หลังจากจ่ายเงินค่าที่ดินยี่สิบหมู่สองร้อยตำลึงและจ่ายค่าดำเนินการอีกห้าตำลึงซินเยว่ก็ได้รับโฉนดที่ดินจากหัวหน้าหมู่บ้านนางส่งให้เซวี่ยฟังเฟยเป็นคนเก็บไว้
"ข้าจะจัดการลงทะเบียนที่ที่ทำการให้พวกเจ้าโดยเร็ว"
เซวี่ยฟังเฟยพยักหน้าขอบคุณ ผ่านไปไม่นานมีเสียงเดินจากด้านนอก ชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปีไว้หนวดเคราผิวคล้ำเล็กน้อยคล้ายคนทำงานกลางแจ้งเดินเข้ามา
"ท่านหัวหน้าหมู่บ้านให้คนไปตามข้าบอกว่ามีคนต้องการสร้างเรือนหรือ"
ซ่งเว่ยหลงพยักหน้าและแนะนำพวกนางสามคน
"เจ้ามีแบบบ้านที่ต้องการสร้างมาด้วยหรือไม่ถ้าไม่มีข้ามีแบบให้เจ้า"
ซินเยว่พยักหน้า
"ข้ามีแบบที่ต้องการสร้างในใจแล้วรบกวนขอยืมกระดาษกับพู่กันให้ข้าได้หรือไม่"
ซ่งเว่ยหลงหยิบอุปกรณ์วาดภาพให้นาง ผ่านไปราวหนึ่ง เค่อแบบบ้านก็วาดเสร็จโดยซินเยว่ แบบที่นางวาดออกมาคือเรือนหันหน้ามาทางทิศตะวันออกยกพื้นสูงเล็กน้อยทำบันไดขึ้นสามขั้น ด้านหน้าเป็นระเบียงกว้างก่อนถึงโถงรับแขก ด้านข้างทำเป็นห้องนอนด้านซ้ายสองห้องด้านขวาสองห้อง มีห้องอาบน้ำและห้องปลดทุกข์ด้านในสุด ด้านหลังทำเป็นห้องครัวและสร้างเรือนเดี่ยวแยกเอาไว้ด้านหลังอีกหนึ่งเรือน มีศาลาและสระเล็กๆ ด้านข้างเรือนหลักล้อมรั้วสูงสี่ศอก (2เมตร) ตกลงราคาสร้างเรือนที่สองร้อยตำลึง และสร้างรั้วสามสิบตำลึงเมื่อตกลงกันได้จึงเขียนสัญญาลงนามทั้งสองฉบับและให้หัวหน้าหมู่บ้านลงชื่อเป็นพยาน
ซินเยว่จ่ายเงินไปครึ่งหนึ่งส่วนที่เหลือจ่ายอีกทีวันที่เรือนเสร็จตามสัญญาคืออีกสองเดือนข้างหน้า ตลอดเวลาการเจรจาซื้อที่ดินในหมู่บ้านและสร้างเรือนซินเยว่เป็นผู้ออกหน้าทั้งหมด เซวี่ยฟังเฟยและฮุ่ยหลิงทำเพียงนั่งฟังเงียบๆ ด้านข้าง บุรุษทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างรู้สึกทึ่งในความสามารถของนาง
พวกเขาคิดว่านางดูเหมือนเด็กสาวคนหนึ่งที่ไม่สามารถทำอะไรไม่เป็นเมื่อปราศจากบุรุษเสียอีก เมื่อการเจรจาเสร็จสิ้นพวกซินเยว่ขอตัวลาจากหัวหน้าหมู่บ้านและกลับเข้าเมืองเยว่กว่างทันที
บึ้ม!!!! โครม!!!! เสียงระเบิดแตกของหินดังสนั่นป่าเศษฝุ่นฟุ้งกระจายแตกออกเป็นวงกว้างสูงหลายร้อยจั้ง บริเวณโดยรอบขมุกขมัวมองไม่เห็นสิ่งใด ร่างงามระหงยืนอยู่บนยอดไม้ใหญ่ไกลออกไปด้วยท่าทางสบายอารมณ์ ไม่ยินดียินร้ายกับการที่ตนทำให้สัตว์อสูรทั้งหลายแตกตื่น
ชุดสีฟ้าปักลายดอกอิงฮวาสีขาวพลิ้วสะบัดตามแรงลมเส้นผมดำขลับทิ้งตัวปลิวสยายละไปตามแผ่นหลัง มองดูแล้วคล้ายนางเซียนกำลังเหาะเหินกลางสายลม ซินเยว่มองหน้าผาแตกกระจายที่เกิดจากพลังของนางด้วยสายตาเรียบเฉย นางสามารถใช้พลังปราณหรือพลังยุทธที่ใครๆ ในแผ่นดินหลิงชวนแห่งนี้เรียกกันได้คล่องแคล่วเหมือนกับเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายเพียงนางคิดพลังก็ผุดขึ้นมาตามที่นางสั่ง เกือบห้าเดือนแล้วที่ซินเยว่เกิดใหม่ในแผ่นดินแปลกประหลาดเหนือจินตนาการแห่งนี้
"เฮ้อ!!"
ซินเยว่ถอนหายใจออกมาแรงๆ ด้วยความหนักใจนางเริ่มฝึกพลังยุทธตั้งแต่ออกเดินทางจากเมืองหลวงแคว้นฉิงจนกระทั่งตอนนี้ พลังของนางยังคงเป็นลูกไฟที่แปลกประหลาดไม่เหมือนผู้ใด ซินเยว่ได้ค้นหาข้อมูลจากหลายที่เกี่ยวกับพลังของนาง แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีคนที่ใช้พลังแบบเดียวกับนางเลยสักคน
ซินเยว่เลิกให้ความสนใจหินบนหน้าผาที่ยังคงแตกออกนางทะยานเหินลงจากยอดไม้ลงมาหาหญิงสาวอีกคนที่ยืนรออยู่ด้านล่าง
"ฮุ่ยหลิงข้าว่าตัวข้าแปลกประหลาดจากคนอื่นจริงๆ ดูเจ้าสิตอนนี้เลื่อนระดับเป็นสีส้มขั้นกลางแล้วแต่พลังของข้ากลับยังเป็นลูกไฟอยู่เหมือนเดิม”
ซินเยว่ตัดพ้อกับฮุ่ยหลิง
"ไม่จริงนะเจ้าคะคุณหนูข้าว่าพลังที่ท่านปล่อยออกมารุนแรง กว่าข้าหลายสิบเท่า ตัวข้าก็ไม่แน่ใจว่าเหตุใดพลังของท่านจึงไม่เหมือนผู้อื่นในแผ่นดินนี้"
ซินเยว่นิ่งคิดอยู่ในภวังค์ของตน
"ช่างเถอะเรื่องนี้สักวันข้าต้องรู้ให้ได้ เรากลับกันดีกว่าท่านแม่คงรอกินข้าวแย่แล้ว"
พูดจบนางก็หันหลังเดินออกจากป่าไปทันที ตอนนี้ซินเยว่เซวี่ยฟังเฟยและฮุ่ยหลิงได้เข้าย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านต้งเถียนเป็นที่เรียบร้อยแล้วในทุกๆ เช้าซินเยว่จะออกหาสมุนไพรปราณเพื่อนำไปขายให้ร้านขายยาในเมืองเยว่กว่างและฝึกฝนพลังของนางไปด้วย
ตอนแรกซินเยว่คิดออกล่าสัตว์อสูรเหมือนเช่นคนอื่น ถ้าหากขายหินวิญญาณนางอาจจะหาเงินได้มากกว่านี้ แต่เซวี่ยฟังเฟยขอร้องเอาไว้ ถึงซินเยว่จะมีพลังปราณแล้วก็ตามแต่นางก็ยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่ดี เพราะไม่มีใครสามารถคาดเดาว่านางจะพบสัตว์อสูรประเภทใด หากเป็นระดับต่ำยังพอจะสู้ได้ แต่หากมากกว่าระดับสี่นางเกรงว่าบุตรสาวเพียงคนเดียวของนางจะได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นสิ่งที่ซินเยว่ทำได้คือการหาสมุนไพรปราณที่บริเวณป่ารอบนอกไปขายที่เมืองเยว่กว่างเท่านั้น
"ท่านแม่ข้ากลับมาแล้ว"
ซินเยว่และฮุ่ยหลิงเดินเข้ามาในเรือน มือถือไก่ฟ้าหกสีสามตัวที่นางทำความสะอาดถอนขนเรียบร้อยแล้ว ภายในโถงรับแขกมีบุรุษร่างสูงใบหน้าคมคายนั่งอยู่กับมารดาของนาง ซินเยว่เลิกคิ้วมองเขา
"ท่านหัวหน้าหมู่บ้านมีธุระอะไรหรือถึงมาหาท่านแม่แต่เช้า"
ซินเยว่มองซ่งเว่ยหลงอย่างสังเกต เมื่อเห็นสายตาที่เด็กสาวมองมาที่ตนอย่างวิเคราะห์เขาก็มีท่าทางอึดอัดขึ้นมาทันที
"ข้าแค่มาเยี่ยมพวกเจ้าเท่านั้น เห็นว่าพึ่งย้ายเข้ามาอยู่ขาดเหลือสิ่งใดหรือไม่ บอกข้าได้เลยพวกเจ้าก็เป็นลูกบ้านของข้าเหมือนกัน อ้ออีกอย่างเจ้าเรียกข้าว่าลุงซ่งเถอะข้าอายุมากกว่าท่านแม่ของเจ้า"
ซ่งเว่ยหลงบอกจุดประสงค์ที่มาในวันนี้ ทั้งยังแสดงทีท่าว่าอยากจะสนิทสนมกับนางอีกด้วย
"อ่อ"
ซินเยว่พยักหน้าเข้าใจ
"เช่นนั้นข้าก็ต้องขอบคุณท่านลุงซ่งที่เอาใจใส่คนในบ้านของข้า ดูท่าทางท่านคงเอาใจใส่ลูกบ้านทุกคนเท่าเทียมกันใช่หรือไม่"
ซินเยว่กล่าวขอบคุณและแอบหยั่งเชิงปนเหน็บแนมบุรุษตรงหน้า นางสังเกตเห็นเเววตาของเขามองมารดาของนางต่างออกไป ไม่ใช่สายตาของคนที่มองลูกบ้านอย่างแน่นอนนางมั่นใจ
ไม่ได้การนางพึ่งจะมีแม่จะปล่อยให้ใครก็ไม่รู้มาฉกท่านแม่ของนางไปได้อย่างไร อีกอย่างบุรุษผู้นี้ก็แต่งงานมีภรรยาแล้วยังคิดหาเศษหาเลยกับสตรีอื่นอีกคนเลวซิน เยว่คิดคนเดียวในใจ
"พวกข้าแม่ลูกสบายดีขอบคุณท่านลุงซ่งที่เป็นห่วงถ้าไม่มีอะไรแล้วข้าว่าท่านกลับไปเสียดีกว่า มันอาจดูไม่ดีนักเพราะเรือนของข้ามีแต่สตรีหากมีคนเอาไปพูดให้ฮูหยินของท่านฟังนางคงจะไม่สบายใจ"
ซินเยว่พูดกันท่าซ่งเว่ยหลง
"ฮูหยินหรือ "
ช่งเว่ยหลงทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่ซินเยว่ต้องการจะสื่อ
"ก็สตรีที่อยู่กับท่านในบ้านของท่านอย่างไรเล่า หากนางมิใช่ ฮูหยินของท่านแล้วนางเป็นใคร"
ซินเยว่พูดออกมาตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อมนางอยากจะรู้นักว่าเขาจะปฏิเสธเช่นไร
"อ๋อ...."
ซ่งเว่ยหลงลากเสียงยาน
"ซ่งเว่ยหลงข้าขอถาม ท่านจะรับเซวี่ยฟังเฟยเป็นฮูหยินไม่ว่าจะยามสุขหรือยามทุกข์ มั่งมีหรือยากจนท่านยังจะกุมมือเซวี่ยฟังเฟยไม่ทอดทิ้ง จะซื่อสัตย์ต่อนาง จะรักและดูแลนางตลอดไปจนชั่วชีวิตหรือไม่ ""ข้ายอมรับ"ซ่งเว่ยหลงเอ่ยเสียงทุ้มกังวานหนักแน่น เสียงของเขาดังสะท้อนอยู่ในใจของเซวี่ยฟังเฟยซ้ำๆ"เซวี่ยฟังเฟย ท่านจะรับซ่งเว่ยหลง เป็นสามีไม่ว่าจะยามสุขหรือยามทุกข์ มั่งมีหรือยากจนท่านยังจะกุมมือซ่งเว่ยหลงไม่ทอดทิ้ง จะซื่อสัตย์ต่อกัน จะรักและดูแลกันตลอดไปชั่วชีวิตหรือไม่ ""ข้ายอมรับ"เซวี่ยฟังเฟยเอ่ยเสียงใสกังวาน เมื่อกล่าวจบทั้งสองก็กุมมือของกันและกันแน่น บนแท่นพิธีซินเยว่เมื่อได้ยินคำตอบรับของคนทั้งสองบนใบหน้างามก็ผุดรอยยิ้มขึ้นจางๆ"ถ้าเช่นนั้นข้าขอประกาศให้ทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวได้"จบคำของซินเยว่ คนในงานส่งเสียงฮือฮากันใหญ่"อะเเฮ่ม เอ่อ อันหลังสุดเอาไว้ทำกันสองคนก็ได้"ซินเยว่เอ่ยขึ้นเบาๆ ให้ได้ยินเพียงเเค่สามคนซ่งเว่ยหลง กระตุกยิ้มร้ายที่มุมปากก้มลงอุ้มเซวี่ยฟังเฟยทะยานหายออกจากงานไปทันทีซินเยว่ได้แต่ยิ้มให้คนสำคัญทั้งสองที่เล่นใหญ่กว่าที่นางวางแผนเอาไว
ช่างทำให้คนรู้สึกว้าเหว่ยิ่งนักเสียงในใจของนางดังขึ้นนานแค่ไหนแล้วนะที่นางมาเกิดใหม่ในแผ่นดินนี้ เเต่มันช่างเหมือนกับว่านางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลยกี่แล้วเดือนที่เขามาอยู่ที่บ้านของนางและนางก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยบางทีเขาอาจแต่งงานแล้วเขาอาจจะมีครอบครัวอยู่ที่อื่น แล้วเขามาอยู่กับนางทำไมเขาทำดีกับนางทำไมพูดทำไมว่านางเป็นของเขาคำถามมากมายพรั่งพรูออกมาจากความคิดของซินเยว่พร้อมหยดน้ำตาเอ่อคลอไหลจากดวงตาสีรัตติกาลไม่ขาดสายก้อนสะอื้นตีขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอนางไม่สามารถกลั้นมันเอาไว้ได้อีกแล้ว อยากทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยากลืมภาพของเขากับสตรีนางนั้น อยากให้เขานั่งอยู่ตรงนี้คอยปลอบใจนางเหมือนที่ผ่านมาเสียงร้องไห้ดังออกมาอย่างขมขื่นใจโดยที่นางไม่เคยรู้ตัวเลยว่านางชอบเขาถึงเพียงนี้ แค่เพียงเห็นเขาตระกองกอดหญิงอื่นถึงได้รู้ตัวว่านางรู้สึกเจ็บปวดเพียงใด เกิดมาสองครั้งแต่ไม่เคยมีความรักนางจึงไม่รู้วิธีรับมือกับมันเสี่ยวเป่าเมื่อเห็นซินเยวนั่งกอดเข่าร้องไห้ใบหน้างามเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา เหตุใดนางร้องไห้มันก็ไม่เข้าใจเพียงแต่รู้สึกเจ็บปวดไปด้วยเท่านั้น และมันก็ไม่รู้ว่านี่คือค
ซินเยว่เอ่ยเย้ามารดาเล็กน้อยแล้ว หันมาสั่งเจ้าก้อนขนให้ไปกับนาง เซวี่ยฟังเฟยไม่รู้ว่าซินเยว่จะทำอะไรนางได้แต่มองตามไปด้วยความสงสัยหลายวันแล้วที่ซินเยว่ไม่เห็นหน้าของไป๋เยี่ยนหลงเขาหายไปโดยไม่ได้บอกว่าจะไปที่ใด เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องงานแต่งงานของมารดาจึงลืมนึกถึงเขาไป ตอนนี้นางคิดเพียงว่าเขาอาจจะออกไปทำธุระเช่นครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมาจึงมิได้สนใจซินเยว่พาเสี่ยวเป่าทะยานออกจากเรือนริมเขาด้วยวิชาทะยานเมฆาที่นางชำนาญ วันนี้นางจะจัดการเรื่องของหม่าชิวหนิงให้เรียบร้อยแล้วไปรับชุดเจ้าสาวและเครื่องประดับที่ร้านขายผ้าในเมืองเยว่กว่างซินเยว่แต่งตัวด้วยชุดสีขาวปักลายดอกโบตั๋นสีชมพูใช้ผ้าโปร่งสีขาวปิดหน้าครึ่งล่างเอาไว้ นางแต่งตัวคล้ายคุณหนูในจวนสกุลใหญ่ไม่เหมือนครั้งที่ผ่านๆ มานางมักแต่งตัวด้วยชุดคล่องตัวและจะรวบผมขึ้นเฉกเช่นบุรุษเมื่อถึงหน้าประตูเมืองเยว่กว่าง ซินเยว่ก็สังเกตเห็นรถม้าที่คุ้นเคยวิ่งไปทางหอประมูลจันทราด้วยความสงสัยนางจึงตามไปดู ซินเยว่ยืนอยู่หน้าร้านขายเครื่องประดับที่สั่งทำให้เซวี่ยฟังเฟย แต่อยู่ห่างจากหอประมูลจันทราไม่มาก รถม้าจอดลงด้านหน้าหอประมูลบุรุษที่นางคุ้นตาลงมาจากรถม้าด้
ชาวบ้านคนหนึ่งโพล่งขึ้นมาเขากลัวว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะโกรธ จึงโยนความผิดทั้งหมดให้หม่าชิวหนิง ซ่งเว่ยหลงปกติเเล้วเขาจิตใจดีมีคุณธรรมแต่ไม่ชอบยุ่งเรื่องของคน อื่นหากเขาออกหน้าให้สองแม่ลูกเช่นนี้แล้วหมายความว่าพวกนางย่อมสำคัญจริงๆ"ใช่ๆ"หญิงวัยกลางคนที่เคยนินทาเซวี่ยฟังเฟยกับหม่าชิวหนิงกล่าวเสริมเพื่อเอาตัวรอด"นางหลงรักท่านหัวหน้าหมู่บ้านเลยมายุยงพวกเราให้เกลียดชังสองแม่ลูก หวังว่าจะได้แต่งให้ท่านพวกข้าแค่หูเบาไปเท่านั้นท่านหัวหน้าหมู่บ้านได้โปรดอย่าถือโทษเราเลย"ชาวบ้านก้มหน้าไม่กล้าสู้หน้าซ่งเว่ยหลง หม่าชิวหนิงได้แต่กัดฟันด้วยความโกรธที่นางถูกชาวบ้านหักหลัง"พวกเจ้าขอโทษผิดคนแล้วที่เจ้าต้องขอโทษคือพวกนางถึงจะถูก"ซ่งเว่ยหลงชี้ไปที่เซวี่ยฟังเฟยและซินเยว่ ชาวบ้านจึงหันไปกล่าวขออภัยทั้งสองคนเสียงอ่อย"ช่างเถอะข้าไม่โทษพวกเจ้า แค่ต่อไปนี้อย่ามาสร้างความวุ่นวายที่นี่อีก "พูดจบซินเยว่ก็โบกมือทำท่าไล่ให้พวกเขากลับไป เมื่อชาวบ้านเห็นว่าได้โอกาสจึงรีบจากไปทันที ซ่งเว่ยหลงหันมาหาตัวการที่สร้างเรื่องขึ้นในวันนี้"หม่าชิวหนิงข้ามิเคยรักหรือมีใจให้เจ้าข้ามิเคยให้ความหวังอันใดแก่เจ้า อย่าได้คิดไปเ
หม่าชิวหนิงหน้าดำคร่ำเครียดกวาดตามองไปรอบๆ ทุกคนต่างมีสีหน้าประหลาดใจไม่แพ้กัน นางปลดปล่อยพลังสีเหลืองออกมากางเป็นม่านพลังแต่ใครจะรู้ พลังอันไร้ตัวตนฝ่าทะลวงม่านพลังของหม่าชิว หนิงเข้ามาแล้วลงมือตบอีกสองฉาดเพี๊ยะ!! เพี๊ยะ!!ร่างของหม่าชิวหนิงโงนเงนเสียหลักลงไปกองกับพื้นนางกระอักเลือดออกมาคำโต ในนั้นมีฟันสีขาวสองซี่หลุดปนออกมาด้วย นางกรีดร้องเสียงดังถูกตบไปหลายทีแต่ไม่สามารถมองเห็นว่าผู้ใดทำร้ายนาง"ใครมันกล้าทำร้ายข้า"หม่าชิวหนิงตะโกนอย่างกราดเกรี้ยว"ต้องเป็นเจ้าแน่นางเด็กปีศาจเจ้าต้องใช้วิชามารบางอย่างทำร้ายข้า"หม่าชิวหนิงชี้หน้าซินเยว่ชาวบ้านต่างหันมามองนางเป็นตาเดียว"อ้าวๆ ท่านป้าเหตุใดใส่ร้ายข้าเช่นนี้ ชาวบ้านทุกคนก็เห็นว่าข้ายืนอยู่กับที่ตลอดเวลามิได้ขยับไปที่ใด ข้าว่าอาจเป็นเพราะปากท่านเหม็นก็เป็นได้สวรรค์จึงได้ลงโทษ พวกเจ้าก็ระวังตัวเอาไว้ด้วยเล่าพูดเรื่องที่ไม่เป็นความจริงระวังสวรรค์จะลงโทษเหมือนนาง"ซินเยว่หัวเราะออกมาท่าทางสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อนกับท่าทางเกรี้ยวกราดของหม่าชิวหนิงและนางยังทำเหมือนเรื่องที่ชาวบ้านมาชุมนุมที่หน้าเรือนของนางไม่ใช่เรื่องของนาง"นี่แล้วพวกเจ้าทุกค
หยางจิ่งเทียนตะโกนถามออกไปอย่างยากเย็นเพราะในโพรงปากของเขาเต็มไปด้วยเลือดที่กระอักออกมา ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าฉิงอิงหลางจะหาเสียงของตนเจอทุกอย่างก็จบลงไปแล้ว"พลังสีน้ำเงินนั่น หรือว่าท่านคือ......"ซ่งเว่ยหลงหันมาทางฉิงอิงหลางประสานมือทำท่าคารวะ"ขออภัยที่กระหม่อมมิได้เปิดเผยตัวกระหม่อมคืออดีตหัวหน้าองครักษ์ของฝ่าบาท นามว่าซ่งเว่ยหลง"ฉิงอิงหลางตาโตเขาเคยได้ยินมาว่าเมื่อหลายปีก่อนเคยมีองครักษ์ที่มีพรสวรรค์อยู่ผู้หนึ่ง เขามีพลังปราณสีน้ำเงินตั้งแต่อายุยังน้อยฝีมือเก่งกาจมิอาจหาผู้ใดเทียบได้ เเต่ไม่รู้ด้วยเพราะเหตุใดเขาได้ลาออกจากการเป็นองครักษ์ในวังหลวงและหายตัวไปไม่เคยทราบข่าวคราวจนกระทั่งตอนนี้ ฉิงอิงหลางรู้แล้วว่าองครักษ์คนนั้นคือบุรุษร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้"หามิได้ข้าเพียงแปลกใจที่ท่านลาออกจากการเป็นหัวหน้าองครักษ์หลวงแต่มาอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ริมชายเเดนเช่นนี้"ฉิงอิงหลางตอบซ่งเว่ยหลงด้วยความยำเกรงขึ้นหลายส่วน ซ่งเว่ยหลงมิได้ตอบอันใดเขาเดินไปประจันหน้ากับหยางจิ่งเทียนที่นอนกุมบาดแผลอยู่ที่พื้นยังไม่สามารถลุกขึ้นมาได้"เจ้ายังคิดอยากจะสู้กับข้าอีกหรือไม่ ข้าไม