LOGIN“ขอโทษค่ะ...ขอบคุณค่ะ” เอ่ยอย่างอัตโนมัติเมื่อรู้ว่าตัวเองเดินไปชนคน! ที่รู้เพราะแขนที่โอบรัดรอบช่วยเหลือไม่ให้ล้มก้นกระแทกพื้น แต่ไม่รู้ช่วยหรือทำร้ายกันน่ะสิ เมื่อแรงที่รัดทำเอาเอวเธอแทบหักเป็นสองท่อน
“หือ...” แพขนตายาวงอนกะพริบปริบๆ เมื่อสัมผัสกับกลิ่นกายผสมโคโลญหอมอ่อนๆ ที่ติดตรงปลายจมูก จนต้องสูดเข้าเต็มๆ ปอด สำนึกแรกคือ...คุ้นกับกลิ่นนี้มาก คุ้นจนหัวใจสั่นด้วยความกลัว สมองไพล่นึกไปถึงคนที่ทำให้เธอหวั่นไหวไม่เป็นตัวของตัวเอง
‘ไม่ใช่มั้ง...ดวงคงไม่ซวยขนาดนี้หรอก...มั้ง’ ปากอิ่มนุ่มขบเม้มเข้าหากัน รีบตวัดดวงตาไล่มองจากอกกว้างล่ำสันอย่างช้าๆ
‘ตาบ้า...ทำไมถึงไม่ยอมติดกระดุมเสื้อยะ’ ก่นว่าอย่างหงุดหงิดและอาย เมื่อเผลอมองกล้ามเนื้อแข็งแกร่งเป็นมัดๆ ตาปรอย ลอนซิกแพ็กทำเอาหัวใจเธอกระตุก เต้นรัวเร็วอย่างกับจะทะลุออกมา แก้มทั้งสองข้างร้อนผ่าวไปหมด จนคิดว่าแดงก่ำยิ่งกว่าผลตำลึงสุก
‘บ้าแล้วยายน้ำผึ้ง นี่เธอกำลังคิดอะไรบ้าๆ อยู่ล่ะนี่’ รีบข่มความรู้สึกแปลกประหลาดที่ผุดขึ้นในหัวใจ นัยน์ตากลมใสแจ๋วไต่ขึ้นไปอย่างช้าๆ เพื่อมองหน้าคนช่วย แต่แหงนหน้าจนคอแทบหักแล้วแต่ก็เห็นอีกฝ่ายเพียงแค่ปลายคางเท่านั้น
‘เธอเดินชนคนหรือว่ายักษ์กันละนี่’
ขยับเท้าก้าวถอยไปด้านหลังเล็กน้อย เพื่อมองดูยักษ์ใหญ่ให้ชัดๆ เพื่อจะได้เอ่ยคำขอโทษอีกครั้ง ทว่า...“ขอ...โทษ...” คำขอโทษติดอยู่เพียงแค่ริมฝีปากซึ่งอ้าค้าง เบิกตากว้างเกือบเท่าไข่ห่าน เมื่อเห็นหน้าคนชนอย่างชัดเจนเต็มสองตา
“เฮ้ย!!”
“Good morning honey”
ฟอด!! ใบหน้าคมฉกลงมา ปลายจมูกโด่งขึ้นสันกดลงบนแก้มใสสีชมพูระเรื่อทั้งสองข้างเต็มๆ ก่อนเคลื่อนไปยังกลีบปากอวบอิ่มที่เขารู้ดีว่าหวานฉ่ำนุ่มเพียงใด แต่กลับถูกอีกฝ่ายเบือนหน้าหนีและยกสองมือนุ่มขึ้นดันจนหน้าหงายไปด้านหลัง
“อี๊!!!...ไอ้บ้า” ถูไถแก้มเนียนนุ่มทั้งสองข้างแรงๆ ลบรอยจูบ พลางตวัดสายตาเป็นประกายเพลิงเกรี้ยวกราดเคืองขุ่นใส่คนหน้าเป็นที่ยิ้มรับความโกรธของเธออย่างไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด
“ไอ้คนบ้า ไอ้คนสกปรก ฉวยโอกาส!” เข่นฟันพูดเสียงขุ่นเขียว
“ปล่อยฉันนะไอ้คนบ้า!” พยายามผลักดันกายแกร่งให้ถอยห่างไปสุดแรง แต่ดูเหมือนจะได้ผลตรงกันข้าม คีมเหล็กรัดบั้นเอวรั้งร่างบอบบางให้จมไปในอ้อมอกกว้างมากยิ่งกว่าเดิม
“ถ้าไม่ปล่อยล่ะ honey จะทำอะไรฉัน” ไซม่อนเอ่ยถามเสียงนุ่มทุ้ม นัยน์ตาเป็นประกายระยิบระยับอย่างถูกใจ เมื่อได้เจอกับสาวน้อยที่ตามไปป่วนเขาถึงในความฝัน
รอยยิ้มแต้มบนใบหน้าคมคร้าม แม้นอนดึกดื่นแค่ไหนแต่เขาก็ตื่นเช้า เพื่อมาดูแลงานในส่วนของห้องอาหารด้วยตัวเองเสมอ การบริการด้วยใจและเป็นอย่างดี จะทำให้ลูกค้าพอใจจนพูดกันปากต่อปาก เป็นการโฆษณาโรงแรมโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และคราวนี้นอกจากได้เรื่องงาน ยังโชคดีเจอกับแม่ตัวแสบที่วิ่งเข้ามาในกรงพยัคฆ์อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องควานหาตัวให้ยุ่งยาก ถึงแม้ใช้เวลาไม่นานแต่อย่างน้อยก็ครึ่งวัน อย่างนี้แล้วจะให้เขาปล่อยแม่สมันเนื้อนุ่มหวานไปง่ายๆ ก็กลายเป็นไอ้ลาโง่น่ะสิ
“ทำอย่างนี้ไงไอ้ฝรั่งบ้ากาม!” ออกแรงกระทืบลงไปบนเท้าใหญ่เต็มแรง ก่อนผลักร่างหนาให้ถอยห่าง แต่การณ์กลับไม่เป็นอย่างตั้งใจ ไอ้คนฉวยโอกาสรู้ทัน ดึงเท้าหลบและกระชับแขนรัดจนร่างอรชรแนบชิด กดปลายจมูกโด่งบนแก้มนุ่มหอมทั้งสองฝั่งเต็มๆ พร้อมเสียงหัวเราะครึกครื้น
“ยังกล้าทำร้ายฉันอีกหรือ honey” เอ่ยถามกลั้วหัวเราะลงคอ นัยน์ตาเป็นประกายวาววับ ตวัดหลังนิ้วไล้บนแก้มสีชมพูระเรื่อ ก่อนโน้มใบหน้าลงไปแนบจมูกโด่งและริมฝีปากร้อนผ่าวซุกไซ้คลอเคลียแก้มเปล่งปลั่งและลำคอ
“รู้ไหม ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนตบหน้าฉันมาก่อน แล้วเธอ...ไม่แค่ตบครั้งเดียวด้วย อย่างนี้ฉันจะทำอย่างไรกับคนที่กล้าทำร้ายฉันดีล่ะ หืม...”
“ใครใช้ให้คุณทำบ้าๆ กับฉันก่อนล่ะ เจอกันครั้งแรกก็ลวนลาม แล้วยังจะปล่อยหมวกใบโปรดฉันทิ้งด้วย” โต้กลับเสียงขุ่น แก้มนุ่มป่องออก ตวัดสายตาเหมือนคมมีดบาดไปบนผิวกายใหญ่ พลางทุบไปบนอกกว้าง สลับเตะเท้าไปที่ขาแกร่งแรงๆ แต่ก็ไม่ได้ผล
มุมปากอิ่มแต้มยิ้ม นัยน์ตาเป็นประกาย ทางเดียวที่จะพาตัวออกจากอ้อมแขนที่รัดรึงอยู่คือ ทำร้ายชายหนุ่มให้เจ็บมากๆ จะได้รีบปล่อยเธอเร็วๆ แต่เหมือนนำไม้ซีกไปงัดไม้ซุงเสียมากกว่า นอกจากจะไม่หลุดแล้วร่างเล็กถลำจมหายไปในอ้อมอกกว้างจนสัมผัสกับกล้ามเนื้อกำยำบึกบึน
“ถ้าไม่หยุดทำร้ายฉันนะ honey” เอ่ยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม ลอยหน้าลอยตาเปื้อนยิ้ม ก้มลงมองเข้าไปในดวงตากลมใสแจ๋วราวกับตาตั๊กแตนอย่างมุ่งร้ายหมายขวัญ
“ฉันจะจูบเธอตรงนี้และ...จูบให้หมดทั้งตัวเลย เอาไหม” ขู่เสียงกรุ้มกริ่ม พร้อมกลั้วหัวเราะ เมื่อเห็นวงหน้านวลผ่องเผือดซีดลงและรีบหยุดทำร้ายร่างกายเขาในทันที
“ไอ้...คุณก็ปล่อยฉันก่อนสิ ฉันจะได้หยุดทำร้ายคุณ” รีบเปลี่ยนคำพูด เมื่อเห็นตาคมกริบวาวโรจน์ขึ้น
“ไม่อยากปล่อยนี่น่า อยากกอด อยากหอมแก้มและก็อยาก...จูบ!”
“ไอ้...!!” มธุรสอยากด่าให้เจ็บๆ แต่ขืนทำอะไรบุ่มบ่ามไปในตอนนี้ จะเป็นการทำให้ตัวเองเพลี่ยงพล้ำมากขึ้น แต่ครั้นไม่ทำอะไรเลยก็ไม่ได้อีกเช่นกัน กายที่แนบชิดทำให้หัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ รีบเบือนหน้าร้อนผ่าวหลบสายตาคมเข้มที่มองราวกับจะกลืนกินจนหมดตัว ซึ่งเธอต้องหาทางถอยหนีให้เร็วที่สุด ทว่าคิดจนปวดสมองก็ยังหาทางพาตัวเองหลุดจากปลอกเหล็กที่รัดรอบกายไม่ได้
‘เหนื่อยแล้วนะโว้ย’ มธุรสแบะหน้าเหนื่อยหน่ายและเซ็ง “ปล่อยฉันซะทีสิ รัดมาได้ ร่างคนนะไม่ใช่เหล็ก เจ็บจะตายชักอยู่แล้ว” พูดเน้นเสียงหนัก แต่ก็เป็นเหมือนเดิม อีตายักษ์ใหญ่ไม่ยอมปล่อย ยังจะหมุนร่างบางและเหนี่ยวรั้งพาเดินไปด้วยกัน ซึ่งไม่ใช่ทางกลับโรงแรม!
มธุรสหน้าหงิกงอก่อนจะมีรอยยิ้มแต้มบนมุมปาก นัยน์ตาวาววับ อยู่ในสภาพแบบนี้ทำให้เธอขยับตัวได้ง่ายกว่าเดิม แต่ก็ควรรอเวลาอีกนิดหน่อย เพราะถ้าทำอะไรผลีผลามไป นอกจากหนีไม่ได้แล้วยังจะถูกอีกฝ่ายทำบ้าๆ อีก
ได้ยินอีกฝ่ายเรียกว่าไอ้บ้าๆ ตลอดจนชายหนุ่มถึงกับหงุดหงิดไม่สบอารมณ์ “ดีใจที่ได้เจอเธอนะ honey ฉันชื่อไซม่อน แล้วเธอ...”
รองเท้าและถุงเท้าถอดออกวางไว้ และเริ่มต้นหาทางปีนป่ายขึ้นไปชั้นสองของบ้าน แต่สิ่งที่เขาคิดได้แซมก็คิดได้เช่นกัน ทั้งๆ ที่ฝนไม่ตกทว่า...ผนังห้องกลับเปียกชื้นและถ้ามองให้ดีเขารู้สึกเหมือนเห็นเป็นมันวาว อีกทั้งยังได้กลิ่นเหม็นเอียนคล้าย...น้ำมัน! ทำให้คนที่ปีนป่ายต้นไม้ไม่เก่งอย่างเขา ปีนแล้วตกอยู่หลายครั้ง แล้วพอปีนได้ถึงครึ่งทาง“ลงไปหาอะไรอยู่แถวนั้นนะคุณไซม่อน” คุณพ่อตาตัวแสบชะโงกหน้า“โอ๊ย!” คนที่ปีนป่ายเป็นลิงขาเจ็บเงยหน้าขึ้นมองด้านบน มือเลยเกี่ยวพลาดร่วงหล่นตุ้บลงไปนอนจุกตัวงอบนพื้น โดยมีเสียงหัวเราะสะใจของพ่อตาดังลั่นตามมา“คุณป๋า ไม่เล่นแล้วนะคะ ถ้าขืนยังแกล้งคุณไซม่อนอีก น้ำผึ้งโกรธจริงๆ” มธุรสทำหน้างอนๆ ด้วยความเป็นห่วงสามี อยากวิ่งลงไปดูว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า แต่ก็ถูกภาวัติจับมือไว้“เอาน่าน้ำผึ้ง คุณไซม่อนของหนูเก่งจะตาย ดูสิปีนขึ้นมาได้ครึ่งทางแล้ว เดี๋ยวอีกสักสองสามรอบก็ปีนเข้ามาได้แล้วละ หนูมายืนให้กำลังเขาหน่อยสิ”ดึงร่างลูกสาวมายืนให้มองไซม่อนซึ่งไม่ยอมแพ้ เริ่มต้นปีนป่ายใหม่และหล่นตุ้บลงไปอีกหลายครั้ง แม้เหนื่อยล้าและแทบจะหมดไร้เรี่ยวแรง แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ ยังคงพยายาม
มธุรสทอดมองไปยังร่างใหญ่ซึ่งนั่งก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงแปลงกุหลาบซึ่งเธอว่าตอนแรกก็ไม่มีนะ แต่พอไซม่อนมาอยู่ ทำไมถึงโผล่มาได้ก็ไม่รู้ คงเป็นฝีมือคุณป๋าจอมเจ้าเล่ห์นั่นแหละ ทั้งสงสารและเห็นใจไซม่อนเหลือเกิน แต่ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง เพราะเธอถูกภาวัติคุมเข้ม ขนาดกลางคืนยังถูกเรียกไปนอนใกล้ๆ“คุณป๋ารู้สึกอึดอัดหายใจติดๆ ขัดๆ ยังไงไม่รู้ หนูนอนเป็นเพื่อนหน่อยนะน้ำผึ้ง เพื่อว่าตกดึกเป็นอะไรจะได้ช่วยเหลือกันทัน”เธอทำอะไรได้ล่ะ นอกจากทำตามคำอ้อนของบิดา “คุณป๋าขา อากาศร้อนนะคะ” มองร่างแกร่งที่ตอนนี้เหงื่อไหลโซมกาย ผิวที่เคยขาวถูกแดดเผาจนแดงจัดอย่างน่ากลัว ถ้าหากลอกเขาคงเจ็บน่าดู ตอนเย็นตอนทานอาหารเสร็จเธอคงต้องหาพวกโลชั่นทาผิวหรือไม่ก็ออยให้ชายหนุ่มไว้ใช้ทาตัวหน่อยละ แล้วตอนนี้เธอก็ควรจะช่วยเขาด้วย“อากาศร้อนแบบนี้ น้ำผึ้งว่า...เอ่อ...คุณป๋าให้...” มธุรสกระอึกกระอักไซม่อนยิ้มหวานให้คนตัวเล็กที่ออกโรงช่วยเหลือ จนแทบลืมอาการเข็ดเมื่อยตามร่างกายไปเลย“นั่นสิ คุณป๋าก็ว่าเหมือนกัน หนูก็เอาน้ำเย็นๆ ไปให้เขากินเสียหน่อยสิ จะได้ชุ่มใจชุ่มคอ หายคอแห้งไปสักหน่อย” ได้ยินเช่นนั้นไซม่อนก็ยิ้มจนแก้มตุ่ย แม้ไม
“น้ำผึ้งไปทำธุระ” เขาส่งมธุรสไปต่างจังหวัดกับคนรู้จักที่ไว้ใจได้ “สองสามวันถึงจะกลับ” กะว่าจะให้อยู่ยาวสักอาทิตย์หรือมากกว่านั้นท่าจะดี“หรือครับ” ตอบกลับทั้งน้ำเสียงและใบหน้าเศร้าหมองลงทันควัน การเดินทางของเขาเป็นไปตามข้อตกลงของภาวัติ จัดการเคลียร์ปัญหาทุกอย่างจนเรียบร้อย ก่อนเดินทางก็โทรมาบอกล่วงหน้า เพราะอีกฝ่ายบอกไว้แล้วจะให้คนมารับที่สนามบิน ซึ่งถ้าเขาฉุกใจสักนิด ฉลาดอีกสักหน่อย ก็คงไม่ถูกเล่นงานจนสะบักสะบอมถึงขนาดนี้หรอก “คุณมาอย่างนี้ งานที่โน่นใครรับผิดชอบ บอกเอาไว้ก่อนนะคุณ ผมไม่นิยมชมชอบคนไม่สู้และทิ้งงานกลางคัน”“ผมเข้าใจครับ ผมส่งมอบงานให้เพื่อนดูแลเรียบร้อย ถ้าหากว่าติดขัดอะไร เราจะคุยกันผ่านการสื่อสารออนไลน์ แบบนั้นคุณคงไม่ว่านะครับ ถ้าหากต้องขอปลีกตัวไปบ้างเป็นครั้งคราว”“แล้วแต่คุณจะตัดสินใจ” โยนให้ไซม่อนเป็นคนคิดเอาเอง จะแก้สถานการณ์ซึ่งหน้ายังไง “คุณมาเหนื่อยๆ ไปห้องพักอาบน้ำสักหน่อยน่าจะดี”“ดีเหมือนกัน ขอบคุณครับ” ไซม่อนรับคำอย่างไม่รู้ความนัยน์ของคำพูดภาวัติ แต่เมื่อถึงห้องนอนที่อีกฝ่ายให้พัก เขาก็ผงะในทันที...ห้องเล็กกว่าห้องพักของพนักงานเขาเสียอีก อย่างกับรูห
ประตูยังไม่ทันปิดดี...คนที่เร่งรีบเดินตามมาติดๆ ก็รีบเอ่ยปากพูดโดยไม่สนใจเพลิงโทสะของภาวัติ “ผมรัก honey”ภาวัติตวัดสายตาไปมอง “คุณจะรักฮันน่งฮันนี่ก็รักไปสิคุณไซม่อน ไม่เห็นเกี่ยวกับผมและน้ำผึ้งเลยนี่” ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนแก้มเนียนใส “คุณป๋าเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว เราเก็บข้าวของกลับบ้านเราดีกว่าลูก”“คุณป๋า...เอ่อ...” มธุรสหันรีหันขวาง ไม่รู้จะทำยังไงดี ห่วงความรู้สึกของแต่ละคนไม่น้อยกว่ากันเลยถ้าอยู่กับไซม่อนที่นี่แล้วใครจะดูแลพ่อล่ะ ท่านก็แก่แล้ว มัวแต่ทำงานจนลืมดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองอยู่บ่อยครั้ง เวลาเจ็บป่วยใครจะดูแลป้อนข้าวเช็ดตัวและบังคับให้กินยาแต่ถ้าไปกับพ่อแล้วไซม่อนล่ะ เขาจะเสียใจแค่ไหน แค่คิดว่าเธอต้องอยู่โดยไม่มีเขา หัวใจก็แทบขาดรอนแล้ว ทว่าสายตาพ่อบีบคั้นหัวใจจนเธอรู้สึกเหมือนมีหินก้อนยักษ์ถ่วงอยู่ให้หายใจไม่ออก ได้แต่นั่งนิ่งงัน ก้มลงมองมือบนตักซึ่งกระชับรัดเอาไว้แน่นเห็นใบหน้าเศร้าหม่นหมองของเมียรักแล้วเขาอึดอัดหายใจไม่ออก เห็นควรต้องทำอะไรสักอย่าง ที่จะทำให้ภาวัติเห็นถึงความรักและจริงใจที่มีให้กับมธุรส เพื่อละลายไฟเย็นพร้อมทำให้ภาวัติยอมรับในตัวเขาไซม่อ
“ฉัน...ฉัน...” พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ดีใจจนเนื้อเต้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรักษาท่าทีเอาไว้ “คุณแน่ใจแล้วหรือคะคุณไซม่อน ฉันอาจเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตคุณ พอจากกันไม่นานคุณก็ลืม”ไซม่อนทาบมือบนแก้มเนียนใสเปล่งปลั่งด้วยเลือดฝาดสาว “แน่ใจที่สุดเลยละ honey รู้อย่างหนึ่งไหม เธอหมดสิทธิ์ไปจากฉันตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันแล้วละที่รัก” ตอบกลับและยิ้มใส่ตากลมโตซึ่งเบิกกว้างอย่างตกตะลึง“หายโกรธแล้วใช่ไหม darling”“ใครว่า ฉันไม่ได้โกรธสักหน่อย” น้ำเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ผลักดันกายแข็งแกร่งและไล่จับมือซึ่งเคลื่อนไหวไปทั่วกาย ราวกับหนวดปลาหมึกจับไม่ได้ไล่ไม่ทันจนเธอเหนื่อยอ่อนแต่ระคนด้วยความสุข“ไม่ได้โกรธ งั้นก็แค่งอน” ปลายนิ้วยาวร้อนผ่าววางทาบบนกลีบปากอวบอิ่มที่ขยับจะพูด “Honey…my darling will you marry me?”หัวใจโป่งพองราวกับลูกโป่งที่ถูกอัดด้วยแก๊ส เขารักเธอ...รักและปรารถนามีเธอเคียงข้าง ทว่าใบหน้านวลผ่องหมองเศร้าลง “คุณป๋า...” กังวลใจกับคนอยู่ไกล ไม่รู้ว่าจะทนทำใจรับได้ไหม ถ้าเธอต้องอยู่กับไซม่อนที่นี่ ห่างไกลกันคนละฟากฟ้านิ้วยาวยกขึ้นทาบบนปากอิ่ม “กังวลไปก็เ
“honey” ไซม่อนร้องเรียและรีบยื่นมือไปคว้าแขนเรียวของคนที่กำลังก้าวขึ้นรถดึงกลับมาหาตัวและกอดเอาไว้“กรุณาปล่อยฉันด้วยคุณไซม่อน” ข่มกลั้นความเจ็บปวดที่เผาผลาญหัวใจ เอ่ยขับไล่คนที่ทำให้เธอเจ็บและกลายเป็นคนไร้ค่าเสียงเบาหวิว มือเรียวทาบบนแขนแกร่งดึงออกอย่างช้าๆ แต่มั่นคงเธอยอมเจ็บที่ต้องจากเขาไป แต่จะไม่ยอมกลายเป็นคนโง่ถูกหลอกด้วยคำพูด...รัก! ซึ่งเธอยังไม่รู้เลย เขารักจริงๆ หรือเปล่าหรือเพียงแค่ต้องการร่างกาย แต่เป็นเธอนี่แหละหลงรักเขาอยู่ฝ่ายเดียวและโดนหักหลังจนเจ็บแทบกระอักไม่มีเสียงโวยวายด่าทอหรือแม้แต่ทุบตี มีเพียงแค่คำพูดนุ่มๆ หวานเศร้าบาดเข้าไปในจิตของไซม่อน “ไม่...ฉันไม่ยอมปล่อย honey เด็ดขาด” เปลี่ยนจากการจับแขน เป็นสอดมือโอบรัดกายอรชร จับรั้งคนตัวเล็กให้หันมาประจันหน้าด้วย แต่เหลียวมองไปรอบๆ แล้วตอนนี้จุดซึ่งเขายืนอยู่ เป็นจุดที่เรียกความสนใจจากคนอื่นได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มย่อตัวสอดแขนใต้ข้อพับดันร่างแบบบางลอยขึ้นจากพื้น“ถ้าร้องเรียกขอความช่วยเหลือทำอะไรก็ตาม ฉันจูบโชว์คนอื่นแน่...แล้วไม่แน่ใจด้วย หยุดแค่จูบหรือเปล่า” ขู่ไว้ก่อนเมื่อเห็นมธุรสขยับริมฝีปากพูด“เห็นและได้ยินคนอ







