หน้าหลัก / รักโบราณ / มารดามือใหม่ของนางร้ายอันดับหนึ่ง / ตอนที่ ๑ แท้จริงแล้วความตายก็ไม่ได้น่ากลัว

แชร์

มารดามือใหม่ของนางร้ายอันดับหนึ่ง
มารดามือใหม่ของนางร้ายอันดับหนึ่ง
ผู้แต่ง: มิณิณ/ชงฉีป๋อซาน

ตอนที่ ๑ แท้จริงแล้วความตายก็ไม่ได้น่ากลัว

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-12 16:07:44

"อย่าขยับ! ถ้าพวกแกไม่อยากถูกยิง ค่อย ๆ เอามือพาดที่ท้ายทอยแล้วก้มหัวลงเดินมาทางนี้!"

หว่านหว่านคือหญิงสาวอายุยี่สิบเก้าเป็นลูกครึ่งไทยจีนที่ถูกมารดาทิ้งเอาไว้ในโรงพยาบาลที่เมืองจีน ก่อนที่หญิงสาวจะถูกรับเลี้ยงโดยสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าในมณฑลเทียนจิน เธอเติบโตขึ้นมาอย่างดีด้วยเพราะเรียนเก่งจึงสามารถคว้าทุนการศึกษามาได้มากมายจนกระทั่งเรียนจบด้วยเกรดเฉลี่ยที่ดูดีและได้เข้าทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ จนกระทั่งหญิงสาวอายุยี่สิบเก้า ในช่วงเวลาที่นับว่าประสบความสำเร็จมากที่สุดในชีวิต เธอพึ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการของสาขาย่อยแห่งหนึ่งและกำลังจะย้ายเข้ารับตำแหน่งในอีกหนึ่งถึงสองวัน

เป็นเพราะว่าต้องการทำความคุ้นเคยกับสถานที่จึงได้เดินทางมาก่อนล่วงหน้าหลายวัน ในขณะที่เธอกำลังเดินเลือกซื้อของอยู่ในห้างสรรพสินค้ากลางใจเมือง อยู่ ๆ ก็เกิดเหตุร้ายขึ้น อาชญากรกว่ายี่สิบคนจับลูกค้าภายในห้างแห่งนี้เป็นตัวประกันและหนึ่งในนั้นก็คือเธอ

เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงแต่ดูเหมือนว่าอาชญากรเหล่านั้นจะพูดคุยกับตำรวจไม่เข้าใจ พวกมันจึงไม่คิดจะปล่อยตัวประกันไป ตัวประกันถูกลากออกมาสังหารทีละคน จนกระทั่งผ่านไปห้าคนแล้ว แต่ดูเหมือนว่าด้านนอกจะยังไม่มีสัญญาณส่งความช่วยเหลือเข้ามาแม้แต่น้อย

ระหว่างนั้นมีเด็กคนหนึ่งอยู่ ๆ ก็ลุกขึ้นก่อนจะออกตัววิ่งตามสัญชาตญาณของหญิงสาวเธอลุกขึ้นแล้วคว้าตัวเด็กน้อยคนนั้นเข้ามากอดไว้แนบอกก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้นต่อเนื่องหลายนัด หว่านหว่านรู้สึกเจ็บปวดจนไม่อาจจะเคลื่อนไหวร่างกายของเธอได้อีกแล้วพร้อมกับร่างบางที่ค่อย ๆ ล้มลงกระแทกกับพื้นเสียงดัง ตึง! ดวงตาของเธอค่อยหรี่เล็กลงพร้อมกับลมหายใจที่รวยริน เธอคิดในใจว่าจริง ๆ แล้วความตายมันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เพียงแต่เธอยังไม่อยากจะตายเลยสักนิดมีชีวิตรอดมานานถึงเพียงนี้ชีวิตดี ๆ ยังไม่เคยได้ใช้เลยสักครั้งทำไมต้องมาตายง่าย ๆ แบบนี้ด้วยนะ!

ดวงตาที่กำลังจะหลับพลันมองไปเห็นป้ายโปรโมตนิยายเรื่องดังที่กำลังมาแรงที่สุด ได้ข่าวว่านักเขียนที่เขียนเรื่องนี้หล่อมากแฟนคลับสาว ๆ เพียบเลยทีเดียว น่าอิจฉาชะมัด หว่านหว่านหัวเราะในลำคอเธอคงไม่ไหวแล้วจริง ๆ ถึงเวลาที่ต้องนอนพักสักหน่อยแล้ว

เสียงกรีดร้องของตัวประกันรอบ ๆ ร้องขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่สุดแสนสะเทือนใจ มารดาของเด็กคนนั้นลากตัวลูกของตัวเองเข้ามากอดไว้แนบอกเด็กอายุแค่ห้าขวบ เพียงเพราะการกระทำชั่ววูบทำให้หญิงสาวคนหนึ่งต้องมาตายแทน สายตาหลายสิบคู่มองมาที่ผู้เป็นมารดาของเด็กคนนั้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย บ้างก็คิดว่าเป็นเพราะแม่ไม่ดูแลเด็กให้ดี บ้างก็คิดว่าหญิงสาวคนนั้นไม่จำเป็นต้องวิ่งออกไปช่วยเหลือเลยสักนิดเพราะคนทั้งสองไม่ได้เป็นอะไรกัน

ในขณะนั้นสายตาเหล่านั้นไม่รู้เลยว่าผู้เป็นมารดาของเด็กน้อยคนนั้นมิได้ใส่ใจลูกเป็นเพราะเธอกำลังคอยสังเกตหว่านหว่านอยู่ หญิงวัยกลางคนผู้นั้นรู้สึกตกใจไม่น้อยที่ในตอนแรกเธอได้เจอกับหว่านหว่าน แม้ว่าหญิงสาวตรงหน้าจะไม่รู้จักเธอแต่เธอนั้นรู้จักหว่านหว่านเป็นอย่างดี เพราะหว่านหว่านคือเด็กที่เธอคลอดออกมาเองแล้วก็ทิ้งเอาไว้ที่โรงพยาบาลเมื่อยี่สิบเก้าปีก่อน หลังจากนั้นเธอก็ได้ข่าวว่าเด็กน้อยถูกรับไปเลี้ยงก่อนจะตามไปเฝ้าสังเกตเด็กสาวในทุก ๆ ปี เพียงแต่ไม่กล้าที่จะเข้าไปทักทาย

มาวันนี้บุตรสาวที่นางทอดทิ้งกลับเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องน้องชายที่เธอไม่เคยได้รู้จัก ก่อนจะจบชีวิตลงอย่างน่าสงสาร เธอนั่งมองร่างของบุตรสาวที่ค่อย ๆ หมดลมหายใจลงโดยไม่อาจช่วยเหลือสิ่งใดได้เลย หัวใจที่ปวดร้าวแหลกสลายอย่างไม่มีชิ้นดี ไม่มีแม้แต่ช่วงเวลาที่จะแนะนำตัวเองกับเธอ ไม่มีโอกาสแม้แต่จะเอ่ยเรียกขาน ได้แต่นั่งนิ่งพร้อมกับเหม่อลอยออกไปไกล ก่อนจะคิดในใจว่าหากแลกได้ขอให้นางตายแทนหญิงสาวได้เธอเองก็ยินดี!

อีกด้าน

กุบกับ กุบกับ กุบกับ

เสียงฝีเท้าของม้าที่ควบเร็วฝ่าพายุฝนที่โหมกระหน่ำ ใบหน้าที่งดงามล่มเมืองฟาดแส้ไปที่บั้นท้ายของม้าเพื่อเร่งความเร็ว ด้านหน้าของหญิงสาวมีห่อผ้าอย่างหนาห่อเด็กน้อยตัวขาวราวหิมะเอาไว้ ในขณะที่ด้านหลังของนางมีชายชุดดำที่กำลังควบม้ามาติด ๆ ราวสี่ถึงห้าคน

นางคือเมิ่งจิ่วซือบุตรสาวคนโตของตระกูลเมิ่ง ทายาทเพียงคนเดียวที่หลงเหลืออยู่ก่อนจะได้รับราชโองการให้สมรสกับโอรสองค์โตของฮ่องเต้ เป่ยติ้งหรงอ๋องหรือตู๋กูหรงเซ่อ บุรุษที่เป็นยอดนักรบที่เหี้ยมโหดสังหารคนโดยไร้ซึ่งความปรานี ฉายาของเขาคือยอดนักรบปีศาจ

เมิ่งจิ่วซือแต่งเข้าจวนเป่ยติ้งหรงอ๋องมานานเกือบสองปีก่อนจะให้กำเนิดบุตรสาวตัวน้อยที่ในตอนนี้อายุหกเดือน ตำหนักอ๋องที่เต็มไปด้วยอสรพิษทั้งยังมีไส้ศึกและยังมีคนของจวนและตำหนักต่าง ๆ ที่ส่งเข้ามาเพื่อเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของเป่ยติ้งหรงอ๋อง แต่ชายผู้นั้นกลับแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นทั้งยังปล่อยให้นางเผชิญหน้ากับปีศาจสาวผู้หิวกระหายเหล่านั้นมาตลอด หากไม่เพราะนางยังพอมีเล่ห์เหลี่ยมแล้วละก็คงไม่อาจคลอดบุตรสาวออกมาได้อย่างปลอดภัย

แม้ว่านางจะรู้ดีว่าชายหนุ่มจะไม่มีวันปล่อยให้นางตายและเขาได้วางตัวองครักษ์เงาเอาไว้รอบ ๆ ตัวนางไม่น้อย นั่นก็เป็นเพราะเขายังต้องการใช้ประโยชน์จากนางอยู่และตระกูลเมิ่งก็ยังคงเก็บซ่อนความลับบางอย่างเอาไว้ ซึ่งมีเพียงเมิ่งจิ่วซือเท่านั้นที่รู้ว่าความลับนั้นคือสิ่งใด หากแต่นางก็เก็บซ่อนมันไว้แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นสิ่งใดก็เพื่อความปลอดภัยของนางเอง หากเขารู้เรื่องราวความลับนั้นชีวิตของนางก็คงจะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป!

ไม่ว่าอย่างไรก็ตามสี่เท้ายังรู้พลาดนักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ความปลอดภัยที่เขาเคยมั่นใจเสมอมาว่าดีที่สุด แต่แล้วในวันนี้กลับกลายเป็นอันตรายที่สุด เมิ่งจิ่วซือใช้ผ้าพันร่างของบุตรสาวตัวน้อยแล้วมัดเข้ากับร่างของนางเอาไว้ ก่อนจะทะยานขึ้นบนหลังม้าแล้วควบหนีไปให้ไกลที่สุด หากแม้นว่าสุดท้ายแล้วชีวิตนางจะไม่อาจรักษาเอาไว้ได้ก็ขอเพียงบุตรสาวของนางอยู่รอดปลอดภัยเท่านี้นางก็พอใจแล้ว

หญิงสาวใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดควบม้าไปด้วยความรวดเร็วดุจดั่งพายุ ม้าศึกตัวใหญ่ที่สามีทิ้งเอาไว้ตัวนี้เป็นม้าที่ดีที่สุดที่เป่ยติ้งหรงอ๋องทิ้งเอาไว้ให้กับนาง แม้นทั้งคู่จะไม่ได้มีความรู้สึกมากมายต่อกันเฉกเช่นสามีภรรยา หากแต่ในยามที่นางยังคงมีประโยชน์ต่อเขา ชายหนุ่มก็ดูแลนางเป็นอย่างดีในฐานะพระชายาเอกเป่ยติ้งหรงอ๋อง

ความว่องไวในฝีเท้าของม้าตัวนี้ช่างดีเยี่ยมทำให้ม้าของนางนั้นห่างจากม้าของนักฆ่าอยู่ราวหลายลี้ แต่เมื่อมองไปยังหนทางข้างหน้าเมิ่งจิ่วซือก็ต้องตื่นตกใจเมื่อเห็นว่าทางข้างหน้านั้นเป็นหุบเหวสูงชัน หญิงสาวรั้งเชือกบังคับม้าจนสุดแรงก่อนจะกระโดดลงจากหลังม้าแล้วเลือกที่จะวิ่งเข้าป่าไป ในขณะที่เหล่านักฆ่ากลุ่มนั้นพยายามไล่ล่านางอย่างไม่ยอมหยุดยั้ง นางรู้สึกเหนื่อยหอบทั้งยังหมดเรี่ยวแรงในขณะที่ก้มลงมองดูบุตรสาว เด็กน้อยกลับนอนหลับสนิทอย่างว่าง่ายได้เห็นใบหน้าที่ใสซื่อของเด็กน้อยมันกลับทำให้นางมีแรงที่จะออกวิ่งต่อไปโดยไม่ยอมหยุดพัก ในขณะเดียวกันนักฆ่าก็กำลังตามมาติด ๆ จวนใกล้ที่จะประชิดตัวแล้ว

ในตอนสุดท้ายที่เมิ่งจิ่วซือมองเห็นปลายทางของแสงสว่างก็พลันยินดีหากแต่ในเวลาต่อมานางก็เริ่มหน้าซีดเมื่อทางข้างหน้าไม่มีให้วิ่งต่อ หุบเหวข้างหน้าทำให้หญิงสาวหวาดกลัวที่สุดในชีวิตก่อนจะก้มลงมองบุตรสาวในอ้อมอกอีกครั้ง

นางเป็นสตรีบอบบางไม่มีทางต่อสู้กับนักฆ่ายอดฝีมือถึงห้าคนได้อย่างแน่นอนและสุดท้ายนางจะไม่เหลือสิ่งใด พวกมันจะต้องฆ่านางและบุตรสาวอย่างไม่เหลือซาก ในขณะที่เท้าข้างหนึ่งเกือบจะตกลงไปที่ขอบเหวหญิงสาวหยุดชะงัก นักฆ่าเหล่านั้นที่เห็นว่าหญิงสาวไม่มีเส้นทางให้วิ่งต่อและพวกมันคงคิดว่านางคงไม่กล้าที่จะกระโดดลงไปเป็นแน่ ด้านล่างนั้นเป็นแม่น้ำลึกหากตกลงไปลำพังร่างกายของหญิงสาวที่บอบบางกับเด็กเล็ก ๆ อย่างไรก็ไม่อาจรอดชีวิตได้

แต่พวกมันคาดเดาผิดและดูถูกในความรักของมารดาที่มีต่อบุตรมากเกินไป เมิ่งจิ่วซือมองดูใบหน้าของนักฆ่าแต่ละคนที่กำลังสาวเท้าเข้ามาอย่างช้า ๆ ก่อนที่นางจะตัดสินใจกระโดดลงไปเบื้องล่างโดยไม่ลังเลอีกต่อไป

ท่ามกลางสายตาแตกตื่นของนักฆ่าทั้งห้าพวกมันยืนมองหญิงสาวตกลงสู่ผืนน้ำเบื้องล่าง ก่อนจะได้ยินเสียง

ตู้ม!!!

ร่างบางได้หล่นลงตกกระทบผิวน้ำเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะจมดิ่งลงไป

แขนเรียวเสลาทั้งสองข้างของนางโอบกอดบุตรสาวเอาไว้ ก่อนที่ร่างทั้งสองจะค่อย ๆ จมลงสู่พื้นเบื้องล่าง ความหวังสุดท้ายของเมิ่งจิ่วซือคือนางเพียงหวังให้บุตรสาวของนางอยู่รอดปลอดภัย

แค่ให้บุตรสาวของนางเติบโตขึ้นไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับสกุลตู๋กูอีก ให้นางได้ใช้ชีวิตเฉกเช่นสตรีธรรมดา ได้แต่งงาน มีบุตรที่น่ารัก เพียงแค่นั้นนางก็พอใจแล้ว

ร่างบางค่อย ๆ หมดลมหายใจลงอย่างเชื่องช้า ท่ามกลางบรรยากาศใต้น้ำที่หนาวเย็นวงแขนของนางยังคงโอบกอดร่างของบุตรสาวไว้ไม่ยอมปล่อย!

พร้อมกันนั้นก็มีแสงสว่างบางอย่างเกิดขึ้น!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • มารดามือใหม่ของนางร้ายอันดับหนึ่ง   ตอนที่ ๙๘ การช่วยชีวิตที่เสี่ยงอันตราย

    ทางด้านหรูเจิ้งหยวนและซิ่วจื่อหลิงก็เดินมาถึงตำหนักบรรทมของเสวียนอู่ฮ่องเต้โดยที่มีคนของเขาที่ปลอมเป็นขันทีอยู่ที่ตำหนักรอต้อนรับอยู่ ทั้งคู่เพียงส่งสัญญาณด้วยสายตาก็เป็นที่รับรู้ได้ในทันที ก่อนที่อีกฝ่ายจะแสร้งทำเป็นให้คนมาคอยควบคุมโดยรอบตำหนักในทันที ซึ่งคนเหล่านั้นก็ล้วนเป็นคนของหรูเจิ้งหยวนทั้งหมด ก่อนที่ตนจะเป็นผู้นำทางชายหนุ่มเข้าไปยังด้านในเสวียนอู่ฮ่องเต้ทรงบรรทมอยู่บนเตียงโดยที่ไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย เป็นซิ่วจื่อหลิงที่เดินเข้าไปหยุดอยู่ที่หน้าเตียงก่อนที่จะหยิบเข็มเงินของนางออกมาจากห่อผ้าพร้อมกับจิ้มลงไปบนหน้าของของเขาแล้วค่อย ๆ ดึงออกมาแล้วพบว่าเข็มเงินของนางได้เปลี่ยนเป็นสีดำในเวลาต่อมา"จะ เจ้าเป็นผู้ใด" เสียงแหบแห้งของเสวียนอู่ฮ่องเต้ที่ในตอนแรกนอนนิ่งเป็นผักอยู่นั้นดังขึ้นเบา ๆ"เสด็จพ่อ... " หรูเจิ้งหยวนก้าวเข้ามาใกล้ ๆ เตียง และเมื่อเสวียนอู่ฮ่องเต้ได้เห็นหน้าโอรสของเขาอีกครั้งก็ได้แต่หลั่งน้ำตาออกมา"หยวนเอ๋อ...""เสด็จพ่อนางเป็นคนรักของลูกเอง องค์หญิงใหญ่ซิ่วจื่อหลิงที่ลูกเคยเล่าให้ท่านฟัง" เสวียนอู่ฮ่องเต้หันไปมองหน้าซิ่วจื่อหล

  • มารดามือใหม่ของนางร้ายอันดับหนึ่ง   ตอนที่ ๙๗ สาวใช้อัปลักษณ์

    หลายวันต่อมาซิ่วจื่อหลิงลุกขึ้นก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นางได้เตรียมมาด้วย นางตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรกว่าจะปลอมตัวเป็นสาวใช้ของหรูเจิ้งหยวน เมื่อตอนที่ยังเล็กมารดามักชอบเล่านิทานประโลมโลกให้นางกับน้องชายฟัง เคยมีเรื่องราวของคุณหนูผู้ร่ำรวยคนหนึ่งต้องการตามหารักแท้จึงได้ปลอมตัวเป็นสาวใช้หน้าตาอัปลักษณ์เข้าไปอยู่ในจวนท่านแม่ทัพผู้หนึ่ง นางเองก็อยากจะลองเล่นสนุกเช่นนั้นดูบ้าง ครั้งนี้ก็นับว่าได้มีโอกาสแล้วหญิงสาวลงทุนทาตัวด้วยยางไม้ชนิดหนึ่งเพื่อให้สีผิวที่ขาวนวลกลายเป็นสีน้ำตาลคล้ำ ก่อนที่จะทาไปบนใบหน้าและติดเม็ดไฝสักสองสามเม็ดบนหน้าของนางให้ดูสมจริงมากขึ้น เสื้อผ้าก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าของสาวใช้ สำเนียงที่พูดก็เปลี่ยนให้เหน่อเล็กน้อย เมื่อแต่งตัวเสร็จจึงได้เดินออกมาจากห้องในขณะที่ชายหนุ่มเองก็นั่งรออยู่เมื่อเห็นซิ่วจื่อหลิงที่ก้าวเข้ามาในห้องอย่างชัดเจน หรูเจิ้งหยวนที่กำลังยกชาขึ้นดื่มก็ถึงกับสำลักและไอออกมาเสียงดังแค่ก ! แค่ก ! แค่ก !"นี่ข้างามมากถึงเพียงนั้นเชียวหรือเจ้าคะ ?" ซิ่วจื่อหลิงเอ่ย

  • มารดามือใหม่ของนางร้ายอันดับหนึ่ง   ตอนที่ ๙๖ ชีวิตที่สอง

    หลังจากที่พูดคุยกันแล้วซิ่วจื่อหลิงก็ลงมือรักษาชายหนุ่มในทันที ฝีมือการรักษาพิษแม้ว่านางจะไม่เก่งกาจเท่ากับมารดาหากแต่เมื่อเทียบกับหมอหลวงโดยทั่วไปย่อมเหนือชั้นกว่า อีกอย่างนางมีของวิเศษและการมาในครั้งนี้ก็พาเจ้าจิ้งจอกน้อยมาด้วย ซิ่วจื่อหลิงนำเจ้าจิ้งจอกน้อยออกมาจากช่องว่างในมิติของวิเศษก่อนจะให้มันดูดซับพลังไม่ดีจากร่างกายเขา ก่อนที่นางจะลงมือฝังเข็มนับร้อยเล่มบนร่างกายของชายหนุ่มพิษที่ชายหนุ่มได้รับนั้นเป็นพิษของทางชนเผ่าหน้าด่านที่ไม่ค่อยพบเห็นมากนัก ทำให้หมอทั่วไปมิอาจรักษาได้ หากแต่ไม่ใช่กับวิชาเข็มพิฆาตพิษที่เป็นวิชาตกทอดมาจากท่านตาทวดของนางอย่างแน่นอนในยามที่ฝีเข็มถูกทิ่มแทงลึกลงไปใต้ชั้นผิวหนังเพียงไม่กี่อึดใจก็มีเลือดสีดำซึมออกมาในทุกรูขุมขนที

  • มารดามือใหม่ของนางร้ายอันดับหนึ่ง   ตอนที่ ๙๕ ขาดการติดต่อ

    ย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อน"อาเป่า ช่วงนี้ไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับคุณชายเสิ่นส่งกลับมาบ้างเลยหรือ ?" ซิ่วจื่อหลิงเอ่ยกับนางกำนัลคนสนิท"ไม่มีเลยเพคะ จะว่าไปก็แปลกยิ่งนักเหตุใดจึงได้เงียบไปเช่นนี้""นั่นสิ แล้วข่าวเกี่ยวกับวังหลวงแคว้นหนานเฉินเล่า ?""ดูเหมือนว่าช่วงนี้จะคุกรุ่นอยู่ไม่น้อยเลยเพคะ"

  • มารดามือใหม่ของนางร้ายอันดับหนึ่ง   ตอนที่ ๙๔ อำนาจที่ต้องแลกมาด้วยเลือด

    วังหลวงแคว้นหนานเฉินกำลังจะลุกเป็นไฟหลังจากที่คนของตระกูลหวังของหวังฮองเฮาถูกคนเล่นงานอยู่หลายครั้งจนกระทั่งอำนาจเริ่มเสื่อมถอย เสวียนอู่ฮ่องเต้เองก็ป่วยกระเสาะกระแสะมานานหลายเดือน ในยามที่หรูเจิ้งหยวนส่งคนของเขาไปตรวจร่างกายพระองค์ก็ดูเหมือนจะปกติ เพียงแต่อาการนั้นไม่ปกติยิ่งนัก หากเป็นเช่นนี้ต้องไม่เป็นการดีแน่ในขณะที่ในช่วงค่ำคืนหนึ่งที่ทุกอย่างดูเหมือนจะเงียบสงบอย่างผิดปกติ อยู่ ๆ ตำหนักบรรทมของเสวียนอู่ฮ่องเต้ก็ถูกล้อมด้วยคนของไท่จื่อหรูโจว แน่นอนว่าการก่อกบฏในครั้งนี้มีคนที่ร่วมมือกับเขาอยู่ไม่มาก ขุนนางเหล่านั้นอยู่ฝั่งเดียวกับตระกูลหวังทั้งยังสนับสนุนให้ไท่จื่อหรูโจวกระทำการช่วงชิงราชบัลลังก์จากเสวียนอู่ฮ่องเต้ โดยให้เหตุผลว่าฝ่าบาทมิอาจออกว่าราชกิจได้เนื่องจากทรงพระชวรหนัก จึงจำเป็นจะต้องให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถเช่นองค์รัชทายาทสืบทอดราชบัลลังก์แทนหลังจากที่พวกเขาบุกยึดวังหลวงได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หวังฮองเฮาที่สวมอาภรณ์สีแดงงดงามก็เดินเข้ามาในห้องบรรทมของผู้เป็นสามี นางมองเสวียนอู่ฮ่องเต้ด้วยแววตาสมเพช เดิมทีนางนั้นหลงรักเขาหมดหัวใจ เพียงแต่อีกฝ่า

  • มารดามือใหม่ของนางร้ายอันดับหนึ่ง   ตอนที่ ๙๓ กลับคืนสู่ฐานะเดิม

    การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นด้วยความดุเดือด ก่อนที่ซิ่วจื่อหลิงจะหันไปเห็นหลิวอี้หลันที่กำลังเดินเข้ามาในบริเวณสนามฝึกแห่งนี้ ได้ข่าวว่านางเพิ่งผ่านพิธีปักปิ่นไปได้ไม่นานก็รีบออกมาแสดงตัวเสียแล้วหลิวอี้หลันเดินมาพร้อมกับท่านหญิงซูฉี ทั้งคู่ดูสนิทสนมกันมากกว่าที่เคย อาจเพราะพระชายาเจิ้งอ๋องผู้เป็นมารดาของหลิวอี้หลันได้แต่งเข้าตำหนักเจิ้งอ๋องทำให้หลิวอี้หลันเองก็เปรียบเป็นคนในราชวงศ์กึ่งหนึ่ง เพราะเจิ้งอ๋องนั้นรับนางและน้องชายเป็นบุตรบุญธรรม แต่จะชูคอได้นานอีกสักเท่าใดก็ต้องคอยดูกันต่อไป ทั้งคู่เดินเข้ามาในกระโจมที่นางและน้องชายนั่งอยู่ก่อนทั้งสองจะยอบกายคารวะนางและน้องชายแล้วหันไปมองจินเยว่ที่นั่งข้าง ๆ"เหตุใดคุณหนูจินจึงมานั่งในกระโจมนี้ได้เล่า" เป็นท่า

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status