แสงอรุณสอดผ่านม่านในยามเช้า หญิงสาวพลิกร่างซุกใต้ผ้าห่มหนีแสงด้วยความรำคาญ มือขยับเล็กน้อยแต่ก็ตกใจสะดุ้งตื่นทันทีเมื่อมือของ ชายหนุ่มทับอยู่ที่หน้าอกของเธอ
“เฮ้ย !” จรีภรณ์เด้งตัวขึ้นดึงผ้าห่มและขยับเท้าออกแรงถีบทันทีตุบ ! ร่างของกตตน์ร่วงลงกระแทกพื้น ทำให้เขาตื่นขึ้นในทันที ชายหนุ่มขยับตัวร้องด้วยความเจ็บ เงยหน้าส่งสายตามองหญิงสาว “คุณทำบ้าอะไรเนี่ย !” กตตน์มองพลางขยับตัวลุกขึ้น จากที่ง่วงอยู่ตอนนี้ตาสว่างขึ้นมาเลย จรีภรณ์มองคนตัวใหญ่ด้วยความไม่พอใจ ต่อให้จะไม่ใช่เจ้าของร่างนี้แต่แรกแต่เมื่อเธอมาอยู่ในร่างนี้แล้วไม่มีทางเด็ดขาดที่จะให้ผู้ชายโดนตัว ถึงแม้จะเป็นการไม่ตั้งใจก็ตามแต่เธอก็ไม่ชอบ “ฉันละเมอ !” หญิงสาวโกหก กตตน์มองหญิงสาวเเละไม่คิดว่าจะละเมอออกมาได้จงใจถีบตกเตียง จรีภรณ์มองหน้าเขาก่อนหันไปทางอื่น ไม่นานนักได้ยินเสียงปิดประตูห้องน้ำจึงส่งสายตามองประตูพลางลอบถอนหายใจออกมา ก็ใครให้ใช้นอนไม่ดูเเบบนั้นกันเล่า สมควรโดนเเล้ว ! หญิงสาวขยับตัวลงจากเตียง เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบชุดที่จะใส่ออกมา ครั้นมองเสื้อผ้าเเต่ละชุดตรงหน้าแล้วก็อยากจะร้องไห้ พริมมาไม่ชอบใส่กางเกงขายาวเลยหรือไงกัน จรีภรณ์เลือกชุดอยู่นานสองนานเเต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ จนสุดท้ายทำใจเเล้วว่าต้องยอมใส่ไปก่อน แค่วันนี้เเหละน่า เดี๋ยวจะออกไปซื้อใหม่ยกตู้เลยคอยดู ! ประตูห้องน้ำเปิดออกมา พอดีกับที่หญิงสาวปิดตู้เสื้อผ้าลง สายตาหันเจอชายหนุ่มเดินออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูเพียงผืนเดียวเช่นเมื่อวาน “นี่คุณ ชุดคลุมก็มีทีหลังก็ใส่ออกมาสิ” จรีภรณ์ตะโกนบอก ทว่ากตตน์ไม่ได้สนใจที่จะฟัง “หูหนวกหรือไงกัน !” เธอบ่นเสียงดังเหลือบมองคนตัวใหญ่ด้วย ความไม่พอใจ กตตน์หันมาทันทีเมื่อได้ยิน เเต่เจ้าตัวก็เดินเข้าห้องน้ำไปเสียเเล้ว ถ้าพี่ชายไม่บอกว่าหญิงสาวเสียความทรงจำ จะไม่เชื่อเลยว่าผู้หญิงเมื่อครู่นี้คือ พริมมาจริงๆ เพราะหล่อนออกจะดูเรียบร้อยและไม่พูดจาเเบบนี้เเน่นอน ลงจากห้องมารับประทานอาหารเช้าพร้อมกัน ต่างคนต่างเดินลงมาไม่สนใจ จรีภรณ์ก็ไม่คิดว่าจำเป็นต้องพูด ‘คะ ขา’ กับสามีของพริมมา เเละมันก็น่าขนลุกมากหากเธอต้องพูดออกไป หลังจากรับประทานอาหารเสร็จทุกคนก็ต่างแยกกันไปทำงานซึ่งเหลือเพียงจรีภรณ์ที่ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรดี “ช่วงนี้หนูอยู่บ้านก่อนก็ได้ รอหายดีเเล้วเดี๋ยวให้ตาไม้เริ่มสอนงานใหม่” บวรลักษณ์เอ่ยขึ้นเมื่อมองสายตาของลูกสะใภ้ที่สับสนตัดสินใจไม่ถูก จรีภรณ์ยิ้มรับเฉยๆ โดยไม่ปริปากพูดอะไร “เมื่อคืนนอนกับตาไม้เป็นไงบ้าง?” บวรลักษณ์เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ก็เฉยๆ …ค่ะ” จรีภรณ์ตอบ “มีอะไรหรือ...?” “เปล่าหรอกจ้ะ” บวรลักษณ์พูดแทรกขึ้นทันที ใจก็แอบหวังว่า ลูกชายจะสนใจสะใภ้สักนิดเเละยอมมีหลานให้อุ้มสักคน “เออ…” หญิงสาวลากเสียงยาว ทำใจลำบากที่ต้องเรียกแม่สามีของพริมมาว่า ‘คุณแม่คะ…นะคะ’ จรีภรณ์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ “คุณแม่คะ คืนนี้พริมจะออกไปงานศพเพื่อนหน่อยน่ะค่ะ” “ตายจริง ! เพื่อนคนไหนหรือ ?” บวรลักษณ์ถามด้วยน้ำเสียงตกใจ จรีภรณ์อ้ำอึ้งตอบลำบากใจ หาใช่เพื่อนคนไหนแต่อย่างใดแต่เป็นร่างของเธอเอง ! “เพื่อนเก่าค่ะ นานมากแล้ว พอดีเพื่อนอีกคนโทรมาบอกเมื่อเช้านี้” “เอาเถอะ เดี๋ยวตาไม้กลับมาแม่จะให้…” “ไม่เป็นไรค่ะ คือ…พริมไปเองได้” หญิงสาวรีบบอกทันที “อีกอย่าง ไม่อยากจะ…เออ…” “เอาเถอะ ตามใจเเล้วกัน…เดี๋ยวหากกลับดึกไม่มีรถโทรบอกแม่นะ จะได้ให้คนไปรับกลับมา กลับดึกๆ คนเดียวมันอันตราย” จรีภรณ์ยิ้มรับโดยไม่พูดอะไรอีก เรื่องกลับบ้านไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากเท่ากับการที่ต้องไปงานศพของตัวเอง... มาถึงแล้ว…งานอวมงคลที่เต็มไปด้วยความโศก จรีภรณ์ได้แต่ยืนอยู่นอกงานห่างๆ โดยไม่กล้าที่จะเดินเข้าไป ดวงตากลมมองเพื่อนร่วมงานในแผนกและเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยก็ต่างทยอยกันเดินเข้ามานั่งฟัง พระสวด ทว่าเท้าของเธอกลับก้าวต่อไปไม่ออก ร่างกายไม่เคยสั่นสะท้านแบบนี้มาก่อน เธอไม่กล้าเข้าไป... หญิงสาวค่อยๆ เดินถอยหลังออกห่าง ใจไม่กล้ามากพอที่จะเข้าไป วันนี้ไอ้ต๋อมได้ลาจากไปแล้ว หลังจากนี้จะไม่มีคนที่ชื่อ ‘จรีภรณ์’ อีก สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้เข้าไปในงาน จรีภรณ์เดินออกจากวัดขึ้นแท็กซี่กลับบ้าน เป็นเพราะใจไม่แข็งพอจริงๆ ไม่เคยคิดว่าจะต้องมามองร่างของตัวเองอีกครั้ง ใช่แล้วมันทำใจยากที่บอกว่าเธอตายแล้ว หญิงสาวนั่งคิดเรื่องมากมายก็อดที่จะน้ำตาไหลออกมาไม่ได้ ไม่รู้ว่าสวรรค์จงใจกลั้นแกล้งให้เธอทรมานทั้งเป็นอยู่ในร่างนี้หรือไม่ ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ หญิงสาวนั่งคิดเพลินมาจนกระทั่งรถแท็กซี่จอดลงที่หน้าประตูบานใหญ่ของคฤหาสน์ จรีภรณ์หยิบเงินจ่ายก่อนจะลงจากรถเปิดประตูเดินเข้าไปข้างในบ้าน เป็นครั้งแรกที่รู้สึกสับสนใจจนทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าเดินเข้ามาในบ้านแล้ว “กลับมาแล้วหรือ ทำไมกลับมาเร็ว แม่นึกว่าจะกลับดึก ว่าจะให้ ตาไม้ออกไปรับอยู่เชียว” บวรลักษณ์เดินเข้ามาหา จรีภรณ์หันมองก่อนจะยิ้มรับ “เออ...พอดีขอกลับมาก่อน...” “งั้นเหรอจ้ะ เอาเถอะนี่ก็ดึกแล้วกินอะไรมาหรือยัง” หญิงสาวพยักหน้าแทนคำตอบ “ขอตัวก่อนนะคะ พอดีรู้สึกไม่ค่อยสบาย” “จ้ะ ไปพักเถอะ” จรีภรณ์ยิ้มให้บวรลักษณ์แล้วเดินขึ้นบันไดและตรงมาที่ห้องทันที ครั้นเมื่อประตูห้องปิดลงหญิงสาวก็ทรุดตัวลงกับพื้น หยดน้ำตาค่อยๆ ไหลรินลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ นี่เธออ่อนแอแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน... จรีภรณ์อยากจะบอกให้หัวใจเข็มแข็ง แต่ทว่าตอนนี้เธอทำไม่ได้ กตตน์เดินออกจากห้องน้ำมาส่งสายตามองไปยังประตูเห็นภรรยานั่งอยู่ก็อดแปลกใจไม่ได้ เขาไม่ได้เดินเข้าไปหาเพียงแต่เอ่ยขึ้นเสียงดัง “จะนั่งจนถึงเช้าไหม ?” จรีภรณ์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยุงร่างกายลุกขึ้น พลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาออก “จะนอนก็นอนไปเถอะน่า !” หญิงสาวข่มเสียงพูดก่อนเดินมาวางกระเป๋าและหยิบเสื้อผ้าเดินเข้าไปในห้องน้ำ จรีภรณ์ล้างหน้าและยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกเป็นเวลานาน แม้จะรู้ว่าผู้หญิงที่มองเห็นไม่ใช่ตัวเธอก็ตามทั้งรูปร่างหน้าตาทุกอย่างต่างกันโดยสิ้นเชิง...ครั้นเห็นสีหน้าของภรรยาก็รู้สึกสนุก เขายิ้มออกมาแล้วพูดขึ้น “คุณอยากให้ผมหยุดไหม?”นั่นเป็นคำถามที่เขาควรถามหรือไม่?!จรีภรณ์ก้มหน้านิ่งลงด้วยความอายร่างกายกำลังเรียกร้องหาเขา ถ้าให้เธอหยุดตอนนี้...หญิงสาวขยับตัวลงเดินเข้ามาหาชายหนุ่ม“ไม่อยากมีกอหญ้าให้ต้นน้ำแล้วหรือคะ?” น้ำเสียงหวานพูดเชิญชวนชายหนุ่ม กตตน์ใจอ่อนทันตา เพราะเสียงและสายตาที่ชวนเขาขนาดนี้มีหรือจะปฏิเสธลงได้กตตน์ดันหญิงสาวชิดกับขอบโต๊ะเขาจูบเธอก่อนที่จะอุ้มร่างเล็กวางนอนกับโต๊ะทำงาน ของและกองเอกสารที่วางอยู่มุมโต๊ะถูกปัดหล่นที่พื้นโดยไม่มีใครสนใจชายหนุ่มฝั่งปลายจมูกลงที่ส่วนอ่อนไหวอีกครั้งหนึ่งคราวนี้เขาสามารถทำให้เธอตอบสนองและครางออกมาได้มากกว่าเดิม“คุณชอบไหม?”&nb
ต้นน้ำวิ่งออกมาจากห้องหันมองประตูด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความอดทน เพราะอยากจะมีน้องสาวไวๆ จึงต้องยอมนอนคนเดียวตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป ทั้งยังต้องปล่อยให้พ่ออยู่แม่ด้วยกันนานๆ“กำลังอดทน?”จรีภรณ์ทวนคำพูดของลูกชายก่อนจะวางงานเเละลุกขึ้นทันทีทว่าประตูห้องเปิดเข้ามาเสียก่อน“มาเอาของหรือคะฉันจะไปดูลูกหน่อย”หญิงสาวพูดขณะเตรียมก้าวไปทว่ามือแกร่งของชายหนุ่มรั้งไว้เสียก่อน“ต้นน้ำไม่เป็นอะไรหรอกคุณโอ๋ลูกมาไปจนติดคุณเเล้วรู้ไหม"กตตน์พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มเเล้วเอ่ยต่อไปว่า“ต้นน้ำแกบอกว่าอยากมีน้องสาว…”จรีภรณ์ส่งสายตามองสามีเธอรับรู้ถึงน้ำเสียงกะล่อนของเขาได้“คุณไม่ได้พูดอะไรกับลูกใช่ไหม?!”“ผมเปล่าพูดอะไร&rdqu
จากวันนั้นก็ผ่านมาหลายปีแล้วทุกอย่างไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนเเปลงไปมากกว่าเก่าเพียงเเต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนเเปลงไปคือความรู้สึกของเขาหลายปีมานี้จนกระทั่งมีลูกชายคนเเรกเธอรับรู้การเปลี่ยนไปของผู้ชายคนนี้มากรวมทั้งตัวของเธอด้วยเเต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของเธอไปตลอดคือ'พริมมา'ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีก็ไม่มีวันลืมได้ว่าร่างกายนี้…เสียงลมหายใจนี้เป็นของหล่อนที่มอบให้เธอได้กลับมาอยู่กับเขาอีกครั้งหนึ่ง“แม่ค้าบบ”เสียงของเด็กชายวัยสี่ปีกว่าๆดังขึ้นขณะที่เสียงฝีเท้าวิ่งพราดเข้ามาหาผู้เป็นแม่มือน้อยๆดึงชายกระโปรงชุดนอนเป็นเชิงเรียกให้มารดาที่นั่งทำงานอยู่บนโซฟาหันมามอง“มีอะไรครับคนเก่งของแม่”จรีภรณ์ละสายตาจากเอกสารหันมองลูกชายตัวน้อยเด็กชายส่งสมุดวาดรูปให้กับผู้เป็นแม่
ขวัญข้าวจัดกระเป๋าขณะที่มือก็ถือกุญแจเอาไว้ แต่ถือไว้ไม่ดีจึงทำให้หล่นลงพื้น ไม่เพียงแค่นั้นขณะก้มลงเก็บสายสะพายกระเป๋าก็ร่วงลงมาด้วยทำให้น้ำหนักทั้งหมดอยู่ที่แขนซ้าย หญิงสาวมีใบหน้าหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะของที่เยอะทำให้หยิบจับอะไรไม่สะดวก แต่ก็โทษใครไม่ได้ที่ดันซื้อมาเยอะเองเพราะคิดว่าคืนนี้ต้องอยู่ดึกทำรายงานยาว เกรงว่าจะหิวเลยจัดซะเต็ม‘ของเธอใช่ไหม ?’ เสียงทุ้มเอ่ยทักขึ้นขณะที่ยื่นมือส่งกุญแจให้กับเธอ ขวัญข้าวพยักหน้ารับก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงเขาอีกแล้ว...!!‘ขอบคุณค่ะ’ หญิงสาวกล่าวพร้อมกับเอื้อมมือรับ‘พักอยู่ห้องนี้เหรอ’ ธนวินทร์เอ่ยถามขึ้น‘ค่ะ’‘เหรอ’ เขายิ้ม ‘เราพักอยู่ห้องข้างๆ เธอนะ’ขวัญข้าวยิ้มเจื่อนๆ ก่อนหันมาเปิดประตูห้อง แต่ก็นึกเพราะคนเก่าที่อยู่เป็นรุ่นพี่ผู้หญิง แสดงว่าเขาเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ได้ไม่นาน‘เธอชื่ออะไรเหรอ ?’ ชายหนุ่มเอ่ยถามพร้อมกับส่งยิ้มที่เป็นมิตรให้ คนตัวเล็กมองอยู่นานก่อนจะตอบกลับ‘ข้าวค่ะ’&lsquo
หลังเลิกเรียนวิชาสุดท้ายของวัน อาจารย์ผู้สอนเก็บของและเดินออกไปจากห้อง พะแพงลุกขึ้นวางของแล้วเดินเข้ามาหาเพื่อนในกลุ่มก่อนจะพูดขึ้นเสียงดัง‘วันนี้ไปส่องผู้ชายกัน !’‘ที่ไหน ! / ไปตอนไหน !’ แก้วและปรางพูดขึ้นพร้อมกันขณะที่ ขวัญข้าวนิ่งเงียบทำราวกับว่าไม่ได้ยินที่พะแพงพูด‘ข้าว แกต้องไปด้วยนะ’‘การบ้านยังไม่เสร็จเลย’ หญิงสาวหาข้ออ้าง‘แกทำการบ้านทุกวันนั่นแหละ ! อย่าอ้าง วันนี้ต้องไปด้วย ! เห็นว่าเด็กบริหารหล่อๆ มาเล่นกีฬาที่สนามเยอะเลย’หญิงสาวยิ้มเจื่อนๆ มองหน้าเพื่อนรักทั้งสามคนทำตาปริบๆ‘ไม่ต้อง ! แกต้องไปส่องผู้ชาย ทำการบ้านไปด้วยได้บรรยากาศดีจะตาย’ แก้วพูดขึ้นขวัญข้าวทำหน้ามุ่ย ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะหาข้ออ้างหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆเป็นเวลานานเกือบชั่วโมงที่นั่งรวมตัวอยู่กับเพื่อนแล้ว ‘ส่องผู้ชาย’ ขวัญข้าวแทบไม่มีอะไรทำจนต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมานั่งเล่นเกมเป็นการฆ่าเวลา จนกระทั่งผ่านไปถึงสองชั่วโมงเพื่อนทั้งสามของเธอก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะกลับหอ หญิงสา
มีคนบอกว่าการพบกันของคนสองคนมาจากโชคชะตา แต่สำหรับเธอแล้วเหมือน ‘กรรม’ มากกว่า การพบกันไม่ใช่ว่าจะเกิดเรื่องราวดีๆ ระหว่างกันขึ้นเสมอไป มันอาจจะโชคร้ายและแสนเศร้ามากๆ เลยก็ได้ แม้จะมีความสุขแต่ทว่าผลสุดท้ายแล้วคือความเจ็บปวดดีๆ นี่เองเสียงฝีเท้าจากส้นสูงคู่หนึ่งก้าวหยุดอยู่ที่บ้านไม้สองชั้นบรรยากาศ ร่มรื่นมีไม้ดอก ไม้ประดับปลูกล้อมรอบไว้ อีกทั้งในบ้านก็มีต้นไม้ใหญ่หนึ่งต้นที่คอยให้ร่มเงา เธอเอื้อมมือกดกริ่งเรียกคนในบ้านและยืนรอ“กลับมาแล้วเหรอข้าว” เสียงของหญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นขณะที่เดินมาเปิดประตูบ้านให้“กลับมาแล้วค่ะแม่” ขวัญข้าวขานรับทันทีที่ประตูเปิดออกหญิงสาวขนสัมภาระเข้ามาในบ้านแล้วเดินมากอดผู้เป็นมารดา“คิดถึงจังเลยค่ะ”สองปีได้ที่ต้องไปทำงานที่เมืองนอกโดยแทบไม่มีเวลากลับมาเลย ปีหนึ่งกลับมาแค่ช่วงปีใหม่เท่านั้น ต่อให้จะโทรคุยกันในช่วงที่มีเวลาว่างก็ตาม แต่ก็ไม่เท่ากับการพบหน้าคุยกันอยู่ดี“จ้ะ...แล้วนี่กลับมาทำงานที่นี่เลยไหม ?”“ค่ะ เพราะงานวิจัยที่นั่นเสร็จแล้ว&rdquo