มาเฟียจ้าวชีวิต
Writer : Aile'N
ตอนที่ 3
ของขวัญถูกพามาส่งถึงหน้าบ้านตามคำสั่งของใครคนนั้น สิ่งแรกที่ทำหลังจากเข้าบ้านมาก็คือเปิดประเป๋าดูเงินสิบล้านด้วยความกระอักกระอ่วนระคนดีใจ เพราะมันเยอะมากจริงๆ แถมได้มาโดยที่ไม่ได้ทำอะไรตอบแทนคนให้เลยสักอย่าง เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากๆ เธอได้แต่นิ่งอึ้งผสมปนเปกับความตื้นตันใจ นอกจากจะไม่ได้ทำอะไรตอบแทนแล้วเธอยังไม่ทันได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของผู้ชายคนนั้นเลยด้วยซ้ำ เขาเองก็ไม่ได้รู้ประวัติความเป็นมาของเธอ ได้ฟังแต่คำบอกเล่าเรื่องแม่ผ่านลมปาก แต่ก็ยังใจดียื่นมือเข้ามาช่วยโดยไม่คิดจะเอาอะไรตอบแทน แม้จะดูเหมือนช่วยแบบตัดความรำคาญก็เถอะ..
มือบางปิดกระเป๋าลงก่อนนั่งเหม่อ เสื้อที่อีกฝ่ายคลุมให้ก็ลืมคืนไปกับลูกน้องของเขา เลยลุกขึ้นถอดเอาไปแขวนไว้หน้าตู้เสื้อผ้าแล้วนั่งมองอย่างหลงใหล กลิ่นของผู้ชายเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าไม่รู้ แต่กลิ่นของเขาเธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหน กลิ่นของความดุดันอันตรายหากแต่เจือจางความอบอุ่นเล็กๆ ให้ความรู้สึกลึกลับแปลกๆ แต่เธอกลับรู้สึกชอบมาก..
นั่งเพ้อถึงใครคนนั้นอยู่พักใหญ่ ของขวัญก็สลัดความคิดทุกอย่างทิ้งชั่วคราวแล้วลุกไปอาบน้ำนอน คืนนี้เป็นคืนที่เธอนอนหลับสนิทเต็มอิ่มในรอบหลายเดือน เนื่องจากพรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงานที่ไหนอีกเพราะมีเงินรักษาแม่แล้ว แม้การได้มาจะไม่แฟร์เลยก็เถอะ แต่เธอสัญญากับตัวเองว่าจะหาทางตอบแทนเขาอย่างแน่นอน ถ้าได้เจออีกน่ะนะ..
วันต่อมา..
ของขวัญไปหาแม่ที่โรงพยาบาลแต่เช้า เพราะวันนี้แม่ต้องทำคีโมด้วยเลยอยากไปให้กำลังใจจากที่ปกติต้องทำงานเลยไม่ค่อยมีโอกาสอยู่ดูแลแม่หลังทำคีโมสักเท่าไร พอว่างเธอก็เลยอยู่เฝ้าแม่ตลอดทั้งวัน.. ตกตอนเย็นก็ต้องกลับบ้านทั้งที่ไม่อยากกลับ แต่เพราะแม่เธอพักห้องรวมพื้นที่เลยค่อนข้างแออัด ไม่มีที่ให้ญาตินอนนอกจากพื้น เธออยากย้ายแม่ไปอยู่ห้องพิเศษแต่ถ้าถูกถามว่าเอาเงินจากไหนมาจ่ายก็ไม่รู้จะตอบยังไง.. แม่เองก็รบเร้าให้ไปพักผ่อนที่บ้านเธอก็เลยต้องกลับ โดยได้แวะหาพราวที่ร้านอาหารตามสั่งก่อน..
"พี่ว่าจะไปหาเราพอดีเลย ว่าจะถามเรื่องเมื่อคืน ตกลงมันยังไงฮะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้" พอเจอหน้ากันพราวก็รัวคำถามใส่คนตัวเล็กทันที เธอไม่คิดเลยว่าเรื่องมันจะจบเป็นแบบนี้ ผู้ชายคนนั้นโคตรใจป้ำ! ไม่รู้ว่าของขวัญไปทำอีท่าไหนเขาถึงยกเงินให้ฟรีๆ ทั้งกระเป๋าแบบนั้น แถมเธอยังพลอยได้กำไรไปด้วยอีก
"ขวัญก็ยังงงเหมือนกันค่ะพี่พราว ขวัญยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ แค่เขาบังคับถามว่าทำไมถึงมาทำงานนี้ ขวัญก็จำใจเล่าเรื่องแม่ให้ฟัง เท่านั้นแหละค่ะเขาก็จัดการทุกอย่างเองหมดเลย" ร่างบางเล่าให้อีกฝ่ายฟังอย่างงงๆ ขนาดว่าอยู่ในเหตุการณ์ เห็นและรับรู้ทุกอย่างเธอยังไม่เข้าใจเลยว่ามันลงเอยแบบนี้ได้ยังไง หรือผู้ชายคนนั้นเขาชอบแจกเงินให้คนอื่นแบบนี้ประจำ?
"ไอ้ขวัญ...แกแม่งโคตรโชคดีเลยว่ะ! พี่ดีใจด้วยนะเว้ย" หลังจากนั่งอึ้งอยู่พักใหญ่พราวก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ออกมา และร่วมยินดีกับคนตัวเล็ก ถ้าน้องบอกว่าไม่ทันได้ทำอะไร เธอก็คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกเสียจากว่าผู้ชายคนนั้นคงจะเอ็นดูหรือไม่ก็หลงเสน่ห์เด็กน่ารักอย่างของขวัญเข้าให้ แม้หน้าตาเขาจะเฉยชามากก็เถอะ..
"แต่ขวัญไม่สบายใจอ่ะพี่ ขวัญไม่ได้ตอบแทนอะไรเขาเลย ชื่ออะไรก็ไม่รู้จัก" ร่างบางบอกไปตามความรู้สึก วันนี้ทั้งวันเธออดคิดถึงผู้ชายคนนั้นไม่ได้ เธออยากรู้จักชื่อ อยากตอบแทนเขา อยากจะเจอเขาอีกสักครั้ง..
"พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาไม่เคยบอกชื่อ แต่มาทีไรมีบอดี้การ์ดตามติดมาด้วยตลอดเลย น่าจะเป็นนักธุรกิจหรือคนใหญ่คนโตแน่ๆ " พราวสันนิษฐานไปตามที่เห็น ท่าทางเขาน่าจะเป็นคนต่างชาติหรือไม่ก็ลูกครึ่งเพราะสูงมาก ราวๆ ร้อยเก้าสิบเซนฯ ขึ้นไปเห็นจะได้ แต่งตัวภูมิฐานขนาดนั้นเธอนึกออกแต่พวกนักธุรกิจ ถึงมันจะขัดๆ กับรอยสักตามลำคอและหลังมือที่โผล่พ้นเสื้อผ้าออกมาก็เถอะ เขายังหนุ่มอยู่เลยนี่นาถ้าจะชอบรอยสักก็คงจะไม่แปลกมั้ง..
"เกิดเป็นคนรวยนี่มันดีจริงๆ เลยเนอะพี่" เสียงหวานเอ่ยอย่างเพ้อๆ แม้จะได้จับเงินเป็นฟ้อนๆ แล้วก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดีว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจริงๆ ไม่ใช่แค่ฝันไป
"จริง...เอ้อ ถ้าขวัญอยากตอบแทนหรืออยากเจอเขาขวัญก็มาหาเขาที่ผับพี่อีกก็ได้ เขามาทุกวันศุกร์" ร่างเพรียวสูงพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนบอกออกมาอย่างกระตือรือร้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขามาที่ผับเป็นประจำ ไม่หมดหนทางเสียทีเดียวถ้าอยากจะเจอตัว
"จริงด้วย! ขอบคุณนะคะ" คนตัวเล็กฉีกยิ้มกว้าง ดวงตากลมโตเปล่งประกายวิบวับอย่างมีความหวัง รอยยิ้มน่ารักๆ นั้นทำคนมองอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ นึกอยากขอบคุณโชคชะตาที่ไม่ใจร้ายกับเด็กสาวตัวเล็กๆ ที่น่าสงสารอย่างของขวัญจนเกินไป..
ในที่สุดวันศุกร์ที่รอคอยก็มาถึง ของขวัญกลับไปที่ผับแห่งนั้นอีกครั้งเพื่อรอพบชายปริศนาคนนั้น แต่รอแล้วรอเล่ารอจนผับเลิกเขาก็ไม่มา.. ถึงจะผิดหวังแต่ร่างบางก็ยังไม่ท้อ อาทิตย์ถัดไปเธอก็ไปรอเขาอีกแต่ก็ลงเอยแบบเดิม.. ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหนทำไมไม่มา อาทิตย์แล้วอาทิตย์เล่าที่ไปรออย่างไร้จุดหมายจนของขวัญถอดใจ และบอกพราวไว้ว่าถ้าเห็นเขามาค่อยโทรบอกแล้วเธอจะรีบไป แต่ผ่านไปเป็นเดือนก็ไม่มีสักสายจากพราว ร่างบางก็เลยเลิกคาดหวัง หันมาทุ่มความสนใจให้กับการรักษาของแม่มากขึ้น
เงินที่ได้มาจากผู้ชายคนนั้นของขวัญได้นำมาใช้แล้วก้อนใหญ่ในช่วงที่แม่ต้องผ่าตัดสมองเพื่อระบายน้ำออก ไหนจะค่ายาและต้องทำคีโมเรื่อยๆ อีก.. ที่น่าเจ็บใจคือต่อให้พยายามรักษายังไงอาการแม่ก็ไม่ดีขึ้น ยังทรงตัว.. ได้แต่ประคับประคองอาการให้ผ่านพ้นไปวันต่อวัน
จนในที่สุดคนเป็นแม่ก็สู้โรคร้ายไม่ไหว.. จากเธอไปอย่างสงบ แต่คนที่ไม่สงบก็คือคนที่ยังอยู่.. ของขวัญเอาแต่ร้องไห้ปานจะขาดใจ ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลยสักอย่าง กระทั่งงานศพแม่ก็ยังเดือดร้อนถึงพราวต้องมาช่วยดูแลและคอยติดต่อประสานงานทุกอย่างให้ งานดำเนินไปอย่างเงียบเหงาเพราะของขวัญไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน ได้พราวกับเด็กๆ ที่ร้านไม่กี่คนมาร่วมงาน โดยสวดพระอภิธรรมแค่สามคืนก็เผา..
ร่างบางถือรูปกับกระดูกของแม่กลับเข้าบ้านมาด้วยจิตใจห่อเหี่ยว ร้องไห้น้ำตาจะเป็นสายเลือดก็ยังไม่หยุดร้อง พราวเองก็ไม่ได้อยู่ด้วยตลอดเพราะต้องไปทำงาน หลังจากที่แม่เสียของขวัญก็เอาแต่ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเป็นอาทิตย์ เอาแต่นอนร้องไห้อยู่บนเตียง ข้าวปลาไม่ยอมกินจนร่างกายซูบผอม แก้มตอบลึก หน้าตาซีดเซียวเหมือนซอมบี้มีชีวิต..
เธออยากจะร้องให้ตายๆ ไปซะ จะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความเสียใจอยู่แบบนี้ ในเมื่อไม่มีแม่เธอก็ไม่รู้จะอยู่ต่อไปทำไม แม้มีเงินมากมายก็ไม่สามารถรักษาชีวิตคนที่รักเอาไว้ได้ เงินเหล่านั้นก็เป็นเพียงเศษกระดาษ ไม่มีความหมายสำหรับเธออีกต่อไป..
ตึก...ตึก...ตึก...
ในวันที่ไม่มีความเคลื่อนไหวใดภายในบ้านแม้เจ้าของบ้านจะไม่ได้ออกไปไหน พลันมีเสียงรองเท้าหนังราคาแพงเหยียบลงบนพื้นกระเบื้อง ก้าวเดินเป็นจังหวะ และเสียงนั้นก็กำลังตรงมายังห้องนอนที่ประตูปิดสนิทอยู่..
แกรก
"ดูไม่จืดเลยนะ" น้ำเสียงทุ้มนุ่มของคนที่เปิดประตูเข้ามาเอ่ยราบเรียบในขณะที่สายตาจับจ้องร่างผอมบางบนเตียงนิ่งๆ
"ค...คุณ...?" ดวงตาที่เปียกชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาของใครคนนั้นค่อยๆ เปิดขึ้นมองร่างสูงตรงหน้าอย่างอ่อนแรง เมื่อรู้ว่าเป็นใครแววตาที่เคยเฉื่อยชาก็เริ่มสั่นระริกก่อนเอ่อคลอน้ำตาและปล่อยให้มันหยดลงเปียกที่นอนอีกครั้ง ร้องเท่าไรก็ไม่เคยพอ..
ร่างสูงไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้บอกด้วยว่ารู้จักบ้านเธอได้ยังไง สองเท้าที่ถูกโอบหุ้มด้วยรองเท้าหนังมันปลาบก้าวเดินอย่างสุขุมไปรูดผ้าม่านเปิดออก เพื่อให้แสงสว่างสาดส่องเข้ามาขับไล่ความมืดมิดและบรรยากาศสีเทาๆ ออกไป ถึงได้เห็นเต็มตาว่าไม่ใช่แค่คนที่ทรุดโทรมย่ำแย่ สภาพแวดล้อมภายในห้องก็ไม่ได้รับการดูแลเช่นกัน
ร่างบางนอนหลับตาแน่น...เพราะไม่ได้เจอแสงสว่างมาเป็นเวลานาน ดวงตาจึงไม่สามารถปรับโฟกัสได้ในทันที กระทั่งรู้สึกว่าผู้บุกรุกเดินกลับมายืนข้างเตียงอีกครั้ง เลยพยายามฝืนลืมตาขึ้นมอง...
"ม...แม่ ไม่อยู่แล้ว...อึก" น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยบอก พร้อมกับปล่อยน้ำตาร่วงหล่นซ้ำอีก จะว่าไปก็แทบจะไม่เคยหยุดไหลเลยตั้งแต่ที่เสียบุคคลผู้เป็นที่รักไป
"ฉันรู้...ฉันถึงมาที่นี่" ร่างสูงบอก เขายังคงยืนล้วงกระเป๋ากางเกงจ้องมองสภาพที่ดูไม่ได้ของเธอนิ่งๆ
"เงินที่คุณให้มายังเหลือ ฉันคงไม่ได้ใช้มันอีก ฉันคืนให้" ไม่คิดถามว่าอีกคนรู้เรื่องแม่ของเธอได้อย่างไร มือสั่นเทาพยายามเอื้อมไปเปิดลิ้นชักหัวเตียงออกเผยให้เห็นเงินสดจำนวนหนึ่งที่เธอไม่จำเป็นจะต้องใช้มันอีกแล้ว
"ฉันไม่ได้มาเพื่อเอาเงิน..." ดวงตาคมกริบเหลือบมองตามเล็กน้อยก่อนกลับมาจ้องใบหน้าซีดเซียวของคนบนเตียงอีกครั้ง...ระยะห่างระหว่างดวงตาทั้งสองคู่ลดน้อยลงเมื่อเขาย่อตัวนั่งยองๆ ลงข้างเตียง มือใหญ่ที่เต็มไปด้วยรอยสักปริศนาและเส้นเลือดนูนเด่นตามฉบับของชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เอื้อมไปเกลี่ยเส้นผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าขาวออกให้
สัมผัสที่มองเผินๆ เหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษนั้นยิ่งกระตุ้นต่อมน้ำตาของอีกฝ่ายให้รินไหลลงมาไม่ขาดสาย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใครมาจากไหน แต่เขากลับยื่นมือมาช่วยเธอไว้ยามลำบาก ทั้งที่จะเมินเฉยไปก็ได้...
"เธอจะไปอยู่กับฉันไหม? " จู่ๆ ร่างสูงนั้นก็ถามในสิ่งที่คนฟังไม่คาดคิด
"......." ม่านตากลมขยายกว้างด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความสงสัย ครั้นพยายามค้นหาคำตอบจากใบหน้าของเขากลับมีเพียงความนิ่งงัน ดวงตาสีรัตติกาลเรียบนิ่งเย็นเฉียบเหมือนน้ำทะเลลึกในมหาสมุทร ที่ไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่าลึกลงไปในนั้นมันมีอะไรซ่อนอยู่บ้าง...
"ทิ้งอดีตแล้วไปเริ่มชีวิตใหม่..." เขาพูดต่อเมื่อคนฟังยังไม่มีคำตอบให้
"......."
"แต่ก่อนจะตอบ ฟังฉันให้ดีๆ "
"......."
"ฉันเป็นมาเฟีย"
"......." อาชีพแท้จริงของเขาทำคนฟังนิ่งอึ้งอีกครั้ง เรื่องรอยสักที่โผล่พ้นเสื้อผ้าออกมาตามแขนและลำคอ อีกทั้งท่าทางสุขุมน่าเกรงขามกับเหล่าบอดี้การ์ดที่คอยตามอารักขาหลายคน ตอนนี้เธอได้คำตอบแล้วว่าทำไม...
"สังคมของฉันไม่เหมือนสังคมของเธอ เมื่อไหร่ที่ได้ไปเหยียบในที่ของฉัน เธอจะไม่สามารถกลับมาในที่ของเธอได้อีก..."
"......." ร่างบางเม้มปากแน่นด้วยความสับสน เธอเคยเห็นในละครและเคยอ่านในนิยายมาบ้างว่ามาเฟียคืออะไรและเป็นกลุ่มคนที่น่ากลัวแค่ไหน แต่กับผู้ชายคนนี้...เธอยำเกรงแต่ไม่ได้หวาดกลัว
"ไปไหม? "
"ป...ไปค่ะ! " ไม่รู้อะไรดลใจให้ตอบตกลงออกไป แต่พูดไปแล้วก็ไม่มีโอกาสได้เปลี่ยนใจเมื่อร่างสูงนั้นค่อยๆ ช้อนตัวเธอขึ้นจากเตียง แล้วพาเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถที่จอดอยู่ข้างนอก
..
..
..
..
บทนำเอามาจากตอนนี้นั่นเอง ไม่งงแล้วน้าาา
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 27 (ตอนจบ) เป็นเวลากว่าสามเดือนที่โทโมยะและของขวัญใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่น ด้วยเจตนารมณ์ของเขาที่หมายมั่นจะสละตำแหน่งหัวหน้าแก๊งคาชิมะให้ผู้เป็นน้องชาย เมื่อเรื่องร้ายๆ ผ่านพ้นไปเวลาที่เหลือเขาจึงเริ่มเดินหน้าสอนงานน้องอย่างเต็มกำลังและขีดเส้นตายไว้ว่าภายในสองปีทาคิยะจะต้องพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนยอมรับให้ได้ นั่นทำให้อีกฝ่ายแอบมาโอดครวญให้ร่างบางฟังบ่อยๆ ว่าผู้เป็นพี่เคี่ยวเข็ญอย่างกับจะพาไปแข่งโอลิมปิก ได้ยินแล้วก็ขำแต่คงจะช่วยอะไรไม่ได้นอกจากคอยรับฟังหลังช่วงทดลองงานสามเดือนของทาคิยะผ่านพ้นไปทั้งคู่ก็บินกลับประเทศไทย ปล่อยให้ว่าที่ผู้นำคนต่อไปหยัดยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง แต่ไม่เชิงว่าโดดเดี่ยวเพราะเขามีทั้งคนสนิทและผู้ช่วยมือดีหลายคน ด้วยเหตุนี้งานของคาชิมะที่โทโมยะทำอยู่เลยพลอยลดน้อยลงไปด้วย แม้ไม่ถึงกับหมดแต่เขาก็มีเวลาเหลือพาของขวัญไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาตามที่เคยสัญญากันไว้ในตอนก่อนไปญี่ปุ่น เขาพาเธอไปไหว้พ่อแม่เขาเธอเองก็พาเขาไปไหว้พ่อแม่เธอเหมือนกันเรียกได้ว่าชีวิตในช่วงนี้ดี๊ดีและมีความสุขแบบสุดๆ แม้จะยังไม่มีเหตุการณ์ประมาณว่าขอเป็นแฟนหรือบอ
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 26โชคดีที่ของขวัญไม่ได้ถูกร่างสูงกินแทนข้าวเย็นเพราะแค่รอบเดียวในบ่อน้ำพุช่วงล่างก็เจ็บเสียดจนกลายเป็นคนเดินช้าและเดินนุ่มนวลไปแบบเขินๆ อย่างในตอนนี้ที่กำลังเดินตามอีกฝ่ายไปยังห้องอาหารก็มีหลายครั้งที่เขาต้องชะลอฝีเท้าเพื่อให้เธอตามทัน แน่นอนว่าเขารู้ถึงสาเหตุวัดได้จากสายตาวาววับที่มองมาเดิมทีของขวัญคิดว่าเพื่อนร่วมโต๊ะทานมื้อค่ำจะมีแค่ทาคิยะคนเดียว รวมเธอกับร่างสูงก็เป็นสามคน แต่พอประตูไม้เนื้อดีถูกเลื่อนออกถึงได้รู้ว่าบรรยากาศมันผิดจากที่คิดไว้มาก ภายในห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่นี้มีจำนวนบุคคลด้านในไม่ต่ำว่าสิบคน!ทุกคนล้วนอยู่ในชุดสบายๆ อย่างยูกาตะและล้วนเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างจะมีอายุ.. เสียงพูดคุยกันอย่างออกรสชาติในตอนก่อนหน้าเงียบกริบลงไปในทันทีที่โทโมยะพาเธอเข้ามา ทุกสายตาไม่ได้ผ่านการนัดหมายแต่พวกเขาพากันมองผู้มาใหม่ทั้งสองสลับกันอย่างพร้อมเพรียง"อ้าวพี่ มาๆ มานั่งนี่เลยครับ" ทาคิยะเป็นคนดึงความสนใจของทุกคน เขารีบลุกจากเบาะรองนั่งนุ่มๆ บนพื้นมานำทางให้ทั้งคู่ไปนั่งลงบนหัวโต๊ะที่ได้จัดเตรียมที่ทางไว้ให้ตั้งแต่แรก สายตาทุกคู่ยังคงจับจ้อง
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 25"อะ อื้ม~" ท้ายทอยเล็กถูกมือใหญ่รั้งเข้าหา ประกบจูบลงไปบนริมฝีปากแดงเรื่อ ดูดซับความนุ่มนิ่มที่ด้านนอกเบาๆ ก่อนสอดแทรกเรียวลิ้นคว้านลึกเข้าไปข้างใน ร่างบางเปิดปากให้อย่างรู้หน้าที่ แม้จะยังไม่ประสาแต่ก็สมยอมตอบรับสัมผัสของร่างสูงด้วยความเต็มใจทุกครั้งเผลอไผลไปกับรสจูบครู่เดียวร่างเพรียวบางก็ถูกยกตัวลอยเปลี่ยนท่ามานั่งคร่อมตักในสภาพล่อแหลมยิ่งกว่าเดิม มือใหญ่วางลงบนสะโพกอวบ บีบเคล้นเบาๆ ก่อนลูบไล้ขึ้นมาตามเอวคอดกิ่วจนถึงแผ่นหลังเนียนนุ่ม ชั่วอึดใจก็กอดรั้งคนบนตักเข้ามาแนบชิด บดเบียดร่างกายเข้าหากันจนไม่เหลือพื้นที่ว่าง ทรวงอกอวบขาวเบียดชิดแผงอกล่ำ หน้าท้องแบนราบแนบแน่นไปกับลอนซิกแพค ช่วงล่างแข็งขืนเสียดสีอยู่กับช่องทางอ่อนนุ่มที่ยังคงปิดสนิท วงแขนแกร่งที่โอบกอดเอวบางขยับโยกตัวเธอขึ้นลงเป็นจังหวะเนิบนาบ.. จงใจให้อะไรๆ มันบดเบียดพอให้หวาดเสียวท้องน้อยเล่นๆ"อะ อ๊ะ อื้อ.." หลังถูกครอบครองไปหลายต่อหลายครั้งในที่สุดริมฝีปากบางที่เริ่มบวมเจ่อก็ถูกปล่อยเป็นอิสระ ของขวัญรีบกอบโกยเอาอากาศเข้าปอดอย่างหิวกระหาย สองมือจิกเกร็งอยู่บนไหล่กว้างเมื่อเขาเปลี่ย
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 24หลังจากปลดคาวามูระและพรรคพวกออกจากตำแหน่งโทโมยะก็ค่อนข้างจะวุ่นๆ นิดหน่อยเพราะต้องเรียกตรวจสอบ ประเมินความเสียหายและทำการปรับเปลี่ยนหัวหน้าเขตคนใหม่เข้ามาดูแลแทน รวมทั้งทำการรื้อระบบเก่าที่อีกฝ่ายเคยจัดการดูแลทิ้งแล้ววางระบบใหม่เข้าไปแทนที่ รวมๆ แล้วหลายปีที่ผ่านมาคาชิมะถูกมันโกงกินไปไม่น้อย ยังไม่รวมเรื่องที่แอบค้ายาและค้ามนุษย์พื้นที่ที่เป็นกฎต้องห้ามของแก๊งอีกตอนแรกก็สงสัยว่าคนๆ เดียวที่ภรรยาจากไปนานแล้วมีภาระแค่ส่งเสียลูกสาวเรียนเมืองนอกแค่คนเดียวมันจะจำเป็นต้องใช้เงินมากอะไรขนาดนั้น แต่พอขุดไปขุดมาถึงได้รู้ว่ามันติดการพนัน ติดเหล้าติดยาและติดผู้หญิงอย่างหนัก เงินที่ได้ไปก็เอาไปลงกับอบายมุขพวกนั้นทั้งหมด ลูกแทบจะไม่เหลียวแล!แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้าย หลังจากที่ถูกพาตัวไปขังไว้ในคุกมืด.. สถานที่ที่มีไว้เพื่อกักขังคนทรยศ สองวันให้หลังร่างสูงก็ได้รับรายงานว่าผู้เป็นอาได้หลบหนีความผิดด้วยการใช้เข็มขัดผูกคอตัวเองกับลูกกรงสิ้นใจก่อนที่จะโดนเจ้าทาคิยะสำเร็จโทษไปก่อนแล้ว สภาพศพไม่น่าดูเท่าไรเพราะก่อนหน้านั้นคนของเขาที่สั่งให้คอยเฝ้าหน้าค
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 23"ฮ่าๆ ๆ เงินตั้งห้าสิบล้าน พี่แกยังกล้าโอนมาให้ฉัน ง่ายๆ แลกกับชีวิตไร้ค่าของแก ไม่น่าเชื่อ.. ฉันอุตส่าห์เป่าหูพวกแกให้เกลียดกันเพื่อหวังจะให้พวกแกหันมาฆ่ากันเอง แต่แม่งคงจะไม่มีวันนั้น.. เพราะแกมันโง่ทาคิยะ! แกมันขี้ขลาด! เหอะ คนแบบนี้น่ะหรออยากจะขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊ง ถุ้ย! ฝันกลางวันอยู่หรือไงไอ้เด็กเหลือขอ! " เสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นมาด้วยความสะใจเมื่อลูกน้องเข้ามารายงานว่าได้รับเงินเรียกค่าไถ่จากหลานชายคนโตเรียบร้อย ก่อนที่น้ำเสียงหยามเหยียดจะพ่นคำดูถูกใส่หลานชายคนเล็กพร้อมกับยืนจ้องมองด้วยสายตาเกลียดชัง"สารเลว.. พวกผมเป็นหลานของอานะ! " คนที่ถูกจับมัดนั่งบนเก้าอี้ในสภาพสะบักสะบอมเลือดโชกขบกรามแน่นด้วยความโกรธจัด ถามหาความเมตตาลมๆ แล้งๆ จากคนที่มีสายเลือดร่วมกันครึ่งหนึ่งด้วยความเจ็บใจ กว่าจะรู้สึกตัวว่าถูกใช้เป็นเครื่องมือชำระความแค้นก็เสียรู้จนหมดสภาพ"หลานหรอ ฮ่าๆ ๆ ฉันนับญาติกับพวกแกที่ไหนกันเล่า ฉันเกลียดไอ้คาสึยะพ่อของแก เกลียดแก เกลียดพี่ชายของแก! พวกแกมันมารชีวิต! ถ้าไม่มีพวกแกทุกสิ่งทุกอย่างก็จะต้องเป็นของฉัน!! " คาวามูระระเบิดอารมณ์
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 22"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ สีหน้าไม่ดีเลย" องศาถามขึ้นในตอนที่เดินทางกลับ เพราะคนตัวเล็กนั่งเงียบมาตลอดทางตั้งแต่ออกจากร้านอาหารตามสั่งของพราวแล้ว สีหน้าก็ดูจะไม่สู้ดีนัก"เปล่าค่ะ ก่อนกลับพี่องศาพาขวัญแวะทำบุญหน่อยนะคะ" ของขวัญบอกปัดอย่างที่คิด แต่คนฟังก็ไม่ได้เซ้าซี้จะรู้ให้ได้ ทำเพียงพยักหน้ารับและแวะเข้าวัดตามคำสั่งเมื่อได้ทำบุญจิตใจที่ว้าวุ่นของร่างบางก็พอจะสงบลงมาได้บ้างนิดหน่อย แต่ก็ยังแอบคิดอยู่.. ก็เรื่องของแป้งนั่นแหละ ไม่เชิงว่ารู้สึกผิดไปเสียทีเดียว แต่เป็นความสงสารและเห็นใจมากกว่า ในฐานะคนที่เคยแอบรักเขามาเหมือนกัน ซึ่งตอนนี้กรณีของเธอก็ยังไม่เรียกว่าสมหวังนะ แค่ก้าวหน้ามากขึ้นเท่านั้น.."นี่.." น้ำเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยเรียกสติคนเหม่อให้หันมามอง แล้วก็ต้องแปลกใจว่าอีกฝ่ายกลับมาตั้งแต่เมื่อไร ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกตัว.."..มาตั้งแต่เมื่อไรคะเนี่ย" เมื่อพิจารณาดีๆ แล้วของขวัญก็ต้องตกใจซ้ำอีก เพราะร่างสูงนั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน เธอควรจะรู้สึกตัวบ้างเวลาพื้นโซฟามันยุบตามน้ำหนักเขา นี่ต้องเหม่อขนาดไหนถึงได้ไม่รู้สึกอะไรเลย.."ก็นานพอที่จะ