Home / โรแมนติก / ภริยา(ไม่)รักของนายหัว / บทที่ 2 “ฉันแค่อยากเห็นหน้าลูก”

Share

บทที่ 2 “ฉันแค่อยากเห็นหน้าลูก”

last update Huling Na-update: 2024-10-23 11:10:18

ไผทไม่ต้องการคุยเรื่องลับในครอบครัวในที่สาธารณะ เขาจึงพาวัชรมัยออกไปข้างนอก พอสกลกันต์เห็นพ่อเดิน ลูกก็ตามมาด้วย

วันนี้ไผทมารับคนเดียว ส่วนวิเชียร คอยคุมคนงานขนปุ๋ยที่ร้านในตลาดเพื่อเอากลับไร่

ตัวเลือกในการคุยกันจึงเป็นร้านอาหาร และพอดีกับที่เป็นคาเฟ่ของศรัญญาด้วย

“ยินดีต้อนระ...”

เพื่อนทักทายลูกค้าที่เข้ามาใหม่ยังไม่ทันจบประโยค หน้าเจื่อนลงทันที ส่งสายตาเลิ่กลั่กให้วัชรมัย

“ขอใช้ห้องประชุมหน่อย...ค่ะ”

เกือบพูดอย่างสนิทสนมไปแล้ว เธอไม่อยากให้จำได้ว่าศรัญญาเป็นเพื่อนกัน มิเช่นนั้นแผนมาตามส่องลูกวันอื่นอาจพัง

“ปราบไปอยู่กับพี่เขาก่อนนะครับ อยากกินอะไรสั่งได้เลย” วัชรมัยยิ้มให้เจ้าตัวเล็ก

“ท็อฟฟี่ก็กินได้เหรอ”

ตาคมคู่เล็กจ้องไปยัง ท็อฟฟี่ห่อยักษ์ที่วางในตะกร้าบนตู้กระจกโชว์ขนมเค้ก

“ได้สิครับ ปราบกินแล้วต้องแปรงฟันด้วยนะครับ ไม่งั้นคุณแมงกินฟันจะมาหา แล้วจะปวดฟัน”

เด็กชายเอามือขึ้นกุมแก้มพอดี แสดงว่าเคยผ่านประสบการณ์มาแล้วแน่ ๆ

“เป็นเด็กดีนะครับ...น้าขอคุยธุระกับพ่อปราบเดี๋ยวเดียว”

สกลกันต์พยักหน้า ศรัญญารับช่วงต่อ ยื่นมือแตะไหล่เด็กชาย

“ฝากด้วยนะ”

ขยับปากไม่ออกเสียง

“แกก็ด้วยล่ะ ตั้งสติ ใจเย็น ๆ”

ศรัญญานั้นเตือนเบา ๆ ก่อนรุนหลังเด็กชายไป

วัชรมัยเข้าไปในห้องประชุมที่อีกคนยืนจังก้ารออยู่หัวโต๊ะ แสงไฟดาวน์ไลต์เหลืองนวลที่สาดส่องไปทั่วควรทำให้บรรยากาศห้องอบอุ่นละมุนละไม

แต่ตอนนี้วัชรมัยกลับรู้สึกถึงความมืดครึ้ม ไอเย็นและรัศมีดำมืดแผ่ออกมาจากคนตัวโต

“สบายดีไหมคะ”

เธอยังจำได้ ไผทเป็นคนพูดน้อย เพราะฉะนั้นเปิดก่อนได้เปรียบกว่า

“กลับมาที่นี่อีกทำไม”

ในตาสีดำคู่นั้น เหมือนมีความเคลื่อนไหว รู้สึกถึงแรงกดดันปานพายุในทะเลคลั่ง

“เธอจะเอาอะไรอีก”

น้ำเสียงเข้มทุ้มต่ำ ท่าทีคุกคามแสดงความมาดร้าย ...เหล่านี้มันคือผลกรรมที่วัชรมัยต้องเผชิญ

“มิ้ง...มิ้งอยากเจอลูก”

เธอบังคับเสียงไม่ให้สั่น สมองสั่งน้ำตาไม่ให้ไหล ทั้ง ๆ ที่ความร้อนกำลังแล่นขึ้นกระบอกตา

“หึ! ลูกของฉันคนเดียวตั้งหาก เธอหมดสิทธิ์นั้นไปตั้งแต่รับเงินสิบล้านไปจากฉันแล้ว”

ไผทรังเกียจ ขยะแขยงผู้หญิงตรงหน้า ท่าทางเธอใสซื่อ แต่ในใจดำมืดมิด

“ผู้หญิงที่ขายลูกกินอย่างเธอไม่มีสิทธิ์เป็นแม่ใคร!”

ทันใดนั้นภาพคู่สนทนาของวัชรมัยก็พร่าเลือน ภาพคนตัวโตกลับโย้เย้ไม่เป็นรูปทรง ด้วยมองผ่านม่านน้ำตาที่ไหลริน

“พี่ป้อง มิ้งขอโทษ”

ริมฝีปากวัชรมัยพึมพำ สิ่งตระหนักได้ตั้งแต่เผชิญเหตุการณ์ร้ายในชีวิต

“อย่ามาให้ฉันกับลูกเห็นหน้าอีก!”

ไผทกำมือตัวเองแน่น ยั้งไว้เพื่อไม่ให้เผลอบีบคอใครตาย วัชรมัย...ผู้หญิงคนนี้แหละที่เขาอยากให้หายไปจากโลกนี้เสียที

ระหว่างเธอและเขา ไม่มีแล้วเสียงเรียกขานกันอย่างอ่อนหวานอย่างวันวาน

ไม่มีพี่ป้อง ไม่มีน้องมิ้ง

ไม่มีรอยยิ้ม อ้อมกอดอันอบอุ่น

มือที่เคยจับกันแน่นกลับถูกใครคนหนึ่งสะบัดออก

ทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังอย่างไม่ไยดี

และวัชรมัยก็คือใครคนนั้นที่ทำมันเอง

เรื่องมันเริ่มต้นเมื่อเจ็ดปีก่อน เมื่อวัชรมัยกับวารีผู้เป็นพี่สาวย้ายมาอยู่จังหวัดทางภาคใต้อย่างกะทันหัน

วารีในอดีตเป็นผู้หญิงบาร์แถวพัทยา แต่เพราะขัดแย้งกับเจ้าของร้านที่เป็นขาใหญ่ของที่นั่น หางานใหม่ก็ไม่มีใครรับ การศึกษาก็น้อย ไม่เห็นหนทางที่จะเลี้ยงสองปากท้องไหว

โชคยังดีที่มีเสี่ยลูกค้ากระเป๋าหนักชวนไปอยู่ด้วย วารีที่ทางเลือกเหลือไม่มากจึงตามเขามา ไปเป็นเมียเก็บ

สองพี่น้องย้ายมาใต้พร้อมกับลูกค้าเสี่ยให้อาศัยอยู่ตึกแถวของเขา วารีบอกอยากเปิดกิจการเล็ก ๆ ร้านเสริมสวยขนาดน่ารัก

วัชรมัยแม้จะรู้พี่ผิดศีลข้อสาม แต่ไม่อาจห้ามได้ วารีมักบอกไม่ให้เธอมายุ่ง ตั้งใจเรียนหนังสือไป

บอกพี่หลายครั้ง เธอไม่ชอบเรียนมัธยมปลาย อยากเรียนอาชีวะวิชาตัดเสื้อผ้ามากกว่า

“โบราณไปแล้วนะมิ้ง นี่มันสมัยไหนแล้ว เรียนไปทำไมตัดเสื้อในเมืองไทย ถ้าอยากเรียนจริงน่ะ โน่น...ต้องไปเรียนดีไซน์ที่เมืองนอก”

เธอก้มหน้ายอมพับความฝัน วารีไม่มีเงินส่งเธอถึงขนาดนั้นหรอก ยังดีที่ในตลาดมีร้านตัดเสื้อ วัชรมัยอาศัยไปตีสนิท ลูบ ๆ คลำ ๆ ผ้าเนื้อดี

ตาเป็นประกายเมื่อเห็นชุดสวย ที่คุณหญิงคุณนายใส่เพชรระยิบระยับจนแยงตายามมาลองเสื้อ

วัชรมัยอยากลองทำดูบ้าง แต่ค่าผ้าค่าอุปกรณ์ก็แพงเหลือเกิน เธอเกรงใจไม่อยากขอค่าขนมพี่สาวเพิ่ม

จนเกิดไอเดียตั้งแผงขายน้ำปั่น หารายได้เสริมหน้าร้านเสริมสวย ข้าง ๆ กันเป็นร้านขายอุปกรณ์การเกษตร มีหนุ่ม ๆ คนงานกับลูกค้าร้านปุ๋ยมาอุดหนุน กระทั่งเจอกับไผท

นายหัวใหญ่คนดังประจำจังหวัด เขาอายุยี่สิบเจ็ด ขณะวัชรมัยอายุสิบแปด ทีแรกเธอคิดว่าไผทมาจีบพี่สาว

“นายหัวป้องชอบเธอต่างหาก”

ศรัญญาผู้มักชอบผลุบโผล่ ๆ มาหา ไขข้อข้องใจให้เธอในวันหนึ่ง หลังเขามาซื้อน้ำปั่นร้านเธอสามวันติด

“จะเป็นไปได้ยังไงแก เพ้อเจ้อน่า”

วัชรมัยยกปอยผมทัดหู แก้มแดงแข่งกับอากาศ

“ผู้ใหญ่ที่รวย ๆ แบบนี้ งานเยอะมาก พี่ฉันบ่นพี่เขยอยู่บ่อย ๆ ยากนะที่จะมาเจอกันที่เดิม ๆ ติดกันสามวันได้”

“บางทีนายหัวเขาอาจชอบน้ำปั่นก็ได้”

ปฏิเสธไม่ได้เลย ผู้ชายตัวสูงใหญ่ ผิวสีทองแดง ตาคม ใบหน้าเคร่งขรึม ทำสาวน้อยอย่างเธอใจเต้นหนัก

“ไหน เขาสั่งเมนูอะไร เอามาให้ลองชิมสิ”

วัชรมัยทำเมนูแตงโมเสาวรสปั่นที่ไผทสั่งบ่อย ๆ ให้ เพื่อนดูดไปอึกหนึ่งแล้วเบ้หน้า

“เค็ม”

“อ้าวเหรอ...”

พอได้ชิมเอง วัชรมันถึงกับแลบลิ้น

“เค็มจริงด้วย”

“นายหัวสั่งเมนูนี้ตลอดสามวันจริงเหรอ ไม่บ่นอะไรเลยใช่ไหม ชัดแล้ว เขาชอบแก”

ศรัญญาส่งสายตากรุ้มกริ่ม ล้อจนผิวเธอแดงไปถึงใบหู วันต่อมาวัชรมัยจึงขอโทษเรื่องรสชาติน้ำปั่นกับไผท เขาและเธอได้คุยกันนานขึ้น พัฒนาความสัมพันธ์กันทีละนิด

ความสุขอยู่กับเธอไม่นาน เมื่อเมียเสี่ยของพี่สาวรู้เรื่องสามีเลี้ยงเมียเก็บ นางมาอาละวาดทำลายข้าวของ สั่งตัดขาดไม่ให้สามีมายุ่งกับพี่เธอ

ความลำบากจึงมาเยือน ไหนจะค่าน้ำค่าไฟ ค่ากินอยู่ ร้านประวัติเรื่องชู้สาวฉาวโฉ่ลูกค้าก็ไม่กล้าเข้ามาใช้บริการ

“สักวันมันก็ต้องเป็นกะหรี่เหมือนพี่มัน”

วัชรมัยถูกเพื่อนนักเรียนซุบซิบนินทาไม่เว้นว่าง ศรัญญาถลึงตาใส่พวกปากหอยปากปูจนตาโปน

สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้นเมื่อวารีไปกู้หนี้นอกระบบมาเป็นค่าใช้จ่าย คนทวงหนี้หมวกกันน็อคดำมายืนทวงดอกเบี้ยหน้าร้านอยู่ทุกวัน

ทางเลือกในชีวิตของสองพี่น้องช่างบีบรัด กระทั่งในคืนหนึ่ง วารีก็เอ่ย

“มิ้งรักนายหัวป้องใช่ไหม”

วัชรมัยตอบพี่สาวไม่ถูก เธอเป็นแค่เด็กสาว ยังสับสนว่ารักหรือไม่ ส่วนชอบนั้น ชอบเขาไปแล้วทั้งใจ

“พี่จะทำให้มิ้งได้เป็นเมียเขา”

“ไม่เอานะพี่หมิว มิ้งแค่ชอบเขาเอง ยังไม่ได้อยากเป็นเมีย” เธอส่ายศีรษะเป็นพัลวัน

“พี่ห่วงเธอนะมิ้ง ยิ่งโดนทวงหนี้แบบนี้ พี่กลัวสักวันจะหาไม่ทัน แล้วพวกมันเอาเธอไปขายตัวล้างหนี้”

เสียงจริงจังของวารีทำสาวน้อยขนลุกเกรียว

“เชื่อมือพี่เถอะ แล้วทุกอย่างจะดีเอง พี่รักมิ้งนะ พี่ทำทุกอย่างเพื่อเธอ”

จากนั้นวารีก็จัดฉาก ให้กลายเป็นทั้งไผทและวัชรมัยอยู่ในที่ลับตาคนสองต่อสอง พี่สาวเรียกร้องให้เขารับผิดชอบที่ทำเธอเสื่อมเสีย

ไผทไม่ว่าอะไร ยอมรับเธอเป็นเมีย พาไปอยู่บ้านด้วย

วัชรมัยที่ยังสับสนก็ตกเป็นเมียนายหัวอย่างงง ๆ

ไม่กี่เดือนต่อมาวารีก็ตาย เพราะถูกเมียหลวงของเสี่ยยิง ด้วยความหึงหวงจนเป็นข่าวดังกระฉ่อนจังหวัด

วัชรมัยร้องไห้อยู่เป็นอาทิตย์ เพราะเหลือตัวคนเดียวในโลกแล้ว

ไผทปกป้องเธอ ช่วยปิดข่าว ไม่ให้ออกจากบ้าน ช่วงนั้นเป็นตอนจบม.หกพอดี เขากับเธอจึงตกลงกัน หากสภาพจิตใจดีขึ้นค่อยสมัครเรียนมหาวิทยาลัยเปิด

ชีวิตสาวน้อยที่ขาดญาติมิตร มีที่พึ่งเดียวคือสามี แถมไม่ได้ออกไปไหน วัชรมัยจึงตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า เกือบจะได้กินยารักษาอยู่แล้ว หากไม่พบว่าตนตั้งครรภ์เสียก่อน

นั่นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการชิงอำนาจในจังหวัด มีความขัดแย้งเรื่องการซื้อขายที่ ลอบยิง แอบทำลายธุรกิจฝ่ายตรงข้าม

ไผทผู้ซึ่งมีที่ดินที่คนมีอิทธิพลในจังหวัดอยากได้ เขาต้องหัวหมุนกับการรับมือ ไม่ได้มาดูแลคนท้องอย่างเธอ

วัชรมัยที่อารมณ์แปรปรวนยิ่งเศร้าหนัก ยามเห็นเพื่อนสวมชุดนักศึกษา มีชีวิตวัยรุ่นสดใสในรั้วมหาวิทยาลัย เธอยิ่งร้องไห้

คิดว่าเร็วเกินไปที่ตัวเองจะเป็นแม่คน

เธออยากเรียน อยากทำตามความฝัน

อยากออกแบบเสื้อผ้าสวย ๆ

การครุ่นคิดอยู่ในความรู้สึกแบบนี้ รู้ถึงหูไผทจนได้ นำมาซึ่งการทะเลาะกัน

ทุกคนในบ้านตราหน้าวัชรมัยเป็นคนผิด

ทุกคนคาดหวังให้เธอเป็นเมีย เป็นแม่ของลูกที่ดี

วัชรมัยที่ยังเด็กไม่เข้าใจว่าตัวเองผิดตรงไหน ที่มีความฝัน

นานวันเข้าผู้คนรอบข้างเริ่มมึนตึง มองวัชรมัยเป็นเด็กเอาแต่ใจ

ไผทไม่สนใจเธอ ไม่แม้จะมองเห็นอาการป่วยทางใจ สะสมนานวันเข้าก็ทำเธอเข้าโรงพยาบาล

วันนั้นวัชรมัยได้คุยกับจิตแพทย์ พรั่งพรูความรู้สึกข้างในออกมา

เธอไม่พร้อมจะเป็นเมีย

เธอไม่พร้อมจะเป็นแม่

เธอต้องการอิสระ

วัชรมัยต้องการชีวิตวัยรุ่นของเธอคืน

ไผทจึงยื่นข้อเสนอ ให้อุ้มท้องลูกจนครบกำหนดคลอด

แลกกับเงินสิบล้าน สละสิทธิ์เลี้ยงดูลูก และหายไปจากชีวิตทั้งสองเสีย

วัชรมัยมองผู้ชายที่เคยคิดว่าจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายในชีวิตด้วยน้ำตาคลอ

เขาไม่แคร์ ไม่สนใจความรู้สึกเธอเลย

ไม่คิดด้วยซ้ำว่านี่คืออาการเจ็บป่วย

เธอร้องไห้ทุกวันจนลูกคลอด เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นทนายมาพร้อมเอกสารให้เซ็นพร้อมเช็คสิบล้าน

จากนั้นคนงานก็เอากระเป๋าเดินทางใบเดิมใบเดียวกับที่เธอเคยลากเข้าบ้านไผทมาให้

วัชรมัยถูกไล่ออกจากชีวิตนายหัวไผทอย่างสมบูรณ์

เธอจึงติดต่อหาศรัญญาให้พาขึ้นรถไปกรุงเทพฯ ปิดฉากชีวิตการเป็นภริยานายหัว ทิ้งอดีตไปทุกอย่าง

“ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ”

ไผทผิวคล้ำขึ้นกว่าแต่ก่อน สันกรามมีแนวเขียวหนวดครึ้ม มาดคมเข้มขึ้นตามอายุ ดวงตาดุดันที่มองมายังเธอราวเป็นไฟจะเผาให้ตายกันไปข้างหนึ่ง

“ฉันแค่อยากเห็นหน้าลูก”

วัชรมัยยกมือป้ายน้ำตา ไม่ได้ขอความเห็นใจ แต่มันเกะกะไหลเข้าปากทำให้พูดไม่สะดวก

“ลูกฉันไม่ต้องการเธอ อย่าให้ลูกรับรู้ว่าเธอเป็นแม่”

“คุณหนีความจริงไม่พ้นหรอกนายหัวป้อง ฉันเป็นแม่แกนะ”

ไผทแสยะยิ้มร้าย

“ลืมไปแล้วเหรอว่าเธอรังเกียจ ไม่ต้องการลูกขนาดไหนนะฮึ!”

“ฉันไม่ได้รังเกียจแก”

เธอไม่เคยรังเกียจสกลกันต์เลยสักครั้ง แค่คิดว่าตัวเองยังไม่พร้อม

“อย่ามาโกหก! อยากได้อะไรล่ะ เงินเพิ่มเหรอ ฉันจะไม่ให้เธอสักบาทเดียว”

คนตัวสูงก้าวย่างช้า ๆ เข้ามาหาเธอ มวลความกดดันที่อัดแน่นเข้ามา ทำเอาหายใจติดขัด

“มิ้งไม่ต้องการอะไรเลยนะคะพี่ป้อง มิ้งแค่อยากเห็นหน้าลูก”

ด้วยถูกเขาข่มจนสติกระเจิงไม่เต็มร้อย วัชรมัยจึงเผลอเรียกกันได้สรรพนามเดิม

“แม่!”

ทันใดนั้นเสียงเล็ก ๆ ก็ทะลุเข้ามาทำลายความตึงเครียดภายในห้อง

“แม่กลับมาหาปราบแล้ว”

เด็กชายสกลกันต์ยิ้มแป้น วิ่งทะลุกลางห้องมากอดขาเธอ

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ภริยา(ไม่)รักของนายหัว   บทพิเศษ ภริยา(ไม่)รักของนายหัว

    พักนี้มักมีข่าวลือเกี่ยวกับนายหัวไผทกับเมียแปลก ๆ อย่างเช่นเขาเลี้ยงเมียอด ๆ อยาก ๆ ไม่ค่อยยอมให้กินเนื้อสัตว์ ผู้เห็นเหตุการณ์คนที่หนึ่งเล่าว่า“วันก่อนฉันไปซูเปอร์มาร์เก็ต นายหัวอ่ะนะ พอเห็นเมียหยิบไส้กรอกเยอรมันกับแฮมสเปนใส่รถเข็นปุ๊บก็หยิบออกปั๊บ เมียหน้าบึ้งหน้างอบอกว่าอยากกินเท่าไรก็ไม่ให้กิน”ผู้เล่าจีบปากจีบคอทำตาเล็กตาน้อยสมใจ เมื่อในกลุ่มเม้าท์เงียบกัน ท่าทางตั้งใจฟังมาก“แต่พอลูกอ้อนเท่านั้นแหละ รีบหยิบกลับมาใส่ทันที”“ว่าแล้ว...นายหัวยอมรับกลับมาเป็นเมียแค่อยากให้กลับมาเป็นแม่ของลูก อยากแค่ให้ครอบครัวสมบูรณ์”คนตั้งใจฟังตบเข่าฉาด“ใช่ ๆ นายหัวน่ะขี้เหนียว ตอนไปรับลูกฉันเคยได้ยินว่าเมียบอกอยากไปกินข้าวนอกบ้าน แกดุเมียใหญ่ว่าไม่ต้องไป ให้กินที่บ้านน่ะดีแล้ว อยากกินอะไรก็ทำกิน”ผู้ปกครองนักเรียนอนุบาลท่านหนึ่งรีบเสริม“ใช่ ๆ ฉันเคยเจอที่ร้านคาเฟ่น้องเก๋ นายหัวไม่ให้เงินเมียใช้สักบาท อยากกินอะไรก็ต้องแบมือขอผัว”“เมียที่ผัวไม่รักชัด ๆ”เสียงถอดถอนหายใจ แต่ริมฝีปากกลับยกยิ้ม ตาสั่นระริก“แต่แกก็ไม่มีใครนอกจากเมียนี่”สาวนางหนึ่งรีบใส่ไฟ“ที่ไม่ยอมมีใครเพราะนายหัวเห็นแก่ลูก ทำตั

  • ภริยา(ไม่)รักของนายหัว   บทพิเศษ สามคืน 6

    การประชุมสมาชิกหอการค้าจังหวัด เริ่มต้นอย่างน่าเบื่อ นักการเมืองท้องถิ่นขึ้นมาพล่ามไร้สาระขายฝันเพื่อหาเสียง ก่อนนายกสมาคมจะกลับมาครองไมค์ได้เข้าสู่ช่วงการประชุมที่แท้จริงหลัก ๆ เป็นการพูดถึงแนวโน้มทางเศรษฐกิจของภาคและจังหวัดนายกสมาคมไม่ใช่คนหัวโบราณ แต่ยังกลัวนักธุรกิจรุ่นเดียวกันตามไม่ทัน จึงมีทั้งคลิปพรีเซนเทชั่น ทั้งกราฟให้ดูไม่ใช่การประชุมที่แย่นักในสายตาไผท ช่วงพักเบรกนักธุรกิจแยกนั่งคุยเป็นกลุ่ม ๆ เขายังเลือกนั่งกับเถ้าแก่ฮงและหนุ่มสถาปนิกเถ้าแก่ฮงวิดีโอคอลกับหลาน ๆ ของลูกอีกคนที่อยู่ในอเมริกา เสียงสองเสียงสามแสดงความเป็นอากงใจดีเรียกรอยยิ้มจากสมาชิกร่วมโต๊ะได้“ลูกเฮียนี่เก่งจริง ๆ ได้เรียนต่อถึงเมืองนอกเมืองนา แถมยังได้เมียฝรั่ง มีหลานลูกครึ่งน่ารัก”ผู้พูดเป็นเจ้าสัวภัตตาคารอาหารจีนขึ้นชื่อของจังหวัด“มันกระตือรือร้นของมันเอง ใครจะไปคิดล่ะว่าแค่เรียนถ่ายรูปก๊อกแก๊ก ๆ เผลอแป๊บเดียวมันได้ทุนเรียนต่อเมืองนอก เรียนจบมันบอกได้ทำงานในฮอลลีวูด ผมก็ไม่รู้อะไรหรอก รู้จักแต่ชอว์บราเธอร์หนังฮ่องกง ฮาร์ตมันพาเข้าโรงไปดูหนังพี่มันถ่ายภาพ ถึงรู้ว่ามันเก่ง ทำงานดี นี่หลานก็บอกพ่อมันไปถ

  • ภริยา(ไม่)รักของนายหัว   บทพิเศษ สามคืน 5

    “แม่คร้าบ...พ่อเหมือนหมีแพนด้าเลย”สกลกันต์ชี้ไปยังใต้ตาบิดาที่สีคล้ำ บ่งบอกอาการอดนอน มื้อเช้าวันนี้เป็นข้าวต้มกุ้งฝีมือไผท“หรือว่าตาพ่อเลอะร่า ๆ เหมือนแม่เกล”นิ้วป้อมชี้ นึกถึงสภาพหน้าแม่เพื่อนที่เคยเห็นตอนเปียกฝน เกลบอกเปื้อนอะไรสักอย่างชื่อร่า ๆ“มาสคาร่าหรือเปล่าครับ”วัชรมัยรินน้ำส้มผสมน้ำสับปะรด เอาใจลูกและเขาที่ส่งบรรยากาศมาคุอึมครึม“พ่อเขาไม่ได้ใช้มาสคาร่าหรอก”“แต่ตาพ่อดำเหมือนแพนด้า” เจ้าตัวย้ำ ขมวดคิ้วจ้องเขม็ง“กังฟูแพนด้า”สกลกันต์ไม่ได้ชอบเจ้าฮีโร่อ้วนตุ้ยนุ้ยนี่นะ แค่ตอนเด็ก ๆ บิดากับวิเชียรเปิดให้ดูบ่อย แถมฟัดแก้มนุ่มนิ่มจนแดงเขาชอบฮีโร่ตัวสูงปราดเปรียวปีนป่ายเก่งแล้วก็มีชุดเท่ ๆ อย่างสไปเดอร์แมนมากกว่า“กินข้าวไป อย่าพูดมากเดี๋ยวไปโรงเรียนสาย”บิดาตักกุ้งยัดปากช่างจ้อ เมื่อลิ้นสัมผัสกุ้งเนื้อเด้ง รสหวานกระจายทั่วปาก สกลกันต์กลับมาสนใจการเคี้ยวอาหารทันทีไผทจ้องเขม็งมายังเธอ ส่งสายตาข่มขู่ ขุ่นเคืองอารมณ์ค้างคาเรื่องเมื่อคืน วัชรมัยแกล้งไม่สนใจ ยกน้ำส้มขึ้นจิบอย่างสบายอารมณ์“เตเต้ปราบไปโรงเรียนก่อนนะ เป็นเด็กดีอยู่เฝ้าบ้าน ถ้ามีขโมยมาก็กัดตูดไล่มันลงทะเลเลย”ลูกพ

  • ภริยา(ไม่)รักของนายหัว   บทพิเศษ สามคืน 4

    เพราะวัชรมัยมัวแต่มุ่งมั่นกับตำมะขาม สามีจึงทำไก่ทอดเกลือ กับต้มกระดูกหมูผักกาดดองให้“ไหนพี่ป้องไม่ให้กินโปรเซสเซ่นฟูดส์ไง”เธอหมายถึงอาหารแปรรูป ที่รวมของหมักดองด้วย“ผักดองมีพรีไบโอติกส์ ดีต่อลำไล้”ไผทซื้อหนังสือเกี่ยวกับการดูแลคนเป็นโรคมะเร็งมาหลายเล่ม เขาอ่านซ้ำจนจำขึ้นใจ ต้องการจะดูแลเธอให้ดีที่สุด“หมูที่ใช้ก็เป็นหมูคุโรบุตะ เจ้าของเลี้ยงแบบปล่อย มันจะไม่เครียด ไม่เพิ่มสารก่อมะเร็ง”เพิ่งรู้ว่ามีการเลี้ยงหมูให้ไม่เครียดด้วย วัชรมัยเคยได้ยินแต่การเลี้ยงวัวทะนุถนอมแบบฟาร์มญี่ปุ่น เปิดเพลงให้ฟัง มีนวดตัว ให้วัวกินเบียร์ สร้างอารมณ์วัวให้ดี เพื่อกลายเป็นเนื้อคุณภาพเยี่ยมกิโลกรัมละเป็นหมื่นไผทไปหาเนื้อหมูพวกนี้มาจากไหน“มิ้งรู้สึกตัวเองเป็นภาระพี่ป้องจัง”เธอรำพึงพลางตักตำมะขามเข้าปาก รสคล้ายกับที่วารีเคยทำ ความเศร้าเพราะคิดว่าตนช่างอ่อนแอเหลือเกินกลับมาเกาะกุมในอกโดยพลัน“พี่เป็นผัวเธอนะ เมียตัวแค่นี้ดูแลได้สบายมาก”มือสีเข้มตักไก่ทอดใส่จานเธอ“กินเยอะ ๆ จะได้มีเนื้อมีหนัง ตอนกอดจะได้นุ่มนิ่ม เต็มไม้เต็มมือ”สายตาคมวับวาวพราว วัชรมัยรู้ได้ทันที นายหัวไม่หยุดแค่กอดอย่างเดียวแน่“ห

  • ภริยา(ไม่)รักของนายหัว   บทพิเศษ สามคืน 3

    ไผทรีบพาเมียออกจากตลาดนัด ก่อนที่เธอจะหาอะไรมาเป็นงานทำมากกว่านี้ วัชรมัยหยิบเครื่องประดับทำจากกะลามะพร้าวมาชื่นชม สมองคิดจะมิกซ์แอนด์แมทกับชุด หรือออกแบบเครื่องประดับแบบไหนดีถ้าผสมกับสตอรี่เรื่องความยั่งยืน เป็นของธรรมชาติผลิตจากชุมชน ไม่มีการใช้ส่วนไหนจากสัตว์ยิ่งน่าสนใจ มันขายได้ในต่างประเทศ หรือจะชิมลางแตกแบรนด์เล็ก ๆ ขายแต่ทางออนไลน์ดีสมองการค้าวัชรมัยคิดไปเรื่อย กระทั่งรถคันโตหยุดที่สวน เธอหันซ้ายหันขวา โน่นก็คนงาน นั่นก็ต้นปาล์ม ภูเขาสีเขียวห่างอยู่ลิบ ๆ มีหมอกยามเช้าคลอเคลียคลุมวิวสวยดีอยู่หรอก แต่เขาเอาเธอมาทำไม“มิ้งขอกลับบ้านได้ไหมคะ”“อยู่นี่แหละ ใกล้ตาฉัน เกิดล้มไปจะยุ่ง ป้านิดลาไปเยี่ยมญาติ ไม่มีใครดูเธอ อยู่นี่ดูแลได้ดีกว่า”ไผทประกาศบอกคนสนิทถึงอาการป่วยของวัชรมัย ไม่ทันไรก็รู้กันทั้งสวน เขาขี้เกียจหาต้นตอว่าใครปูดข่าว ดีเสียอีกจะได้มีคนเพิ่มช่วยเป็นหูเป็นตาดูแลเธอให้“อยู่ในรถ ฉันจะติดเครื่องไว้ให้”แอร์เย็นก็จริง แต่วัชรมัยนั่งนิ่งนาน ๆ ชักเบื่อ มองออกไปเห็นต้นมะขามแผ่กิ่งก้านแตกใบในสวน มันคงอยู่มานานเพราะมีกิ่งห้อยย้อยจนต้องเอาไม้มาค้ำไม่ไห้ต้นล้มฝักดิบสีน้ำตาลอ

  • ภริยา(ไม่)รักของนายหัว   บทพิเศษ สามคืน 2

    “แม่คร๊าบ มีโฮมเลสมานอนในสนามบ้านเราด้วย”ไผทหยีตาขึ้นเพราะเสียงแจ้ว ๆ นอกเต็นท์มีแสงสว่างลอดเข้ามา“ไม่ใช่โฮมเลสครับ”วัชรมัยปรามเจ้าตัวกลม ที่เดินเข้าไปเกาะเต็นท์สนามสีเขียวเข้ม เมื่อคืนเธอนอนกอดลูกสบายมาก สดชื่นอารมณ์ดีจนลงมาทำมื้อเช้า ปล่อยสกลกันต์นอนต่อแป๊บเดียว ไม่คิดลูกจะตื่นเร็วขนาดนี้“ก็เขาไม่มีบ้านไม่ใช่เหรอ ถึงนอนเต็นท์”ปากเล็กยู่ยืนยันความคิดตัวเอง“เหมือนข่าวโฮมเลสในทีวีที่ปราบเคยดูในโรงอาหาร”“พ่อไม่ใช่โฮมเลส”เต็นท์เปิดมาพร้อมหน้าตึง ๆ ของคนนอนไม่พอ มือสางผมผมสีดำยุ่งตกระหน้าผาก ไผทขมวดคิ้ว เมื่อเห็นแม่กับลูกใส่ชุดนอนหมีน้อยเข้ากัน ...แล้วชุดเขาล่ะแม่งเอ๊ย! ไม่ยุติธรรมสักนิด ปรกติไผทไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย ทว่าตั้งแต่มีเมียนี่เขาเหมือนโดนลูกทิ้ง กลายเป็นหมาหัวเน่า เป็นคนนอกโดยสมบูรณ์แบ่งแยกกันชัดเจนก็เสื้อทีมนี่แหละ มีเขาแตกต่างอยู่คนเดียว“ทำไมพ่อมานอนเต็นท์ล่ะ”สกลกันต์เคยไปกางเต็นท์เที่ยวป่าชมธรรมชาติกับบิดาครั้งหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว จำได้ว่าสนุกมาก ...หมายถึงขี่หลังบิดาสนุก“อยากเปลี่ยนบรรยากาศ”เขาสลัดศีรษะไล่ความง่วงงุน“หลับสบายไหมคะพี่ป้อง”ไผทหงุดหงิดกับรอยยิ้

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status