"คุณหนูขอรับ ชุดที่สั่งตัดจากเมืองไถเป่ยมาถึงแล้วขอรับ เจียวหั่ว...เจ้ายกหีบนั่นเอามาวางไว้ตรงนี้" พ่อบ้านหยุนชี้บอกกับเจียวหั่วว่าให้เอาไปวางไว้ตรงไหน อย่างรู้ใจคุณหนูอี้เฉินของเขามากที่สุด
"เร็วทันใจข้าจริง พ่อบ้านหยุน ท่านให้ใครไปตามซีห่าวกับจางลี่ ให้มาช่วยข้าลองชุดทีสิ" อี้เฉินบอกกับพ่อบ้านหยุนอย่างอารมณ์ดี ที่ชุดมาทันใจของเธอ ชุดที่เธอสั่งตัดมาใส่ในวันที่ดูตัวของเธอ ซึ่งจะมาถึงในอีกสองวันข้างหน้านี้ เธอสั่งตัดชุดจากเมืองไถเป่ย ที่อยู่ห่างจากเมืองหย่งอานที่เธออยู่ ห่างออกไปไกลกันมาก เดินทางด้วยม้าใช้เวลาถึงสองวัน แต่เธอก็สั่งตัดชุดจากเมืองนี้ เพราะว่าเมืองไถเป่ย มีชื่อเสียงในเรื่องของการตัดชุดให้กับสาวงาม แล้วก็ตัดชุดให้กับลูกสาวของผู้ที่มันอันจะกินทั้งหลาย และเธอก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ตัดชุดจากเมืองนี้มาตลอดเช่นกัน
"ขอรับคุณหนู" พ่อบ้านหยุนหันไปส่งสัญญาณให้กับเจียวหั่ว
"ขอรับพ่อบ้านหยุน" เจียวหั่วก้มหน้ารับคำอย่างรู้งาน ก่อนที่เขาจะรีบไปทำตามคำสั่ง และหลังจากนั้น ความวุ่นวายก็เกิดขึ้น เพราะว่าทุกคนต้องวุ่นวาย กับการเตรียมงานใหญ่ของคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเจิ้ง ถึงจะเป็นแค่งานดูตัว แต่คุณหนูใหญ่ก็ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ รวมทั้งนายใหญ่ของบ้านตระกูลเจิ้งด้วย เพราะว่าคู่หมายที่จะมาดูตัวของคุณหนูใหญ่ มาจากตระกูลหลี่ และเป็นคุณชายใหญ่แห่งตระกูลหลี่ ที่หลายคนในเมืองแห่งนี้และอีกหลายๆเมือง ต้องการที่อยากจะได้คนที่มาจากตระกูลหลี่ มาร่วมกับตระกูลของตัวเอง เพราะว่าตระกูลหลี่ เป็นตระกูลที่เก่าแก่และรํ่ารวยเงินทอง บวกกับทั้งคุณชายใหญ่รูปงามจนผู้คนเอาไปรํ่าลือกัน และน้อยคนนักที่จะเคยเห็นหน้าของคุณชายใหญ่แห่งตระกูลหลี่ เพราะว่าคุณชายใหญ่ทำงานหนัก เป็นหัวเรือใหญ่ให้กับตระกูล ความขยันบวกกับความฉลาดนี้ ทำให้ใครๆก็อยากได้เอามาเป็นลูกเขย คนที่เคยเห็นหน้าของคุณชายใหญ่แห่งตระกูลหลี่ ส่วนมากจะเป็นพวกที่เป็นคู่ค้ากันเท่านั้น
...
"เฮ้อ...อ" ชัดถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่อย เขาค่อยๆเดินไปรอบๆห้องใต้ดินอย่างเชื่องช้า ด้วยสภาพร่างกายของเขายังบอบซํ้าจากการถูกเฆี่ยนตีอยู่ เขาเดินเพื่อจะสำรวจดู ว่าจะมีทางไหนให้เขาหนีออกไปจากที่นี่ได้บ้าง ร่างกายของเขายังไม่ดีขึ้นเลยสักนิด เพราะว่าตั้งแต่เขาฟื้นขึ้นมา เขาได้กินข้าวไปแค่ครั้งเดียว แล้วก็เป็นข้าวที่คลุกดินด้วย ในขณะที่ลู่จิวนอนหายใจรวยรินอย่างคนที่หมดแรงอยู่ ทั้งอากาศที่หนาวเหน็บ แล้วก็ทั้งหิวข้าวจนไม่มีแรงขยับตัว วันนี้ยังไม่มีใครเข้ามาหาเขาเลยสักคน ข้าวกับนํ้าก็ยังไม่ตกถึงท้องเลย
"เข่อซิง เข่อซิง ข้าอยู่ทางนี้เข่อซิง" หนิงหลงเรียกเข่อซิงพร้อมกับกวักมือเรียกไปด้วย แต่เข่อซิงก็ไม่หันมามองเขาเลย
"หือ...เข่อซิง? ใครวะ อ๋อ...ชื่อใหม่ของเรานี่หว่า" ชัดหันไปมองที่มาของเสียง ก่อนที่เขาจะค่อยๆเดินไปหา สายตาของเขาเพ่งมองอยู่นาน กว่าเขาจะเห็นมือของใครสักคนอยู่ที่ผนังด้านบนสุดของห้องใต้ดิน ที่น่าจะมีเอาไว้ให้อากาศถ่ายเทได้
"เร็วๆสิ เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าเรียกรึไง" หนิงหลงถามด้วยนํ้าเสียงที่หงุดหงิด เพราะว่าเขาก็ต้องรีบไปจากที่นี่ ก่อนที่จะมีใครมาเห็นเขา แล้วเอาไปฟ้องพ่อบ้านหยุน
"ข้าลุกขึ้นเดินได้ ข้าก็ถือว่าข้าเก่งมากแล้วนะ" ชัดมองค้อนหนิงหลงไปทีหนึ่ง ที่เร่งเขา ทั้งที่ก็รู้ว่าตอนนี้สภาพของเขา เหมือนกับศพที่เดินได้ ถึงจะไม่มีกระจกให้เขาส่อง แต่มองด้วยตาเปล่า เขาก็พอที่จะเดาสภาพของตัวเองได้
"นี่ซาลาเปากับนํ้าแล้วก็ยา รีบรับไป ก่อนที่จะมีคนมาเจอข้า" หนิงหลงไม่พูดเปล่า เขาโยนของที่ว่าลงไปบนกองฟาง เพราะว่าเขาไม่มีเวลาแล้ว ถ้าจะรอให้เข่อซิงเดินมาถึง เพราะกว่าที่เข่อซิงจะเดินได้แต่ละก้าว เหมือนกับนับหนึ่งให้ถึงหนึ่งร้อยก่อนอย่างนั้นแหละ ถึงจะยกขาขึ้นมาได้แต่ละก้าว
"ท่านช่วยบอกข้าได้หรือไม่ ว่าใครเป็นคนที่ทำให้ข้าเป็นเช่นนี้" ชัดถามด้วยความโมโห เพราะว่าเขายกขาขึ้นก้าวไปไม่ได้ ถึงได้ ก็กลั้นใจยกจนสุดความสามารถ อย่าให้เขาหายนะ เขาจะจัดการเรียงตัวเลย
"เข่อซิง!! นี่เจ้าโดนเฆี่ยนจนความจำเสื่อมไปแล้วรึ งั้นข้าก็จะบอกกับเจ้า" หนิงหลงมองซ้ายมองขวาอย่างระวัง เพราะว่าในขณะนี้ คนงานทุกคน กำลังช่วยกันทำความสะอาดบ้านทั้งหลังอยู่ เขามาที่นี่ได้และมีอาหารมาให้เข่อซิง เพราะว่าวันนี้เป็นเวรที่เขาทำอาหาร และที่เขายอมบอกกับเข่อซิง เพราะว่าเขาสงสารลู่จิวหลานของเขาเอง เมียของเข่อซิงเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา แต่คนในบ้านหลังนี้ไม่มีใครรู้ นอกจากเข่อซิง และเขาจะให้ใครรู้ไม่ได้ เพราะว่าเขาอาจจะโดนฆ่าปิดปากก็ได้ และที่เขายอมบอกเรื่องที่ใครทำร้ายเข่อซิง เพราะเขารู้สึกว่าแววตาของเข่อซิงดูเปลี่ยนไป ไม่ได้อ่อนแอยอมพ่อบ้านหยุนไปสะทุกอย่างเหมือนเมื่อก่อน
"ข้าจำอะไรไม่ได้เลย รีบบอกมาเถอะ" ชัดพูดพร้อมกับค่อยๆนั่งลงไปบนกองฟาง ตรงที่มีอาหารกับนํ้าที่หนิงหลงโยนลงมาให้เขา เขาคิดว่าเขาคลานเอาน่าจะเร็วกว่าเดิน
"พ่อบ้านหยุนเป็นคนสั่งให้ลงโทษเจ้า โดยที่อ้างว่าคุณหนูอี้เฉินเป็นคนสั่ง ส่วนเมียของเจ้าตกเลือดตาย เพราะว่าถูกคุณหนูอี้เฉินใช้งานอย่างหนักจนคลอดก่อนกำหนด ก็เลยทำให้ตกเลือดตาย ข้าไปแล้วนะ เดี๋ยวจะมีคนสงสัย" หนิงหลงรีบวิ่งออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว เพราะว่าเขาเห็นเหมือนมีใครสักคนเดินมาทางนี้
"นี่มันเรื่องอะไรวะเนี่ย" ชัดพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่เขาจะคลานเข่าเข้าไปหาลู่จิว ถึงจะช้าหน่อยแต่ก็ดีกว่าเดินแน่นอน
ชัดคลานไปถึงลู่จิวได้ เขาก็อุ้มลู่จิวให้มานั่งบนตักของเขา ก่อนที่เขาจะให้ลู่จิวกินนํ้าทีละหน่อย แล้วเขาก็กินตาม เพราะว่าร่างกายของเขาขาดนํ้าตั้งแต่เขาฟื้นขึ้นมาแล้ว
"ท่างป้อ ข้าหน๊าว" ลู่จิวเหลือบตาขึ้นไปมองหน้าของผู้เป็นพ่อเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะหลับตาลงไปใหม่อีกครั้ง อย่างคนที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
"ลู่จิว เจ้าค่อยๆเคี้ยวนะ" ชัดบิซาลาเปาเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนที่เขาจะป้อนเข้าปากของลู่จิว
"อีก ท่างป้อ ข้ากิงอีก อย่อย ท่างป้ออย่อยม๊ากเยย" ลู่จิวได้กินซาลาเปาคำแรก เขาลืมตาตื่นด้วยความตกใจ เพราะนี่เป็นอาหารมื้อแรก ที่เขาได้กินอร่อยที่สุด
"เดี๋ยวพ่อป้อน ค่อยๆเคี้ยว ค่อยๆกลืน ไม่มีใครแย่งเจ้ากินหรอก" ชัดบอกกับเด็กน้อยด้วยความสงสาร ทำไมเด็กน้อยคนนี้ ถึงได้ลำบากขนาดนี้นะ แม่ของเด็กน้อยทำงานหนักจนคลอดก่อนกำหนด แล้วตกเลือดตายอย่างนั้นเหรอ ทำไมคุณหนูของพ่อบ้านหยุนถึงได้ใจร้ายขนาดนี้ พวกเขาเคยมีเรื่องบาดหมางใจกันมาก่อนรึเปล่า เขาเองก็ไม่รู้ได้ แต่ที่ผ่านมาเขาพอยอมรับได้ เพราะว่าเขาไม่รู้เรื่องด้วย แล้วมันก็เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ แต่นี่เด็ก ซึ่งไม่มีแรงกำลัง ที่จะไปทำร้ายผู้ใหญ่อย่างพ่อบ้านหยุน แล้วก็คุณหนูอี้เฉินได้แน่นอน เขาจะต้องปกป้องเด็กน้อยคนนี้ให้รอดพ้นจากบ้านหลังนี้ให้ได้
"ท่างป้อ ท่างป้อกิงจิ ข้าอิ่มแย้ว ข้าม่ายกิงแย้ว" ลู่จิวปัดมือของพ่อออก ไม่ยอมให้พ่อป้อนเขาอีก เพราะว่าตอนนี้เขาอิ่มจนกินเข้าไปอีกไม่ได้แล้ว
"ทำไมล่ะ เจ้าอิ่มแล้วรึลู่จิว ยังเหลือซาลาเปาอีกตั้งสองลูก" ชัดถามพร้อมกับมองไปที่รูปร่างของลู่จิว ทำให้เขาพอที่จะเข้าใจได้ ว่าลู่จิวเคยกินในปริมาณที่ไม่เยอะ ทำให้กระเพาะอาหารของเด็กน้อยรับได้ในปริมาณที่ตัวเองเคยกินมาเท่านั้น
"ท่างป้อกิง ท่างป้อกิงเยย เดี๋ยวข้าป้องท่างป้อเอง" ลู่จิวลุกขึ้นยืน ก่อนที่เขาจะหยิบซาลาเปา ที่อยู่ในห่อผ้าเก่าๆมาป้อนพ่อตามที่พูดไปด้วย
"นี่ยาแก้ไข้ ยาแก้อักแสบ ยาใช้ทาภายนอก มียาพวกนี้ด้วยเหรอเนี่ย ถึงรูปร่างมันจะแปลกๆ คล้ายๆกับยาลูกกลอนที่เขาเคยเห็นเลย แต่ก็ดีกว่าไม่มียากินนะ เอ๊ะ...นี่เราอ่านภาษาของเขาได้ด้วยเหรอเนี่ย เจ๋งจริงๆว่ะ" ชัดบ่นพึมพำเบาๆคนเดียว ในขณะที่เขากำลังเคี้ยวซาลาเปาที่ลู่จิวป้อนเขา สายตาก็อ่านฉลากยาที่อยู่ในห่อกระดาษเก่าๆไปด้วย
"ท่างป้อกิง ท่างป้อกิงเยย" ลู่จิวพูดพร้อมกับจะป้อนซาลาเปาลูกสุดท้ายที่เหลือให้กับพ่ออีก
"พ่ออิ่มแล้วเหมือนกัน เราเก็บเอาไว้กินตอนที่หิวดีไหม" ชัดบอกกับเด็กน้อย ทั้งที่ซาลาเปาลูกเดียว ไม่ทำให้เขาอิ่มได้หรอก แต่เขาจะเก็บเอาไว้ให้เด็กน้อยกินมื้อเย็น ชัดเก็บซาลาเปาเอาไว้ในห่อผ้าเก่าๆเหมือนเดิม ก่อนที่เขาจะเอาฟางมาทับปิดเอาไว้ เพื่อไม่ให้ใครมาเห็นเข้า
"ท่างป้อ..."
"ลู่จิว กินยาแก้ไข้ก่อน เจ้ามีไข้" ชัดบอกกับลู่จิวพร้อมกับป้อนยาเม็ด ที่มีรูปร่างคล้ายยาลูกกลอน เข้าไปในปากของลู่จิวครึ่งเม็ดอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ลู่จิวทันได้ตั้งตัว เพราะเขารู้ว่ายามันขมจนติดลิ้นเลยทีเดียว ที่เขารู้ เพราะว่าเขาได้กินก่อนลู่จิวไปแล้วสองเม็ด เขาให้ลู่จิวกินแค่ครึ่งเม็ด เพราะเขาคิดว่ายาของที่นี่แรงใช้ได้เลย แรงที่ว่าคืมขม มันขมติดลิ้นยังไม่หายเลย ขนาดว่าดื่มนํ้าตามเข้าไปแล้ว
"อี้..." ลู่จิวสั่นหัวพร้อมกับพ่นนํ้าลายออกมา หลังจากที่ยาละลายในปากของเขาแล้ว ถึงพ่อจะให้เขาดื่มนํ้าตามเข้าไปแล้วก็เถอะ แต่มันก็ขมปี๋อยู่ดี
"ลู่จิว เจ้าช่วยพ่อทายานี้ที่หลังของพ่อได้หรือไม่ นี่นะ...ทาตามแผลตรงนี้นะ" ชัดบอกกับเด็กน้อย พร้อมกับทำให้ดูไปด้วย ว่าต้องทายายังไง
"ขอรับท่างป้อ ข้าจะทายาห่ายท่างป้อเอง ฮึฮึ" ลู่จิวรีบพยักหน้ารับคำด้วยความดีใจ ที่เขาจะได้ทำอะไรอย่างที่ไม่เคยทำบ้าง จากนั้นสองพ่อลูกก็ช่วยกันทายาไปทั่วทั้งตัวจนเสร็จ
"เข่อซิง ข้ากับเจ้าทำงานกันมานานแล้ว เจ้าอยากไปเที่ยวที่ไหนหรือไม่ ข้ากับเจ้าควรจะหาที่พักผ่อนอยู่ด้วยกันตามลำพังบ้าง เจ้าว่าดีหรือไม่เล่า" หลี่หยางถามเข่อซิงเสียงนุ่ม ในขณะที่เข่อซิงกำลังนั่งทำซาลาเปาอยู่อย่างตั้งใจ หลังจากที่พวกเขากลับมาจากไปเที่ยวที่บนหุบเขา เวลาก็ล่วงเลยมานานหลายเดือน จนจะเข้าสู่ฤดูหนาวอีกแล้ว พวกเขากลับมาอยู่ที่ร้านขายผ้า ที่หัวเมืองเหอเป่ย์ตามเดิม เข่อซิงก็กลับมานั่งหัดทำซาลาเปาจนเก่ง แล้วตอนนี้เข่อซิงก็เปิดร้านขายเครื่องดื่มคู่กับซาลาเปา เป็นร้านแรกที่ทำร้านหรูหราใหญ่โต และมีภาชนะที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งก็สร้างความตื่นเต้นให้กับคนเมืองเหอเป่ย์เป็นอย่างมาก เพราะว่าหลี่หยางทำภาชนะใส่เครื่องดื่มกับจานชาม จากสแตนเลสสตีลมาใช้ในร้านของเข่อซิงเป็นที่แรก พร้อมกับวางขายในร้านที่เปิดใหม่อีกแห่งหนึ่ง และตอนนี้หลี่หยางก็มีร้านขายพวกแก้วกับจานชามเพิ่มที่หัวเมืองเหอเป่ย์ รวมกับพวกร้านขายผ้ากับร้านขายไม้ แล้วก็เครื่องประดับสี่ร้านด้วยกัน ไม่รวมกับร้านอาหารของเข่อซิง ส่วนลู่จิวได้ไปอยู่ที่บ้านเกิดของหลี่หยาง เพื่อไปเรียนแล้วก็อยู่กับปู่กับย่า ก่อนที่ลู่จิวจะถูกส่งไปเรียนตามหัวเมือ
"หือ...คุณชาย!!หนาวหรือขอรับ เหตุใดท่านถึงได้มานอนเบียดข้าเช่นนี้" ชัดถามด้วยนํ้าเสียงที่งัวเงีย เมื่อเขาโดนเบียดแปลกๆ ที่ว่าแปลกๆ เพราะว่าคนที่เบียดเขาตัวอุ่นๆเหมือนกับอุ่นเนื้อ เหมือนกับถอดเสื้อผ้าออกหมดแล้วอย่างนั้นแหละ และน่าจะใช่อย่างที่เขาคิด เพราะว่าคนที่นอนเบียดเขา มือไม้เริ่มไม่อยู่นิ่งแล้ว ในขณะที่ตอนนี้เขากับคุณชายหลี่นอนอยู่ในกระโจม ที่อยู่ในหุบเขา ซึ่งบนเขาอากาศหนาวมาก ถึงใกล้จะเข้าฤดูร้อนแล้วก็เถอะ"เข่อซิง...ข้ากับเจ้า เราเป็นคนรักกันมานานโขแล้ว และข้าก็รอให้แผลที่ท้องของเจ้าหายมานานแล้วเช่นกัน ข้ายังต้องรอสิ่งใดอีกเช่นนั้นหรือ" หลี่หยางไม่ถามเปล่า เขาถอดเสื้อผ้าออกให้กับเข่อซิงไปด้วย"คุณชาย...คุณชายเออ... เคยนอนกับ นอนกับผู้ชาย...""เจ้าจะถามข้า ว่าข้าเคยนอนกับชายด้วยกันไหม ใช่หรือไม่" หลี่หยางกระซิบถามข้างหูของเข่อซิงเสียงกระเส่า มือก็ลูบไล้ไปที่หน้าท้องแบนราบ ของคนที่นอนนิ่งให้เขากอดได้อย่างตามใจ เขาลูบไล้เลยไปที่ท่อนเอ็น ที่เริ่มแข็งชี้โด่ขึ้น ตั้งแต่ถูกถอดเสื้อผ้าออกในยามที่ดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้"ซี๊ส...คุณชายขอรับ อ่า...ข้าไม่สงสัยแล้วขอรับ อื้ออออ" ชัดครางเสียงแ
"เข่อซิง...เหตุใดเจ้าถึงได้เงียบเช่นนี้เล่า เจ้าไม่ดีใจเช่นนั้นหรือ ที่ข้าคิดเช่นเดียวกับเจ้า หรือว่าเจ้าพูดว่ารักข้า เจ้าแค่หยอกล้อข้าเล่นเท่านั้น" หลี่หยางถามเข่อซิงที่นั่งเงียบมาตลอด ตั้งแต่เขาบอกว่า เขาคิดแบบเดียวกันกับเจ้าตัวแล้ว ในขณะที่ตอนนี้พวกเขา เข้ามาอยู่ในห้องพักกันเพียงลำพังสองคนแล้ว เข่อซิงนั่งพิงหัวเตียงอยู่ เพราะว่าเขาต้องนอนพักหลังมื้ออาหารเช้า และยาต้มสมุนไพรที่เขาได้ดื่มไปแล้ว"หาเป็นเช่นนั้นไม่ขอรับ ข้าดีใจจนข้าพูดสิ่งใดไม่ออกต่างหากเล่า ข้าไม่คิดว่าทาสอย่างข้า จะมีชายที่สูงศักดิ์อย่างคุณชายหลี่มารักข้าได้ แล้ว...เออ...ท่านพ่อกับท่านแม่ของคุณชายเล่า พวกท่านจะยอมรับได้หรือไม่ขอรับ" ชัดถามเสียงเศร้า เพราะว่าถึงเขาจะดีใจ ที่คุณชายหลี่มีความรู้สึกอย่างเดียวกันกับเขา แต่ความรักของชายที่รักกับชาย ก็ใช่ว่าจะราบรื่น ยิ่งเป็นสมัยเก่าอย่างนี้ด้วย อย่าว่าแต่สังคมไม่ยอมรับเลย สังคมยังไม่รู้จักด้วยซํ้ามั้ง และนี่คือเหตุผลที่เขานั่งเงียบ เพราะว่านอกจากที่เขากับคุณชายจะใจตรงกันแล้ว แล้วต่อไปจะใช้ชีวิตกันยังไง เขายังคิดไม่ออกเลย เขามัวแต่คิดว่าชีวิตไม่ได้ยืนยาว อยากทำอะไรก็ให้รีบท
"คุณชายขอรับ ข้าอยากเดินออกไปที่หน้าร้านขายผ้า ข้าอยากเห็นร้านซาลาเปา ว่ายามเช้าเช่นนี้มีลูกค้าหรือไม่ ข้าขอเดินออกไปได้หรือไม่ขอรับ" ชัดขอคุณชายหลี่ด้วยนํ้าเสียงที่แหบเบา เมื่อเขาตื่นขึ้นในเช้าของวันต่อมา เขามองไปรอบๆแล้ว เขาจำได้ว่าเขานอนอยู่ที่ไหน เพราะว่าเมื่อวาน หลังจากที่เขากินซุปข้าวโพดอิ่มแล้ว เลี่ยงเฟิ่งก็ให้เขาดื่มยาต้มสมุนไพรไปถ้วยหนึ่ง เขาก็หลับยาวจนมาถึงเช้าเลย ระหว่างทางเจออะไรบ้าง เขาเข้ามานอนในห้องพักตรงนี้ได้ยังไง เขายังไม่รู้สึกตัวเลย แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาดูมีเรี่ยวแรงขึ้น จนเขาอยากจะลองเดินออกไปดูที่หน้าร้านขายผ้า ว่าที่หน้าร้านขายผ้า รถเข็นไม้ที่เขาใช้ขายซาลาเปา ยังอยู่เหมือนเดิมไหม และยังมีลูกค้าอยู่หรือเปล่า"เจ้าจะออกไปได้เช่นไร เจ้ายังบาดเจ็บอยู่ ข้า...""คุณชายหลี่พาข้าออกไปได้หรือไม่เล่า ข้ารู้สึกว่าอยากออกไปข้างนอก นอนอยู่เช่นนี้ ข้าปวดเมื่อยไปทั่วทั้งตัวแล้วขอรับ" ชัดขอร้องคุณชายหลี่ด้วยนํ้าเสียงที่ออดอ้อน เอาสิ เขาอ้อนขนาดนี้ ถ้าคุณชายหลี่ยอมใจอ่อนพาเขาไป ก็แสดงว่าคุณชายหลี่ต้องมีใจให้กับเขาบ้างแหละวะ ที่เขากล้าอ้อนคุณชายหลี่เช่นนี้ เพราะว่าเม
"คุณชายหลี่ขอรับ รถม้าพร้อมแล้วที่จะออกเดินทางขอรับ" อู๋ห่างบอกกับคุณชายหลี่ หลังจากที่เขาดูคนของเขา ขนของขึ้นไปบนรถม้าเรียบร้อยแล้ว มีรถม้าสองคัน โดยที่รถม้าคันหนึ่ง ขนเสบียงกับพวกข้าวของเครื่องใช้ ที่จำเป็นในการรักษาเข่อซิง และอีกคันหนึ่ง ให้ลู่จิวกับอันฉีแล้วก็เข่อซิงนอน และมีเลี่ยงเฟิ่งนั่งไปด้วย เพื่อดูแลเข่อซิงในระหว่างทาง ส่วนเขากับซิงเยียน แล้วก็คุณชายหลี่กับคนของเขาขี่ม้าไป ไปครั้งนี้เขาพาคนของเขาไปเยอะกว่าทุกครั้ง เพื่อป้องกันภัยจากพวกโจรระหว่างทาง "หลี่หยาง เจ้าตัดสินใจเช่นนี้ พ่อหาได้เห็นด้วยกับเจ้าไม่ แต่พ่อก็บังคับเจ้าไม่ได้ เพราะว่าเจ้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว" พ่อพูดกับลูกชายเสียงเครียด "ท่านพ่อขอรับ ท่านแม่ขอรับ ข้าต้องขออภัย ที่ข้าตัดสินใจเช่นนี้ แต่ท่านพ่อกับท่านแม่อย่าได้เป็นกังวลกับข้า สิ่งใดที่ข้าได้ตัดสินใจด้วยตัวเองแล้ว ข้าจะไม่มีวันเสียใจเป็นอันขาด ถึงแม้ว่าข้าจะตัดสินใจผิดพลาด แต่ข้าก็เป็นคนตัดสินใจเอง ข้าขอให้ท่านทั้งสองรับรู้เอาไว้ ข้าจะทำปัจจุบันของข้าให้ดีที่สุด เพราะว่าปัจจุบันจะบ่งบอก ว่าอดีตกับอนาคตของข้าจะไปในทิศทางไหน ทุกอย่างข้าเลือกเอง ข้าก็พร้อมที่จะรั
"เลี่ยงเฟิ่ง อาการของเข่อซิงเป็นเช่นไรบ้าง" หลี่หยางเดินเข้ามาในห้องรักษา ในช่วงคํ่าของวัน หลังจากที่เขาได้นอนพักเต็มอิ่มแล้ว"อาการของเข่อซิงยังคงที่ขอรับ โชคดีที่ไม่มีอาการตัวร้อนเป็นไข้ ข้าคอยเช็ดตัวแล้วก็คอยหยดยาต้มสมุนไพร ให้เข่อซิงกินทีละหยดขอรับ อย่างน้อยก็เป็นยาช่วยสมานแผล ในยามที่เข่อซิงไม่ได้สติอยู่เช่นนี้ และยาสมุนไพรตัวนี้ แก้ไข้ได้ด้วยขอรับ" เลี่ยงเฟิ่งตอบคำถาม พร้อมกับใช้ผ้าเช็ดตามตัวให้กับเข่อซิงไปด้วย"เลี่ยงเฟิ่ง เจ้าคิดว่า เออ...เข่อซิงจะรอดพ้นคืนนี้ได้หรือไม่" หลี่หยางถามเสียงเบา เมื่อเขาเห็นสภาพเข่อซิงนอนตัวขาวซีด กว่าตอนก่อนที่เขาจะขึ้นไปนอนพักเสียอีก สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้ ทำให้เขารู้สึกหน่วงที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูก คำพูดที่เข่อซิงชอบบอกกับเขา มันเข้ามาในความรู้สึกของเขาตอนนี้ ว่าชีวิตของคนเรามันไม่ได้ยืนยาว แต่มันก็ไม่ควรที่จะสั้นขนาดนี้ไม่ใช่หรือ"ข้าตอบไม่ได้ขอรับ แต่ก็มีเรื่องดีอยู่นะขอรับ ที่เข่อซิงไม่มีอาการไข้ตัวร้อน นั่นหมายความว่า แผลที่ท้องของเข่อซิงไม่เกิดการติดเชื้อด้านในขอรับ" เลี่ยงเฟิ่งพูดปลอบใจคนถาม เพราะว่าตอนนี้ใบหน้าของคุณชายหลี่ดูเป็นกังวล จนเ