เสียงเสียดสีระหว่างร่างกายของชายตัวใหญ่กับพื้นปูนอันเย็นเยียบดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ไว้ชีวิตผมเถอะครับนายท่าน ผมผิดไปแล้ว”
“ข้างไหนบ้างนะ ซ้ายเหรอ...”
ปั้ก!
“อ๊ากก!”
“ขวาด้วยใช่มั้ยคิน”
“ครับนายท่าน”
ดวงตาคมหรี่ลงมองแขนซ้ายหักพับของคนหมอบศิโรราบอยู่แทบเท้า ก่อนจะเลื่อนไปมองแขนอีกข้าง
“นายท่าน ผมจะไม่ทำอีกแล้ว ผมจะไม่ทำ อ๊ากก!”
ปั้ก!
เสียงร้องโหยหวนดังลั่นตึกร้างทรุดโทรมห่างไกลสายตาผู้คน ร่างในชุดสูทสีดำสะบักสะบอมจรดหน้าผากลงแนบพื้นเพื่อขอให้เจ้าของใบหน้านิ่งเฉยราวกับหุ่นยนต์ไว้ชีวิต
แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่เคยปรานีใคร
“ไว้ชีวิตงั้นเหรอ?”
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นเพียงสั้น ๆ แต่กลับทำเอาใจคนฟังร่วงหล่นไปอยู่ตาตุ่ม
“คะ...ครับ”
ร่างใหญ่วิงวอนด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกและขานตอบตะกุกตะกักอย่างหวาดกลัว
หากย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะไม่หลงผิดและเลือกเป็นปรปักษ์กับชายหนุ่มตรงหน้า
หากย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะเลือกรักษาชีวิตของตนเอาไว้
“ตอนที่มึงลั่นไกใส่พี่น้องร่วมแก๊งของตัวเอง พวกนั้นร้องขอชีวิตแบบนี้รึเปล่า”
“นะ...นายท่านเทพทัต”
“อย่าเอาปากสวะมาเรียกชื่อกู กูไม่เคยมีพี่น้องร่วมแก๊งเป็นคนเหี้ยแบบมึง!”
ความเกรี้ยวกราดถูกส่งผ่านน้ำเสียงอันดังกึกก้องไปทั่วความเงียบงันยามรัตติกาล แววตาคู่นั้นจ้องกลับมาประหนึ่งเพชฌฆาตใจอำมหิต
ผู้ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็น ‘นายท่าน’ ไม่ฟังเสียงร้องคร่ำครวญอันน่าสมเพช ไม่สงสารหน้าตาเหยเกด้วยความเจ็บปวดของศัตรู ไม่สนใจคำแก้ตัวของคนระรานความมั่นคงภายในแก๊ง
“ผะ...ผมผิดไปแล้ว”
ปัง!
“เฮือก!”
และไม่เห็นค่าชีวิตของคนทรยศ
ลูกกระสุนขนาด 11 มม. พุ่งออกมาจากลำกล้องของโลหะหนักสีดำมันเงาหลังจากนิ้วเรียวกดเหนี่ยวไก
เพียงนัดเดียว เสียงเว้าวอนที่ดังขึ้นมาตั้งแต่ต้น พลันดับสูญลง...
ตลอดกาล
‘เทพทัต อนันไชยเดช’
มาเฟียผู้ขึ้นครองตำแหน่งหัวหน้าแก๊งมังกรนิลด้วยวัยเพียง 19 จนกระทั่ง 30 ปี แม้อายุจะยังหนุ่มแน่นแต่ทั่วแผ่นดินต่างลือเลื่องความเลือดเย็นและความโหดเหี้ยมของเขาอย่างเป็นที่รู้จัก
ตลอดระยะเวลา 11 ปีที่เขาขึ้นกุมอำนาจ แก๊งมังกรนิลซึ่งตกต่ำลงหลังจากผู้เป็นตาเสียชีวิตด้วยอาการเจ็บป่วย ก็กลับมาพุ่งผงาดได้อีกครั้ง
และครองตำแหน่งแก๊งมาเฟียทรงอิทธิพลอันดับหนึ่งภายในประเทศ
ไม่มีใครอยากเป็นคู่อริกับเจ้าของใบหน้าไร้อารมณ์แต่แฝงไปด้วยจิตสังหารอยู่ตลอดเวลา
หรือหากใครตั้งมั่นจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา คนพวกนั้นต้องทำใจมาอย่างดีแล้วว่าจะยอมทิ้งชีวิตลงใต้ฝ่าเท้าของเทพทัต
ชายหนุ่มที่อยู่เหนือลูกน้องนับหมื่นชีวิตสนใจเพียงผลประโยชน์ของแก๊ง และไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างของใครทั้งสิ้น
เขาให้คำสัตย์สาบานต่ออดีตหัวหน้าแก๊งเอาไว้แบบนั้น
จนกระทั่ง...
“เดี๋ยวฉันขึ้นเองค่ะ คุณนอนอยู่ข้างล่างนั่นแหละ”
หญิงสาวร่างเล็กแต่กลับอวบอัดเป็นสัดส่วนเอ่ยสั่งการเขาก่อนเธอจะขึ้นคร่อมอาวุธแท่งใหญ่ประจำกายของชายหนุ่ม โดยไม่รั้งรอฟังคำตอบใด ๆ จากคนเป็นผู้นำมาทั้งชีวิต
“เธอ! อื้ออ”
จากเสียงทุ้มทรงพลังผันเปลี่ยนเป็นเสียงครางต่ำอย่างเคลิบเคลิ้ม
คืนนั้นเป็นครั้งแรกในชีวิตของหัวหน้าแก๊งมาเฟียที่เขาดันรู้สึกชอบการเป็นผู้ตามขึ้นมาบ้าง
ชายชาตรีผู้องอาจและได้รับการยกย่องเป็นนายเหนือหัวกลับกำลังยอมจำนนต่อผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง
ซึ่งกำลังขึ้นนำเป็นนายหญิงเหนือร่างของเขา
และแล้วความปรารถนาของพวกเขาก็เป็นจริง เทพทัตและบุญแก้วมีลูกชายตัวน้อยด้วยกันหนึ่งคนชื่อว่า ‘บุญใต้ อนันไชยเดช’ ลูกสาวรูปร่างหน้าตาเหมือนแม่ ส่วนลูกชายเองก็ถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่อเป๊ะ ๆ และที่สำคัญนิสัยยังเหมือนกันอีกต่างหาก เวลาล่วงเลยผ่านมาจนบุญเหนืออายุ 12 และบุญใต้อายุ 9 ขวบ เวลาไปซื้อของพี่สาวกับผู้เป็นแม่มักหายจ้อยเข้าร้านพวกของจุ๊กจิ๊กน่ารักกันเป็นชั่วโมง ปล่อยให้ลูกชายกับผู้เป็นพ่อยืนรอด้านหน้าจนขาเป็นตะคริว แม้พี่สาวจะดูเป็นผู้หญิงห้าว ๆ แต่เธอก็ยังชอบของน่ารักไปตามวัย “พ่อ ใต้เมื่อยแล้วอะ ตอนไหนแม่กับเหนือจะออกมา” “เหนื่อยก็ต้องอดทน การจะเป็นมาเฟียเราต้องมีร่างกายที่แข็งแรง ยืนแค่นี้จะเป็นไรไป” “มาแล้ว น่ารักมั้ย” สองพ่อลูกยืนขาแข็งอยู่หน้าร้านนานนับชั่วโมง สุดท้ายคนที่พวกเขารอคอยก็เดินออกมาเสียที บุญใต้มองตุ๊กตาหมีแพนด้าโง่ ๆ ในมือพี่สาวก่อนจะถอนหายใจ เขาอยากจะบ้า ถ้าวันหนึ่งมีแฟนแล้วต้องมายืนรอสาวจนปวดขาเหมือนพ่อ เขาไม่ขอมีหรอก แค่พี่สาวคนเดียว บุญใต้ก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว
ฟุบ! คู่สามีภรรยาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มพลางมองท้องฟ้ายามค่ำคืนด้านนอกประตูกระจกใส พวกเขาถูกบุพการีทั้งสองบ้านไล่ตะเพิดมาฮันนีมูน แต่จริง ๆ คือให้มาทำหลานอีกคนให้พวกท่าน ไม่ติดไม่ต้องหันหลังกลับ โดยเรื่องนี้เจ้าเหนือเป็นคนต้นคิด เด็กแสบชอบนักการถูกตามใจจากผู้หลักผู้ใหญ่ และไม่ต้องฝึกซ้อมหนักกับผู้เป็นพ่อ แค่เห็นหน้าเทพทัตเด็กหญิงตัวน้อยก็กรอกตามองบนรอแล้ว เด็กฉลาดและเจ้าเล่ห์เกินวัยคิดแผนการให้ผู้เป็นพ่อไปฝึกซ้อมหนัก ๆ กับแม่ของตนดีกว่า แบบนั้นเจ้าเด็กก็จะได้ทั้งน้องมาเป็นเบ๊ พ่อได้เพื่อนและเลิกยุ่งกับตน แถมยังได้กินของอร่อยไม่อั้นจากทั้งย่าและทวดอีก “วิวสวยเนาะ” เทพทัตเอ่ยขึ้นแหวกความเงียบ แต่พอหันไปมองดวงหน้ามนกลับเห็นภรรยาคนสวยถอนหายใจออกมา “สวย แต่บนนี้อาหารไม่ถูกปากเท่าไหร่เลย” บุญแก้วย่นหน้าด้วยความรู้สึกเซ็ง ๆ วิวด้านบนสวยก็จริง แต่ถ้าต้องมากินข้าวต้มหรืออาหารตามสั่งทั่วไป เธอรู้สึกว่ามันไม่ค่อยคุ้มกับการมาเที่ยวทั้งทีเท่าไรนัก “งั้นเหรอ ทำไมเมียพูดเหมือนอ่านใจผัวออกเลย” ใบหน้าคมก
บุญแก้วได้แต่ลอบถอนหายใจเมื่อตนปล่อยลูกสาวไว้กับผู้เป็นสามี ลูกสาววัยเตาะแตะโตขึ้นอย่างมหัศจรรย์ (ประชด) บุญเหนือเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากที่เคยเล่นตุ๊กตาและอยากเป็นเจ้าหญิง ตอนนี้กลับกลายเป็นเด็กห้าวคนหนึ่ง หากมีใครมาแหย่เข้า หมัดน้อย ๆ พร้อมสวนกลับไปทันที ก็สามีของเธอเล่นสอนศิลปะการต่อสู้ให้ลูกสาวตัวกะเปี๊ยกทั้งหมด ไม่ว่าจะมวย เทควันโด ยูโด ยิงปืน ไม่รู้จะสอนให้ลูกไปเป็นนักรบหรืออย่างไร “ย่า!” เสียงเล็กร้องดังมาจากสนามมวยกลางโรงยิมส่วนตัวพร้อมกับร่างเล็กของลูกสาว ซ้อมกับพ่อมาตั้งแต่เช้าจนสายยังไม่หยุดพักจนแก้มกลมขาวขึ้นสีแดงอย่างน่าเอ็นดู “วันนี้พอแค่นี้เถอะค่ะ” “เอางั้นก็ได้ครับเมีย” ร่างสูงหันมาพยักหน้าให้เมียก่อนจะยกมือขึ้นบอกลูกสาวให้หยุดพักได้ “เหนือ วันนี้พอแค่นี้ก่อนลูก” โครม! พอได้ยินเสียงสั่งหยุดจากพ่อ เด็กตัวเล็กวัย 4 ขวบพลันทิ้งตัวลงอย่างเหนื่อยล้า “วันนี้แม่ทำของโปรดลูกด้วยน้า” “กลับบ้านกันเถอะค่ะ!” บุญแก้วหลุดหัวเราะอย่างขบขันเจ้าของดวงตากลมส่องประ
3 ปีผ่านไป~ “เชิญครับองค์หญิง” มือใหญ่ผายมือไปทางประตูรถก่อนจะมีเด็กผู้หญิงตัวกลมจิ๋วก้าวขึ้นไปนั่งตรงเบาะด้านหลังของรถซีดานหรู ใบหน้าเล็กเชิดขึ้นจนมงกุฎบนหัวเอียงกะเท่เร่ “คิก ๆ” บุญแก้วในร่างอวบอั๋นกว่าเมื่อก่อนหลุดขำสามีของตนแล้วเดินขึ้นมานั่งบนเบาะข้างลูกสาว ปัง! “ออกรถเลยคิน!” ร่างสูงก้าวขึ้นมานั่งตรงเบาะข้างคนขับพลางสั่งการผู้เป็นลูกน้อง “อุบ!” แทนที่มันจะตอบรับคำสั่ง เจ้าตัวกลับหุบปากกลั้นขำจนหน้าดำหน้าแดง “มึงจะขำ มึงก็ขำออกมาดังๆ!” เทพทัตถอนหายใจแรงอย่างปลงตกกับโชคชะตา “ว้ากกกกกกกกกก ฮ่าๆ” แล้วลูกน้องเขาก็ขำจริง ขำแบบไม่เกรงใจใบหน้าเคร่งขรึมของเขาเลยแม้แต่น้อย “ขำมากมั้ย เดี๋ยวแม่งตัดลิ้นไปให้กากิน” “ชู่! อย่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้ลูกสิคะ” เสียงห้ามดังขึ้นมาจากด้านหลังเหมือนกองเซนเซอร์ มือขาวของภรรยาปิดหูเล็กทั้งสองข้างของเด็กหญิงในชุดกระโปรงเจ้าหญิงฟูฟ่อง นั่นทำให้เทพทัตหายใจแรงออกมาอีกครั้ง ผู้ชายตัวโตอย่
บุญแก้วมองตามควันโขมงจากธูปที่ปักอยู่เต็มกระถางบูชาหน้าสำนักหมอดูชื่อดังท้ายหมู่บ้านของตน สำนักหมอดูแม่ทองย้อยที่เดียวที่เดิม ซึ่งมีผู้คนต่อแถวยาวรอคิวอย่างมีความหวัง และแม่สามีของเธอก็เป็นหนึ่งในนั้น “คุณแม่พาแก้วมาที่นี่ทำไมเหรอคะ” “ก็พามาดูดวงน่ะสิจ๊ะว่าตอนไหนแม่จะได้อุ้มหลาน” ลูกสะใภ้ลอบถอนหายใจ เธอกับสามีเคยมีอะไรกันแบบไม่ใส่ถุงหนึ่งครั้ง แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีลูกน้อยมาเกิด ตอนอยู่กับอดีตสามีคนแรกเธอก็ท้องยากแบบนี้ หญิงสาวไปตรวจเพื่อเช็กให้แน่ใจว่าตนเข้าข่ายภาวะมีบุตรยากหรือไม่มาแล้ว แต่หมอกลับบอกว่าร่างกายของเธอปกติ ไม่มีปัญหา แล้วอะไรกันที่มันมีปัญหา? แม่หมอทองย้อย...จะให้คำตอบได้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ “อยู่ในหมู่บ้านของหนูแก้วเลย หนูเคยมาดูดวงกับแม่หมอบ้างมั้ยลูก แม่นรึเปล่า” แม่ย่าที่ได้ยินกิตติศัพท์ของแม่หมอทองย้อยมาจากคนอื่นเอ่ยถามไถ่ลูกสะใภ้ที่กำลังยืนขบคิดกับคำทายทักเมื่อหลายเดือนก่อน จะว่าแม่นไหมน่ะหรือ แม่หมอทักว่าตนจะได้ผัวรวยเป็นลูกครึ่ง สรุปได้ผัวรวย ล
“จะโอนให้ฉันจริง ๆ เหรอคะ” บุญแก้วมองสามีตาปริบ ๆ ไม่รู้ว่าวันนี้เขาเป็นอะไรถึงได้ใจป้ำขึ้นมาผิดปกติ “อืม เอาไปหมดเลย” เทพทัตลากภรรยาตัวน้อยออกจากบ้านตั้งแต่เช้าเพื่อมาจดทะเบียนสมรสใหม่ ทั้งยังโอนอสังหาริทรัพย์ที่ตนถือครองทั้งหมดให้เธออีกต่างหาก ทรัพย์สินทุกอย่างเขารื้อออกมาหมดเพื่อยกให้เธอ ไม่รู้มันเกิดอะไรขึ้นกับผู้เป็นสามีกันแน่ถึงได้ตื่นมากลายเป็นสายเปย์เกินเหตุขนาดนี้ “โอนให้เมียหมด จะได้ไม่มีคนมาแย่งผัวไปเพื่อหวังฮุบเอาสมบัติอีก” “แล้วไม่กลัวฉันชิ่งหนีเหรอคะ” “ถ้าเธออยากให้ผัวกลายเป็นขอทานข้างถนนก็ลองดู” บุญแก้วหลุดยิ้มกับคำพูดของคนด้านข้าง ที่แท้ก็กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยนี่เอง “นั่นน่ะสิคะ ใครจะอยากได้ผู้ชายที่มีแค่ตัวกับเสื้อแถมปุ๋ยกัน” “ถึงจะมีแค่ตัว แต่พกปลาข่อใหญ่นะครับ” เพียะ! “พูดอะไรเนี่ย” “หรือเมียจะเถียงว่ามันไม่เร้าใจ?” มือเล็กตีแขนอัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามเมื่อสามีเริ่มเปิดประเด็นเรื่องใต้น้ำ... “อะฮึ่ม! ผมว่าเจ้าหน้าที่น่าจะรอนา