มือบางยกขึ้นเคาะประตูห้องที่น้ำอิงบอกเอาไว้เบาๆ ภายในห้องเงียบไม่ตอบอะไร เธอจึงเคาะซ้ำพร้อมเอ่ย
“คุณทิมคะ ฉันมัทรีนะคะ ฉันจะขอคุยเรื่องทริปเที่ยวน่ะค่ะ”
ยังไม่มีเสียงตอบ มัทรีมั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องได้ยิน ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเข้ามางีบหลับในห้องสมุดอย่างแน่นอน
“ฉันไม่รบกวนคุณนานหรอกค่ะ นะคะ”
เธอพยายามทำเสียงให้หวานอย่างที่เคยได้ยินรติยาพูดกับพี่ชายของตน ทว่าข้างในยังเงียบ หญิงสาวกัดปากถอนหายใจ กำลังจะขยับเท้าถอยไปจากตรงนี้เสียงทุ้มก็ดังขึ้นเบาๆ
“เชิญ”
ร่างบางแทบกระโดดดีใจหากก็ยั้งตัวเองได้ทัน หญิงสาวยิ้มกับตนเองจนพอใจแล้วรีบหุบยิ้มวางสีหน้าให้นิ่งเข้าไว้ก่อนจะเปิดประตูเพื่อก้าวเข้าไปในห้อง
มัทรีแง้มประตูไว้เล็กน้อย ไม่ได้ปิดลงเพื่อแสดงเจตนาว่าเธอเข้ามาไม่นานแล้วจะออกไป ไม่ต้องการรบกวนเวลาของอีกฝ่ายจริงๆ หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบห้องที่เต็มไปด้วยชั้นหนังสือ แล้วก็พบกับร่างสูงใหญ่นั่งเอนหลังพิงโซฟา พาดขายาวของเขาบนโต๊ะเตี้ยด้านหน้า สายตาจ้องหนังสือในมือของเขาโดยไม่ได้ใส่ใจที่จะหันมามองเธอแม้แต่น้อย
‘เอาเถอะ ไม่แปลกใจนักหรอก’
หญิงสาวคิดกับตัวเอง รู้ดีว่าฐิติกรไม่ถูกชะตาเธอนัก แม้จะไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรแต่ก็ทำใจไว้บ้างเหมือนกันเรื่องนายจ้างไม่ชอบขี้หน้า ทว่าของแบบนี้มันวัดกันที่ฝีมือ
“ฉันมีรายงานสรุปสถานที่เที่ยวของเชียงราย เชียงใหม่ แล้วก็จังหวัดอื่นๆ ในภาคเหนือที่น่าสนใจมาให้คุณน่ะค่ะ”
เธอบอกพร้อมกับก้าวเข้าไปใกล้อีกฝ่าย โดยยืนอยู่ตรงหน้าเขา ซึ่งชายหนุ่มก็เองลดขาลงวางบนพื้นพร้อมเหลือบตาคู่คมภายใต้แว่นใสมามองเธอก่อนจะมองแฟ้มในมือเธอ คิ้วเข้มกระตุกเล็กน้อย
“ทุ่มทุนสร้างดีนี่”
เขาเอ่ยเสียงเรียบ
“แต่ผมขี้เกียจอ่าน”
ชายหนุ่มพยักพเยิดหน้าพร้อมบอก
“คุณอ่านให้ฟังก็แล้วกัน”
“หา?”
มัทรีกะพริบตางุนงง ไม่คิดว่าจะเจอแบบนี้แต่เธอก็รีบตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็จะไม่เห็นรูปนะคะ ว่าสวยหรือเปล่า”
“ไม่จำเป็นต้องดูหรอก ถ้าไปก็เห็นเอง ผมอยากรู้ว่าคุณจะนำเสนอได้น่าสนใจแค่ไหนมากกว่า”
หญิงสาวถึงกับนิ่งไป แต่ก็ยังนึกหาคำอธิบายต่อ
“คุณไม่ต้องรีบดูก็ได้ค่ะ ค่อยๆ ดูไปก็ได้ค่ะ คิดว่าอ่านเล่นแก้เบื่อ”
“ผมอยากให้คุณอ่านให้ฟัง”
ฐิติกรย้ำทีละคำพร้อมสีหน้าราวกับอาจารย์ก็ไม่ปาน
มัทรีเม้มปาก ตัดสินใจยกแฟ้มของตัวเองขึ้นมาเปิด พออ้าปากจะอ่านก็ปิดลง
“ฉันทำเป็นภาษาอังกฤษ อ่านไม่ยากหรอกค่ะ”
เธอยังพยายามต่อรองเพราะคิดว่าไม่จำเป็นเลยสักนิดที่ต้องอ่านให้อีกฝ่ายฟัง ที่สำคัญเธอไม่ชินที่จะพูดต่อหน้าคนหรือในที่ประชุม ตั้งแต่ทำงานมาก็ไม่เคยต้องเสนองาน แม้แต่สมัยเรียนเธอก็มักจะเลือกทำเอกสารมากกว่าเป็นคนพรีเซนต์
“แค่อ่านสิ่งที่คุณเขียน ไม่เห็นยากตรงไหน”
ตาคู่คมจ้องเธอด้วยสายตาท้าทาย มัทรีไม่อยากให้อีกฝ่ายสบประมาทตนเองได้ สุดท้ายก็ยอมพูด ทว่าไม่ได้อ่านสิ่งที่ตัวเองเขียน เธอนำเสนอด้วยภาษาไทย โดยเปิดสถานที่ที่ตนหาข้อมูลดูเป็นภาพประกอบ
“ฉันไม่รู้ว่าคุณเคยไปที่ไหนบ้าง คุณมีบ้านอยู่ที่นี่ อาจจะไปมาแทบจะทุกที่แล้วก็ได้ แต่ฉันไม่เคยมาเชียงราย เพราะฉะนั้นที่ที่ฉันเลือกทั้งหมดเป็นความคิดและความสนใจของฉันเอง”
มาถึงตอนนี้ฐิติกรวางหนังสือของเขาแล้วเปลี่ยนมากอดอกไขว่ห้างนั่งฟังเธออย่างจริงจังโดยไม่ละสายตา ทว่ามัทรีรู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้สนใจอะไรหรอก เขาเพียงแค่อยากจับผิดเธอมากกว่า
“มาเชียงรายเราก็ควรไปพระธาตุดอยตุงก่อน จากนั้นก็ค่อยไปที่อื่นซึ่งฉันคิดว่าวันแรกเราเที่ยวที่ใกล้ๆ กันก็น่าจะพอแล้ว ดอยตุงมีทั้งพระตำหนักดอยตุง สวนแม่ฟ้าหลวง มีกิจกรรมให้เดินชมวิวบนทรีท็อปวอล์ก หอแห่งแรงบันดาลใจ แล้วก็มาสวนรุกขชาติรอดูพระอาทิตย์ตกดินที่นั่นได้ค่ะ”
เธอพยักหน้าหลังพูดจบทริปแรกที่คิดเอาไว้
“แค่นี้?”
“ค่ะ นี่เป็นทริปที่ฉันเห็นว่าน่าไปเป็นอันดับแรก”
“แล้วที่อื่นๆ?”
“ในเมื่อคุณให้ฉันอ่านให้ฟัง ฉันก็จะเลือกทีละทริปค่ะ”
“แล้วถ้าผมไม่อยากไปที่นี่ล่ะ ไม่มีตัวเลือกอื่นหรือไง”
มัทรีตาวาววับ คำถามของเขาเหมือนยียวนก็จริงแต่ขณะเดียวกันมันก็บอกได้ว่าฐิติกรเองน่าจะต้องการไปเที่ยวอยู่บ้าง ไม่ได้คิดจะมานอนพักอยู่ที่นี่ไปวันๆ
“ถ้าอยากมีตัวเลือกคุณก็เอาไปดูเองก็ได้นี่คะ”
เธอยื่นแฟ้มไปให้ชายหนุ่ม
“มีเวลาตั้งสามเดือน ค่อยๆ ดูไปก็ได้ค่ะ สนใจที่ไหนก็ไป”
“งั้นผมไม่ไป คุณออกไปได้แล้ว”
ชายหนุ่มสะบัดหน้าหันไปหยิบหนังสือของเขาขึ้นมาอ่านต่อ
หญิงสาวมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ ก้าวเข้าไปใกล้ร่างสูงใหญ่มากขึ้นพร้อมยื่นแฟ้มให้อีกครั้ง
“นี่คุณ ฉันอุตส่าห์อดนอนทั้งคืนเพื่อทำมันเลยนะ ดูสักหน่อยมันไม่เสียเวลาคุณนักหรอก ฉันไม่ได้บอกให้คุณดูตอนนี้ ถ้าขี้เกียจดู เอาไปให้แฟนคุณดูก็ได้ เธอคงยังไม่เคยมาเชียงราย เธอน่าจะอยากไป”
ประโยคนี้ทำให้ฐิติกรหันมามองเธอตาดุ แต่มัทรีก็ยังยัดเยียดแฟ้มไปให้เขา
“รับไปสิคะ”
ชายหนุ่มมองสิ่งที่เธอยื่นให้ครู่หนึ่งก่อนจะยอมหยิบไป คนให้มองอย่างใจชื้นขึ้น ตาคู่สวยวาวขึ้น ปากอิ่มเกือบจะแย้มยิ้มแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อมือหนาฉีกกระดาษด้านในแฟ้มเป็นสองท่อนตามขวางก่อนจะโยนลงบนโต๊ะกระจกตรงหน้าเขา
มัทรีมองตามแฟ้มของตนด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก ใจวูบโหวง ตาร้อนผ่าว หญิงสาวเงยสบดวงตาคู่คมกริบที่มองเธออยู่ก่อนแล้วอย่างรับไม่ได้กับการกระทำของอีกฝ่าย นี่หรือรางวัลในการอดหลับอดนอนของเธอ
“ถ้าคุณไม่อยากอ่าน ผมก็ไม่อยากดู”
“ก็ไม่เห็นต้องฉีกเลยนี่”
เธอเอ่ยเสียงเครือทั้งที่พยายามบังคับให้นิ่งแล้วหากก็ทำได้ไม่ดีนัก
“ไม่มีใครอยากอ่านมันก็ไร้ค่า”
เสียงชายหนุ่มยังคงราบเรียบ ขณะที่มัทรีกำลังกะพริบตาถี่ๆ ไล่น้ำที่มาหล่อเลี้ยงดวงตาของตนมากกว่าปกติ
“คุณควรรู้เอาไว้ว่าต้องทำตามคำสั่งนายจ้าง”
เขาย้ำให้เธอรู้ว่าไม่มีสิทธิ์ต่อรอง
มัทรีไม่ได้โต้ตอบเขาอีกแล้ว ไม่อยากมองหน้าชายหนุ่มด้วยซ้ำ หญิงสาวก้มลงจะหยิบแฟ้มเพื่อจะออกไปจากห้อง แต่กลับถูกอีกฝ่ายคว้าไปก่อนทำให้เธอพยายามจะคว้ากลับมา แต่กลายเป็นเสียหลักโถมตัวเข้าไปหาร่างสูงใหญ่แทน เมื่อรู้ตัวจะถอยก็ไม่ทันแล้ว
ร่างบางล้มลงไปในอกกว้าง ปากอิ่มชนเข้ากับลำคอแกร่งอย่างไม่สามารถยั้งได้ ตัวกระแทกกับอกของเขาเต็มๆ แถมขาก็คร่อมระหว่างต้นขาแข็งแรง หญิงสาวนิ่งงันไปกับสิ่งที่ไม่คาดคิดนี้ และดูเหมือนฐิติกรเองก็ชะงักไปเช่นกันทว่าเสียงเรียกที่ดังแว่วมาทำให้มัทรีรีบวางมือผลักไหล่หนายันตัวเองออกห่างจากร่างสูงใหญ่
“ทิม อยู่ในนี้หรือเปล่า”
ร่างบางถอยออกมายืนกำมือข้างลำตัว ดวงตาคู่สวยดำขลับที่ดูตระหนกสบกับตาคมสีน้ำตาลอ่อนโดยไม่มีใครเอ่ยอะไร แล้วคนที่เรียก
ชายหนุ่มก็เข้ามา มัทรีจึงถือโอกาสนี้หมุนตัวออกไปจากห้องในทันที ปล่อยให้สาวสวยต่างชาติมองตามอย่างสงสัย
=====
เนื้อตัวแข็งแกร่งที่ได้สัมผัสมายังติดอยู่ในความรู้สึก แม้อยากสลัดให้หลุดออกไปแต่มันก็ไม่จางหายมัทรีใจสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ความเจ็บในใจที่เห็นฐิติกรฉีกแฟ้มต่อหน้ายังมี มือบางกำแน่น ริมฝีปากล่างถูกกัดสะกดอารมณ์ ทำไมเขาต้องทำร้ายจิตใจเธอ มัทรีรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยพอใจที่น้องสาวเขาส่งเธอมาแต่ไม่คิดว่าจะมากจนถึงกับใจร้ายกับเธอแบบนี้แต่ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ เธอจะไม่ยอมทำตัวอ่อนแอเด็ดขาดหญิงสาวบอกกับตัวเองให้เข้มแข็งเข้าไว้ ไม่มีใครดูแลจิตใจและเป็นกำลังใจให้เราได้เท่าตัวเราเองที่สำคัญเธอจะไม่ทุ่มเทให้กับนายจ้าง ไม่เอาความรู้สึกนึกคิดไปเกี่ยวข้องกับงาน ระลึกไว้เสมอว่านายจ้างก็เป็นแค่คนอื่น ไม่ใช่พ่อแม่ญาติพี่น้องที่ต้องผูกพันใดๆ งานไม่สำเร็จก็คือไม่สำเร็จ ในเมื่อเธอทำเต็มที่แล้ว อดหลับอดนอนพยายามทำแฟ้มงานอย่างดีที่สุด ฐิติกรยังไม่สนใจ ฉะนั้นเธอก็ไม่คิดเซ้าซี้อีก ต่อจากนี้หากชายหนุ่มไม่สั่งมัทรีก็จะไม่เอ่ยเรื่องเที่ยวกับเขาอีก“ฉันเหนื่อยกับการเป็นลูกจ้างมาพอแล้ว งานส่งไปแล้วไม่ชอบก็เรื่องของเขา ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป”มื้อเย็นนั้นมัทรีออกมาทานอาหารร่วมโต๊ะกับฐิติกรและทุกคนด้วยสีหน้า
มือบางยกขึ้นเคาะประตูห้องที่น้ำอิงบอกเอาไว้เบาๆ ภายในห้องเงียบไม่ตอบอะไร เธอจึงเคาะซ้ำพร้อมเอ่ย“คุณทิมคะ ฉันมัทรีนะคะ ฉันจะขอคุยเรื่องทริปเที่ยวน่ะค่ะ”ยังไม่มีเสียงตอบ มัทรีมั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องได้ยิน ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเข้ามางีบหลับในห้องสมุดอย่างแน่นอน“ฉันไม่รบกวนคุณนานหรอกค่ะ นะคะ”เธอพยายามทำเสียงให้หวานอย่างที่เคยได้ยินรติยาพูดกับพี่ชายของตน ทว่าข้างในยังเงียบ หญิงสาวกัดปากถอนหายใจ กำลังจะขยับเท้าถอยไปจากตรงนี้เสียงทุ้มก็ดังขึ้นเบาๆ“เชิญ”ร่างบางแทบกระโดดดีใจหากก็ยั้งตัวเองได้ทัน หญิงสาวยิ้มกับตนเองจนพอใจแล้วรีบหุบยิ้มวางสีหน้าให้นิ่งเข้าไว้ก่อนจะเปิดประตูเพื่อก้าวเข้าไปในห้องมัทรีแง้มประตูไว้เล็กน้อย ไม่ได้ปิดลงเพื่อแสดงเจตนาว่าเธอเข้ามาไม่นานแล้วจะออกไป ไม่ต้องการรบกวนเวลาของอีกฝ่ายจริงๆ หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบห้องที่เต็มไปด้วยชั้นหนังสือ แล้วก็พบกับร่างสูงใหญ่นั่งเอนหลังพิงโซฟา พาดขายาวของเขาบนโต๊ะเตี้ยด้านหน้า สายตาจ้องหนังสือในมือของเขาโดยไม่ได้ใส่ใจที่จะหันมามองเธอแม้แต่น้อย‘เอาเถอะ ไม่แปลกใจนักหรอก’หญิงสาวคิดกับตัวเอง รู้ดีว่าฐิติกรไม่ถูกชะตาเธอนัก แม้จะไม่เข้าใจว่า
มัทรีเพ่งมองหน้าจอที่แตกร้าวของตนอย่างยากลำบากเพื่อจดสถานที่เที่ยวเอาไว้ในสมุดเล็กๆ ตั้งใจจะคุยกับฐิติกรหลังมื้ออาหารเย็น เธอไม่สนใจแล้วว่าผู้หญิงของเขาจะมองเธอแบบไหน หากอีกฝ่ายเข้าใจว่าเธอเป็นคู่แข่งก็ดี ในเมื่อเปิดศึกมาแล้วคนอย่างมัทรีไม่ยอมให้ใครมาแกล้งฟรีแน่นอนทว่าก็อดถอนหายใจด้วยความเสียดายมือถือเป็นระยะไม่ได้ อยากร้องไห้กับชะตากรรมช่วงนี้สุดๆ แต่ก็บอกตัวเองว่าหากเธอทำงานพิเศษสำเร็จก็มีเงินซ่อมมันแล้ว‘แยมอยากให้พี่ทิมเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นไม่จริงใจ’เธอนึกถึงคำพูดของรติยาขึ้นมา‘เขาพยายามจะจับพี่ทิมให้ได้หลังจากได้มาเป็นพยาบาลส่วนตัวของพี่ทิมเมื่อสองเดือนก่อน ตอนไปเยี่ยมแยมเห็นกับตาว่าเขาเข้าไปเสนอตัวให้พี่ทิมถึงในห้องนอน ไม่เกรงใจหรือสนใจเลยว่าแยมก็อยู่บ้านนั้นด้วย ที่สำคัญเพื่อนแยมเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลเดียวกัน เขาบอกว่าเธอมีคนที่คบหาอยู่แล้ว’ตอนฟังนั้นมัทรีเต็มไปด้วยความลำบากใจ หากก็พยายามวางสีหน้าให้นิ่งเข้าไว้‘ปกติพี่ทิมไม่เคยให้ผู้หญิงไปไหนมาไหนด้วย แต่ครั้งนี้มีผู้หญิงคนนั้นมาด้วย แยมกลัวว่าเขาจะกลายเป็นคนสำคัญของพี่ทิม เพราะตอนนี้เธอก็ออกจากงานโรงพยาบาลมาดูแลพี่ทิมเต็ม
ร่างบางทิ้งตัวลงนอนหงายบนเตียงเมื่อสาวเหนือชื่อบัวตองขอตัวไปช่วยป้าเอื้องแม่บ้านใหญ่เตรียมอาหาร หญิงสาวพูดคุยกับอีกฝ่ายนิดหน่อยจึงรู้ชื่อและอายุที่น้อยกว่าเธอหลายปีมัทรีถอนหายใจอย่างหนักใจ เธอคงต้องทำการบ้าน เสิร์ชข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว ลิสต์ออกมาแล้วไล่ดูไล่อ่านคอมเมนต์ว่าคนชอบไปที่ไหน ถูกใจที่ไหนกันบ้างหรือไม่มาคิดอีกทีก็ใส่ที่ที่เธออยากไปแล้วหาคอมเมนต์ดีๆ ใส่ขายของไปดีกว่า หญิงสาวคิดกับตัวเองเสียงข้อความในแอปฟรีดังขึ้นทำให้มัทรีหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน‘ว่าไง ชะนีเผือกนั่นเป็นอะไรกับคุณทิม’เป็นข้อความของพิสินี‘แกไม่คิดจะถามหน่อยเหรอ ว่าเพื่อนถึงหรือยัง เดินทางเป็นยังไงเหนื่อยไหม ไรงี้’มัทรีพิมพ์กลับไปยาวเหยียด ไม่ได้โกรธเพื่อนแต่อดกัดไม่ได้ เธอกำลังอยู่ในภาวะจำยอมกับหน้าที่ล่ามบวกไกด์จำเป็น แถมยังมีงานพิเศษที่ถูกฝากฝังมาและยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรทำอย่างไรอีกด้วย‘แหม แกนั่งเครื่องไป ไม่ลำบากลำบนสักหน่อย’ข้อความของเพื่อนทำให้มัทรีถึงกับถอนหายใจ‘ตกลงยังไง บอกมาเร็ว’พิสินียังถามในสิ่งที่ตนสนใจ‘เมียมั้ง’มัทรีพิมพ์ตอบไปอย่างเซ็งๆ ทั้งอยากแกล้งเพื่อนด้วย‘อ้าย! ชะนีน้อย หยาบคายมาก’‘
‘เช็กระดับความสัมพันธ์ชะนีเผือกด้วย’ก่อนขึ้นเครื่องมัทรีได้รับข้อความจากพิสินี หญิงสาวอ่านแล้วก็อดหลุดขำออกมาไม่ได้ รหัสของอีกฝ่ายเป็นภาษาที่ผู้หญิงน้อยคนจะใช้ อาจเป็นเพราะเพื่อนร่วมงานรอบข้างเต็มไปด้วยเก้งกวาง เพื่อนของเธอจึงติดคำมาหลายคำ พิสินียังเคยมาแอบกระซิบกับเธออีกว่าสงสัยคุณพรรษหัวหน้าเลขาของตัวเอง เพราะอีกฝ่ายค่อนข้างดุและเจ้าระเบียบ ใส่เสื้อผ้าเป๊ะโทนเดียวกันทุกกระเบียดนิ้ว แถมยังโสด เพื่อนสนิทของพิสินีที่เป็นเกย์อยู่ฝ่ายขายก็ถูกใจหุ่นแน่นกล้ามเป็นมัดของคุณพรรษ คอยมาวนเวียนเฝ้ามองบ่อยๆมัทรีมองเหนือน่านฟ้าจังหวัดเชียงรายขณะที่เครื่องกำลังจะลงจอดสนามบินแม่ฟ้าหลวงอย่างรู้สึกสดชื่น นานแล้วที่เธอไม่ได้เห็นสีเขียวแบบนี้ อย่างน้อยภายใต้ความรู้สึกกดดันกับหน้าที่พิเศษที่ได้รับมอบหมายเธอก็ยังมีธรรมชาติช่วยบำบัดบ้าง แม้ตอนนี้ยังไม่ได้ตั้งใจจะทำ ยังก้ำกึ่งอยู่ก็ตาม“ขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่าจะไปที่ไหนคะ ดิฉันจะไปจัดการเรื่องรถเช่าให้น่ะค่ะ”เธอค่อยๆ ขยับเข้าไปถามกับพี่ชายของรติยาด้วยภาษาอังกฤษหลังจากทุกคนได้กระเป๋าของตนกันเรียบร้อยแล้ว“ไม่เป็นไร เรามีรถแล้ว ตอนนี้น่าจะมารออยู่ข้างนอกแล้ว ใ
“ทำไมแกทำหน้าเหมือนหมาป่วยแบบนี้ ได้ไปเที่ยวแถมยังได้เงินด้วย เป็นฉันหน่อยไม่ได้”พิสินีขับรถไปค่อนแคะเธอไปด้วย“ถ้าเป็นแกจะทำไม”มัทรีถามด้วยสีหน้าซังกะตาย ไม่ได้กระตือรือร้นอยากรู้เลยสักนิด“แกเป็นอะไรกันแน่มัท มีปัญหาอะไรหรือเปล่า หรือมีอะไรทำให้แกไม่อยากทำงานนี้”เมื่อเห็นเพื่อนมีสีหน้าไม่ดีเอาเสียเลยพิสินีก็อดถามอย่างจริงจังไม่ได้“ไม่มีอะไร แค่นอนไม่ค่อยหลับ ทั้งที่อุตส่าห์รีบนอน”หญิงสาวปัดไป เธอรับงานไปแล้วและก็ไม่มีสิทธิ์พูด ไม่มีสิทธิ์บอกกับใครแม้แต่พิสินี‘ถ้าทำสำเร็จแยมจะเพิ่มโบนัสพิเศษจากค่าจ้างเป็นสามเท่าค่ะ’เป็นข้อเสนอที่สาวสวยเอ่ยขึ้นหลังบอกเงื่อนไขกับเธอแล้ว และแม้ผลจะไม่สำเร็จ เธอก็จะยังได้เงินค่าจ้างในฐานะล่ามอยู่ นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีผลเสียหายเลยสำหรับมัทรี แต่เต็มไปด้วยความลำบากใจกระนั้นยอดค่าจ้างคูณสามเท่าที่ลอยอยู่ในหัวก็น่าสนใจและเชิญชวนสุดๆมัทรีกำลังลังเลระหว่างไม่ทำอะไรเลยกับการพยายามทำ สำเร็จก็ได้เงินหรือไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร กระทั่งตอนนี้ก็ยังตัดสินใจไม่ได้เช้าวันนี้พิสินีมารับเธอไปพบกับคนที่เธอต้องเป็นล่ามให้ หลังจากอีกฝ่ายเดินทางมาถึงในคืนที่ผ่านมา และเธ