สายใยระหว่างแม่ลูกที่ถักทอในแก่นวิญญาณมารน้อยทำให้เขารู้ว่าเวลานี้นางหายไปอยู่ในที่แสนไกล ถึงอย่างนั้นก็ยังคงหวังลึก ๆ และนั่งรอมารดาอยู่ที่เดิม
ทว่า ผ่านไปวันแล้ววันเล่า ในใจของอีนั่วเศร้าหมองและคิดถึงนางยิ่งนักจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ไม่เกรงกลัวว่าจะมีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นกับตัวเองพลันใช้พลังมารหายตัวเข้าสู่แดนสวรรค์ในพริบตา
อีนั่วรีบพุ่งไปที่ตำหนักเทพดาราในทันที ไม่ข้องแวะที่ใดเพราะห่วงว่าจะมีใครสังเกตเห็นตัวตนมารปีศาจ คอยแอบอยู่ในมุมมืด พรางตัวราวกับเป็นอากาศ แล้วกวาดสายตามองหามารดา
“ท่านแม่...” เขาเผลอเรียกออกไปแบบนั้นอย่างเคยแต่หยุดชะงักไปเพราะรู้สึกได้ว่าหญิงสาวตรงหน้ามีอะไรแปลกไปจากเดิม นางกำลังหัวเราะและยิ้มให้คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ โดยไม่รู้สึกตัวเลยว่าเลือดเนื้อเชื้อไขตัวน้อย ๆ รอนางเพียงลำพัง
อีนั่วพึมพำกับตัวเองด้วยความสลด “ท่านแม่ลืมข้าอีกแล้วหรือ” เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นไปได้ หากลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในแดนมนุษย์ไปแล้ว อย่างน้อยควรจำเขาได้บ้าง ถึงอย่างไรก็มีสายใยผูกพันกันมา
เวลานั้น สวีลู่ชิงกำลังพูดคุยหารือกับพี่ชายของตนและเทพเซียนคนอื่น ๆ ด้วยสีหน้าจริงจัง แม้สวีต้าเฟิงจะพยายามหาวิธีช่วยเหลือน้องสาว แต่นางกลับปฏิเสธและยืนยันว่าจะทำอย่างเดิม
ยิ่งเห็นว่าจอมมารล่าถอยทัพกลับไปอย่างง่ายดายแสดงว่าเขาอาจจะได้รับบาดเจ็บไปไม่น้อย ย่อมเป็นโอกาสอันดีที่นางจะได้ทำหน้าที่อย่างสุดท้ายให้เสร็จสิ้นเสียที
“ลู่ชิง เหตุใดจึงไม่ลองทางอื่นก่อน” เทพวายุมีสีหน้ากังวลพยายามโน้มน้าวใจคนตรงหน้า แต่นางกลับตัดสินใจเด็ดขาดเหมือนทุกครั้ง
“ท่านพี่” เทพดารากุมมือคนข้างกายเอาไว้เพราะเข้าใจความรู้สึกของเขาเป็นอย่างดี ยามที่นางลงไปเผชิญด่านเคราะห์แดนมนุษย์ เขาต้องรับมือกับความสูญเสียไม่น้อยเช่นกันและถ้าหากเป็นไปได้คงอยากรั้งน้องสาวคนสำคัญเอาไว้ให้ถึงที่สุด
กระนั้น วิธีที่แน่นอนและง่ายดายอยู่ตรงหน้า มีสรรพสิ่งหลายชีวิตเป็นเดิมพัน นางจึงไม่อาจละเลยหน้าที่นั้นไปได้
“อย่างน้อย ข้ายังต้องรับอสนีบาตสวรรค์สิบเก้าครั้ง ท่านพี่คงจะได้เห็นข้าอีกนานเจ้าค่ะ” รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้างาม ดวงตาสีฟ้ายังเป็นประกายแม้จะรู้ว่าหลังเสร็จสิ้นด่านเคราะห์อสนีบาตแล้ว แก่นวิญญาณของนางจะสูญสลายไปตลอดกาล
อีนั่วได้ยินแผนการที่ชัดเจนมากกว่าเดิม เขารู้แค่เพียงว่ามารดาเป็นเทพชั้นสูงมีหน้าที่กำจัดบิดาผู้เป็นจอมมารจึงพาตัวนางไปอาศัยอยู่ในแดนที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อหยุดยั้งไม่ให้เทพดาราทำตามแผนได้สำเร็จ
เขาไม่เคยคิดเลยว่าพลังเทพบรรพกาลที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดจะดึงสติมารดากลับมาเป็นเทพดาราคนเก่า ทั้งยังลบเลือนเรื่องราวในอดีตยามเป็นมนุษย์จนหมดสิ้น
มารน้อยเพียงต้องการอยู่กับมารดาอย่างสงบ เขาอุตส่าห์คิดว่าทำเช่นนี้แล้ว ทั้งมารดาและบิดาจะไม่สูญสลายไปที่ใด
“ท่านแม่ เหตุใดจึงยังคิดทำเช่นนั้นเล่า” เขาพึมพำอยู่คนเดียว นึกอยากวิ่งไปกอดนางเหลือเกิน แต่เพราะรอบข้างมีเทพเซียนอยู่ด้วยจำนวนมาก มารน้อยจึงไม่กล้าย่างกรายเข้าไปใกล้
ในขณะที่สวีลู่ชิงบอกกับทุกคนไปอย่างนั้น ไม่ถึงสองชั่วยามต่อมา นางก็ยืนอยู่ตรงกลางลานกว้างบนยอดเขาที่สูงที่สุดของภพสวรรค์ สีหน้าเตรียมพร้อมรับทัณฑ์ทรมานพลันหลับตาลง
เสียงท้องฟ้าคำรามกระหึ่มไปทั่วแดน สายฟ้าเปรี้ยงปร้างสาดลงมารอบข้างลานลงทัณฑ์สร้างความขนลุกน่ากลัวให้คนบริเวณนั้นเป็นอย่างมาก
เซียนผู้น้อยที่อยู่โดยรอบมองขึ้นไปยังยอดเขาด้านบน ต่างพากันถอนหายใจและชื่นชมความเด็ดเดี่ยวของเทพดารา
ลานลงทัณฑ์มีไว้สำหรับเทพเซียนผู้กระทำความผิดใหญ่หลวงหรือต้องผ่านด่านเคราะห์เพื่อบรรลุ แต่นางยืนอยู่ตรงนั้นเพราะหน้าที่
ดวงตาสีฟ้าของอีนั่วสั่นระริก ไม่อยากให้มารดาบาดเจ็บ พลางหันซ้ายหันขวาไม่รู้จะทำอย่างไรดี หากแต่นึกออกเพียงอย่างเดียวว่าคนที่จะช่วยมารดาได้คือผู้ใด
พรึ่บ!
อีนั่วหายตัววับไปยังสถานที่แห่งหนึ่งด้วยใจร้อนรน แต่เมื่อเข้าไปในนั้นแล้วกลับเดินหน้าต่อไม่ง่ายเลย มารน้อยกำลังอดทนกับแรงกดดันราวกับจะบีบเขาให้แหลกเป็นจุณ
ลมหายใจหอบเหนื่อย ดวงตาพร่ามัว แต่สองขายังคงพยายามก้าวไปเรื่อย ๆ ลึกเข้าไปในสุสานวิญญาณเทพเซียน
“ท่านพ่อ...” เขาฝืนเปล่งเสียงเรียกคนที่อยู่ไกลโพ้นเพราะคิดว่าตัวเองกำลังต้านทานพลังนั้นไม่ไหว
เขาเป็นเพียงครึ่งมารแรกเกิดจึงไม่อาจทนไปได้มากกว่านี้ “ท่านพ่อ!” เสียงสุดท้ายตะโกนดังก้องเรียกสติของจอมมารที่กำลังถูกหลอมกลืนกินอยู่ใจกลางสุสาน
กงจื่อเย่หันขวับทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกของคนคุ้นเคย แม้จะไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด แต่เขากลับคิดถึงเสียงเล็ก ๆ ของมารน้อยโดยไม่รู้ตัว
หลังจากนั่งนิ่งอยู่ใจกลางสุสานวิญญาณมานาน เขารู้สึกว่างเปล่าไม่มีสิ้นสุด ในใจนึกว่ามาถึงตรงนี้แล้วจะได้พบกับคนที่รอคอย แต่กลายเป็นว่าอู๋เยว่ชิงไม่ได้อยู่ที่นั่น
เมื่อได้พบความจริงร่างกายพลันไร้เรี่ยวแรง ทรุดตัวนั่งคุกเข่าหมดอาลัยตายอยาก มองซ้ายมองขวากลับไม่เจอนางแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงยังมีความหวังว่านางจะต้องปรากฏตัว เข้าใจว่าเทพเซียนที่ยังไม่กลับสู่สถานะเดิมต้องมาอยู่ในสุสาน
ไม่อย่างนั้น นางจะหายไปที่ใดได้ เขาไม่อาจยอมรับได้ว่าอู๋เยว่ชิงแตกสลายชั่วนิรันดร์
"อีนั่ว เหตุใดจึงเข้ามาที่นี่” เขาเอ่ยถามบุตรชายพลางร่ายพลังมารสร้างข่ายอาคมปกป้อง
“ท่านแม่... ช่วยท่านแม่ด้วย” น้ำเสียงมารน้อยตะกุกตะกัก พูดด้วยความยากลำบาก น้ำตาคลอเพราะกลัวว่าจะสูญเสียนางไปอีกครั้ง
“หมายความว่าอย่างไร เจ้าเจอนางแล้วหรือ” ดวงตาสีม่วงแดงเป็นประกายขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น “มารดาเจ้าอยู่ที่ใด รีบบอกข้ามา”
เพียงพริบตาเดียว อีนั่วถูกส่งกลับไปอยู่ภพมาร เขาสั่งสมุนทั้งสามให้ดูแลมารน้อยในระหว่างที่เขาไม่อยู่ให้ดีเพราะไม่อยากให้อีนั่วตามไปยังภพสวรรค์ด้วย
การปรากฏตัวอีกครั้งของจอมมารทำให้เหล่าเซียนแตกตื่นรีบแจ้งข่าวทุกคนในนั้นให้เตรียมรับมือ หากแต่กงจื่อเย่ไม่ได้สนใจผู้ใดเดินดุ่มเข้าไปไม่เกรงกลัวเพราะเป้าหมายหนึ่งเดียวตรงหน้า
ข่ายอาคมป้องกันสำแดงฤทธิ์กีดกั้นไม่ให้จอมมารย่างกรายเข้ามายังแดนศักดิ์สิทธิ์ กองทัพสวรรค์รุดหน้าเรียงแถวป้องกันเหมือนอย่างตอนที่เขาขึ้นมาที่นี่ครั้งแรก
“ถอยไป” เขาโพล่งออกมาเพียงสั้น ๆ
“...” ทุกคนนิ่งเฉย ไม่อาจทำตามได้เพราะไม่รู้จุดประสงค์ของจอมมาร
ดวงตาสีม่วงแดงมองขึ้นไปด้านบนยอดเขาที่มีสายฟ้ากระพริบเป็นระยะ พลันคิดในใจ “อยู่ใกล้เพียงนี้แล้ว เหตุใดข้าจึงสัมผัสถึงเจ้าไม่ได้เลย”
จอมมารไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงสัมผัสตัวตนของนางไม่ได้ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าทุกอย่างเป็นความตั้งใจของเทพดาราที่ตัดขาดทุกสิ่งจากเขา แม้จะมีเมล็ดพันธุ์ต้นไม้แห่งชีวิตหยั่งรากแต่เพราะนางใช้พลังเทพบรรพกาล ไม่ว่าจะอู๋เยว่ชิงหรือสวีลู่ชิง นางจึงไม่มีทั้งความทรงจำและตัวตนให้จอมมารรับรู้ได้อีกต่อไป
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดบนใบหน้า กงจื่อเย่กวาดสายตาไม่แยแสมองดูผู้คนที่ยืนล้อม “สวีลู่ชิง ตามนางมาให้ข้า ไม่เช่นนั้นแล้ว ข้าจะทำลายที่แห่งนี้ให้ราบคาบ”
ใครต่อใครที่ได้ยินเสียงนั้นต่างพากันมองหน้าอีกฝ่าย สายตาเลิ่กลั่กแต่เมื่อเทพปฐพีและเทพวายุปรากฏกายขึ้นเพื่อนำทัพสวรรค์ พวกเขาจึงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมรอฟังคำสั่ง
“ไม่นึกว่าจะได้เจอมารน้อยเร็วเพียงนี้” ห่าวอู๋กล่าวกับคนตรงหน้า ในมือถือหอกเทพบรรพกาลเอาไว้ พลังสีขาวทองวนเวียนรอบตัวพร้อมโจมตี
“ข้าไม่ได้อยากมาเจอเจ้า” กงจื่อเย่ส่ายหน้า “ตามสวีลู่ชิงมาให้ข้า”
ห่าวอู๋นึกสงสัยว่าเหตุใดจอมมารจึงเรียกหานาง จึงถามเทพวายุว่า “หรือมารน้อยนั่นรู้แผนของเราแล้ว”
“เป็นไปไม่ได้” สวีต้าเฟิงขมวดคิ้ว “หากเขารู้แผนแล้วคงเข้าโจมตีพร้อมพรรคพวกเหมือนเมื่อครั้งนั้น แต่เวลานี้กลับมาเพียงลำพัง ทั้งยังอยู่นิ่งไม่คิดจะเรียกดาบเขี้ยวอสูรออกมาเสียด้วยซ้ำ”
เทพปฐพีไม่อาจทนความสงสัยนั้นได้จึงโพล่งออกไปตรง ๆ “เจ้าอยากพบนางทำไม หรือว่าเจ้ารู้อะไรมา”
“แผนสังหารข้าน่ะหรือ แน่นอนว่าต้องรู้ แต่ที่ข้าอยากพบนาง นั่นก็เพราะว่านางเป็นภรรยาของข้า”
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้นคนเป็นพี่ชายอย่างสวีต้าเฟิงแทบทำอาวุธหลุดมือ ในใจนึกโกรธเกรี้ยวที่จอมมารเจ้าเล่ห์พูดอะไรไม่เข้าเรื่อง“เจ้าอย่ามาพูดซี้ซั้ว” เทพวายุกำอาวุธประจำกายไว้แน่น “กล้าพูดใส่ร้ายให้น้องสาวข้ามีมลทิน เห็นทีคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่”กงจื่อเย่ไม่ยอมน้อยหน้าเพราะทุกสิ่งที่พูดออกไปเป็นความจริงจึงยืนยันว่า “ข้าคือสามีที่ถูกต้องตามประเพณีในด่านเคราะห์ชาติที่สองของนาง” ใจจริงเขาอยากจะพูดต่อด้วยซ้ำไปว่ามีพยานรักหนึ่งคนที่มีดวงตาสีฟ้างดงามเหมือนกับนางแต่เพื่อความปลอดภัยของมารน้อย เขาจึงต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้ต่อไป“เฮอะ” เทพปฐพีแสยะยิ้ม “ก็แค่ด่านเคราะห์ เจ้าจะมายึดถือเช่นนั้นได้อย่างไร” เขาถามออกไปแต่ในใจเริ่มคิดแล้วว่าถ้าเขาได้ตัวภรรยากลับไปแล้วเรื่องราวสงครามของจอมมา
เทพเซียนที่ยืนอยู่รายรอบมองหน้ากันด้วยความงุนงงครั้นจะพุ่งตัวเข้าไปดึงจอมมารออกมาจากที่นั่นก็ทำไม่ได้เพราะรังแต่จะเสี่ยงชีวิตของตัวเองไปด้วยคราวแรกก็คิดว่าเขาเข้ามาขัดขวางไม่ให้นางทำภารกิจสำเร็จ แต่ไป ๆ มา ๆ กลับได้เห็นว่าจอมมารกำลังใช้ร่างกายตัวเองเป็นเกราะกำบังและรับอสนีบาตแต่เพียงผู้เดียว“สวีต้าเฟิง นี่มันเรื่องอันใดกัน” หนึ่งในเทพอาวุโสถามเขาเพราะเพิ่งมาถึง“ข้าก็ไม่รู้ขอรับ” เขาไม่อาจตอบคำถามนั้นได้เพราะไม่คิดว่าเรื่องราวตรงหน้าจะกลับตาลปัตรได้ขนาดนั้น“แต่ถ้าปล่อยเอาไว้แล้วจะจัดการจอมมารได้อย่างไร เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือว่าเทพดาราจะต้องเป็นผู้รับทัณฑ์สวรรค์ ไม่ได้การแล้ว ข้าต้องรีบเข้าไปห้าม”เทพอาวุโสส่ายหน้าหนักใจ ช่วงท
หลังจากกงจื่อเย่สูญสิ้นไปทัพมารที่กำลังบุกสวรรค์ครานี้จึงแตกพ่ายเพราะไร้ผู้นำถูกกองทัพสวรรค์ขับไล่กลับภพมารในเวลาไม่นานเหล่าเทพเซียนต่างพากันโห่ร้องยินดีเพราะภัยคุกคามถูกกำจัดแล้ว หากแต่เทพอาวุโสและเทพชั้นสูงบางคนยังคงไม่อาจวางใจได้มากนักแต่ถึงอย่างนั้นแล้วก็พอจะโล่งใจได้บ้างว่าหลายพันปีต่อจากนี้สามภพคงจะสงบสุขราบรื่น และหากถึงเวลาที่จอมมารฟื้นคืนกลับมา ตอนนั้นพวกเขาคงหาวิธีรับมือได้บ้างแล้วตำหนักเทพดารามีแขกเข้าเยี่ยมไม่ขาดสายเพราะได้ยินเรื่องราวปากต่อปากจึงมาถามไถ่ด้วยตนเอง สวีลู่ชิงจึงบอกพวกเขาแต่เพียงว่า “มารผู้นั้นคงกลับใจกระมัง แต่ข้าไม่รู้หรอกว่าเป็นเพราะอันใด”นางกล่าวเช่นนั้นเพราะไม่รู้จริง ๆ แม้กงจื่อเย่จะจากไปแล้วแต่ความทรงจำที่ขาดหายไปก็ยังไม่กลับคืนมา
สวีลู่ชิงและพี่ชายรอข่าวคราวจากเสี่ยวไป๋อยู่นอกเขตแดนมารนางเดินวนไปวนมาด้วยความกังวลกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับอีนั่วจนแทบอยากจะฝ่าเข้าไปในภพมารเพื่อตามหาเขาด้วยตัวเอง“นั่งลงก่อนเถิด เจ้าเดินไปเดินมาจนข้าตาลายแล้ว” สวีต้าเฟิงส่ายหน้าพลางบ่นพึมพำ“ข้าเป็นห่วงเขา” นางเอ่ยตามตรง ใจหนึ่งรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เจอกับมารน้อยครั้งแรกแต่อีกใจกลับสัมผัสความรู้สึกคุ้นเคยได้อย่างบอกไม่ถูกช่วงเวลาเพียงเสี้ยวหนึ่ง เสี่ยวไป๋ส่งสัญญาณบางอย่างกลับมาหาผู้เป็นเจ้านายบอกให้รู้ว่ากำลังมาถึง รอยยิ้มบางจึงผุดขึ้นมาด้วยความยินดีพลันเงาดำตะคุ่มปรากฏด้านหลังเขตแดนภพมาร“สวีลู่ชิง ถอยออกมา” เทพวายุดึงร่างน้องสาวให้ออกห่างเพราะกลัวจะมีอันตราย “เจ้าอย่าเพิ่งวู่วาม จงอย่าล
บ้านหลังเล็กของมารน้อยเมื่อทั้งสองฝ่ายตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำอย่างไรต่อไปจึงร่างสัญญาสงบศึกชั่วคราวเพราะต้องการดูลาดเลาสถานการณ์ที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริงบ้านหลังเล็กที่เคยอยู่กันเพียงสองคน เวลานี้มีหลังอื่นผุดขึ้นมาอยู่ใกล้ ๆ กันอีกสามสี่หลังจนแทบจะกลายเป็นหมู่บ้านที่มีทั้งมารและเทพอยู่ร่วมกันอย่างสันติต้นท้อรายรอบกำลังผลิดอกสีชมพูบานสะพรั่งเหมือนภาพวาด อีนั่วจึงตั้งชื่อหมู่บ้านของเขาว่าหมู่บ้านดอกท้อ ในใจคิดอยากอยู่ที่แห่งนี้อย่างสงบตลอดไปพลังของอีนั่วถูกกลบซ่อนเอาไว้ไม่ให้มารปีศาจตนอื่นรู้ รอบเขตบ้านจึงมีม่านศักดิ์สิทธิ์ของเทพวายุห้อมล้อมอยู่ด้วย“เจ้าจะทำเช่นนั้นไม่ได้ พวกข้าอึดอัด” หลิวอิง
สองอาทิตย์ต่อมาสมุนจอมมารทั้งสามล้อมวงก้มมองเจ้าถ่านด้วยความสงสัยว่านกน้อยตัวนี้เป็นมารปีศาจเผ่าพันธุ์ใดกันแน่“ผ่านมานานถึงเพียงนี้ เหตุใดบาดแผลจึงยังไม่หายหรือว่าถูกพลังร้ายกาจของผู้ใดมา” เฉินซือหยางขมวดคิ้วเป็นปมนึกสงสัยเพราะจับตามองอยู่นานแล้ว“พลังเทพอาจจะรักษาไม่ได้เพราะเป็นนกที่มาจากภพมารแต่ถึงอย่างไรพลังของนายน้อยก็ไม่ได้ผลอีก ข้าว่าเจ้าถ่านนี่มีอะไรแปลก ๆ” หลิวอิงอิงวิเคราะห์ตามความรูสึกของตัวเอง มือข้างหนึ่งเอื้อมมาจับปีกที่เป็นแผลจิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ“เฮอะ ดูสิ ข้าว่ามันบ่นเจ้าใหญ่เลย” โจวเหวินหลงพูดบ้าง คนที่มีสติดีที่สุดอย่างเขาจึงนึกเรื่องบางอย่างออกพลันจ้องมองดวงตาของนกน้อยอีกครั้งหนึ่ง&l
เช้าวันหนึ่งในหมู่บ้านดอกท้อนกน้อยสีดำไซ้ขนอยู่ข้าง ๆ สวีลู่ชิงที่นั่งหลับตาฟื้นฟูแก่นวิญญาณของตนเองอยู่เงียบ ๆ ส่วนอีนั่ววิ่งเล่นอยู่กับสมุนจอมมารโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยบรรยากาศภายในหมู่บ้านเล็ก ๆ เต็มไปด้วยความสดชื่นสนุกสนานจนบางทีพวกเขาลืมไปเลยว่าสาเหตุที่ทำให้ทุกคนมาอยู่ร่วมกันในที่แห่งนี้คืออะไรสวีต้าเฟิงเดินเข้ามาทักทายน้องสาวยามเช้าเหมือนอย่างเคย รอยยิ้มบางประดับบนใบหน้านึกเอ็นดูนางราวกับเป็นเด็กน้อย แต่เวลานี้น้องสาวตัวเล็กในวันวานกลับมีบุตรชายจอมซนเหมือนนางไม่มีผิดเขาจึงรับหน้าที่ดูแลทั้งคู่ด้วยความเต็มใจ ถึงอย่างนั้นแล้วดวงตาสีฟ้ากลับจ้องมองนกน้อยตรงหน้าจิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ (มองหน้าข้า มีเรื่องอันใด)“...” เทพวายุ
ความสงบสุขเรียบง่ายหลายหมื่นปีของภพสวรรค์กำลังถูกสั่นคลอนเพราะมารตนหนึ่งที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อร้อยปีก่อน ใครเล่าจะคิดว่าสิ่งเล็ก ๆ จากบ่อโคลนของความชั่วร้ายทั้งปวงจะหลอมรวมภัยอันตรายที่สามารถทำลายล้างสวรรค์ให้ราบเป็นหน้ากลองได้ในเวลาไม่นานภพมารแซ่ซ้องสรรเสริญผู้ปกครองดินแดนคนใหม่ ยกขึ้นเป็นนายเหนือหัวที่จะกลายเป็นจอมมารปลดเปลื้องพันธะให้เหล่ามารปีศาจที่ถูกกักขังในหุบเหวดำมืด จบสิ้นการลงทัณฑ์อันยาวนานจากเทพบรรพกาลเสียงอึกทึกกึกก้องคำรามข่มขู่เหล่าเทพเซียนบนฟากฟ้าพร้อมบุกเข้าโจมตีอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยจนผู้คนในแดนศักดิ์สิทธิ์วุ่นวายโกลาหลเคราะห์ยังดีที่กองทัพสวรรค์เป่าแตรส่งสัญญาณเตือนภัยได้ทันเวลา เหล่าเทพเซียนจึงผนึกกำลังป้องกันการรุกรานของทัพมารอย่างสุดความสามารถเทพสงครามนำทัพออกมาเผชิญหน้าปกป้องสรรพสิ่งไม่ให้แตกสลายจากมหันตภัยในครั้งนี้ กลยุทธ์มากมายที่เคยใช้กับจอมมารตนอื่นกลับไม่ได้ผลนักไพ่ตายที่ถูกวางไว้สามอย่างเริ่มดำเนินไปอย่างเงียบ ๆ หวังว่าจะหยุดความเลวร้ายทั้งหมดลงไปได้ก่อนที่จะมีความสูญเสียไปมากกว่านี้เวลานั้นโฉมหน้าของผู้นำทัพมารจึงปรากฏขึ้น รอยยิ้มชั่วร้ายและแววตาเย็
เช้าวันหนึ่งในหมู่บ้านดอกท้อนกน้อยสีดำไซ้ขนอยู่ข้าง ๆ สวีลู่ชิงที่นั่งหลับตาฟื้นฟูแก่นวิญญาณของตนเองอยู่เงียบ ๆ ส่วนอีนั่ววิ่งเล่นอยู่กับสมุนจอมมารโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยบรรยากาศภายในหมู่บ้านเล็ก ๆ เต็มไปด้วยความสดชื่นสนุกสนานจนบางทีพวกเขาลืมไปเลยว่าสาเหตุที่ทำให้ทุกคนมาอยู่ร่วมกันในที่แห่งนี้คืออะไรสวีต้าเฟิงเดินเข้ามาทักทายน้องสาวยามเช้าเหมือนอย่างเคย รอยยิ้มบางประดับบนใบหน้านึกเอ็นดูนางราวกับเป็นเด็กน้อย แต่เวลานี้น้องสาวตัวเล็กในวันวานกลับมีบุตรชายจอมซนเหมือนนางไม่มีผิดเขาจึงรับหน้าที่ดูแลทั้งคู่ด้วยความเต็มใจ ถึงอย่างนั้นแล้วดวงตาสีฟ้ากลับจ้องมองนกน้อยตรงหน้าจิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ (มองหน้าข้า มีเรื่องอันใด)“...” เทพวายุ
สองอาทิตย์ต่อมาสมุนจอมมารทั้งสามล้อมวงก้มมองเจ้าถ่านด้วยความสงสัยว่านกน้อยตัวนี้เป็นมารปีศาจเผ่าพันธุ์ใดกันแน่“ผ่านมานานถึงเพียงนี้ เหตุใดบาดแผลจึงยังไม่หายหรือว่าถูกพลังร้ายกาจของผู้ใดมา” เฉินซือหยางขมวดคิ้วเป็นปมนึกสงสัยเพราะจับตามองอยู่นานแล้ว“พลังเทพอาจจะรักษาไม่ได้เพราะเป็นนกที่มาจากภพมารแต่ถึงอย่างไรพลังของนายน้อยก็ไม่ได้ผลอีก ข้าว่าเจ้าถ่านนี่มีอะไรแปลก ๆ” หลิวอิงอิงวิเคราะห์ตามความรูสึกของตัวเอง มือข้างหนึ่งเอื้อมมาจับปีกที่เป็นแผลจิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ“เฮอะ ดูสิ ข้าว่ามันบ่นเจ้าใหญ่เลย” โจวเหวินหลงพูดบ้าง คนที่มีสติดีที่สุดอย่างเขาจึงนึกเรื่องบางอย่างออกพลันจ้องมองดวงตาของนกน้อยอีกครั้งหนึ่ง&l
บ้านหลังเล็กของมารน้อยเมื่อทั้งสองฝ่ายตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำอย่างไรต่อไปจึงร่างสัญญาสงบศึกชั่วคราวเพราะต้องการดูลาดเลาสถานการณ์ที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริงบ้านหลังเล็กที่เคยอยู่กันเพียงสองคน เวลานี้มีหลังอื่นผุดขึ้นมาอยู่ใกล้ ๆ กันอีกสามสี่หลังจนแทบจะกลายเป็นหมู่บ้านที่มีทั้งมารและเทพอยู่ร่วมกันอย่างสันติต้นท้อรายรอบกำลังผลิดอกสีชมพูบานสะพรั่งเหมือนภาพวาด อีนั่วจึงตั้งชื่อหมู่บ้านของเขาว่าหมู่บ้านดอกท้อ ในใจคิดอยากอยู่ที่แห่งนี้อย่างสงบตลอดไปพลังของอีนั่วถูกกลบซ่อนเอาไว้ไม่ให้มารปีศาจตนอื่นรู้ รอบเขตบ้านจึงมีม่านศักดิ์สิทธิ์ของเทพวายุห้อมล้อมอยู่ด้วย“เจ้าจะทำเช่นนั้นไม่ได้ พวกข้าอึดอัด” หลิวอิง
สวีลู่ชิงและพี่ชายรอข่าวคราวจากเสี่ยวไป๋อยู่นอกเขตแดนมารนางเดินวนไปวนมาด้วยความกังวลกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับอีนั่วจนแทบอยากจะฝ่าเข้าไปในภพมารเพื่อตามหาเขาด้วยตัวเอง“นั่งลงก่อนเถิด เจ้าเดินไปเดินมาจนข้าตาลายแล้ว” สวีต้าเฟิงส่ายหน้าพลางบ่นพึมพำ“ข้าเป็นห่วงเขา” นางเอ่ยตามตรง ใจหนึ่งรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เจอกับมารน้อยครั้งแรกแต่อีกใจกลับสัมผัสความรู้สึกคุ้นเคยได้อย่างบอกไม่ถูกช่วงเวลาเพียงเสี้ยวหนึ่ง เสี่ยวไป๋ส่งสัญญาณบางอย่างกลับมาหาผู้เป็นเจ้านายบอกให้รู้ว่ากำลังมาถึง รอยยิ้มบางจึงผุดขึ้นมาด้วยความยินดีพลันเงาดำตะคุ่มปรากฏด้านหลังเขตแดนภพมาร“สวีลู่ชิง ถอยออกมา” เทพวายุดึงร่างน้องสาวให้ออกห่างเพราะกลัวจะมีอันตราย “เจ้าอย่าเพิ่งวู่วาม จงอย่าล
หลังจากกงจื่อเย่สูญสิ้นไปทัพมารที่กำลังบุกสวรรค์ครานี้จึงแตกพ่ายเพราะไร้ผู้นำถูกกองทัพสวรรค์ขับไล่กลับภพมารในเวลาไม่นานเหล่าเทพเซียนต่างพากันโห่ร้องยินดีเพราะภัยคุกคามถูกกำจัดแล้ว หากแต่เทพอาวุโสและเทพชั้นสูงบางคนยังคงไม่อาจวางใจได้มากนักแต่ถึงอย่างนั้นแล้วก็พอจะโล่งใจได้บ้างว่าหลายพันปีต่อจากนี้สามภพคงจะสงบสุขราบรื่น และหากถึงเวลาที่จอมมารฟื้นคืนกลับมา ตอนนั้นพวกเขาคงหาวิธีรับมือได้บ้างแล้วตำหนักเทพดารามีแขกเข้าเยี่ยมไม่ขาดสายเพราะได้ยินเรื่องราวปากต่อปากจึงมาถามไถ่ด้วยตนเอง สวีลู่ชิงจึงบอกพวกเขาแต่เพียงว่า “มารผู้นั้นคงกลับใจกระมัง แต่ข้าไม่รู้หรอกว่าเป็นเพราะอันใด”นางกล่าวเช่นนั้นเพราะไม่รู้จริง ๆ แม้กงจื่อเย่จะจากไปแล้วแต่ความทรงจำที่ขาดหายไปก็ยังไม่กลับคืนมา
เทพเซียนที่ยืนอยู่รายรอบมองหน้ากันด้วยความงุนงงครั้นจะพุ่งตัวเข้าไปดึงจอมมารออกมาจากที่นั่นก็ทำไม่ได้เพราะรังแต่จะเสี่ยงชีวิตของตัวเองไปด้วยคราวแรกก็คิดว่าเขาเข้ามาขัดขวางไม่ให้นางทำภารกิจสำเร็จ แต่ไป ๆ มา ๆ กลับได้เห็นว่าจอมมารกำลังใช้ร่างกายตัวเองเป็นเกราะกำบังและรับอสนีบาตแต่เพียงผู้เดียว“สวีต้าเฟิง นี่มันเรื่องอันใดกัน” หนึ่งในเทพอาวุโสถามเขาเพราะเพิ่งมาถึง“ข้าก็ไม่รู้ขอรับ” เขาไม่อาจตอบคำถามนั้นได้เพราะไม่คิดว่าเรื่องราวตรงหน้าจะกลับตาลปัตรได้ขนาดนั้น“แต่ถ้าปล่อยเอาไว้แล้วจะจัดการจอมมารได้อย่างไร เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือว่าเทพดาราจะต้องเป็นผู้รับทัณฑ์สวรรค์ ไม่ได้การแล้ว ข้าต้องรีบเข้าไปห้าม”เทพอาวุโสส่ายหน้าหนักใจ ช่วงท
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้นคนเป็นพี่ชายอย่างสวีต้าเฟิงแทบทำอาวุธหลุดมือ ในใจนึกโกรธเกรี้ยวที่จอมมารเจ้าเล่ห์พูดอะไรไม่เข้าเรื่อง“เจ้าอย่ามาพูดซี้ซั้ว” เทพวายุกำอาวุธประจำกายไว้แน่น “กล้าพูดใส่ร้ายให้น้องสาวข้ามีมลทิน เห็นทีคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่”กงจื่อเย่ไม่ยอมน้อยหน้าเพราะทุกสิ่งที่พูดออกไปเป็นความจริงจึงยืนยันว่า “ข้าคือสามีที่ถูกต้องตามประเพณีในด่านเคราะห์ชาติที่สองของนาง” ใจจริงเขาอยากจะพูดต่อด้วยซ้ำไปว่ามีพยานรักหนึ่งคนที่มีดวงตาสีฟ้างดงามเหมือนกับนางแต่เพื่อความปลอดภัยของมารน้อย เขาจึงต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้ต่อไป“เฮอะ” เทพปฐพีแสยะยิ้ม “ก็แค่ด่านเคราะห์ เจ้าจะมายึดถือเช่นนั้นได้อย่างไร” เขาถามออกไปแต่ในใจเริ่มคิดแล้วว่าถ้าเขาได้ตัวภรรยากลับไปแล้วเรื่องราวสงครามของจอมมา
สายใยระหว่างแม่ลูกที่ถักทอในแก่นวิญญาณมารน้อยทำให้เขารู้ว่าเวลานี้นางหายไปอยู่ในที่แสนไกล ถึงอย่างนั้นก็ยังคงหวังลึก ๆ และนั่งรอมารดาอยู่ที่เดิมทว่า ผ่านไปวันแล้ววันเล่า ในใจของอีนั่วเศร้าหมองและคิดถึงนางยิ่งนักจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ไม่เกรงกลัวว่าจะมีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นกับตัวเองพลันใช้พลังมารหายตัวเข้าสู่แดนสวรรค์ในพริบตาอีนั่วรีบพุ่งไปที่ตำหนักเทพดาราในทันที ไม่ข้องแวะที่ใดเพราะห่วงว่าจะมีใครสังเกตเห็นตัวตนมารปีศาจ คอยแอบอยู่ในมุมมืด พรางตัวราวกับเป็นอากาศ แล้วกวาดสายตามองหามารดา“ท่านแม่...” เขาเผลอเรียกออกไปแบบนั้นอย่างเคยแต่หยุดชะงักไปเพราะรู้สึกได้ว่าหญิงสาวตรงหน้ามีอะไรแปลกไปจากเดิม นางกำลังหัวเราะและยิ้มให้คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ โดยไม่รู้สึกตัวเลยว่าเลือดเนื้อเชื้อไขตัวน้อย ๆ รอนางเพียงลำพัง
วันหนึ่งในฤดูฝนเสียงฟ้าร้องคำรามก้องไปทั่วบริเวณเป็นเวลาเกือบสองชั่วยาม พื้นดินรอบบ้านเปียกแฉะกลายเป็นโคลนและมีแอ่งน้ำเล็ก ๆ เกิดขึ้นหลายแห่งทุ่งดอกไม้สีเหลืองพัดไหวตามสายฝนลมพัดในเวลานั้นราวกับเริงระบำแม้อู๋เยว่ชิงจะถูกพลังของอีนั่วปกปิดเรื่องบางอย่างเอาไว้ แต่นางที่เป็นถึงเทพดาราย่อมเฉลียวใจได้ในบางครั้งว่าทุกสิ่งมันแปลกเกินไป อายุที่เพิ่มมากขึ้นในทุกวัน ไม่มีมนุษย์ผู้ใดหรอกจะอายุยืนร้อยปีแต่เนื้อหนังร่างกายและใบหน้ายังคงเหมือนวันวานไม่เปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะอีนั่ว ร้อยปีผ่านมาแล้วเขายังคงเหมือนเด็กอายุเจ็ดขวบไม่มีผิดสายตาที่ล่องลอยราวกับจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทำให้บุตรชายสังเกตได้ในพริบตา เขาเอียงคอเล็กน้อยก่อนที่พลังมารจาง ๆ ค่อย ๆ เคลื่อนผ่านไปหาอู๋เยว่ชิง