"นั่นน้องสาวของข้านางเป็นแม่ของเด็กชายที่นำทางเจ้ามาที่เรือนของข้าในวันนั้น"
ซินเยว่อึ้งไปทันที ดูเหมือนนางกำลังเข้าใจผู้อื่นผิดแล้วยังทำท่าหาเรื่องเขาอีก ซินเยว่กำลังจะกล่าวขออภัยแต่ซ่งเว่ยหลงกลับเอ่ยขัดขึ้น
"ข้ายังไม่เคยเเต่งงาน"
ทั้งห้องโถงรับเเขกเงียบสนิทแม้แต่เข็มหล่นสักเล่มก็คงได้ยินเสียง
"อ่อ...เช่นนั้นข้าต้องขออภัยท่านลุงซ่งแล้วที่เข้าใจผิด เป็นข้าที่ผิดเอง"
ซินเยว่ประสานมือคารวะให้กับเขา
"ไม่เป็นไรเช่นนั้นข้าต้องขอตัวก่อนพวกเจ้าจะได้พักผ่อน"
ซ่งเว่ยหลงพยักหน้าให้เซวี่ยฟังเฟย กล่าวลาพวกนางแล้วเดินออกจากเรือนไป
"ลูกพูดอะไรกันเยว่เอ๋อ"
คล้อยหลังซ่งเว่ยหลงเซวี่ยฟังเฟยหันมาดุซินเยว่ทันที
"ก็ข้าเห็นท่านลุงซ่งมองท่านเเม่ด้วยสายตาหวานเชื่อมขนาดนั้น ข้าก็นึกว่าเขาต้องการมาเกี้ยวพาท่าน"
ซินเยว่ตอบเสียงอ่อย เซวี่ยฟังเฟยส่ายหัวให้กับความคิดเหลวไหลของบุตรสาว
"เอาล่ะเลิกคิดไร้สาระแล้วไปล้างหน้าล้างตามาทานข้าวเถอะ สายมากแล้ว"
"เจ้าค่ะท่านแม่"
ซินเยว่ยิ้มตาหยีแล้วทำตามคำสั่งของมารดาทันที
ยามอู่ (11.00-12.59) ซินเยว่รวบรวมสมุนไพรที่หามาได้จากชายขอบของป่ามืดสายหมอก เพื่อนำไปขายให้ร้านขายยาในเมือง ส่วนมากสมุนไพรที่นางได้มามีแต่สมุนไพรปราณระดับต่ำที่นางอ่านเจอในหนังสือสมุนไพรของเซวี่ยฟังเฟย
ซินเยว่ใช้พลังของนางพาร่างทะยานไปตามยอดไม้ แค่เพียงครึ่งเค่อก็ถึงประตูทางเข้าเมือง คนที่นี่ส่วนมากจะไม่ใช้พลังปราณในการเดินท่างเพราะจะทำให้สูญเสียพลังเป็นอย่างมากผิดกับซินเยว่นางไม่เคยรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยสักครั้ง ราวกับว่าพลังปราณของนางมีมากมายไม่มีที่สิ้นสุด ร้านขายยาสวีอี้ถังเป็นร้านขายยาขนาดกลางที่รับซื้อสมุนไพรปราณที่ซ่งเว่ยหลงแนะนำมา ซินเยว่เดินตรงเข้าไปในร้าน
"แม่นางเจ้ามาขายสมุนไพรอีกแล้วหรือ"
ผู้ดูและทักทายนางอย่างเป็นกันเอง ซินเยว่พยักหน้าให้เขานางล้วงเอาสมุนไพรในตะกร้าด้านหลังส่งให้ผู้ดูแลสวีอี้ถังดู
"อืม"
ผู้ดูแลดูสมุนไพรสี่ห้าชนิดที่ซินเยว่นำมา
"มีแต่สมุนไพรปราณระดับต่ำนะทั้งหมดนี้สิบตำลึงทองเจ้าพอใจหรือไม่"
ซินเยว่พยักหน้าอีกครั้ง นางรับเงินแล้วเดินออกจากร้านไปทันทีต่อไปนางคงต้องศึกษาเรื่องสมุนไพรให้มากกว่านี้เสียแล้ว ตอนนี้นางรู้จักแค่เพียงสมุนไพรปราณระดับต่ำแบบนี้คงหาเงินได้ไม่มาพอ
ซินเยว่เดินเรื่อยเปื่อยเพื่อหาร้านข้ายหนังสือเมื่อเจอร้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่มุมถนนท้ายตลาดไม่มีลูกค้านางจึงเเวะเข้าไปดู ร้านหนังสือนี้ดูเก่ามากไม่แปลกเลยที่จะไม่มีลูกค้า
"สวัสดีเจ้าค่ะ"
ซินเยว่เอ่ยทักทายชายชราอายุราวๆ ห้าสิบปีไว้หนวดขาวแต่งกายสะอาดแลดูคล้ายบัณฑิตคงแก่เรียน แต่ชายชราทำเพียงปรายตามองซินเยว่เพียงเท่านั้น เขาไม่กล่าวสิ่งใดออกมาซินเยว่ไม่สนใจท่าทางเฉยเมยของชายชรานางยังคงกล่าวจุดประสงค์ของตนออกไป
"ข้าต้องการหนังสือสมุนไพรปราณท่านพอจะแนะนำข้าได้หรือไม่"
ชายชรายังคงเงียบอยู่อย่างนั้นแต่ขยับตัวลุกเดินเข้าไปด้านในหยิบหนังสือเล่มเก่าแทบจะเปื่อยยุ่ยเล่มหนึ่งยื่นให้ซินเยว่
"หนึ่งพันตำลึงทอง"
ชายชรากล่าวสั้นๆ เรียบๆ เหมือนพูดเรื่องลมฟ้าอากาศแต่สำหรับซินเยว่เหมือนเสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงลงบนร่างกาย นางเบิกตากลมโตกว้างอ้าปากค้าง นี่ นี่!!! ตาเฒ่าที่น่าตายคนนี้เห็นนางโง่มากหรืออย่างไรจึงได้กล่าวเรื่องเหลวไหลออกมาเช่นนี้ ซินเยว่ตั้งสติสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับอารมณ์โกรธ
"หนึ่ง ตำ ลึง เท่า นั้น"
นางพูดทีละคำ ช้าๆ ชัดๆ
"ข้าให้ได้แค่ราคานี้ไม่ขายข้าก็ไม่เอา"
ซินเยว่กอดอกเลิกคิ้วยียวนไม่เหลือความอ่อนน้อมก่อนหน้านี้ หึตาแก่บ้าคิดว่าข้าจะยอมจ่ายหรือไง ชายชราถลึงตาใส่นาง
"ไม่ขาย"
ชายชรากอดอกสะบัดหน้าแสดงท่าทางไม่ต่างจากซินเยว่ ท่าสะบัดหน้าของชายชราถึงกับทำให้ซินเยว่คิ้วกระตุก
"ตามใจ"
ไม่ขายข้าก็จะขโมย นางต่อท้ายคำพูดในใจแล้วเดินออกจากร้านทันที คืนนี้ข้าจะมาเอาไปฟรีๆ อยากรู้นักตาเฒ่าเจ้าเล่ห์จะทำหน้าอย่างไรถ้ารู้ว่าหนังสือหายไป นางคิดอย่างอารมณ์ดีจากนั้นซินเยว่ก็กลับไปที่หมู่บ้านต้งเถียนนำเงินที่ขายสมุนไพรยื่นให้มารดา
"แม่ว่าเงินที่ขายสมุนไพรได้ลูกน่าจะเก็บไว้เองนะเยว่เอ๋อไม่ต้องเอามาให้แม่หรอก"
เซวี่ยฟังเฟยดันถุงเงินกลับไปที่ซินเยว่
"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านแม่ข้าพอมีเงินติดตัวอยู่บ้างท่านเก็บไว้เถอะ"
ซินเยว่ไม่รับเงินที่มารดาคืนให้
"ส่วนนี่ของเจ้าฮุ่ยหลิง"
ซินเยว่ยื่นถุงเงินให้ฮุ่ยหลิง เพราะนางสองคนช่วยกันหาสมุนไพร ปราณในป่า และได้ตกลงกันว่าทุกครั้งที่ขายสมุนไพรพวกนางจะแบ่งกัน
"คุณหนูนี่มันมากเกินไปนะเจ้าคะบ่าวรับไว้ไม่ได้"
ฮุ่ยหลิงปฏิเสธหลังจากที่ดูเงินในถุงที่ซินเยว่ยื่นให้นาง
"รับไปเถอะเจ้าสมควรได้รับมันตอนนี้เราไม่ได้อยู่ที่จวนตระกูล หยางเรียกข้าว่าพี่สาวได้แล้ว"
ฮุ่ยหลิงส่ายหน้า
"ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะบ่าวไม่ชินอีกอย่างคุณหนูกับฮูหยินมีบุญคุณกับบ่าวขนาดนี้ให้บ่าวเรียกเหมือนเดิมเถอะนะเจ้าคะ"
ฮุ่ยหลิงมองสองแม่ลูกด้วยความเทิดทูน
"ตามใจเจ้าแล้วกัน"
ซินเยว่พูดสั้นๆ แล้วส่ายหัวให้นาง ถึงอย่างไรสำหรับนางแล้วก็มองว่าฮุ่ยหลิงเป็นเหมือนน้องสาวอยู่ดี หลังจากคุยกับมารดาเสร็จซินเยว่ขอตัวกลับเรือนของตนเพราะนางพักอยู่เรือนหลังเล็กที่สร้างแยกออกมา เซวี่ยฟังเฟยพักห้องปีกซ้ายห้องแรกส่วนห้องที่สองติดกันเป็นห้องของฮุ่ยหลิง ซินเยว่ชอบความสงบนางจะได้ปรุงยาและฝึกพลังปราณโดยไม่มีเสียงรบกวน
เมื่อเข้าไปในห้องซินเยว่นั่งลงหน้ากระจกทองเหลืองมองสัญลักษณ์กลางหน้าผากคล้ายปานแดงรูปดอกหางหงส์ที่นางพึ่งจะได้มาเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ตอนนี้มันปรากฏออกมาอีกครั้งหลังจากที่นางเริ่มใช้พลัง ซินเยว่คิดถึงเจ้าสัตว์ตัวเล็กสีดำที่นางได้พบเมื่อครั้งก่อนตั้งแต่นางออกมาจากที่นั่นนางยังไม่รู้วิธีกลับเข้าไป นางได้ยินแต่เสียงที่มันเรียกดังในหัวว่าท่านแม่ ท่านแม่ นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดมันถึงไม่สามารถพูดคำอื่นได้
"ซ่งเว่ยหลงข้าขอถาม ท่านจะรับเซวี่ยฟังเฟยเป็นฮูหยินไม่ว่าจะยามสุขหรือยามทุกข์ มั่งมีหรือยากจนท่านยังจะกุมมือเซวี่ยฟังเฟยไม่ทอดทิ้ง จะซื่อสัตย์ต่อนาง จะรักและดูแลนางตลอดไปจนชั่วชีวิตหรือไม่ ""ข้ายอมรับ"ซ่งเว่ยหลงเอ่ยเสียงทุ้มกังวานหนักแน่น เสียงของเขาดังสะท้อนอยู่ในใจของเซวี่ยฟังเฟยซ้ำๆ"เซวี่ยฟังเฟย ท่านจะรับซ่งเว่ยหลง เป็นสามีไม่ว่าจะยามสุขหรือยามทุกข์ มั่งมีหรือยากจนท่านยังจะกุมมือซ่งเว่ยหลงไม่ทอดทิ้ง จะซื่อสัตย์ต่อกัน จะรักและดูแลกันตลอดไปชั่วชีวิตหรือไม่ ""ข้ายอมรับ"เซวี่ยฟังเฟยเอ่ยเสียงใสกังวาน เมื่อกล่าวจบทั้งสองก็กุมมือของกันและกันแน่น บนแท่นพิธีซินเยว่เมื่อได้ยินคำตอบรับของคนทั้งสองบนใบหน้างามก็ผุดรอยยิ้มขึ้นจางๆ"ถ้าเช่นนั้นข้าขอประกาศให้ทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวได้"จบคำของซินเยว่ คนในงานส่งเสียงฮือฮากันใหญ่"อะเเฮ่ม เอ่อ อันหลังสุดเอาไว้ทำกันสองคนก็ได้"ซินเยว่เอ่ยขึ้นเบาๆ ให้ได้ยินเพียงเเค่สามคนซ่งเว่ยหลง กระตุกยิ้มร้ายที่มุมปากก้มลงอุ้มเซวี่ยฟังเฟยทะยานหายออกจากงานไปทันทีซินเยว่ได้แต่ยิ้มให้คนสำคัญทั้งสองที่เล่นใหญ่กว่าที่นางวางแผนเอาไว
ช่างทำให้คนรู้สึกว้าเหว่ยิ่งนักเสียงในใจของนางดังขึ้นนานแค่ไหนแล้วนะที่นางมาเกิดใหม่ในแผ่นดินนี้ เเต่มันช่างเหมือนกับว่านางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลยกี่แล้วเดือนที่เขามาอยู่ที่บ้านของนางและนางก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยบางทีเขาอาจแต่งงานแล้วเขาอาจจะมีครอบครัวอยู่ที่อื่น แล้วเขามาอยู่กับนางทำไมเขาทำดีกับนางทำไมพูดทำไมว่านางเป็นของเขาคำถามมากมายพรั่งพรูออกมาจากความคิดของซินเยว่พร้อมหยดน้ำตาเอ่อคลอไหลจากดวงตาสีรัตติกาลไม่ขาดสายก้อนสะอื้นตีขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอนางไม่สามารถกลั้นมันเอาไว้ได้อีกแล้ว อยากทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยากลืมภาพของเขากับสตรีนางนั้น อยากให้เขานั่งอยู่ตรงนี้คอยปลอบใจนางเหมือนที่ผ่านมาเสียงร้องไห้ดังออกมาอย่างขมขื่นใจโดยที่นางไม่เคยรู้ตัวเลยว่านางชอบเขาถึงเพียงนี้ แค่เพียงเห็นเขาตระกองกอดหญิงอื่นถึงได้รู้ตัวว่านางรู้สึกเจ็บปวดเพียงใด เกิดมาสองครั้งแต่ไม่เคยมีความรักนางจึงไม่รู้วิธีรับมือกับมันเสี่ยวเป่าเมื่อเห็นซินเยวนั่งกอดเข่าร้องไห้ใบหน้างามเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา เหตุใดนางร้องไห้มันก็ไม่เข้าใจเพียงแต่รู้สึกเจ็บปวดไปด้วยเท่านั้น และมันก็ไม่รู้ว่านี่คือค
ซินเยว่เอ่ยเย้ามารดาเล็กน้อยแล้ว หันมาสั่งเจ้าก้อนขนให้ไปกับนาง เซวี่ยฟังเฟยไม่รู้ว่าซินเยว่จะทำอะไรนางได้แต่มองตามไปด้วยความสงสัยหลายวันแล้วที่ซินเยว่ไม่เห็นหน้าของไป๋เยี่ยนหลงเขาหายไปโดยไม่ได้บอกว่าจะไปที่ใด เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องงานแต่งงานของมารดาจึงลืมนึกถึงเขาไป ตอนนี้นางคิดเพียงว่าเขาอาจจะออกไปทำธุระเช่นครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมาจึงมิได้สนใจซินเยว่พาเสี่ยวเป่าทะยานออกจากเรือนริมเขาด้วยวิชาทะยานเมฆาที่นางชำนาญ วันนี้นางจะจัดการเรื่องของหม่าชิวหนิงให้เรียบร้อยแล้วไปรับชุดเจ้าสาวและเครื่องประดับที่ร้านขายผ้าในเมืองเยว่กว่างซินเยว่แต่งตัวด้วยชุดสีขาวปักลายดอกโบตั๋นสีชมพูใช้ผ้าโปร่งสีขาวปิดหน้าครึ่งล่างเอาไว้ นางแต่งตัวคล้ายคุณหนูในจวนสกุลใหญ่ไม่เหมือนครั้งที่ผ่านๆ มานางมักแต่งตัวด้วยชุดคล่องตัวและจะรวบผมขึ้นเฉกเช่นบุรุษเมื่อถึงหน้าประตูเมืองเยว่กว่าง ซินเยว่ก็สังเกตเห็นรถม้าที่คุ้นเคยวิ่งไปทางหอประมูลจันทราด้วยความสงสัยนางจึงตามไปดู ซินเยว่ยืนอยู่หน้าร้านขายเครื่องประดับที่สั่งทำให้เซวี่ยฟังเฟย แต่อยู่ห่างจากหอประมูลจันทราไม่มาก รถม้าจอดลงด้านหน้าหอประมูลบุรุษที่นางคุ้นตาลงมาจากรถม้าด้
ชาวบ้านคนหนึ่งโพล่งขึ้นมาเขากลัวว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะโกรธ จึงโยนความผิดทั้งหมดให้หม่าชิวหนิง ซ่งเว่ยหลงปกติเเล้วเขาจิตใจดีมีคุณธรรมแต่ไม่ชอบยุ่งเรื่องของคน อื่นหากเขาออกหน้าให้สองแม่ลูกเช่นนี้แล้วหมายความว่าพวกนางย่อมสำคัญจริงๆ"ใช่ๆ"หญิงวัยกลางคนที่เคยนินทาเซวี่ยฟังเฟยกับหม่าชิวหนิงกล่าวเสริมเพื่อเอาตัวรอด"นางหลงรักท่านหัวหน้าหมู่บ้านเลยมายุยงพวกเราให้เกลียดชังสองแม่ลูก หวังว่าจะได้แต่งให้ท่านพวกข้าแค่หูเบาไปเท่านั้นท่านหัวหน้าหมู่บ้านได้โปรดอย่าถือโทษเราเลย"ชาวบ้านก้มหน้าไม่กล้าสู้หน้าซ่งเว่ยหลง หม่าชิวหนิงได้แต่กัดฟันด้วยความโกรธที่นางถูกชาวบ้านหักหลัง"พวกเจ้าขอโทษผิดคนแล้วที่เจ้าต้องขอโทษคือพวกนางถึงจะถูก"ซ่งเว่ยหลงชี้ไปที่เซวี่ยฟังเฟยและซินเยว่ ชาวบ้านจึงหันไปกล่าวขออภัยทั้งสองคนเสียงอ่อย"ช่างเถอะข้าไม่โทษพวกเจ้า แค่ต่อไปนี้อย่ามาสร้างความวุ่นวายที่นี่อีก "พูดจบซินเยว่ก็โบกมือทำท่าไล่ให้พวกเขากลับไป เมื่อชาวบ้านเห็นว่าได้โอกาสจึงรีบจากไปทันที ซ่งเว่ยหลงหันมาหาตัวการที่สร้างเรื่องขึ้นในวันนี้"หม่าชิวหนิงข้ามิเคยรักหรือมีใจให้เจ้าข้ามิเคยให้ความหวังอันใดแก่เจ้า อย่าได้คิดไปเ
หม่าชิวหนิงหน้าดำคร่ำเครียดกวาดตามองไปรอบๆ ทุกคนต่างมีสีหน้าประหลาดใจไม่แพ้กัน นางปลดปล่อยพลังสีเหลืองออกมากางเป็นม่านพลังแต่ใครจะรู้ พลังอันไร้ตัวตนฝ่าทะลวงม่านพลังของหม่าชิว หนิงเข้ามาแล้วลงมือตบอีกสองฉาดเพี๊ยะ!! เพี๊ยะ!!ร่างของหม่าชิวหนิงโงนเงนเสียหลักลงไปกองกับพื้นนางกระอักเลือดออกมาคำโต ในนั้นมีฟันสีขาวสองซี่หลุดปนออกมาด้วย นางกรีดร้องเสียงดังถูกตบไปหลายทีแต่ไม่สามารถมองเห็นว่าผู้ใดทำร้ายนาง"ใครมันกล้าทำร้ายข้า"หม่าชิวหนิงตะโกนอย่างกราดเกรี้ยว"ต้องเป็นเจ้าแน่นางเด็กปีศาจเจ้าต้องใช้วิชามารบางอย่างทำร้ายข้า"หม่าชิวหนิงชี้หน้าซินเยว่ชาวบ้านต่างหันมามองนางเป็นตาเดียว"อ้าวๆ ท่านป้าเหตุใดใส่ร้ายข้าเช่นนี้ ชาวบ้านทุกคนก็เห็นว่าข้ายืนอยู่กับที่ตลอดเวลามิได้ขยับไปที่ใด ข้าว่าอาจเป็นเพราะปากท่านเหม็นก็เป็นได้สวรรค์จึงได้ลงโทษ พวกเจ้าก็ระวังตัวเอาไว้ด้วยเล่าพูดเรื่องที่ไม่เป็นความจริงระวังสวรรค์จะลงโทษเหมือนนาง"ซินเยว่หัวเราะออกมาท่าทางสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อนกับท่าทางเกรี้ยวกราดของหม่าชิวหนิงและนางยังทำเหมือนเรื่องที่ชาวบ้านมาชุมนุมที่หน้าเรือนของนางไม่ใช่เรื่องของนาง"นี่แล้วพวกเจ้าทุกค
หยางจิ่งเทียนตะโกนถามออกไปอย่างยากเย็นเพราะในโพรงปากของเขาเต็มไปด้วยเลือดที่กระอักออกมา ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าฉิงอิงหลางจะหาเสียงของตนเจอทุกอย่างก็จบลงไปแล้ว"พลังสีน้ำเงินนั่น หรือว่าท่านคือ......"ซ่งเว่ยหลงหันมาทางฉิงอิงหลางประสานมือทำท่าคารวะ"ขออภัยที่กระหม่อมมิได้เปิดเผยตัวกระหม่อมคืออดีตหัวหน้าองครักษ์ของฝ่าบาท นามว่าซ่งเว่ยหลง"ฉิงอิงหลางตาโตเขาเคยได้ยินมาว่าเมื่อหลายปีก่อนเคยมีองครักษ์ที่มีพรสวรรค์อยู่ผู้หนึ่ง เขามีพลังปราณสีน้ำเงินตั้งแต่อายุยังน้อยฝีมือเก่งกาจมิอาจหาผู้ใดเทียบได้ เเต่ไม่รู้ด้วยเพราะเหตุใดเขาได้ลาออกจากการเป็นองครักษ์ในวังหลวงและหายตัวไปไม่เคยทราบข่าวคราวจนกระทั่งตอนนี้ ฉิงอิงหลางรู้แล้วว่าองครักษ์คนนั้นคือบุรุษร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้"หามิได้ข้าเพียงแปลกใจที่ท่านลาออกจากการเป็นหัวหน้าองครักษ์หลวงแต่มาอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ริมชายเเดนเช่นนี้"ฉิงอิงหลางตอบซ่งเว่ยหลงด้วยความยำเกรงขึ้นหลายส่วน ซ่งเว่ยหลงมิได้ตอบอันใดเขาเดินไปประจันหน้ากับหยางจิ่งเทียนที่นอนกุมบาดแผลอยู่ที่พื้นยังไม่สามารถลุกขึ้นมาได้"เจ้ายังคิดอยากจะสู้กับข้าอีกหรือไม่ ข้าไม