ณ งานแฟชั่นโชว์
เวลา 18.00 น. "ยินดีด้วยนะมึง โชว์มึงดีมากเลยได้ A แน่นอน" โมเน่เอ่ยกับเวนิสทันทีเมื่อโชว์จบลงพร้อมกับยื่นช่อดอกไม้แสนสวยเพื่อเป็นการแสดงความยินดีให้แก่เพื่อนรักของเธอ "ขอบใจนะเพื่อนรัก เดียวกูเคลียร์วิชานี้เสร็จวันศุกร์ไปปาร์ตี้กันไหมกูเลี้ยงเอง" เวนิสเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มดีใจที่งานของเธอจบลงด้วยดีและมีเหล่าอาจารย์ต่างชื่นชมโชว์ของเธอ "ไม่ได้ว่ะ กูต้องกลับไทยแล้วแด๊ดดี๊เรียกให้กลับด่วน" โมเน่เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเสียดาย "ทำไมรีบกลับจัง มีปัญหาไรรึป่าว" "แด๊ดดี๊บอกสาขาที่ฝรั่งเศสมีปัญหาเลยจะรีบไปดู" "น่าเสียดายจัง ไม่เป็นไรมึงเดียวค่อยเจอกันที่ไทยกูก็จะกลับสิ้นเดือนนี้" "กรี๊ด จริงหรอ" โมเน่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงดีใจสุดขีด โมเน่เองกลับไปก็กลัวเหงาเช่นกันเพราะนอกจากเวนิสที่เป็นเพื่อนกับเธอมาตั้งแต่อนุบาลเธอก็ไม่มีเพื่อนที่ไหน ด้วยนิสัยเอาแต่ใจไม่ยอมใครของพวกเธอและไม่อยากสุงสิงกับใครเลยคบกันมาแค่สองคนมาตลอด "จริงสิยะ" "งั้นคืนนี้เราไปดินเนอร์กันเบาๆ เพื่อเป็นการฉลองที่เราสองคนจบแล้วดีไหม" "ได้ มึงเลือกร้านเลยเดียวกูเคลียร์สถานที่คืนเขาก่อน" เวนิสเอ่ยพร้อมทั้งหันไปมองยังสถานที่จัดงานที่ตอนนี้กำลังเริ่มทยอยเก็บกันแล้ว "ได้จ๊ะเพื่อนรัก" โมเน่เอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มแฉ่งก่อนจะเดินไปนั่งเลือกร้านรอเพื่อนรักของเธอ ณ ราชอาณาจักรไทย "ถึงสักทีเมื่อยชะมัด" ร่างบางที่พึ่งเดินลงมาจากเครื่องบินเอ่ยขึ้นพร้อมกับบิดขี้เกียจไปมาเมื่อเหยียบถึงพื้นดินถึงเเม้ว่าเธอจะนั่งชั้นเฟิร์สคลาสมาแต่การเดินทางที่ยาวนานก็ทำให้เธอรู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวมากเช่นกัน "คุณหนูครับทางนี้ครับ" สมชายคนขับรถประจำบ้านที่มารอรับโมเน่เอ่ยขึ้นก่อนจะรีบเดินไปช่วยเธอขนสัมภาระ "แด๊ดดี๊กับหม่ามี๊ไม่มารับฉันหรอ? " โมเน่เอ่ยขึ้นพร้อมกับมองหาพ่อกับแม่ของเธอทันที "พวกคุณท่านยังประชุมไม่เสร็จครับเลยให้ผมมารับคุณหนูแล้วพวกท่านจะไปรอที่บ้าน" สมชายเอ่ยขึ้นขณะเข็นกระเป๋าเดินตามหลังเธอออกไปยังที่จอดรถ "เห้อ~ " ร่างบางที่ได้ยินคำตอบของสมชายก็ถอนหายใจออกมาอย่างผิดหวังก่อนจะเดินขึ้นรถไป "คุณหนูจะไปที่ไหนก่อนไหมครับ" "ไม่ ฉันอยากกลับบ้านเลย" "ครับ" หลังจากรับคำสั่งจากเจ้านายสมชายก็ออกรถตรงไปยังบ้านทันที ณ บ้านโสภาสิริ "คุณหนูกลับมาแล้วค่ะคุณท่าน" ช้อยแม่บ้านเก่าแก่เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นรถที่สมชายขับไปรับคุณหนูกำลังแล่นมาจอดยังหน้าประตูบ้านหลังใหญ่ "โมเน่ของแด๊ดดี๊" ก้อง ก้องเกียรติ โสภาสิริ ที่ได้ยืนรอลูกสาวของตนอยู่ที่ประตูหน้าบ้านเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดีใจเมื่อเห็นว่าลูกสาวสุดที่รักกลับมาบ้านแล้ว "แด๊ดดี๊ หม่ามี๊คิดถึงจังเลยค่ะ" โมเน่ที่เห็นพ่อกับแม่ยืนรออยู่หน้าประตูบ้านก็รีบลงจากรถและเอ่ยขึ้นก่อนจะรีบเดินไปกอดพวกท่านทั้งสอง "หม่ามี๊ก็คิดถึงโมเน่ที่สุดเลยลูก" พลอย คุณหญิง ไพริน โสภาสิริ เอ่ยขึ้นพร้อมกับสวมกอดลูกสาวอันเป็นที่รักทันทีด้วยความคิดถึง "กินอะไรมารึยังลูก" ก้องเกียรติเอ่ยขึ้นพร้อมกับลูบหัวลูกสาวตัวเองอย่างเอ็นดู "ยังเลยค่ะ โมเน่คิดถึงอาหารฝีมือยายช้อยที่สุดเลยค่ะ" โมเน่เอ่ยขึ้นพร้อมทำน้ำเสียงและสายตาออดอ้อนช้อยแม่บ้านเก่าแก่ที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กยามพ่อและแม่ของเธอยุ่งอยู่กับงานจนแทบไม่มีเวลาให้ เธอจึงรักช้อยเหมือนกับคนในครอบครัวเธอคนหนึ่ง "วันนี้ช้อยเตรียมแต่ของโปรดคุณหนูไว้ทั้งนั้นเลยค่ะ" ช้อยเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม เธอเองก็คิดถึงคุณหนูของเธอเช่นกันใครจะว่าคุณหนูของเธอเอาแต่ใจนิสัยเสียแค่ไหนแต่เธอเป็นคนเลี้ยงล้วนรู้ดีกว่าใครว่าจริงๆ แล้วคุณหนูของเธอเป็นคนยังไง "ลูกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ จะได้ลงมาทานข้าวเดียวแด๊ดดี๊มีเรื่องงานจะคุยด้วย" ก้องเกียรติเอ่ยพร้อมกับยิ้มให้ลูกสาวของตนพร้อมกับที่แม่ของเธอคลายอ้อมกอดออก "อะไรกันคะโมเน่พึ่งจะกลับมาเองนะ" โมเน่เอ่ยขึ้นพร้อมทั้งทำสีหน้านอยพ่อของเธอที่เธอพึ่งกลับมาก็จะให้ทำงานเสียแล้ว "โอ๋ๆ ก็พรุ่งนี้แด๊ดดี๊กับหม่ามี๊ต้องไปร่วมงานเลี้ยงสมาคมเลยอยากพาโมเน่ไปให้รู้จักนักธุรกิจคนอื่นไงลูก" "แต่ว่า.." "ไม่มีแต่โมเน่ ไปเปลี่ยนชุดนะลูกจะได้มาทานข้าวกัน" ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยจบผู้เป็นแม่ของเธอก็แทรกพูดขึ้นมาก่อน "ก็ได้ค่ะ" โมเน่เอ่ยขึ้นพร้อมทั้งทำหน้านอยและเดินขึ้นไปยังห้องนอนเพื่อที่จะเปลี่ยนชุด - 40 นาทีผ่านไป - "อิ่มจังเลยค่ะ กินข้าวที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่ายายช้อยทำ" โมเน่เอ่ยขึ้นอย่างเอาใจพร้อมกับลูบพุงตัวเองที่พึ่งจะกินข้าวจานที่สามหมดไป นานแล้วที่เธอไม่ได้กินอาหารไทยที่ถูกปากแบบนี้หนำซ้ำยายช้อยยังทำแต่อาหารโปรดของเธอไว้รอทั้งนั้น มีทั้ง แกงเขียวหวานไก่ หมูเค็ม ปูผัดผงกะหรี่ ปลาทับทิมนึ่งมะนาว หมูสร่ง ไก่ทอดเปรี้ยวหวาน จะไม่ให้เธอเติมข้าวก็คงเป็นเรื่องแปลก "ปากหวานไม่เปลี่ยนเลยนะคะคุณหนูเดียวช้อยไปเอาบัวลอยไข่หวานของโปรดคุณหนูมาให้นะคะ" ช้อยที่ได้ยินที่โมเน่ชมก็ยิ้มแก้มแทบปริพร้อมทั้งรีบเดินกลับไปยังหลังครัวเพื่อที่จะเตรียมขนมหวานมาเสิร์ฟ "เอาล่ะมาเข้าเรื่องงานกันเลยนะ" ก้องเกียรติเอ่ยหลังจากที่พึ่งวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ "ค่ะ" โมเน่เอ่ยขึ้นพร้อมกับตั้งใจฟังที่ผู้เป็นพ่อกำลังจะพูด "ที่แด๊ดดี๊บอกว่าเดือนหน้าแด๊ดดี๊กับหม่ามี๊ต้องไปดูงานที่ฝรั่งเศสอาจจะเลื่อนไปเร็วขึ้นเพราะทางนั้นค่อนข้างมีปัญหา" "แต่โมเน่พึ่งกลับมาเองนะคะจะทิ้งโมเน่ให้อยู่คนเดียวหรอลูกน้องแด๊ดดี๊เยอะแยะก็ให้ทำแทนไปสิ" "มันเป็นปัญหาที่แด๊ดดี๊ต้องไปจัดการเองแด๊ดดี๊จะสั่งงานไว้ให้โมเน่งานหนึ่งได้ไหมลูกถ้าโมเน่ทำได้แด๊ดดี๊มีรางวัลใหญ่ให้" "งานอะไรหรอคะ" โมเน่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและแววตาเป็นประกายเมื่อได้ยินคำว่ารางวัลใหญ่ "ตอนนี้โรมแรมของเราคู่แข่งค่อนข้างที่จะเยอะถึงโรงแรมเราจะเป็นโรงแรมเก่าแก่และมีฐานลูกค้าอยู่แล้วแต่เดียวนี้โรมแรมใหม่ๆ ที่พึ่งเปิดตัวก็ดึงลูกค้าเราไปมากเช่นกัน" ก้องเกียรติเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งเครียด จริงอยู่ว่าโรงแรมของเขาเป็นโรงแรมหรูเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมานานนับรุ่นต่อรุ่นแต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปก็ทำให้เกินการเเข่งขันมากขึ้นด้วยเช่นกัน "แล้วทำไมเราไม่จ้างพวกดาราดังๆ หรืออินฟลูเอนเซอร์ดังๆ มารีวิวให้ล่ะคะเงินจ้างแค่นั้นไม่สะเทือนขนหน้าแข้งเราเลยด้วยซ้ำ" "วิธีแบบนั้นโรงแรมไหนเขาก็ทำกับนะจ๊ะลูกโรงแรมเราก็เคยทำ" คุณหญิงไพรินเอ่ย "แล้วแบบนี้เราจะทำยังไงดีล่ะคะ" "แด๊ดดี๊กับหม่ามี๊ได้ข่าวมาว่าบริษัท GR ที่เป็นบริษัทที่ส่งออกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผลิตไวน์หรูระดับโลกอย่างไวน์ le raisin blanc มาเปิดบริษัทลูกที่ไทยและจะมีงานเปิดบริษัทอาทิตย์หน้าถ้าเราดิวกับเขาได้แล้วให้เขาส่งไวน์ le raisin blanc ที่ผลิตมาจำนวนจำกันต่อปีให้แค่โรงแรมของเรา..." ก้องเกียรติเอ่ยขึ้นก่อนจะหยุดและหันไปมองทางลูกสาวของตนว่าเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อไหม "โรงแรมของเราก็จะเป็นที่จับตามองจากบรรดาเหล่าเศรษฐีจากทั่วโลกมากขึ้น" โมเน่เอ่ยขึ้นอย่างเข้าใจความหมายของผู้เป็นพ่อ แต่เดิมฐานลูกค้าที่มาพักโรงแรมของที่บ้านเธอส่วนมากมักจะเป็นคนมีเงินและคนใหญ่คนโตเพราะด้วยการตกแต่งการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่างทำให้ห้องพักมีราคาที่ค่อนข้างสูงแต่ถ้ายิ่งได้บริษัท GR ส่งไวน์หรูอย่าง le raisin blanc ที่ผลิตปีหนึ่งไม่ถึงร้อยขวดให้โรงแรมเธอที่มีสาขาอยู่แทบจะทั่วโลกก็จะยิ่งเรียกเหล่าบรรดาเศรษฐีได้มากขึ้นอย่างไม่ยากเลย "ใช่จ๊ะ เพราะอย่างงั้นหม่ามี๊กับแด๊ดดี๊เลยอย่างให้ลูกดิวกับมิสเตอร์ดราก้อนให้สำเสร็จ" "มิสเตอร์ดราก้อน" โมเน่เอ่ยทวนชื่ออีกครั้งอย่างนึกตะหงิดใจ "ใช่จ๊ะ มิสเตอร์ดราก้อนเป็นลูกชายคนโตของบริษัท GR อายุน่าจะมากกว่าลูกสัก 4 - 5 ปี " "ถ้าลูกปิดดิวนี้ได้แด๊ดดี๊เตรียมรางวัลไว้ให้ลูกสาวคนสวยแล้วหรือโมเน่จะเลือกเองก็ได้" "แด๊ดดี๊พูดแล้วนะคะ แล้วงานที่โรงแรมล่ะคะแด๊ดดี๊ก็รู้ว่าโมเน่โง่จะตายจบมาได้เพราะเงินแด๊ดดี๊กับหม่ามี๊ทั้งนั้น" "ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกระหว่างที่แด๊ดดี๊ไม่อยู่จะให้สิธากลับมาดูแลแทนให้ก่อน โมเน่เเค่เข้าไปเซ็นเอกสารเล็กๆ น้อยๆ ก็พอ" ก้องเกียรติเอ่ยถึงผู้ช่วยคนสนิทที่ตอนนี้เขาส่งไปดูแลสาขาที่ดูไบ "หรือโมเน่จะหาลูกเขยเก่งๆ ฉลาดๆ มาให้หม่ามี๊กับแด๊ดดี๊ก็ได้นะลูก" "โมเน่จะไปหาจากไหนล่ะคะ สู้ให้โมเน่หาแฟนให้โมเน่เอาเงินไปจ้างคนที่เก่งๆ มาบริหารแทนดีกว่า" "มิสเตอร์ดราก้อนไงหม่ามี๊เคยเจอเขาครั้งนึงหล่อมากเลยนะลูกข่าวเสียหายก็ไม่เคยมี เดียวอาทิตย์หน้าตอนงานเปิดบริษัทของเขาที่ไทยหม่ามี๊พาไปแนะนำ" "แด๊ดดี๊ก็ไม่ติดนะถ้าเป็นมิสเตอร์ดราก้อนแด๊ดดี๊คงจะเบาใจเรื่องงานขึ้นเยอะเลย ฮ่าๆ " ก้องเกียรติเอ่ยอย่างหยอกล้อกับลูกสาวของตน "แด๊ดดีอะ แค่บริหารงานเองเดียวโมเน่จะทำให้ดู" โมเน่เอ่ยขึ้นพร้อมกับทำหน้าบึ้งตึงก่อนจะตักขนมหวานที่แม่บ้านพึ่งเอามาเสิร์ฟให้เขาปากMonet Partหลังจากที่ฉันกินข้าวเย็นเสร็จก็ขอตัวขึ้นมาบนห้องทันทีเพราะรู้เหมือนเพลียและรู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวจากการเดินทาง"ดราก้อนงั้นหรอ""คงไม่ใช่หรอกมั้ง" ฉันที่ล้มตัวบนที่นอนเอ่ยพึมพำกับตัวเองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดโทรไปหายัยเวนิส(ว่าไงยะถึงแล้วหรอ)"ถึงได้สักพักแล้ว มึงงงง" (เป็นไรทำไมทำเสียงอย่างงั้นยะ)"เมื่อกี้แด๊ดดี๊กับหม่ามี๊กูให้งานแรกกูทำคือดีลกับบริษัท GR แล้วคนที่กูต้องไปดิวด้วยคือผู้บริหารบริษัทที่ชื่อมิสเตอร์ดราก้อน"(แล้วไงต่อยะ)"ก็คนที่กูไปขอซื้อเขากินก็ซื้อดราก้อนมึงว่าจะเป็นคนเดียวกันไหม"(โอ้ย อีนี่ก็คิดมากคนที่มึงไปขอซื้อนั้นเขาเป็นบาร์เทนเดอร์อันนี้เขาเป็นเจ้าของบริษัทเลยนะยะ) "แต่มึงว่าจะไม่บังเอิญไปหน่อยหรอวะ"(แล้วคนชื่อดราก้อนมันมีคนเดียวในโลกรึไงกูไปนอนต่อดีกว่าแค่นี้แหละ)ตู๊ดๆๆ"คงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้ง" ฉันเอ่ยหลังจากยัยเวนิสวางสายไป เเต่ก็จริงอย่างที่ยังเวนิสบอกมันคงไม่บังเอิญโลกกลมขนาดที่บาร์เทนเดอร์จะกลายมาเป็นผู้บริหารบริษัทใหญ่โตขนาดนั้นหรอกMonet End- วันต่อมา -ก๊อกๆ"คุณหนูเสร็จรึยังค่ะคุณผู้หญิงให้มาตามค่ะ""เสร็จแล้วค่ะ ช้อยบอกหม
"ไง ดีใจจังที่จำชื่อผัวได้" เขาเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉยดราก้อนเอ่ยจบก็สาวเท้าเดินมาหาเธอขณะที่เธอเองก็เดินถอยหลังไปติดกับประตูห้องน้ำห้องที่เธอพึ่งจะเดินออกมาด้วยใบหน้าที่แสดงสีหน้าหวาดกลัวได้อย่างชัดเจน"อย่ามาพูดจามั่วๆ เรื่องคืนนั้นมันก็แค่ one night stand และอีกอย่างคืนนั้นฉันก็เมามากจนจำอะไรไม่ได้ด้วย" ร่างบางเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งพยายามผลักอกแกร่งของเขาออกไปแต่ก็ไม่เป็นผล"หึ ถ้าคืนนั้นเธอจำไม่ได้งั้นฉันจะเตือนความจำเธอให้เอง" ร่างแกร่งเค้นหัวเราะออกมาจากลำคอพร้อมกับใช้มือหนาจับคางมนของคนตัวเล็กให้เชิดขึ้นมาสบสายตากับเขา"อย่านะไอ.. อุ้ปป" ยังไม่ทันที่โมเน่จะเอ่ยจบก็โดนร่างแกร่งประกบปากจูบอย่างเร้าร้อนสะก่อนพร้อมกับใช้มือหนารั้งเอวบางเข้ามาแนบตัว"อืมม ~ อ่อยอะ (ปล่อยนะ) " โมเน่ร้องทวงออกมาจากในลำคอทันทีเมื่อถูกมือซุกซนของร่างแกร่งเลื่อยมาบีบขยำหน้าอกอวบอิ่มของเอ่ยอย่างถือวิสาสะก๊อกๆ"ว่า" ดราก้อนที่ถูกลูกน้องที่อยู่หน้าห้องเคาะประตูเรียกขัดจังหวะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์"แย่แล้วครับ ลูกน้องที่โกดังโทรมาบอกว่าสินค้าของเรามาไม่ทันกำหนดครับนาย" มาตินเอ่ยขึ้นจากทางด้านนอกประต
- 3 วันต่อมา -ณ โรงแรม Moonskyทันทีที่ร่างอรชรของหญิงสาวเดินผ่านประตูเข้ามาในโรงแรมพนักงานทุกคนที่กำลังทำงานอยู่ก็รีบยืนขึ้นทำความเคารพเธอทันทีนี้ก็ผ่านมา 3 วันแล้วที่เธอเริ่มฝึกงานและมาเรียนรู้งานที่โรงแรมโดยมีสาวิตรีเลขาของพ่อเธอช่วยสอน"แด๊ดดี๊อยู่ไหม? " โมเน่ที่พึ่งขึ้นลิฟท์มาถึงชั้นบนสุดของโรงแรมเอ่ยขึ้นถามสาวิตรีที่นั่งอยู่หน้าห้องของผู้เป็นพ่อ"อยู่ค่ะคุณโมเน่" หลังจากสาวิตรีเอ่ยจบร่างบางก็เคาะประตูแล้วรีบเปิดเข้าไปทันทีก๊อกๆ"แด๊ดดี๊ขาาา""มาแล้วหรอลูก" ก้องเกียรติที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ของผู้บริหารเอ่ยขึ้นแต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองลูกสาวที่กำลังเดินเข้ามาแต่กับเอาแต่จ้องอ่านบางอย่างในไอแพดด้วยใบหน้าเคร่งเครียด"เป็นอะไรคะแด๊ดดี๊ทำไมหน้าเครียดเชียว" โมเน่ที่เดินมายืนข้างผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นพร้อมกับชะโงกหน้าดูไอแพดของผู้เป็นพ่อ"โรงแรม Mareena สื่อแววจับมือกับบริษัทนำเขาเครื่องดื่มแอลกอฮอลยักษ์ใหญ่ GR " โมเน่อ่านข่าวที่ขึ้นพลาดหัวข่าวว่าโรมแรมดังของอังกฤษที่พึ่งมาเปิดสาขาที่ไทยสนใจร่วมมือกับบริษัท GR พร้อมกับมีรูปผู้บริหารสาวของโรมแรมกำลังนั่งคุยอยู่กับดราก้อน"นี้แค่ข่าวออกยังไ
- บนรถ -"เห้อ~ " หลังจากที่รถตู้คันหรูเคลื่อนตัวออกจากบริษัท GR ได้ไม่นานก้องเกียรติก็ถอนหายใจออกมาทันทีอย่างคนเหนื่อยล้า"แด๊ดดี๊อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ" โมเน่ที่เห็นสีหน้าที่ดูตึงเครียดและเหนื่อยล้าของผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้น"ถ้าโรงแรม Mareena ได้ GR ไปโรงแรมเราแย่แน่""งั้นรอบนี้โมเน่ขอเป็นคนทำข้อเสนอไปยื่นเองได้ไหมคะ""แน่ใจหรอลูก" ก้องเกียรติที่ได้ยินที่ลูกสาวเอ่ยก็หันไปมองหน้าเธอและเอ่ยถาม"แน่ใจคะเชื่อใจโมเน่นะคะ ยิ้มได้แล้ว" โมเน่เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มให้ผู้เป็นพ่อแต่ภายในใจเธอกับสั่นกลัวเพราะเธอรู้ดีว่าสิ่งที่ดราก้อนต้องการคืออะไร- วันต่อมา -ณ บริษัท GRร่างอรชรที่พึ่งขับรถยุโรปคันหรูมาถึงยังบริษัทของดราก้อนได้แต่สูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะสวมแว่นตาสีดำจากแบรนด์หรูและก้าวเท้าเดินลงจากรถเข้าไปยังข้างในบริษัทอย่างพยายามซ่อนความกลัวไว้ในใบหน้าที่ดูเย่อหยิ่ง"สวัสดีค่ะมาพบใครคะ" ทันทีที่เธอเดินผ่านพ้นประตูบริษัทเสียงพนักงานต้อนรับก็เอ่ยขึ้น"มิสเตอร์ดราก้อน" โมเน่เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมทั้งถอดแว่นตาดำของแบรนด์หรูออก"เออ..คุณโมเน่ได้นัดไว้รึป่าวคะ? " "ไม่ค่ะ""ปกติจะเจอท่านประธานต้
มือหนารวบข้อมือทั้งสองข้างของคนตัวเล็กไปไว้ด้านหลังพร้อมกับไล่ริมฝีปากหนาดูดเม้นตามตัวของเธอจนเกิดรอยแดงเป็นจ้ำๆ"เจ็บ" โมเน่เอ่ยออกมาเสียงสั่นเมื่อถูกชายหนุ่มมอบสัมผัสที่หยาบโลนเหมือนกับสัตว์ร้ายให้แก่เธอ"หุปปาก แล้วจับมันใส่เข้าไปสะ" ดราก้อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกดต่ำพร้อมกับถอดนิ้วของเขาออกจากรูสวาทงามของเธอก่อนที่จะมองไปยังแก่นกายของเขาที่ตอนนี้มันขยายใหญ่เต็มขนาดให้เธอเอาเข้าไปร่างบางที่ได้ยินที่เขาสั่งก็ได้แต่เก็บความเคียดเเค้นไว้ในใจก่อนจะใช้มือเรียวจับแก่นกายมหึมาของเขามาจ่อที่ยังบริเวณรูสวาทของตัวเองพร้อมกับค่อยๆ นั่งลงไป"อื้อ~ เจ็บ" โมเน่ร้องออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆ ไหลเมื่อเธอพยายามดันแก่นกายแต่เข้ามาได้แค่หัวมันกับเจ็บมาจนเหมือนตรงส่วนนั้นของเธอมันจะฉีก"อย่ามาสำอ่อยทำยังกับไม่เคย" คนใจร้ายเอ่ยด้วยถ้อยคำที่ร้ายกาจพร้อมกับมองดูแก่นกายของเขาที่เข้าไปยังรูสวาทของเธอได้แค่หัวเท่านั้นก๊อกๆ"นายครับมีสายด่วนจากนายท่านครับ" มาตินเอ่ยขึ้นพร้อมกับเคาะประตู"ให้ตายเถอะ" ดราก้อนสบดออกมาอย่างหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะพร้อมกับดันตัวร่างบางที่นั่งคล่อมเขาอยู่ให้นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานข
ทันทีที่ร่างสูงเอ่ยจบก็ใช้มือหนากระชากข้อเท้าของร่างบางที่ขยับหนีไปจนติดหัวเตียงลงมาพร้อมกับรีบขึ้นไปคล่อมตัวเธอไว้ทันที"นะ..นายจะทำอะไร" โมเน่เอ่ยถามเสียงสั่นเมื่อถูกคนตัวสูงใช้เข็มขัดแบรนด์หรูมามัดแขนทั้งสองข้างของเธอไว้เหนือศรีษะจนทำให้เธอไม่สามารถขัดขืนได้มาเฟียหนุ่มรีบจัดการถอดอาภรณ์ช่วงล่างตัวเองออกเผยให้เห็นแก่นกายมหึมาที่มันดูใหญ่เกินขนาดคนเอเซีย"ดะ..เดียวก่อน อื้ม~ "แคว้ก!ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยห้ามเขาจนจบประโยคคนใจร้ายก็จัดการฉีกกระชากชุดนอนของเธอจนขาดริ้วเผยให้เห็นเรือนร่างขาวอมชมพูที่ตอนนี้มีแค่เสื้อชั้นในและแพตตี้ตัวจิ๋วเท่านั้นมาเฟียหนุ่มไล่สายตามองคนใต้ร่างของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพึ่งพอใจที่ร่างกายของเธอยังคงมีรอยแดงเป็นจ้ำๆ จากฝีมือของเขาเมื่อกลางวันอยู่ก่อนจะโน้มหน้าถ้าลงไปดูดเม้นซอกคอขาวไล่ลงมายังเนินอกอวบอิ่ม"อะ..เจ็บ" ร่างบางร้องออกมาด้วยสีหน้าบิดเบียวเมื่อถูกมือหนากระชากเสื้อชั้นในของเธอออกและฝังคมเคี้ยวไว้กับเต้านมอวบจนเป็นรอยเคี้ยวก่อนจะลากลิ้นสากเลื่อนลงต่ำมายังหน้าท้องแบนราบและเลื่อนต่ำลงใต้สะดือไปจนถึงกลีบกุหลาบงามที่ถูกปิดไว้ด้วยแพตตี้ตัวจิ๋ว"อ
- เช้าวันต่อมา - เวลา 7.00 น. แสงแดดอ่อนๆ ในยามเช้ารอดส่องเข้ามาผ่านกระจกบานหรูกระทบกับใบหน้าของหญิงสาวที่หลับไหลอยู่ด้วยความเหนื่อยล้าจากเรื่องเมื่อคืนเหมือนกับเป็นการช่วยปลุกให้เธอตื่นจากห้วงนิทรา "อื้ม~ เจ็บ" ทันทีที่เธอรู้สึกตัวตื่นความเจ็บปวดก็แล่นเข้ามาทันทีโดยเฉพาะใจกลางความเป็นสาวก่อนที่เธอจะค่อยๆ ลืมตาตื่นมาพบกับว่าเธอกำลังอยู่ในอ้อมกอดของชายใจร้ายที่ยังหลับไหลอยู่ ก่อนที่เหตุการณ์เมื่อคืนจะหลั่งเข้ามาในความทรงจำของเธออีกครั้ง ร่างบางมองใบหน้าคมคายนั้นอยู่พักใหญ่ด้วยความคับแค้นใจก่อนจะก้มลงมองดูร่างกายของตัวเองที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำรักของคนใจร้ายและคราบเลือดของเธอที่เกิดจากการฉีกขาดของจุดสงวน "นอนนิ่งๆ ถ้าไม่อยากตาย" ร่างแกร่งเอ่ยขึ้นเมื่อร่างบางขยับตัวพร้อมทั้งกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น "ปล่อย! นายได้ที่นายต้องการแล้วก็กลับไปสะแล้วก็อย่างลืมที่สัญญากับฉันไว้ด้วย" โมเน่เอ่ยขึ้นด้วยความโกรธพร้อมทั้งดันตัวเองออกจากอ้อมกอดแกร่งของเขาก่อนจะฝืนลุกขึ้นนั่ง "ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าจะสัญญากับเธอ" ดราก้อนที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองร่างบางก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเรียบอย่างไม่รู้สึกรู
- เช้าวันต่อมา -ณ โรงแรม Moonskyก๊อกๆชายวัยกลางคนที่กำลังตรวจเอกสารด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่นั้นก็เอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูของเลขาหน้าห้อง"เข้ามา""ทางบริษัท GR ติดต่อมาขอเข้าพบตอน 9 โมงค่ะ" สาวิตรีที่ได้ยินคำอนุญาติจากผู้เป็นเจ้านายก็เปิดประตูออกมาพร้อมทั้งเอ่ยขึ้น"จริงหรอ! บอกไปว่าทางเราสะดวกและยินดีมาก" ก้องเกียรติที่ได้ยินที่เลขาของตนบอกก็วางเอกสารลงเเละเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น"แล้วประชุมช่วงเช้า.." สาวิตรีเอ่ยขึ้นอย่างมีสีหน้าลำบากใจเพราะว่าช่วงเช้าของวันนี้ก็มีประชุมที่สำคัญมากเช่นกัน"เลื่อนออกก่อนสักชั่วโมงแล้วก็โทรตามโมเน่ให้มาให้ทันก่อน 9 โมง""รับทราบค่ะ" หลังจากที่ได้รับคำสั่งจากผู้เป็นนายแล้วเธอก็เอ่ยขึ้นก่อนจะหันหลังกลับไปทำตามที่ก้องเกียรติสั่ง- 15 นาทีผ่านไป -ก๊อกๆแกร็ก~"อ้าว คุณหญิงไปส่งลูกค้าเสร็จแล้วหรอผมกำลังจะโทรไปบอกข่าวดีเลย" ก้องเกียรติที่กำลังจัดเตรียมเอกสารอยู่อย่างอารมณ์ดีก็เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นผู้เป็นภรรยาของตนเปิดประตูเข้ามาในห้อง"เสร็จแล้วค่ะแล้วก็นี่ฉันซื้อวุ้นมะพร้าวร้านโปรดคุณมาให้ด้วย" คุณหญิงไพรรินที่พึ่งไปส่งลูกค้าของตนที่สนามบินเ
"เสร็จแล้ว" หญิงสาวเอ่ยขึ้นเมื่อเธอพึ่งใช้ผ้าก๊อซพันเเขนให้กับเขาเสร็จ"....." หลังจากที่หญิงสาวเอ่ยจบมาเฟียหนุ่มก็มองที่ผ้าพันแผลที่แขนของเขาที่มันดูไม่เรียบร้อยเท่าไหร่นัก"นี่! ไม่ต้องมามองแบบนั้นเลยนะก็ฉันพึ่งพันครั้งแรกมันก็แบบนี้แหละ" หญิวสาวที่เห็นสายตาของมาเฟียหนุ่มก็รู้ได้มันทีว่าเขาคิดอย่างไรกับการทำแผลของเธอ"ก็ไม่ได้ว่าอะไร" มาเฟียหนุ่มเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าฉุกเฉินของศัตรูที่เขาขนเสบียงพวกนั้นลงมาด้วยไว้ตรงหน้าหญิงสาว"ว้าวว พวกนั้นเตรียมพร้อมกว่านายอีก" โมเน่ที่เปิดกระเป๋าดูและเห็นของกินก็เอ่ยขึ้นอย่างดีใจ"ฉันไม่ได้เตรียมตัวมาไล่ยิงคน""ก็นั้นแหละเป็นถึงมาเฟียนายก็ควรจะเตรียมพร้อมกว่านี้ไหมเกือบจะพาฉันมาตายอยู่แล้ว" โมเน่เอ่ยบ่นเป็นชุดพร้อมกับหยิบขนมปังขึ้นมาแกะถุงก่อนจะกัดคำโตอย่างคนหิวโหย"...." ดราก้อนที่ได้ยินที่ร่างบางเอ่ยก็ได้แต่นั่งกินแครกเกอร์เงียบๆ อย่างไม่ได้เอ่ยเถียงอะไรกลับไปส่วนหนึ่งที่เธอพูดก็มีเหตุผลเขาควรจะเตรียมพร้อมให้มากกว่านี้จริงๆ อย่างที่เธอเอ่ยเพราะเขานั้นเป็นมาเฟียและมีศัตรูอยู่รอบตัว"ทำไมนายไม่กินขนมปังล่ะมันน่าจะอยู่ท้องกว่า" โมเน่ถา
หญิงสาวตะโกนเรียกชื่อมาเฟียหนุ่มขึ้นมาอย่างสุดเสียงด้วยความตกใจพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างเบิกเมื่อเห็นว่าเขาถูกกระสุนยิงเข้าที่แขนเพื่อที่จะมาช่วยผลักเธอให้พ้นจากกระสุน"ซี๊ด~ " ดราก้อนที่ถูกยิงเข้าที่แขนก็ทำสีหน้าเจ็บเพียงเล็กน้อยเพราะดีว่ากระสุนนี้เพียงแค่เฉี่ยวดีว่าไม่ฝังเข้าที่แขนแต่ก็เป็นรอยเฉี่ยวที่ลึกพอสมควร"ดะ...ดราก้อนเเขนนาย ฮึก" หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นคลอนด้วยความกลัวและตกใจพร้อมกับชี้ไปที่แขนข้างขวาของมาเฟียหนุ่มที่ตอนนี้เลือดไหลจนชุ่มแขนเสื้อเชิ้ตของเขา"หลับตาไว้จนกว่าฉันจะบอกให้ลืมตา" ดราก้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงกดต่ำพร้อมกับเปลี่ยนสีหน้าและแววตาเป็นโหดเหี้ยวก่อนจะสไลค์ปืนเพื่อเตรียมจะยิงทั้งที่ตอนนี้เขาเหลือกระสุนเพียงแค่ลูกเดียวเท่านั้น"อืม" หญิงสาวเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าและแววตาของชายหนุ่มเปลี่ยนไปเป็นโหดเหี้ยมอย่างที่เธอนั้นไม่เคยเห็นมาก่อนหลังจากที่หญิงสาวหลับตาลงดราก้อนก็หันกลับไปทางชายฉกรรจ์ที่นอนอยู่กับพื้นทรายพร้อมกับกำลังเล็งปืนมาทางเขาทั้งที่ตนเองเเทบจะยืนไม่ไหวเพราะเลือดไหลนองออกมาจากขาที่ถูกมาเฟียหนุ่มยิงจนเลอะพื้นทรายสีขาวดราก้อนที่เห็นแบบนั้นได้แต่ก
หญิงสาวกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียงเมื่อเธอวิ่งมาเกือบถึงชายหาดหมายจะเจอเหล่าลูกน้องของดราก้อนมาช่วยเหลือเธอแต่เธอก็ต้องผิดหวังพร้อมกับตาเบิกกว้างด้วยความตกใจกลัวทันทีเมื่อเรือที่มาจอดเทียบใกล้ๆ เรือสปีดโบ๊ทของดราก้อนเป็นเรือของชายฉกรรจ์ที่ไล่ยิงเธอเเละดราก้อนเมื่อเช้าและพวกเขากำลังเล็งปืนมาที่เธอโมเน่หลับตาปี๋เมื่อคิดว่าเธอคงไม่รอดแล้วแน่ๆ พร้อมกับได้ยินเสียงปืนที่ลั่นผ่านเธอไปแต่เธอกับไม่รู้สึกเจ็บอะไรพร้อมกับเสียงของมาเฟียหนุ่มดังขึ้น"ฉันบอกแล้วใช่ไหมไม่ให้ไปไหน! " ดราก้อนตวาดลั่นพร้อมกับรีบวิ่งมาดึงเธอไปหลบหลังเขาหญิงสาวที่หลบอยู่หลังมาเฟียหนุ่มค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของชายหนุ่มพร้อมกับมองไปยังเรือของอีกฝ่ายก็เห็นว่าคนที่เล็งจะยิงเธอเมื่อกี้ตอนนี้ถูกดราก้อนยิงตกทะเลไปแล้ว"มึงฆ่าลูกพี่แล้วก็เพื่อนกู กูไม่ปล่อยไว้แน่!! " ชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่เหลือรอดอยู่เอ่ยขึ้นเสียงดังลั่นด้วยใบหน้าเครียดเเค้นพร้อมกับเล็งปืนมาที่เขา"เดียวฉันนับหนึ่งถึงสามเธอวิ่งไปหลบอยู่หลังต้นไม้เข้าใจไหม""แล้วนายล่ะ""ไม่ต้องถามมากฉันบอกให้ทำอะไรก็ทำ! " ดราก้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันพร้อมกับเล็งปืนไปที่เ
"ที่นี่เกาะอะไร" ร่างบางที่เดินตามหลังมาเฟียหนุ่มเข้าไปในเกาะเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัยเพราะเมื่อเธอมองไปรอบๆ เธอไม่เห็นเรือหรือแม้แต่ผู้คนอาศัยอยู่เลย"ไม่รู้ แต่น่าจะเป็นเกาะที่ไม่มีเจ้าของ" ดราก้อนเอ่ยขณะที่เขาเเละเธอเดินลึกเข้าไปเพื่อที่จะหาที่หลบภัย"พวกมันจะตามเรามาไหม" โมเน่เอ่ยถามมาเฟียหนุ่มด้วยสีหน้าเป็นกังวลและหวาดกลัว"ตาม" "นี่ ฉันยังไม่อยากตายนะ! " หลังจากสิ้นคำตอบของดราก้อนร่างบางก็รีบตวาดออกมาทันทีพร้อมกับหัวใจที่เริ่มเต้นแรงขึ้นอย่างหวาดกลัวว่าพวกนั้นจะตามมาเจอ"เธออยู่กับฉันไม่ตายหรอก""มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วฉันยังสาวยังสวยอยู่จะไม่ยอมตายเด็ดขาดและถ้าฉันตายฉันจะมาหักคอนายคนแรก! ""ผีฉันก็ขมขืน""ไอทุเรศ แล้วพวกลูกน้องนายจะมารับตอนไหน""ไม่รู้ที่นี้ไม่มีสัญญานโทรศัพท์" ดราก้อนเอ่ยขึ้นตามความจริงเพราะตั้งแต่ลงเรือมาเขาเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูหลายต่อหลายครั้งก็ไม่มีคลื่นสัญญาขึ้นมาเลยสักขีดเดียว"หมายความว่าไง นี่ฉันต้องอยู่ที่เกาะนี่ถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้จนกว่าลูกน้องนายจะหาเจอทั้งๆ ที่มีคนจะไล่ฆ่าเราน่ะหรอ! " โมเน่ตวาดขึ้นเสียงดัง"ใช่" ดราก้อนเอ่ยด้วยเสียงเรียบนิ่งก่อนจะหย
- 20 นาทีต่อมา -"อรุณสวัสดิ์ครับนาย" เสียงทักทายยามรุ่งสางของเหล่าบรรดาลูกน้องที่เริ่มตื่นมาเริ่มงานกันอีกครั้งเอ่ยทักทายดราก้อนที่พึ่งเดินออกมาจากโกดังพร้อมกับหญิงสาว"เตรียมสปีดโบ๊ทไว้ให้กูแล้วใช่ไหม" มาเฟียหนุ่มเอ่ยถามเมื่อเห็นมาตินและเฟรดเดินมา"ครับ นายจะให้ผมขับไปให้ไหมคับ" มาตินเอ่ยพร้อมกับยื่นกุญแจเรือสปีดโบ๊ทให้กับผู้เป็นนาย"ไม่ต้อง" มาเฟียหนุ่มเอ่ยก่อนจะเดินนำโมเน่ไปยังเรือสปีดโบ๊ทที่จอดรอเขาไว้อยู่ที่ชายฝั่ง- บนเรือสปีทโบ๊ท -"แค่จะดูพระอาทิตย์ขึ้นต้องออกมาไกลขนาดนี้เลยหรอ? " โมเน่เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าดราก้อนขับเรือออกมาค่อนข้างที่จะไกลจากชายฝั่งอย่างรู้สึกสงสัยและหวั่นๆ ใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกับว่ามันจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น"จุดนี้เป็นจุดที่สวยที่สุดแล้ว" ดราก้อนที่ขับเรือสปีดโบ๊ทมาถึงยังจุดที่เขาต้องการก็ทำการดับเครื่องพร้อมกับเอ่ยขึ้นและเป็นจังหวะเดียวกันกับพระอาทิตย์ที่กำลังโผลขึ้นมาจากขอบฟ้า"สวยจังเลย" หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับสายตาที่จ้องมองไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นอย่างหลงไหลจนลืมเรื่องที่เธอเป็นกังวนในใจไปจนหมดสิ้น"ชอบไหม" ดราก้อนที่มองร่างบางอยู่ด้วยสายตาอ่อนโยนก็เอ่
"วิวตรงนี้สวยจัง" โมเน่เอ่ยขึ้นเมื่อขึ้นมาถึงระเบียงชั้น 2 ของโกดังและทอดสายตามองไปที่ทะเลอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาตรงหน้า"นั้นสิ สวยจัง" เวนิสที่มองท้องทะเลยามค่ำคืนกับเพื่อนรักของตนเอ่ย"มึงยังไม่ได้บอกกูเลยนะว่ามึงไปอยู่กับเอเทรนได้ยังไง" โมเน่เอ่ยพร้อมกับนั่งลงยังเก้าอี้ม้าหินอ่อนที่ตั้งไว้ที่ระเบียงพร้อมทั้งจ้องมาที่เวนิสอย่างต้องการคำตอบ"เรื่องมันยาว" เวนิสเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้มลงต่ำด้วยแววตาเศร้าที่สั่นไหว"เล่ามากูพร้อมรับฟัง" โมเน่เอ่ยขึ้นพร้อมทั้งจับมือเพื่อนรักของตนมากำไว้อย่างให้กำลังใจ"คือว่า....." เวนิสเงยหน้ามองเพื่อนรักของเธอด้วยน้ำตาที่คลอเบ้าอย่างหลากหลายความรู้สึกก่อนจะเริ่มเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้โมเน่ฟัง"เหี้ยมาก แล้วตอนนี้อีเเม่เลี้ยงมึงอยู่ไหนกูจะไปจัดการมันเอง" หลังจากที่โมเน่ได้ฟังเหตุการณ์ทั้งหมดที่เวนิสเอ่ยเล่าให้ฟังก็รู้สึกโกรธแค้นแทนเพื่อนทันทีและรู้สึกเสียใจไปในคราวเดียวกันที่เธอเองไม่สามารถช่วยอะไรได้"ไม่ต้องถึงมือมึงหรอกกูรอคิดบัญชีกับมันอยู่แค่หาจังหวะ" เวนิสเอ่ยขึ้นด้วยแววตาเครียดแค้น"แล้วมึงอยู่กับเอเทรนมันดูแลมึงดีไหม""ก็ดี หรือกูเริ่มปรับตัวได้ก
"ไม่ได้หรอกครับ นายหญิงเป็นผู้หญิงของนายเรียกนายหญิงถูกแล้วครับ" ลูกน้องคนเดิมเอ่ยขึ้นเพราะว่าถ้าเธอผู้หญิงของนายเขายังไงก็ต้องเรียกว่านายหญิงเท่านั้น"ช่างมันเถอะจะเรียกอะไรก็เรียก แต่ข้าวกล่องมันจะพอไปมีแรงทำงานอะไร" โมเน่กรอกตาไปมาอย่างไม่อย่างไม่อยากสนใจกับสรรพนามที่ลูกน้องของดราก้อนเรียกตนก่อนจะเอ่ยต่อพร้อมกับกวักมือเรียกเฟรดที่ยืนอยู่กับดราก้อนให้มาหาเธอ"เฟรดมานี้หน่อย""ครับ" เฟรดที่พึ่งเดินมาถึงเธอเอ่ย"เดียวนายสั่งกุ้งลอฟเตอร์มา 100 ตัวนะ"" 100 ตัว? " เฟรดเอ่ยทวนอีกครั้งด้วยสีหน้าสงสัยปนตกใจกับจำนวน"ใช่ แล้วก็ข้าวผัดปูด้วยที่นี้มีกี่คน" โมเน่เอ่ยขึ้นพร้อมทั้งมองไปรอบๆ โกดังที่ตอนนี้มีเหล่าลูกน้องมากมายทำงานกันอยู่อย่างไม่มีใครได้หยุดพัก"ประมาณ 250 คน ครับ" "งั้นข้าวผัดปู 300 กล่อง ปลาหมึกย่าง 50 โล ปลาเผา 200 ตัว ปูม้านึ่งด้วย""สั่งมาให้คนกินหรอครับ? ""ฉันคงสั่งมาเลี้ยงผีเจ้าที่มั้ง นี้พวกนายจะกินไรไหมเดียวฉันเลี้ยงเอง" โมเน่เอ่ยเหวี่ยงใส่เฟรดอย่างหงุดหงิดกับสิ่งที่เขาถามเชิงแขวะเธอก่อนจะหันไปเอ่ยถามเอลิค เฟยหลงและแดเนียลที่ยังคงทำงานกันอยู่เช่นกัน"หึ ไม่ใช่ใช้เงินเพื
"ไง สาวน้อยมานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียว" แดเนียลที่พึ่งเดินมาจากการตรวจงานอีกด้านของโกดังเสร็จก็เอ่ยทักหญิงสาวที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โซฟารับแขกของโกดัง"ตอนแรกมีเฟรดด้วยแต่ฉันใช้ไปซื้อชานมไข่มุก" หญิงสาวเอ่ยโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมองเพราะสายตาของเธอยังคงจดจ่อกับเกมส์ในโทรศัพท์ของตนเองอยู่"ฮ่าๆ เธอนี้ใจกล้าไม่เบาเลยนะใช้มือซ้ายคนสนิทของเพื่อนฉันไปซื้อชานมไข่มุก" แดเนียลที่ได้ยินที่หญิงสาวเอ่ยก็หัวเราะลั่นขึ้นมาทันทีก่อนจะเอ่ยต่อ"แล้วมันแปลกตรงไหนคะหรือว่าใช้ไม่ได้? " โมเน่ที่เห็นว่าแดเนียลกำลังหัวเราะกับคำสั่งที่เอใช้เฟรดก็ขมวดคิ้วพร้อมกับเงยหน้ามองชายหนุ่มพร้อมกับเอ่ยขึ้น"ป่าวหรอก ไม่ใช่ใช้ไม่ได้แต่ฉันแค่ไม่เคยเห็นใครใช้ไอเฟรดไปทำอะไรแบบนั้นมาก่อน""งั้นตอนนี้ก็เห็นแล้วนะคะ" "เธอนี้ฝีปากใช้ได้ แต่ถึงเธอจะเป็นผู้หญิงของดราก้อนหรือว่าที่นายหญิงใหญ่ของตระกูลมันก็ควรระวังคำพูดไว้บ้าง" แดเนียลเอ่ยกับหญิงสาวเสียงเรียบอย่างต้องการจะตักเตือนเธอเพราะแค่เขาเจอเธอแค่ไม่กี่ครั้งก็พอจะเดาได้ว่าเธอคงแสบใช่ย่อยจากวีรกรรมต่างๆ ที่เธอทำกับเพื่อนรักของเขา"ฉันไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงของเขาหรือนายหญิงอะ
"กำหนดมันวันเสาร์ไม่ใช่หรอ? " หลังจากที่มาตินเอ่ยจบมาเฟียหนุ่มก็เงยหน้าพร้อมกับเอ่ยขึ้นทันที"คุณเฟยหลงบอกว่ามีสายบอกตำรวจมันรู้แล้วว่าเสาร์นี้เลยจะเลื่อนเวลาส่งของให้ไวขึ้นครับ""อืม แล้วตอนนี้พวกมันไปที่ท่าเรือกันรึยัง""คุณเฟยหลงอยู่ท่าเรือที่สตูลกับคุณเอลิคแล้วครับส่วนคนอื่นๆ กำลังตามไป""บอกพวกมันว่าเดียวกูตามไป""ครับ" หลังจากที่รับคำสั่งจากผู้เป็นนายเสร็จมาตินก็รีบออกไปทันทีพร้อมกับดราก้อนที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดต่อสายไปยังเบอร์ของหญิงสาว( ฮะโหล )"งานเธอยังเหลืออีกเยอะไหม"( ไม่ฉันมีแค่เซ็นเอกสารแทนแด๊ดดี๊กับหม่ามี๊มีอะไรรึป่าว ) โมเน่เอ่ยถามด้วยความสงสัย"เดียวฉันไปรับ"หลังจากที่เขาเอ่ยจบก็กดตัดสายทันทีโดยไม่ฟังคำตอบของคนปลายสายพร้อมกับเก็บงานทุกอย่างและลุกออกไปจากห้องทำงานทันทีอย่างรีบร้อน- บนรถ -"นี่นายจะพาฉันไปไหน" เสียงของหญิงสาวที่มาเฟียหนุ่มพึ่งไปรับมาจากโรงแรมของเธอเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองไปข้างทางที่ตอนนี้รถตู้คันหรูกำลังแล่นอยู่ด้วยความเร็วที่เร็วกว่าปกติ"เดียวถึงก็รู้เอง" ดราก้อนเอ่ยพร้อมทั้งเช็คงานที่เขาต้องทำให้เสร็จภายในอาทิตย์นี้ผ่านทางไอแพด"นายคงไม่ได้พาฉันไปฆ่า