ตอนที่ 3. ลูกสาวของยากูซ่าส์
แฟ้มดำที่ถูกส่งถึงมือเซียวเล่ห์ในช่วงเย็นของวันเดียวกันนั้น มีเพียงชื่อเดียวที่แปะอยู่บนปกอย่างเรียบง่าย
ฮานะ อรุณวดี มิยูกิ
“มันใช่เธอจริง ๆ…”
เซียวเล่ห์เปิดแฟ้มอย่างระมัดระวัง แต่ดวงตาคมกลับวาววับขึ้นในวินาทีที่เห็นใบหน้าในภาพถ่ายติดบัตรนักศึกษา
ข้างใต้คือข้อมูลพื้นฐานทั่วไปอายุ 19 ปี
นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะอักษรศาสตร์
ภาษาญี่ปุ่นระดับ JLPT N1
ภาษาจีนกลางระดับ HSK5
บุตรสาวของ มิยูกิ โคจิโร่ และ อรุณี มิยูกิ
พี่ชายเสียชีวิตเมื่อสามปีก่อนจาก “อุบัติเหตุรถชน”
เซียวเล่ห์หัวเราะในลำคอเบา ๆ ขณะพลิกหน้าเอกสารไปเรื่อย ๆ
“อุบัติเหตุเหรอ… คนของมังกรดำเขาเรียกแบบนั้นกันสินะ” เสียงเคาะประตูห้องพักอาจารย์ดังขึ้น
ไม่ต้องมีคำพูด เขาก็รู้ว่าเป็นใครอาตงเดินเข้ามาเงียบ ๆ โค้งให้เบา ๆ
“รายงานฉบับเต็มอยู่ในโทรศัพท์นายแล้วครับ แต่ข้อมูลทั้งหมดตรงกับที่เราสงสัย ไม่มีข้อผิดพลาด”
เซียวเล่ห์พยักหน้า ช้า ๆ
“ลูกสาวของมิยูกิ โคจิโร่… แถมเป็นหลานสาวของไอ้แก่นั่น”
อาตงเม้มปาก “เธอไม่ได้อยู่ในลิสต์เฝ้าระวังมาก่อน เราไม่รู้ว่าเธอเข้ามาเรียนที่ไทย และ...” อาตงเว้นระยะเอาไว้ ก่อนที่จะเป็นเซียวเล่ห์ที่เป็นคนเอ่ยขึ้นมาเอง
“และฉันก็เจอเธอด้วยตัวเอง”
เซียวเล่ห์พูดแทรกเบา ๆ พร้อมกับสายตาที่เริ่มลุกวาว “แต่ฉันจะไม่บอกเธอตอนนี้ ไม่ใช่เวลาที่เหมาะจะเปิดเกม”เขาเอนหลังพิงเก้าอี้ หยิบปากกาขึ้นหมุนเล่น
“ปล่อยให้เธอคิดว่าฉันเป็นแค่อาจารย์ขี้เก๊ก แล้วค่อย ๆ ลากเธอเข้ากับดัก”“ครับ...แต่นายมั่นใจนะครับว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้? ผู้หญิงคนนี้...ไม่ธรรมดา”
เซียวเล่ห์ยิ้มมุมปาก ดวงตาเยือกเย็นแต่แฝงอะไรบางอย่างไว้ลึก ๆ
“ไม่มีอะไรที่ฉันควบคุมไม่ได้”วันต่อมาฮานะนั่งทานข้าวเงียบ ๆ กับเพื่อนในมุมหนึ่งของโรงอาหาร แต่วันนี้มีสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เธอแบบไม่มีเหตุผล
“เอ๊ะ ทำไมคนมองเยอะจังวะฮานะ” แพรวเพื่อนสาวคนหนึ่งกระซิบ
“ไม่รู้สิ...อาจจะเพราะฉันหน้าตาดี” ฮานะพูดติดตลกและก้มหน้าก้มตากินอย่างไม่ได้สนใจใครสักเท่าไหร่นัก
“ไม่ใช่ละ นั่นดูเหมือนจะเป็นนักข่าวสายเผือก...แล้วนั่นนักศึกษาชั้นปีสองคณะบริหารฯ นี่ เขามองเธอเหมือนเธอฆ่าหมาพันธุ์โกลเด้นเลยนะ”
ฮานะวางช้อนลง ถอนหายใจแรง
“ฉันก็แค่ทะเลาะกับอาจารย์คนนั้นแค่สองคลาสเอง คนในมหาลัยนี้ว่างจัดหรือไง?”“ว่างค่ะ และชอบเรื่องแซ่บด้วย” เสียงของใครบางคนแทรกขึ้นจากด้านหลัง
เซียวเล่ห์ยืนอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว มือถือกาแฟเย็นแบบเดิม แต่สายตาไม่เหมือนเดิม สายตาเขามีทั้งความรู้ ทั้งความลับ และ...ความร้ายกาจบางอย่างที่ฮานะยังอ่านไม่ออก“คุยกันเสียงดังแบบนี้ ทำให้ผมอารมณ์เสียตอนกินข้าวมากเลยนะครับคุณฮานะ”
“แต่ฉันก็ยังไม่ได้ถูกเชิญให้ออกจากโรงอาหารนี่คะ...อาจารย์จะหาว่าฉันรบกวนสมาธิในการดื่มกาแฟเหรอ? อีกอย่างโรงอาหารก็ต้องเสียงดังเป็นธรรมดาค่ะ ถ้าไม่อยากได้ยินเสียง หรือต้องการที่สงบโน่นค่ะ ป่าช้า !!”
“เปล่า...” เขายิ้มบาง
“แค่คิดว่าแมวดื้อบางตัว กำลังเดินเข้าเขตเสือโดยไม่รู้ตัว”ฮานะนิ่ง แวบหนึ่ง...เธอรู้สึกเหมือนกำลังจะถูกกลืน แต่ก็เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น
“แมวก็มีกรงเล็บค่ะ และบางครั้งมันก็ข่วนหน้าคนได้เจ็บกว่าเสือที่แค่นั่งหรี่ตาเฉย ๆ ด้วยซ้ำ” เซียวเล่ห์ยิ้ม...ไม่ตอบอะไร แล้วเดินจากไป แต่หัวใจฮานะกลับเต้นไม่เป็นจังหวะโดยไร้สาเหตุ
หลังจากเหตุการณ์ในโรงอาหาร เซียวเล่ห์ก็ไม่ได้เข้าคลาสสอนอีกหลายวัน เสียงซุบซิบว่าท่านอาจารย์สุดหล่อบินไปประชุมวิชาการต่างประเทศ แต่สำหรับฮานะ… มันไม่ได้รู้สึกแค่ “อาจารย์หายไป”
มันเหมือน “คนที่จ้องจะกลืนเธอ” หายไปอย่างมีนัยยะ
“ช่วงนี้มีคนแปลก ๆ เดินวนแถวคณะเราบ่อยนะ”
โซระ เพื่อนญี่ปุ่นที่โตมาด้วยกันพูดขึ้นขณะพากันเดินกลับไปที่ลานจอดรถของมหาลัย“คนของใครไม่รู้ แต่มองเราสองคนแปลก ๆ มากเลยอะ” โซระบอกกับฮานะทำเอาฮานะหยุดเดิน
ริมฝีปากเธอเม้มแน่นขึ้น “แกก็รู้ว่าฉันไม่ได้อยากกลับมาเรียนที่ไทย...แต่คุณพ่อบอกว่าเขามี ‘ภารกิจ’ บางอย่างที่ต้องให้ฉันทำที่นี่”โซระถอนหายใจแรง
“ภารกิจของตระกูลมิยูกิไม่เคยเป็นเรื่องธรรมดาเลยจริง ๆ…”“แต่แกก็น่าจะรู้ว่าฉันก็ไม่ได้อยากจะทำอะไรแบบนั้น ฉันแค่อยากจะใช้ชีวิตให้มันปกติเหมือนคนอื่นๆ ”
“ฉันเข้าใจ แต่ว่าต่อไปเราคงต้องระวังตัวกันให้มากกว่านี้”
โซระบอกกับฮานะก่อนที่ทั้งสองจะตรงไปที่ลานจอดรถ และต่างคนต่างขับกลับออกไปในที่สุด เพราะทั้งสองคนไม่ต้องการเป็นจุดเด่น เพราะพ่อของฮานะต้องการให้บอดีการ์ดมาคุ้มครอง แต่ฮานะเลือกที่จะไม่ทำตามและบอกกับพ่อของเธอว่ามีแค่โซระคนเดียวก็พอ เพราะว่าโซระเองก็ถูกฝึกให้เป็นนักฆ่าตั้งแต่เด็ก เพื่อมาทำหน้าที่ปกป้องฮานะนั่นเอง
ห้องทำงานลับของเซียวเล่ห์
บนหน้าจอมอนิเตอร์ ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นฮานะกำลังยืนซื้อเครื่องดื่มในคาเฟ่เล็ก ๆ ใต้ตึกคณะ
“เด็กผู้หญิงธรรมดา...ที่โตมาในรังยากูซ่า”
เซียวเล่ห์พูดกับตัวเอง ขณะวางแก้วชาดำลงบนโต๊ะ อาตงยืนเงียบข้าง ๆ ก่อนพูดขึ้นเบา ๆ “มีรายงานว่า คนของฝั่งมิยูกิเข้ามาในไทยช่วงนี้หลายคนแล้วครับ พวกเขาน่าจะรู้ว่าเราเริ่มเคลื่อนไหว”“ดี...” เซียวเล่ห์หลับตา พลางเหยียดยิ้มเล็กน้อย
“จะได้เปิดเกมไวขึ้น” เขาพูดขึ้นมาพร้อมกับยกกาแฟมาจิบอย่างคนที่อารมณ์ดีเป็นที่สุดคอนโดของฮานะ
เสียงรองเท้ากระทบพื้นเปียกดังแผ่ว ในทุกย่างก้าวที่ฮานะเดินอย่างเชื่องช้า ฮานะยืนกางร่มอยู่หน้าคอนโด ขณะกำลังจะเดินเข้าอาคาร ก่อนที่ใครบางคนจะโผล่ออกมาจากเงามืด
“ฮานะ...หนูต้องระวังตัวให้มากกว่านี้”
“อุ๊ยแม่ร่วง”เธอสะดุ้ง
ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นชายวัยกลางคนในชุดสูทสีดำ ท่าทางเหมือนบอดี้การ์ดมือเก๋า“ทาเคดะ…? ลุงยังอยู่ที่ไทย?” เขาพยักหน้าเบา ๆ
สายตาไม่ใช่แค่ห่วง แต่เหมือนกำลังแบกโลกทั้งใบไว้บนไหล่“มีคนของมังกรดำเริ่มสะกดรอยตามหนูแล้ว...เซียวเล่ห์...เขาไม่ใช่แค่ ‘อาจารย์’ อย่างที่หนูคิด”
ฮานะเม้มริมฝีปาก “หมายความว่ายังไงคะ ?”
ในหัวเริ่มกลับไปนึกถึงแววตาคู่นั้น…คำพูดนั้น…ท่าทางที่เหมือนรู้จักเธอทั้งที่ไม่เคยบอกชื่อจริง…“เขาคือศัตรูของตระกูลเราใช่มั้ยคะ?”
ทาเคดะไม่ตอบตรง ๆ แต่สายตาบอกทุกอย่าง
ก่อนจะยื่นซองเอกสารให้บางอย่าง“นี่คือแฟ้มประวัติเขา...ถ้าหนูอยากรู้ความจริงทั้งหมด” ฮานะรีบรับเอาไว้
บนเตียงภายในคอนโดหรู
มือหนึ่งถือแฟ้มเอกสาร อีกมือหนึ่งลูบจี้ห้อยคอเล็ก ๆ รูปมังกรที่เคยเป็นของพี่ชาย…น้ำเสียงของเขาในความทรงจำดังขึ้นแผ่วเบา“ถ้ามีวันหนึ่งที่น้องเห็นมังกรดำ...หนีไปให้ไกลที่สุด อย่าให้มันรู้ว่าแกคือใคร”
เสียงฟ้าร้องดังขึ้น พร้อมกับมือของฮานะที่เปิดแฟ้มเอกสาร ภาพของผู้ชายคนหนึ่ง...หน้าตาคมคาย แววตาเฉียบขาด แต่ไม่ใช่ภาพถ่ายแบบอาจารย์มหาลัย...
“เซียวเล่ห์ !! ” หัวหน้าแก็งมังกรดำ คนที่พร้อมจะเก็บทุกคนที่ขวางทางเดินของเขา
มันคือรูปถ่ายของเซียวเล่ห์ในคราบมาเฟียเต็มขั้น...พร้อมกับเครื่องหมาย ‘มังกรดำ’ ที่อกเสื้อ
ฮานะเลื่อนดูรูปถ่ายแต่ละรูปอย่างช้า ๆ พร้อมกับจ้องมองรอยสักตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายชายหนุ่มในคราบอาจารย์
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่เนี่ย ฉันควรจะทำยังไงดี เขาจะรู้ตัวตนของฉันไหมนะ หรือว่ารู้แล้วเขาถึงจิกกัดฉันขนาดนี้”
ฮานะปิดปิดแฟ้มในมือ พร้อมกับเอาเก็บไว้ในซอง ก่อนจะเอาไปเข้าเครื่องทำลายเอกสารที่อยู่ในห้องของเธอ
ตอนพิเศษ แสงอาทิตย์ในทุกเช้าที่มีเธอเช้านี้ต่างจากเช้าทุกวัน…เพราะมันเป็นเช้าวันแรกหลังจากที่ทั้งสี่คนใช้คำว่า “ครอบครัว” ได้อย่างเต็มปาก ฮานะตื่นขึ้นมาพร้อมกลิ่นหอมของขนมปังที่อบในครัว ดวงตายังปรือ ๆ อยู่แต่กลับมีรอยยิ้มประดับมุมปากโดยอัตโนมัติ เมื่อเห็นว่าเตียงข้าง ๆ ว่างเปล่า แต่พอเธอก้าวลงจากเตียง เดินตามเสียงในครัวไป ก็พบว่าคนที่หายตัวไปคือสามีสุดหล่อ…ที่กำลังใส่ผ้ากันเปื้อนรูปเป็ดแสนน่ารัก ก้มหน้าก้มตาเจียวไข่และจัดจานอย่างตั้งใจ “จะทำอาหารเช้าทุกวันเลยเหรอ?” ฮานะถามเสียงงัวเงียเซียวเล่ห์เงยหน้าขึ้นมา ยิ้มกว้างแบบที่ทำให้ใจเธอสั่นทุกที “ไม่ทุกวัน…แต่จะทำทุกเช้าที่เธอยังอยู่ข้าง ๆ ฉัน”เธอหัวเราะเบา ๆ เดินเข้าไปกอดเขาจากด้านหลัง “พูดแบบนี้…ใครจะไปไหนได้คะที่รัก” เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้น ก่อนที่เขาจะหมุนตัวกลับมากอดเธอไว้ทั้งตัว แล้วโน้มลงมาจูบหน้าผากเธอหนึ่งที “ยอมให้หอมหมดทั้งตัวเลยด้วยซ้ำ”ขณะเดียวกัน… ในอีกฝั่งของบ้าน เคียวกับโซระก็ไม่แพ้กัน โซระที่ห่มผ้านอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนโซฟาหนังสุดหร
ตอนที่ 52. แต่งงาน “ชุดนี้ใช่เลย...หรือหัวใจฉันใช่เธอ”ร้านชุดแต่งงานกลางเมืองที่ถูกจองไว้ล่วงหน้าสำหรับวันนี้โดยเฉพาะฮานะกับโซระยืนอยู่หน้าแร็กชุดแต่งงานยาวเหยียด สายตาสำรวจแต่ละแบบด้วยความจริงจัง“อันนี้ดูหวานไปไหม?” ฮานะชี้ไปที่ชุดลูกไม้สีขาวแบบเจ้าหญิง“แล้วอันนี้ดูเหมือนชุดขึ้นเวทีรำบวงสรวงเลย” โซระพูดถึงชุดทรงบานอีกตัว จนฮานะหลุดหัวเราะด้านนอกห้องลองชุด เคียวนั่งไขว่ห้างรอพลางเปิดมือถือเช็กอีเมล ส่วนเซียวเล่ห์นั่งพิงกำแพงอย่างอดทน ใบหน้าคมหล่อเหลามองประตูห้องลองชุดไม่ละสายตาพนักงานเดินนำทางก่อนจะเปิดม่านออก...ฮานะก้าวออกมาในชุดเดรสเข้ารูปสีขาวสะอาด ท่อนบนมีลูกไม้ปักอย่างประณีต ผ้าทิ้งตัวแนบเรือนร่างพอดิบพอดีอย่างพอดี...จนเซียวเล่ห์เผลอลืมหายใจเขาลุกขึ้นยืนช้า ๆ เหมือนโดนสะกด“...สวย” เสียงของเขาเบาแต่ชัดฮานะหลบตาเล็กน้อย “ไม่เยอะไปใช่ไหม...?”“ไม่น้อยไปด้วย” เขาเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าเธอ ก่อนจะเอื้อมมือแตะแขนเบา ๆ “มันพอดีมาก…พอดีกับเธอ…แล้วก็พอดีกับใจฉัน”ฮานะกลั้นยิ้มจนแก้มขึ้นสี ส่วนโซระที่เดินออกมาจากอีกห้องในชุดลูกไม้สีงาช้าง ก็ยักไหล่แล้วพูดเรียบ ๆ“งั้นฉันไม่ใส่ละ เด
ตอนที่ 51. ทะเลาะกันก่อนแต่งงานหลังจากอาหารเช้าอิ่มท้อง กลิ่นชาขิงอุ่น ๆ เริ่มลอยคลุ้งไปทั่วห้องนั่งเล่น ทั้งสี่คนฮานะ, เซียวเล่ห์, เคียว และโซระนั่งรวมตัวกันตรงโซฟาแบบไม่มีใครรีบจะลุกไปไหนบทสนทนาไหลเรื่อยไปเรื่อย ๆ ทั้งเรื่องละครเมื่อคืน เกมที่เคียวเล่นแพ้ไม่เป็นท่า หรือแม้แต่เรื่องชวนหัวเราะอย่างท่าทางตอนหลับของโซระที่เจ้าตัวยืนยันว่า “ไม่ได้กรน!”บรรยากาศดีจนกระทั่ง…“ฉันตั้งใจจะขอฮานะแต่งงาน”เสียงของเซียวเล่ห์นิ่ง สุขุม แต่ออกมาชัดเจนราวกับค้อนกระแทกกลางโต๊ะทุกคนหันขวับฮานะชะงักไปนิด ก่อนจะหันไปจ้องเขาตาโต “เมื่อไหร่นายจะ…บอกฉันก่อนได้ไหม?!”เซียวเล่ห์หันมายิ้มบาง ๆ ให้เธอ “ก็บอกอยู่ตอนนี้ไง”โซระอ้าปากพะงาบ กำถ้วยชาขิงแน่น ส่วนเคียวถึงกับชะงักมือที่กำลังจะหยิบคุกกี้เข้าปาก“แต่งงาน?!” เคียวทวนคำ “น้องจะแต่งก่อนพี่ได้ยังไงวะเนี่ย?!”“เกี่ยวอะไรกับนาย?” เซียวเล่ห์เลิกคิ้ว“โถ่ ไอ้เล่ห์! ถ้านายแต่งก่อน ฉันก็โดนล้อแน่ดิ!” เคียวโอดครวญ “แถมโซระยังอยู่ข้าง ๆ ด้วย ฉันไม่สามารถแพ้ได้!”โซระหันขวับมามอง “เอ๊ะ?! เรื่องนี้ฉันไปเกี่ยวอะไรด้วย?”เคียวชี้นิ้วทันที “ถ้าเซียวเล่ห์จะขอแต่ง ฉ
ตอนที่ 50. เอาคืนแสงไฟในห้องสลัวลงจนแทบมืดสนิท เสียงลมหายใจที่แผ่วเบาและเสียงกระซิบอ่อนโยนกลมกลืนไปกับความเงียบงันของค่ำคืนเซียวเล่ห์ค่อย ๆ ขยับตัวเหนือร่างของฮานะ ราวกับกลัวว่าจะทำให้เธอหวาดกลัวหรือเจ็บปวดมือใหญ่ลูบไล้เรียวแขนที่โอบกอดเขาอย่างมั่นคง ก่อนจะค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปสัมผัสบริเวณต้นคอที่บอบบางฮานะหลับตาพริ้มพร้อมกับปล่อยใจให้ความรู้สึกนั้นซึมลึกเข้าไปในทุกเส้นใยของร่างกายริมฝีปากของเซียวเล่ห์โอบอุ้มริมฝีปากของเธออย่างนุ่มนวล ก่อนจะเริ่มจูบคลอเคล้าอย่างช้า ๆเหมือนต้องการบอกทุกความรู้สึกผ่านสัมผัสนี้ทั้งคู่ผ่อนคลายลง ร่างกายและหัวใจเคลื่อนเข้าหากันอย่างเป็นธรรมชาติเซียวเล่ห์ถอดเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายของตัวเองออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีฮานะสายตากล้าหาญแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน ส่งเสียงกระซิบ “ฉันไว้ใจคุณ...เต็มที่”มือทั้งสองจับกันแน่นเป็นสัญญาแห่งความรักและความมั่นคงเขาค่อย ๆ ก้าวเข้าหาเธออีกครั้ง ร่างกายสัมผัสกันอย่างแผ่วเบาแต่หนักแน่นทุกจังหวะทุกสัมผัสล้วนบอกเล่าความต้องการและความรักที่ไม่มีวันลดน้อยลงในคืนนั้น เวลาหยุดเดิน ความรู้สึกทั้งหมดถ่ายทอดผ่านก
ตอนที่ 49. ร่วมรักทั้งสองนั่งเคียงข้างกันบนระเบียงขนาดกะทัดรัด ใบหน้าของฮานะยังคงเปี่ยมไปด้วยความสงบ ริมฝีปากยิ้มบาง ๆ ขณะที่แสงสีส้มทองของพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าไปช้า ๆสายลมเย็นพัดเบา ๆ ปะทะใบหน้า เหมือนเป็นบทเพลงธรรมชาติที่บรรเลงไว้เพียงเพื่อพวกเขาสองคนเสียงนกร้องไกล ๆ กับกลิ่นหญ้าระเบียงชั้นบน ทำให้เวลาที่หยุดนิ่งไปเหมือนจะเป็นช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบที่สุดในชีวิตเขาหยิบกล่องอาหารเย็นเล็ก ๆ ออกมา ท่ามกลางรอยยิ้มที่ซ่อนความสุขเงียบ ๆ“กินด้วยกันไหม?” น้ำเสียงนุ่มลึกถามอย่างอ่อนโยนเธอพยักหน้าอย่างอ่อนแรง แต่สายตาเต็มไปด้วยความอบอุ่นพวกเขาแบ่งอาหารจากกล่องนั้นอย่างตั้งใจ อาหารมื้อนี้ไม่มีความรีบร้อน มีเพียงความรู้สึกที่ค่อย ๆ เติมเต็มใจทั้งสองคนหลังอาหารเย็น พวกเขายังนั่งกันต่อไม่ลุกไปไหน ท้องฟ้ากลายเป็นสีครามเข้ม และดาวดวงเล็ก ๆ เริ่มผุดขึ้นทีละดวงเซียวเล่ห์ลูบมือของฮานะอย่างช้า ๆ “คืนนี้ดาวสวยมากนะ”“เหมือนชีวิตที่เราจะเริ่มต้นใหม่...ด้วยกัน”สองมือประสานกันแน่นขึ้น ก่อนที่ทั้งคู่จะนอนราบลงบนเก้าอี้เลานจ์ที่เตรียมไว้เงาจันทร์สาดส่องลงมาเป็นประกายเงินบนผิวหน้าทั้งสองราวกับมีเว
ตอนที่48. ฮานะเซียวเล่ห์ห้องพักฟื้นถูกแสงแดดอ่อนส่องลอดผ่านม่านสีครีมเข้ามา เสียงเครื่องวัดชีพจรยังคงดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ กลิ่นยาสะอาดลอยแตะจมูกตลอดเวลาเซียวเล่ห์นั่งเงียบอยู่ข้างเตียงคนไข้ ร่างสูงนั่งหลังตรง ดวงตาคมสบหน้าคนที่นอนหลับสนิทบนเตียงสีขาว — ฮานะยังคงซีดเซียวจากบาดแผลที่ได้รับจากการปะทะเมื่อคืน แม้หมอจะบอกว่าอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่เขาก็ยังไม่กล้าหลับเลยสักวินาทีมือเรียวของฮานะวางนิ่งอยู่ข้างลำตัว นิ้วก้อยของเธอถูกเขาเกี่ยวเอาไว้เบา ๆ คล้ายคำสัญญาเงียบ ๆ ว่าเขาจะไม่ไปไหนดวงตาของเธอกระพริบขึ้นช้า ๆ เหมือนพยายามฝืนลืมตามองหาใครบางคน“เซียว…เล่ห์…”“อยู่ตรงนี้” เขาขานรับแทบจะทันที พร้อมกับโน้มตัวลงใกล้ แล้วใช้นิ้วแตะไรผมที่ปรกหน้าผากเธอออกให้“ไม่ต้องฝืนนะฮานะ หลับต่อก็ได้”“เจ็บ…จังเลย…”น้ำเสียงแผ่วเบานั้นทำให้เขานิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะมือเธอเบา ๆ อย่างอ่อนโยนที่สุด“ฉันรู้…เธอเจ็บ แต่เธอปลอดภัยแล้ว ฉันจะดูแลเธอเอง ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น”เมื่อเธอหลับไปอีกครั้ง เขาจึงลุกขึ้น เดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนใหม่กับกะละมังน้ำอุ่น เขานั่งลงข้างเตียงอีกครั้ง ค่อย ๆ เช็ด