะตามจองล้างจองผลาญ เขาไปถึงเมื่อใดกัน โผล่มาเพื่อหาเรื่องทะเลาะ ช่างน่าตายนัก! “หุบปากเจ้าไปซะ!” เขาไม่คิดสนใจต่อนางแล้ว จึงหันกลั
เรือนเล็กหลังโรงน้ำชา ด้านในสุด คนจำนวนไม่น้อย กำลังนั่งจ้องกันเขม็ง ซึ่งมันคือการหยั่งเชิงกันนั่นเอง แม้ว่าพวกเขาจะปกปิดใบหน้าในบางคน แต่ถึงจะอย่างนั้น สายตาที่จับจ้องกัน ล้วนไร้ซึ่งความไว้เนื้อเชื่อใจ “เรื่องเงินนี่พวกเจ้าจัดการได้เลย แต่สิ่งที่ต้องทำตอนนี้ คือจัดการกับคนขององค์รัชทายาทก่อน ไม่เช่นนั้นจะยุ่งยากในภายหลัง” “ลั่วคังอัน คือข้อยกเว้น” อ๋องจิ้งหยวน เอ่ยขึ้นทันที เมื่อเป้าหมายของทุกคน คือชีวิตของนาง “เจ้าจะยกเว้น ให้นางมาสังหารเรารึ! มีใครบ้างไม่รู้ว่านางเห็นแก่ส่วนรวม มากกว่าส่วนตัว และกองทัพเชี่ยก็ใช่ว่าเราจะต้านทานได้ หากต้องต่อกรกันจริง ดังนั้นเราต้องทำให้พวกนั้นไร้ผู้นำก่อน” “แต่กองทัพที่ชายแดนตะวันตก ยังมีลั่วเยี่ยนคังเป็นผู้ดูแล”ผู้ร่วมขบวนการอีกคนเอ่ยขึ้น เมื่อนึกถึงความแข็งแกร่งของพี่น้องสกุลลั่ว ก็ให้รู้สึกครามขันอยู่ในน้อย “กว่าลั่วเยี่ยนคังจะเข้ามาถึงเมืองหลวง เราก็ทำการสำเร็จไปแล้ว เขามาก็ตายเปล่า”ชายสวมหน้ากาก เอ่ยออกมาด้วยความมั่นใจ ขอแค่จบปัญหากับลั่วคังอันได้ ทุกอย่างก็อยู่ในการควบคุมของเขา อ
โรงน้ำชา นอกเมืองชีสุ่ย ทหารจากจวนผู้ว่าการกว่าสิบคน กำลังเข็ญเกวียนบรรทุกหีบไม้หลายใบ หายไปยังส่วนของหลังร้าน เพียงลับสายของผู้อื่นแล้ว ชายหนุ่มในชุดผ้าไหมชั้นดี ก้าวออกจากที่ซ่อน ก่อนจะก้มมองความเรียบร้อยของตนเอง “คนบ้าอะไร รูปงามและร่ำรวยขนาดนี้” หลินม่อเฉิง ยกยิ้มให้กับตนเอง ก่อนจะก้าวตรงไปยังโรงน้ำชา กึก! ทว่าก่อนที่จะเดินถึงหน้าร้าน เขาได้หยุดเท้าลง แล้วหันกลับไปด้านหลัง “ชักช้า!” ชายหนุ่มชำเลืองมองไปที่เยว่เจิ้งเฉิน ที่อยู่ในสภาพราวขอทานก็มิปาน ช่างแตกต่างจากผู้อื่นนัก “เจ้าจะให้ข้าเป็นบ่าวรับใช้หรืออย่างไร น่าจะบอกข้าก่อนว่าเจ้าจะมาที่นี่ อย่างน้อยก็จะได้เปลี่ยนชุด” เยว่เจิ้งเฉิน ที่กลับมาจากทำภารกิจ ในค่ำคืนที่ผ่านมา ในตอนที่เขากำลังจะกลับเข้าไปที่พัก เขาได้เห็นการสะกดรอยของสหาย ที่ตามทหารจากจวนผู้ว่าการ จึงได้ติดตามมาช่วยเหลือ มิได้กลับที่พักก่อนอย่างที่ควรจะเป็น “ข้าก็ไม่รู้ ว่าพวกเขาจะมาที่นี่ เร็วเข้าเถอะ” ม่อเฉิงเร่งสหายให้รีบเดิน ด้วยกลัวจะคลาดจากคนกลุ่มที่เพิ่งหายไป “รู้แล้วขอรับน