Share

บทที่ 5

"คุณหนูใหญ่ ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?" ชายที่เข้ามาสวมชุดเสื้อผ้ากางเกงสีดำ พอเขาเห็นมู่จิ่วซีก็คุกเข่าลงทันที

มู่จิ่วซีให้เขาลุกขึ้นและเอ่ยกล่าว : "ข้าไม่เป็นไร เย่ฮาน ท่านพ่อทราบเรื่องในวันนี้หรือเปล่า?"

"คุณท่านเพิ่งทราบขอรับ เขาโกรธจนทุบโต๊ะจนหัก เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่ามีคนต้องการทำร้ายฆ่าคุณหนูใหญ่"

เย่ฮานคือหนึ่งในผู้พิทักษ์เงาข้างกายคนหนึ่งของแม่ทัพใหญ่มู่

"ท่านพ่อคาดเดาว่าเป็นใครที่ต้องการทำร้ายฆ่าข้า?" มู่จิ่วซีถาม

เย่ฮานครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย : "คุณท่านบอกว่ามีสองคนที่น่าสงสัยมาก หนึ่งคือสนมเอกสามเซียวหลิงเย่ว์ สองคือคุณหนูใหญ่ไป๋ชิงขอรับ"

มู่จิ่วซีเงียบไม่พูดอะไร นางเองก็สงสัยสนมเอกสามเหมือนกัน

แคว้นเกาอวิ๋นค่อนข้างพิเศษ จักรพรรดิเป็นเพียงเด็กอายุแค่สิบขวบ โม่จุนคือเสด็จลุงห้าของจักรพรรดิองค์น้อยนี้

จักรพรรดิองค์ก่อนได้ทรงนำทัพเป็นการส่วนพระองค์และสิ้นพระชนม์ลง ฮองเฮาที่มีพระชันษาเพียง 25 พรรษาก็กลายเป็นพระพันปีหลวง มกุฎราชกุมารที่อายุ 8 พรรษาก็ต้องสืบทอดราชบัลลังก์ แต่ก็ต้องมาประสบจากแรงกดดันของหลายฝ่าย

โม่จุนได้ใช้เวลาสามปีในการช่วยพระพันปีหลวงและจักรพรรดิองค์น้อยในการรักษาเสถียรภาพของราชสำนักและการสงครามจนได้รับความไว้วางใจอย่างลึกซึ้งจากพระพันปีหลวงและองค์จักรพรรดิ สมกับเกียรติในฐานะท่านผู้สำเร็จราชการแทน

ส่วนสนมเอกสามเซียวหลิงเย่ว์เป็นพระเชษฐนีของเสด็จพี่สามของโม่จุน (พระเชษฐนี หมายถึง พี่สะใภ้)

ตอนนั้นเซียวหลิงเย่ว์และโม่จุนได้มีใจชอบพอกัน แต่เนื่องจากท่านพ่อของเซียวหลิงเย่ว์ไม่ได้ยกย่องในจักรพรรดิองค์น้อยผู้นี้และเข้าข้างท่านอ๋องสามผู้ทะเยอทะยาน เซียวหลิงเย่ว์จึงถูกบังคับและกลายเป็นสนมเอกสาม

ผลลัพธ์คือโม่จุนใช้วิธีโหดร้ายคุกคามกดดันจัดการ ซึ่งตระกูลเซียวพ่ายแพ้ก็เท่ากับต้องมีการสูญเสีย ท่านอ๋องสามเลยขาขาดและกลายเป็นคนพิการ

พระพันปีหลวงเมื่อทรงเห็นว่าเซียวหลิงเย่ว์ได้คลอดบุตรสาวออกมาแล้วก็เลิกที่จะต่อความยาวสาวความยืดและทรงปฏิบัติต่อนางอย่างคนในราชวงศ์

และด้วยต้นเหตุเช่นนี้ เซียวหลิงเย่ว์จึงทั้งรักและเกลียดโม่จุน

มู่จิ่วซีเดาว่าเซียวหลิงเย่ว์อาจจะยังรักโม่จุนเลยไม่อยากให้เขาได้สู่ขออภิเษกแต่งงาน

ท้ายที่สุดแล้วความเป็นเจ้าของและความอิจฉาของผู้หญิงนั้นก็น่ากลัวอย่างมาก

ภายนอกต่างพูดกันว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนก็มีพระชันษาตั้ง 23 แล้วแต่ยังไม่ได้อภิเษกเพราะเนื่องจากลืมเซียวหลิงเย่ว์ไม่ได้

"สนมเอกสามก็น่าสงสัยจริงๆ ส่วนคุณหนูใหญ่ไป๋เหตุใดถึงต้องสงสัยว่าทำร้ายข้า?" มู่จิ่วซีขมวดคิ้ว

เย่ฮานรีบกล่าว : "คุณหนูใหญ่ไป๋บางทีอาจไม่ได้ต้องการทำร้ายคุณหนูใหญ่ แต่อาจต้องการโยนความผิดให้คุณหนูรองไป๋เฟิ่งหว่าน"

มู่จิ่วซีก็เข้าใจในฉับพลัน ตระกูลไป๋คือจวนอัครมหาเสนาบดี การต่อสู้ภายในของตระกูลชั้นสูงล้วนเป็นการสู้เพื่อให้ได้ชัยชนะโดยที่มือไม่ต้องเปื้อนเลือด

ไป๋เฟิ่งหว่านเป็นลูกของอนุภรรยาคนรองแต่กลับได้รับความรักการโปรดปราณยิ่งกว่าไป๋ชิง ถึงอย่างไรอัครมหาเสนาบดีไป๋ก็รักและโปรดปราณอนุภรรยาคนรองอยู่คนเดียว

ถ้าไม่ใช่เพราะภรรยาหลวงป่วยหนักนอนติดเตียงตาไม่หลับมาโดยตลอด อนุภรรยาคนรองคงได้ขึ้นเป็นภรรยาหลวงไปนานแล้ว

พอคิดแบบนี้ ไป๋ชิงที่ต้องการฆ่าไป๋เฟิ่งหว่านก็จะสมเหตุสมผล นางเลยต้องใช้มู่จิ่วซีเป็นเครื่องมือ ซึ่งนางก็คงไม่เต็มใจ

"คุณหนูใหญ่ไป๋ชิงเองก็ชอบท่านผู้สำเร็จราชการแทนขอรับ" เย่ฮานกล่าวเพิ่มอีกประโยค

มู่จิ่วซีได้แต่ส่งเสียงยิ้มเหอะๆ : "หน้าอย่างกับโลงผุแบบนั้นทำไมถึงได้มีผู้หญิงมาชอบเยอะขนาดนี้ พวกนางไม่กลัวว่ากอดๆ นอนอยู่ก็แข็งตายหรอกหรือไง"

เย่ฮานตกใจถลึงตาอ้าปากค้าง จากนั้นมุมปากเขาก็กระตุกขึ้น สำหรับคำด่าหยาบคายของคุณหนูใหญ่แล้ว เขาหมดคำจะพูดจริงๆ

"คุณหนูใหญ่ คุณท่านถามว่าคุณหนูต้องการถอนหมั้นหรือไม่ขอรับ เดิมทีคุณท่านคิดว่างานภิเษกนี้ก็ถือว่าไม่เลว แต่ตอนนี้การอภิเษกกับท่านผู้สำเร็จราชการแทนคงจะอันตรายอย่างมากสำหรับคุณหนูใหญ่"

"ท่านพ่อช่างรู้ใจข้าจริงๆ ใครอยากจะไปแต่งงานกับหน้าโลงผุแบบนั้นกัน ถอน ถอน ถอน ยังไงก็ต้องถอนหมั้น แต่ว่า มันจะต้องไม่ใช่พวกเราเป็นฝ่ายขอถอนหมั้น แบบนี้ไม่สมเหตุผล ยังไงให้ท่านผู้สำเร็จราชการแทนเป็นคนเอ่ยปากเองจะดีกว่า แบบนี้พวกเรายังรีดไถเขาเงินได้อีกก้อน"

เย่ฮานอ้างปากค้างยิ่งกว่าเก่า เขาตลึงจนตาทั้งสองของเขาแทบถลนออกมาราวกับว่าเขานั้นไม่เคยรู้จักคุณหนูใหญ่ของเขาเลย

"คุณหนูใหญ่ แบบนี้จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของท่านนะขอรับ"

"ข้ายังมีชื่อเสียงอีกเหรอ? จะบอกอะไรให้ ชื่อเสียงมันตีเป็นเงินได้สักเท่าไหร่? ข้าเพิ่งจะอายุ 17 ไม่ได้รีบร้อนแต่งงาน อีกอย่างชายหนุ่มรูปงามก็มีตั้งเยอะ เหตุใดข้าถึงต้องยอมละทิ้งชายหนุ่มมากมายราวกับผืนป่าขนาดใหญ่นี้ด้วย เจ้ากลับไปบอกท่านพ่อข้า เรื่องหมั้นหมายนี้ยังไงก็ต้องถอนหมั้น"

แน่นอนว่ามู่จิ่วซีไม่อยากแต่งงาน นางคือคนของยุคในปัจจุบัน แต่งงานอายุ 17 งั้นหรอ? บ้าไปแล้วปะ

ผู้ชายของพรรค์นี้ก็เป็นเหมือนกับอาหารเสริม เป็นของที่ไม่ได้จำเป็น

เย่ฮานก็จากไปอย่างกังวลใจ มู่จิ่วซีก็เริ่มทำท่าแพลงก์ออกกำลังกายต่อ

เช้าวันรุ่งขึ้น มู่จิ่วซีถูกลู่เอ๋อร์เรียกปลุกให้ตื่น เนื่องจากขุนนางผู้บัญชาการศาลต้าหลี่เย่อู่เหิงได้มาถึงแล้ว

มู่จิ่วซีสวมเสื้อคลุมตัวนอกแล้วก็เดินออกมา พอนางเห็นเย่อู่เหิง ดวงตาทั้งสองข้างก็ทอเป็นประกาย

ในใจก็คิดว่าเจ้าของร่างเดิมต้องตาบอดแล้วแน่ ชายรูปงามคนนี้ไม่ได้แย่ไปกว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนแม้แต่น้อย ไม่นึกเลยว่าในหัวของนางจำอะไรชายคนนี้ไม่ได้เลย

พอเห็นเย่อู่เหิงในชุดคลุมยาวสีขาวนวลดั่งดวงจันทร์ รูปร่างสูงตระหง่านและยืนด้วยท่าทางอันภูมิใจในตนเอง

ผมสีดำถูกมัดรวบเอาไว้และไร้ซึ่งเครื่องประดับบนหัว ดวงตาเรียบเฉี่ยวทั้งสองข้าง แววตาอันคมกริบแฝงไปด้วยความสง่า มุมปากทียกขึ้นทำให้เผยยิ้มอันราบเรียบดั่งกับดอกบัว เขาเหมือนแฝงไปด้วยแสงตะวันอันคุ้นเคย

อายุเพียงแค่ 20 กว่าๆ ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ทำให้มู่จิ่วซีน้ำลายไหลเมื่อได้เห็น ความเย็นชา ความทระนงตน ช่างสง่างามอย่างยิ่ง จนทำให้มู่จิ่วซีกระหายจนอยากแปลงร่างเป็นหมาป่าและเห่าหอนบรู๊วบรู๊ว

"อู่เหิงขอคารวะคุณหนูใหญ่มู่" เย่อู่เหิงทำความเคารพมู่จิ่วซี ด้านหลังเขามีเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยตามมาด้วยสี่คน

"ใต้เท้าเย่ไม่ต้องพิธีรีตรอง มานั่งพูดคุยกันเถอะ" สายตาของมู่จิ่วซีล้วนเต็มไปด้วยความชื่นชมจนทำให้เย่อู่เหิงที่ถูกมองสับสนไม่เข้าใจ

คุณหนูใหญ่มู่ท่านนี้ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยพบมาก่อน วันนี้ทำไมนางถึงได้ดูสนใจเขามากขนาดนี้?

แต่เมื่อนึกได้ว่านางเป็นลูกผู้ลากมากดี เอาแต่ใจ มีชื่อเสียงว่าบ้าผู้ชายแล้ว บุคคลิกของเขาก็เย็นชาขึ้นมา

ผู้หญิงที่เป็นดั่งของร้อนในมือ ก็คงมีแต่ผู้ชายดุร้ายอย่างท่านผู้สำเร็จราชการแทนเท่านั้นที่จะปราบเอาอยู่กระมัง?

"คุณหนูใหญ่มู่ ไม่ทราบว่าพอจะเล่ารายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานให้อีกรอบได้หรือไม่ขอรับ?" เย่อู่เหิงถามด้วยประโยคที่มักใช้เป็นทางการ

"ได้แน่นอน" มู่จิ่วซีรีบพูดขึ้นมา เพียงแต่สายตาของนางยังยิ้มแย้มมองใบหน้าที่หล่อเหลาของเย่อู่เหิง

เย่อู่เหิงก็สึกว่าตัวเองร้อนที่หูขึ้นมา ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้หรือไงว่าตนเองเป็นคู่หมั้นของท่านผู้สำเร็จราชการแทน?

"เรื่องนี้มีจุดผิดปกติหลายอย่าง ข้าน้อยจะต้องสืบสวนอย่างเคร่งขรัดเพื่อหาข้อสรุปอธิบายคุณหนูใหญ่มู่ให้จงได้" เย่อู่เหิงรู้สึกว่าถ้าเขายังไม่รีบไป เกรงว่าคงต้องผู้หญิงคนนี้ตะขรุบเข้าให้แน่

"ใต้เท้าเย่ เจ้าเชื่อที่ข้าถูกคนผลักลงน้ำไหม?" จู่ๆ สายตาของมู่จิ่วซีก็ไร้ซึ่งความชื่นชมและเริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา

เย่อู่เหิงขมวดคิ้วเล็กน้อย : "หมอหลวงเวินถูกคนทุบที่ท้ายทอยด้านหลังจนเสียชีวิตจริง จากนั้นเขาก็ถูกคนโยนลงน้ำ ดังนั้นเรื่องคบชู้กับคุณหนูใหญ่มู่จึงสามารถชี้แจ้งให้กระจ่างได้"

"ที่หลังข้ายังคงมีร่องรอยของการถูกผลักอยู่ หากใต้เท้าเย่ไม่เชื่อที่ข้าถูกผลัก ทางที่ดีท่านควรจะได้เห็นกับตา ไม่อย่างนั้นผ่านไปไม่กี่วันร่องรอยก็คงหายไปแล้ว ข้าเองก็คงจะหมดหนทางแก้ตัว" มู่จิ่วซีขณะที่พูดอยู่ก็ลุกขึ้นมาและเตรียมที่จะถอดเสื้อคลุมด้านนอกออก

เย่อู่เหิงถึงกับตกตะลึง ใบหน้าของเขาร้อนผ่าวขึ้นมา ในใจของเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาประโยคหนึ่งว่าไร้ยางอาย

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status