“พุทโธ่! คุณหลวงขึ้นฝั่งไปที่ไหน ทำไมไม่บอกผมครับ!?” เสียงตวาดว่าเสียใหญ่โตของหนุ่มร่างเล็กอ้อนแอ้น มือเท้าเอวมองชายในสูทหล่อเหลา วางตุ๊กตาจระเข้น่ารักและถังกลมลายซูเปอร์ฮีโร่ยอดฮิตลงในฝั่งซ้ายและขวา
“ทำไมล่ะ? ไม่ใช่นักโทษซะหน่อย อยากไปไหนฉันก็ไป...”
“ขืนโดนจับไปผมจะทำยังไง ไถ่ถอนตัวออกมาจากสวนสัตว์ไม่ได้ง่าย ๆ นะครับ นี่... แล้วถ้าเจอคนไม่ดี...”
“ได้โดนถลกหนังไปทำกระเป๋าใช่ไหม? ฉันยังไม่เคยเห็นอะไรที่แกว่ามาสักอย่าง ยุคนี้มันศิวิไลซ์จะตายดูซี... มีทุกอย่าง มือถือ อินเทอร์เน็ต ฉันดูซีรีส์ได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ” พูดพลางเคี้ยวป๊อปคอร์นกรุบกรอบรสชาติจืดสนิท นัยน์ตาสีแดงที่มีรูรับภาพแสงคมปลาบราวดวงตาของจระเข้ เหลือบมองหนุ่มร่างเล็กความสูงเพียงระดับบ่า เมื่อเจ้าตัวกระแทกก้นนั่งลงบนโซฟาตัวเดี่ยวข้างกัน ในสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
“คุณหลวงนี่พูดอย่างไร เดือนนู้นก็โดนลูกดอกยาสลบ ซมซานคลานมานอนอืดอยู่หน้าบ้าน ดีนะ กลายร่างเป็นคนเสียก่อนจะได้เป็นหนูทดลองที่ศูนย์วิจัย...”
“พิกลล่ะ ไอ้เข้เกเตอร์จะกลายเป็นหนูได้ยังไงกัน...”
หนุ่มใหญ่ส่งเสียงหัวเราะดัง หน้าโทรทัศน์ขนาดใหญ่กว่าห้าสิบนิ้วในห้องมืดสลัว ไฟจากจอแอลซีดีกะพริบตามการเคลื่อนไหวของนักแสดงในนั้น บ่าวเห็นเจ้านายหยิบโยนข้าวโพดคั่วเข้าปากไม่หยุดหย่อน ตาหลุบมองของบนโซฟาสีดำกำมะหยี่อย่างสงสัย
“แล้วตุ๊กตาอะไรนั่นครับ?”
“ของเด็กน้อย เก็บมาได้ ของฟรี” พูดพลางหัวเราะหึหึในลำคอ บ่าวจึงส่ายหน้าอย่างเอือมระอาปากว่า
“ดูเถอะครับ คุณหลวงไม่เคยฟังผมเลย มีเรื่องวิวาทมาทีไร ไอ้คล้าว ๆ ช่วยกูด้วยโว้ย!”
เลียนเสียงตะโกนแหกปากของเจ้านาย ที่เคยกลายร่างงอกออกมาแค่หาง วิ่งเดือดร้อนมาถึงหนุ่มวัยรุ่นอายุร้อยกว่า ๆ ต้องเข้าไปช่วยปกปิดความลับไม่ให้รั่วไหล
สรีระของนายจันสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเซนติเมตร ร่างหนาใหญ่กำยำเท่าฝรั่งตัวโต ๆ ไปไหนมาไหนสาวน้อยใหญ่คอยแต่จะกรี๊ดกร๊าดชอบใจ แม้ว่าเวลากลางวันเขาต้องใส่คอนแทคเลนส์ปกปิดนัยน์ตาสีแดงสดสวยไว้ต่างจากนายคล้าว
บ่าวไม่ใช่ชายร่างสูงใหญ่แต่ก็ไม่อ้อนแอ้นมากนัก ความสูงแค่ประบ่าของนาย นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนธรรมชาติ กลายร่างแล้วยังเป็นจระเข้ขนาดทั่วไปคือราวสามเมตร
โดยทั่วไปของจระเข้และแอลลิเกเตอร์มีลำตัวประมาณนั้น มากที่สุดในโลกน้ำหนักเกินหนึ่งตันคงประมาณหกเมตรกว่า ซึ่งคงไม่แปลก พวกมันใหญ่ได้มากเท่ากับที่มันกิน ใหญ่ขึ้นอีกเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมดอายุขัยของมัน
ยังมีโอกาสเป็นไปได้ว่าอาจมีตัวที่ใหญ่กว่าสถิติ เพราะว่ายังไม่ได้รับการค้นพบด้วยน้ำมือมนุษย์
คงไม่ต้องพูดถึงนายจันที่มีอายุขนาดนี้ด้วยอิทธิฤทธิ์ของมนตรา ถึงเขาจะไม่ใช่แอลลิเกเตอร์กินจุ ไม่บริโภคเนื้อมนุษย์แต่รับประทานเนื้อสัตว์ เนื้อวัว เนื้อปลา เป็นอาหารหลัก
เรียกว่าเป็นมังสะวิรัต... แอลลิเกเตอร์ไร้พิษภัยดี ๆ นี่เอง
“แกไม่รู้อะไร ฉันไปทัวร์แอมะซอน ตีขาเล่นในแม่น้ำสองสีอันแสนงดงาม ผู้คนแถวนั้นเขาอนุรักษ์สัตว์ ขนาดในน้ำมีปลาปิรันย่า งูอนาคอนด้า ไอ้เข้ตัวเท่าฉันว่ายน้ำข้างเรือนักท่องเที่ยวยังดูชิลล์ ๆ กรี๊ดกร๊าดถ่ายรูปกันสนุกจะตาย”
ตัวเขายังชอบเป็นดาราในน่านน้ำแอมะซอนเสียด้วย แต่นายคล้าวแค่นึกว่ามีแอลลิเกเตอร์ขนาดสิบเมตรมาว่ายน้ำข้างเรือก็เบิกตาอ้าปากค้าง! ขณะฝ่ามือหนาทั้งสองผายออกกว้าง
“ที่นี่... บราซิล!”
“คุณหลวง... ปะ... ไป... ถึงบราซิลเลยหรือครับ!?”
“อืม... ไว้คราวหน้าฉันจะพาแกไปว่ายน้ำเล่นด้วยกันนะ บรรยากาศดีมาก” คนพูดกระตุกยิ้มมุมปากอย่างภาคภูมิใจ ขณะที่บ่าวยกมือขึ้นกดกุมขมับเพราะเป็นห่วง ไม่เข้าใจว่าทำไมพักหลังมานี้เจ้านายถึงเที่ยวเก่งเหลือเกิน
ผ่านอะไรมาก็มาก ‘คุณพระ’ นายคล้าวยังเคยเป็นมาแล้ว เฝ้าติดตามนายเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาร่วมร้อยปี ซึ่งตอนนั้นบ่าวคนสนิทของจระเข้ใหญ่คือบิดาของนายคล้าว
นิสัยของจระเข้บ่าวจะเก็บตัวมากกว่าเจ้านายช่างเที่ยว เจียมเนื้อเจียมตัวไม่สุงสิงกับใคร และเป็นเพราะว่าเป็นลูกน้องจระเข้ จึงได้รับอายุขัยเพียงเท่านี้ ไม่เกินสองร้อยถึงสองร้อยห้าสิบปี หากโชคไม่ดีสักหน่อยอาจอายุแค่ร้อยกว่าปีเท่ามนุษย์
“ฉันจะเล่าอะไรให้ฟัง แกคงไม่เคยไปที่ไกล ๆ อย่างคิวบา ออสเตรเลีย แถว Queenland เขาว่ายน้ำกับจระเข้ ถ่ายรูปเซลฟี่ไม่จับไปถลกหนังขายแน่”
“แต่ผมก็ห่วงอยู่ดีนะครับ ยุคนี้มันไม่เหมือนเมื่อร้อยห้าสิบปีที่แล้วนะคุณหลวง”
“ก็แล้วอย่างไรเล่า มันไม่เหมือนเมื่อหลายร้อยปีที่แล้วด้วย ฉันแก่กว่าแกกี่ปี ฮึ...” ปลายเสียงระอาใจกับการโดนบ่น นายจันรู้สึกไม่ต่างจากว่าตัวเองเป็นเด็กในปกครอง นายคล้าวก็พยายามถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่เข้าไปนั่งข้างเจ้านายด้วยความเกรงใจและให้ความเคารพ หากว่าเป็นเมื่อก่อนบ่าวคงจะนั่งกับพื้นด้วยซ้ำ
“นี่แน่ะครับ... กินเนสบุ๊คส์บันทึกว่าเจ้าโลลองน่ะตัวใหญ่ที่สุดในโลกสักประมาณหกเมตร แต่คุณหลวงใหญ่กว่ามันสองเท่านะครับ ขืนใครมาพบเข้า รับรองว่าโดนจับไปอยู่ในตู้กระจกนู้น คุณหลวงจะโดนสำรวจทุกซอกมุมเชียว”
“จะเป็นไรไป ใจผู้ชายอย่าขี้แย”
“อาคม มนตราคงกระพันป้องกันร่างกายไม่ให้ถูกภยันตรายได้... แต่การแพทย์สมัยนี้ไปไกลนัก มันไม่กันลูกดอกยาสลบ รับรองครับ ทีเดียวหลับ”
“ชิชะ รุ่นนี้น่ะ สามเข็มขึ้น...”
หนุ่มใหญ่หัวเราะร่า เผลอพูดภาษาโบราณตามบ่าวมาสักพักทั้งที่เริ่มชินกับภาษาวัยรุ่นยุคใหม่ไปเสียแล้ว
“ฮึ! ยุ่งพิลึก ถ้าแกว่างนักลองไปนั่งเล่นสตาร์บัค ซึมซับรสนิยมเด็ก Gen-Y เสียบ้างนะ ขืนยังทำตัวโบร่ำโบราณอย่างนี้ คนเขาจะหาว่าแกบ้า! ระวังเถอะ รถโรงพยาบาลมารับไปโรงพยาบาลศรีธัญญา”
หนุ่มหน้าใสทำหน้ายุ่ง ขนาดว่าเขาไม่พูดขอรับหรือคำโบราณมาก ๆ แล้วมันทำไมยังไม่พอ...
“ผมพูดจาไม่เหมาะสมอย่างนั้นหรือครับ?” จากนั้นก็ส่ายหน้ากลับคำพูดอย่างไม่มั่นใจ “เดี๋ยวผมจะไปกรมที่ดินพอดี คงได้ออกไป...”
“ไปเถอะ ฝากจัดการธุระแทนฉันด้วย กลับมาให้ทันตะวันตกดินละกัน”
นายคล้าวได้ยินดังนั้น จึงยกมือไหว้ลาแล้วเดินเลี่ยงออกไป ปล่อยให้เจ้านายอยู่ตามลำพังในห้องทำงาน มินิโฮมเธียเตอร์ที่เจ้าตัวนั่งดูซีรีส์ได้ทั้งวี่ทั้งวัน
บ้านโบราณหลังใหญ่โตริมทางถนนชานเมืองกรุง ภายนอกตกแต่งด้วยสไตล์โคโลเนียลขนมปังขิง ในยุคที่เจ้าของบ้านชื่นชอบมันเป็นที่สุด
จากระเบียงชั้นสองมองลงไปเห็นสวนหย่อม ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่ มีไม้เลื้อยปกคลุมหน้าต่าง กระจกติดฟิล์มดำสนิททำให้พวกเขาสามารถสังเกตการณ์บุคคลภายนอก แต่มองจากข้างนอกเข้ามาจะไม่เห็นทรัพย์สินข้างในแม้สักชิ้น
ห้องนอนสองห้องอยู่คนละฝั่ง กั้นกลางด้วยสระว่ายน้ำขนาดใหญ่เท่าสระมาตรฐานสองสระรวมกัน หมุนเวียนด้วยระบบน้ำเกลือ มีโคมไฟระย้ารูปทรงหยดน้ำบนเพดาน โดยรอบตกแต่งด้วยน้ำพุที่มีไฟสลับสีกันไป
เมื่อผู้ชายตัวโตเป็นฝ่ายยอมปล่อยจากเรียวปากอิ่มงาม กัญญาวีร์ชนหน้าผากไว้กับหน้าผากกว้าง เธอตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่กับเขาไปตลอด สุดอสงไขย ณ สถานที่ไร้ห้วงเวลาแห่งนี้“หากว่าถึงเวลาของเรา สักวันหนึ่งเราจะไปด้วยกันนะคะ เราสามคน”“ไม่แค่สามครับ... อนาคตเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่แน่นอนว่าบ้านหลังนี้จะมีจระเข้แอลลิเกเตอร์มากกว่าสามตัว”นานเท่าไรก็จะไม่พรากจาก รอยยิ้มปรากฏบนวงหน้าหล่อเหลา กุมภิลหนุ่มเจ้าเล่ห์กำลังจินตนาการถึงลูกครึ่งจระเข้และแอลลิเกเตอร์ ลูกของเขากับแม่แก้วกัญญาส่วนหญิงสาวยังคงมองตามหยดน้ำใสที่ไหลออกมาจากดวงตาเมื่อมันกลายเป็นก้อนกลม ลอยขึ้นที่สูงแล้วสลายหายไปในอากาศ เธอผุดรอยยิ้มกว้างออกมา ยกปลายนิ้วขึ้นแตะมันที่แตกกระจายออกเป็นฟอง ไม่เลิกร้องไห้ในอ้อมกอดของกุมภิลในวังบาดาลของพญาจระเข้ใหญ่นี้ก็คงจะมีลูกหลานทายาทจระเข้มากกว่าหนึ่งตัว และจากนี้ไปคงมีเรื่องให้คนช่างอยากรู้อยากเห็นอย่างกัญญาวีร์สนุกตามคุณพ่อจระเข้อีกแน่ ๆ ------------------------------------การออกไปว่ายน้ำหาสถานที่อาบแดดเป็นอะไรที่... มีความสุขที่สุด! หากไม่เป็นเพราะว่าคุณแม่อยากลองสถานที่แปลกใหม่ คน
พญาชาละวันคงไม่มีเมตตาต่อมนุษย์เท่าเดิม เมื่อจิตวิญญาณและความทรงจำทั้งหมดกลับคืนมา ตาคมจรดมองร่างสั่นเทา เปียกปอนเหน็บหนาวไม่ต่างจากพรายสาว น้ำตาลูกผู้ชายก็พาลไหลชาละวันบัดนี้ไม่กลัวเกรงพญายมราชหรือใครหน้าไหน แม้ว่าเขาจะเหยียบหน้าเจ้าถิ่น ก็คิดเพียงว่าต้องพาเมียรักกลับคืน ตรงกันข้ามกับอีกคน หญิงสาวคิดว่ามันคงถึงเวลาต้องจากกัน...“ให้แล้วแต่บุญแต่กรรมที่ทำมาร่วมกันเถิดค่ะ ตอนนี้กันต้องไปแล้ว ลาก่อนคุณหลวงจัน... พญาชาละวัน...”เพียงเรือลำน้อยแล่นฉลิวไปด้วยความเร็วต่างจากเมื่อครู่ หยาดน้ำใสก็เจิ่งนองเต็มสองตาเจ้าจระเข้ยักษ์ มันไม่ยอมว่ายห่างจากเรือ ยังแปลงกายครึ่งหนึ่งเป็นมนุษย์ แผงอกกว้างกำยำและสองมือเกาะติดเรือไม้อย่างแน่นหนึบ“ผมไปด้วยได้ไหม?”‘ไสหัวไป... ไอ้ตาละวัน’“ไม่ไปครับ...” ในสีหน้ายียวนกวนประสาท กุมภิลหนุ่มรู้ว่าตนจะต้องเจอกับอะไร ไม่มีใครกล้าลองดีกับท่านท้าวพญายมราช ที่ถึงจะส่งพระยมไปเก็บดวงวิญญาณ ก็สามารถสื่อสารจิตถึงกัน หากว่าเจอเรื่องราวอันเป็นอุปสรรคในเมื่อบนโลกนี้ยังมีอมนุษย์และปีศาจบางตน ปะปนแอบแฝงอยู่กับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆทว่าจากเรือนผมที่เคยเป็นสีขาวยาวประเอว บัดนี้
เคียดแค้นชิงชัง โกรธในสิ่งที่เธอทำแต่ว่ายังรัก... เขายังรักเธอหมดหัวใจ‘แม่แก้ว!’ เสียงเรียกดังผ่านกระแสน้ำถึงห้วงจิต อีกเพียงนิดก็คว้าร่างของแม่สาวเอวบางได้แล้ว ทว่าเจ้าของเรือนผมสวยสีดำขลับในมินิเดรสตัวเดิม กลับว่ายขึ้นฝั่งผ่านหน้าเขาไปเสียเฉย ๆ ไม่แม้จะสนใจเขาด้วยซ้ำ‘กัญญาวีร์! รอผมก่อน จะรีบไปไหน...’เดรสลายดอกไม้ตัวนั้นเขาก็ซื้อให้ แค่เธอบอกว่าสวยคำเดียวไม่ว่ามันจะราคาเท่าไร เธอมันก็แค่ผู้หญิงเอาแต่ใจ เอาแต่ชี้นิ้วสั่ง หัวสูง ทำอะไรไม่ปรึกษา ยิ่งคิดยิ่งน่าโมโห!นัยน์ตาสีแดงสนิทพยายามเพ่งมองให้ชัด โทสะปะทุขึ้นในจิตใจ ร่างสีดำสนิทของจระเข้ใหญ่แหวกว่ายตามไป ก่อนจะพบว่าเป็นเพียงร่างโปร่งใสยังมีอีกคนลอยอยู่ท่ามกลางความมืด สองแขนยกขึ้นเหนือศีรษะ เส้นผมสยายกระจายตามกระแสน้ำ ดวงตาคู่สวยใสใต้เปลือกตาขาวเพียงเบิกมองข้างหน้าอย่างเคว้งคว้าง ในสถานที่แสนเงียบเชียบและหนาวเหน็บลำพัง------------------------------------ร่างไร้ลมหายใจที่หลับใหลอยู่ใต้น้ำ ราวกระชากหัวใจกุมภิลไปจากอก ไม่มีประโยชน์ที่จะดึงรั้งเธอไว้ เมื่อภาพที่ตาเห็น สิ่งที่สองมือสัมผัสเป็นเพียงกายหยาบ เขากอดร่างแสนหวงแหนไม่ห่าง
ปริศนาในใจเธอได้ไขกระจ่างเมื่อไม่นานมานี้ บางทีนี่อาจจะเป็นชะตาลิขิตตามพระครูว่าเธอเป็นกุญแจสำคัญ“ฉันเป็นคนขังเขา แต่ในเมื่อเขาเลิกกินเนื้อมนุษย์ไปแล้ว หมอจระเข้ก็หมดกรรมกับเขาไปแล้ว เขาควรได้รับการปลดปล่อยเสียที ฉันจะทำมันค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันไม่ได้ไปคนเดียว”“เช่นนั้นผมคงห้ามอะไรคุณกันไม่ได้ เอาเป็นว่ามีเหตุฉุกเฉินอะไรให้ตะโกนเรียกผมนะครับ ผมลงไปในบ่อน้ำนี้ไม่ได้”สองนายบ่าวแทบจำมันไม่ได้ด้วยซ้ำ หากว่าไม่เห็นกับตา ยืนอยู่ตรงหน้า พวกเขาจะลืมเรื่องบ่อน้ำเสมอ ขณะส่ายคอมองหาไปรอบ ๆ บริเวณด้านหลังบ้านที่เต็มไปด้วยหญ้ารก ท้องฟ้ามืดลงเต็มที ต่างคนมองเห็นร่างโปรงใสของชายหน้าคุ้นตา ยืนเอามือไพล่หลังอยู่หน้าบ้าน กำลังชะเง้อคอมองหาอะไรสักอย่าง แววตาคู่สวยแปรเปลี่ยนเป็นขึงขังจริงจัง“ฝากด้วยนะคุณคลาวด์ อย่าให้เขามา”“ครับ คุณรีบไปจัดการธุระเสียเถอะ ถึงเจ้านายผมจะหลับ จิตเขาไม่ได้หลับไปด้วย”ได้ยินเท่านั้น เรือนร่างงามของหญิงมนุษย์ก็กลายเป็นเดรัจฉานสีขาว นัยน์ตาสีทอง สัตว์เลื้อยคลานที่มีเขี้ยวคมคลานไปด้วยสี่เท้าของมันลงบ่อไป ------------------------------------ลึก ๆ แล้วกัญญาวีร์
เขายังมีเรื่องราวแปลก ๆ เล่าให้เธอฟังอีกมากแต่เป็นเพราะว่านั่งฟังเสียงตึกตักดังมาได้สักพักจากคุณแม่และคุณลูก จึงซุกปลายจมูกโด่งเป็นสันคมเข้าหาเดรสลายดอกไม้สวย สูดกลิ่นหอมเบา ๆ ให้ชื่นใจ มือเอื้อมผ่านแผ่นหลัง โอบเอวบางของคุณแม่ที่หน้าท้องใหญ่ขึ้นเพียงเล็กน้อยอย่างระวัง“ท้องโตขึ้นนะ คุณพ่ออยากเห็นหน้าเจ้าตัวน้อยเร็ว ๆ จัง”“คุณชาร์ลว่าผู้หญิงหรือผู้ชายคะ?”“ผู้ชาย... ผมรู้สึกว่าเขาเป็นเด็กผู้ชาย”สัญชาตญาณลึก ๆ บอกเขาที่เชื่อในความสามารถการรับรู้ของตน คุณพ่อยังนึกซน พอกลิ่นหอมอ่อนอันมีเอกลักษณ์โชยมาแตะจมูกตามทิศทางลม ขณะที่เดรสกระโปรงยาวคงทำอะไรต่อมิอะไรได้ยากเสียหน่อย คุณแม่ยังหวงเนื้อหวงตัวเป็นพิเศษในระยะหลัง ๆ มา เป็นอาทิตย์แล้วที่เขาไม่ได้กิน! “ตัวเล็กครับ... ก๊อก ๆ อยู่ไหมนะ... พ่อกวนแม่ได้ไหมครับ” “ไม่ได้ครับ ห้ามกวน” คุณแม่ดัดเสียงแหลมเล็กหยอกล้อ ส่งเสียงหัวเราะดังระคนกันไปนายจันเผลอคิดว่าเมียคงกลายเป็นคนขี้แกล้งอย่างเขาเสียแล้ว ขณะมือหนาค่อย ๆ เลื่อนลงต่ำ เลิกกระโปรงบานพลิ้วขี้นกองเหนือหน้าขา ก่อนจะโดนตีมือดังเพี๊ยะ! ดวงตาคู่สวยใสแปรเปลี่ยนเป็นดุดัน ดุแ
กัญญาวีร์ดูเร่งเร้าเหลือเกิน ชายกระโปรงสีครีมหวานเขย่าไปเขย่ามา ทำเอาเจ้าของบ้านลอบยิ้มกรุ้มกริ่ม มือไขประตูอย่างไม่รีบร้อนอะไร แต่พอได้ยินเสียงหวานตะโกน“แม่อ่วม ๆ!”‘เจ้าขา... คุณผู้หญิง... อ่วมอยู่นี่เจ้าค่ะ’ คงไม่มีใครคิดว่าบ่าวผู้จงรักภักดีอย่างแม่อ่วมจะยังอยู่บ้านหลังนี้ นายจันมาที่นี่กี่ทีไม่เคยลองเรียกหล่อนดู จึงไม่รู้ว่าหล่อนยังอยู่ นั่นทำให้เขายิ่งแปลกใจ“เรียกหาบ่าวทำไม?”“คือ... กันดีใจไปหน่อย ลืมตัวค่ะ เราเข้าบ้านกันดีกว่า กันหิวแล้ว” พูดพลันควงท่อนแขนเป็นล่ำสันกลบเกลื่อน นายจันยังมีสีหน้าสงสัย ขณะพาหญิงสาวเข้าบ้าน เพิ่งจะเห็นเธอนิ่งเงียบไปหลังส่ายคอมองไปทั่ว ด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็น“กันทำตัวไม่น่าไว้ใจนะครับ”“ก็ปรกตินี่คะ คุณชาร์ลคิดเองเออเองรึเปล่า?”รอยยิ้มบนวงหน้าหวานบอกว่าไม่มีอะไร เมื่อชายหนุ่มโน้มตัวลงจับมือเรียวเดินผ่านทางเข้าบ้านโบราณที่ตกแต่งด้วยสีขาวครีม ขอบหน้าต่างหลังคาเป็นเกล็ดขนมปังขิง ตามแบบสมัยนิยมยุคคุณหลวง มีภาพขนาดใหญ่ใส่กรอบเป็นหนุ่มหน้าตาเหมือนกับนายชรัณไม่ผิดเพี้ยนแต่ถือไม้เท้าสวมชุดราชปะแตนอยู่กลางบ้าน“คิดถึงจังเลยค่ะ กันอยากกลับบ้านหลังนี้มาน