ซินเยว่กลอกตาให้กับความหลงตัวเองของฉิงอิงหลาง
"ท่านคิดมากเกิดไปแล้ว พวกเรากำลังจะออกเดินทางไปทำธุระที่เมืองอื่นไม่ได้มายืนรอพวกท่าน"
ซินเยว่โกหกหน้าตายเพราะนางดูจากความหลงตัวเองของฉิงอิงหลางแล้วเขาอาจขอตามไปด้วย
"ธุระ......ธุระอันใดหรือให้ข้าติดตามไปด้วยได้หรือไม่"
นั่นไงทำไมนางไม่ไปเป็นหมอดูนะทายแม่นขนาดนี้
"ไม่จำเป็น "
เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นข้างกายซินเยว่ ฉิงอิงหลางหันไปมองเจ้าของเสียงด้วยความสงสัยเมื่อเขาเห็นไป๋เยี่ยนหลงก็จำได้ทันทีว่าเขาเคยพบบุรุษผู้นี้ที่หอประมูลจันทรา
"เราเดินทางเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นไม่สะดวกให้ผู้อื่นติดตามไปด้วย"
ไป๋เยี่ยนหลงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว เพราะไม่คิดว่าเขาจะปฏิเสธออกมาตรงๆ และยังเป็นครั้งแรกที่เขากล่าวประโยคที่ยืดยาวเช่นนี้ ฉิงอิงหลางขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจที่ไป๋เยี่ยนหลงกล่าวแทรกขึ้นมาอย่างไม่ได้รับอนุญาตทั้งยังกล้าปฏิเสธความต้องการของเขาอีก
"เจ้าเป็นใครถึงได้กล้าแทรกขึ้นมาตอนที่ข้ากำลังพูดอยู่ นี่หาใช่เรื่องของเจ้าที่ควรสอดปากตอนที่ข้ากำลังคุยกับน้องเยว่เอ๋อ"
ซินเยว่ได้ยินสรรพนามที่เขาเรียกนาง ถึงกับสำลักน้ำลายตนเองนางรีบปรับสีหน้าให้ดูเคร่งขรึมกว่าเดิม
"ไม่ต้องทะเลาะกันข้าก็คิดเช่นเดียวกับเยี่ยนหลงต้องขออภัยท่านทั้งสองที่ไม่สามารถให้พวกท่านร่วมทางไปด้วยได้เพราะนี่เป็นเรื่องของคนในครอบครัวเท่านั้น"
ซินเยว่เรียกชื่อไป๋เยี่ยนหลงอย่างสนิทชิดเชื้อแสดงจุดยืนของตนเองให้ฉิงอิงหลางได้เห็น เซวี่ยฟังเฟยมีสีหน้ากระอักกระอ่วนอย่างเห็นได้ชัด นางคิดว่าเรื่องชักจะไปกันใหญ่จึงเอ่ยขึ้นในฐานะที่นางอาวุโสที่สุดของบ้าน
"ต้องขออภัยองค์ชายสามและท่านแม่ทัพเป็นอย่างยิ่ง แต่เราคงทำตามความประสงค์ของพวกท่านมิได้ต้องขออภัย "
เซวี่ยฟังเฟยยืนยันอีกเสียง ขืนให้คนพวกนี้ตามไปด้วยได้เกิดเรื่องวุ่นวายไม่จบไม่สิ้นเป็นเเน่
"เฟยเอ๋อเหตุใดเราถึงตามไปด้วยมิได้ข้าเป็นสามีของเจ้าและองค์ชายสามก็เป็นว่าที่คู่หมั้นของเยว่เอ๋อ เราทั้งสองคนต่างหากที่ถือว่าเป็นคนในครอบครัว "
หยางจิ่งเทียนเอ่ยขึ้นเมื่อเงียบฟังอยู่นานและอยากจะออกตัวแสดงความเป็นเจ้าของ
"ท่านคงเข้าใจอันใดผิดไปกระมังท่านแม่ทัพหยาง ท่านกับ ฟังเฟยและซินเยว่ต่างตัดขาดจากกันไปแล้ว ท่านพูดเช่นนี้อาจทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดได้ตามที่ข้าได้ยินมาฮูหยินเอกของท่านคือ มู่เซี่ยอี่และคุณหนูใหญ่ตระกูลหยางก็คือหยางหลันฮวา"
ซ่งเว่ยหลงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยความไม่พอใจ
"เจ้าเป็นใครเหตุใดต้องเข้ามายุ่งเรื่องครอบครัวของข้า แล้วใครอนุญาตให้เจ้าเอ่ยชื่อฮูหยินกับบุตรสาวของข้าตรงๆ ช่างบังอาจนักเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาอย่าได้คิดปีนขึ้นที่สูง"
หยางจิ่งเทียนเดินเข้าหาซ่งเว่ยหลงด้วยความโกรธแต่เซวี่ยฟังเฟยเดินมาขวางหน้าซ่งเว่ยหลงเอาไว้
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ....."
เซวี่ยฟังเฟยไม่ไว้หน้าหยางจิ่งเทียนอีกต่อไป ตอนนี้นางและเขาต่างก็เป็นเพียงคนแปลกหน้าต่อกัน ความรู้สึกของนางที่มีต่อเขานั้นมันได้หายไปนานแล้วจนนางแทบจำไม่ได้ว่านางเคยตกหลุมรักบุรุษคนนี้
"บุรุษผู้นี้เขาก็คือคนรักของข้าและเรากำลังจะเเต่งงานกันได้ยินเช่นนี้เเล้วท่านจะกลับไปได้หรือยัง"
หยางจิ่งเทียนเหมือนโดนฟ้าผ่าเมื่อได้ยินคำตอบจากปากอดีตฮูหยินเอกของตน ผิดกับอีกคนที่ยืนยิ้มแก้มแทบแตกเมื่อได้ยินคำบอกรัก ของเซวี่ยฟังเฟย
"เฟยเอ๋อ........."
หยางจิ่งเทียนสติหลุดไปแล้วในหัวของเขาขาวโพลนไปหมด เขาไม่รู้ว่าจะต้องเอ่ยคำใดมีเพียงชื่อของนางเท่านั้นที่เขายังสามารถจำได้ในตอนนี้
"ข้าเลือกเขาและเป็นเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ข้าจะใช้ชีวิตที่เหลือด้วยนับจากนี้และตลอดไป ส่วนท่านอย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก กลับไปหาครอบครัวของทานเสียตั้งแต่ที่ท่านละทิ้งเราแม่ลูกเราทั้งสองก็ได้สิ้นวาสนาต่อกันแล้ว"
เซวี่ยฟังเฟยเอ่ยเสียงกร้าว
'ว้าววันนี้ท่านแม่ของข้าดู เท่ มากๆ เลย '
ซินเยว่ยืนให้กำลังใจมารดาอยู่ข้างๆ ไป๋เยี่ยนหลงมองดูเรื่องสนุก
"ข้าไม่ยอมเจ้าต้องเป็นของข้าเท่านั้น"
หยางจิ่งเทียนตะโกนด้วยความโกรธแค้น เขามองไปที่ซ่งเว่ยหลงด้วยดวงตาแดงก่ำใบหน้ามืดครึ้ม หยางจิ่งเทียนซัดพลังปราณเข้าใส่ซ่งเว่ยหลงทันที
แสงสีเขียวสว่างจ้าขึ้นตรงหน้า ด้วยระยะที่ไม่ห่าง ทำให้ซ่งเว่ยหลงไม่อาจหลบพลังของหยางจิ่งเทียนที่ซัดออกมาได้และเขาห่วงว่าเซวี่ยฟังเฟยจะเป็นอันตรายเพราะถูกลูกหลง จึงเอาตัวเองเข้าบังเซวี่ยฟังเฟยไว้ ในระยะห่างไม่เกินหนึ่งจั้ง (20นิ้ว) พลันมีลูกไฟสีแดงเข้าปะทะเเสงสีเขียวจากด้านข้างพลังของหยางจิ่งเทียนจึงไม่สามารถทำอันตรายซ่งเว่ยหลงและเซวี่ยฟังเฟยที่ยืนอยู่ใกล้กันได้ เมื่อพลังทั้งสองสายสลายไปหยางจิ่งเทียนจึงหันมามองคนที่ซัดพลังออกมาสกัดพลังของตน
"เยว่เอ่อ นี่เจ้าสามารถใช้พลังปราณได้แล้วหรือ "
หยางจิ่งเทียนมีสีหน้าตกตะลึงจนลืมไปว่าพลังที่ซินเยว่ปล่อยออกมานั้นเป็นลูกไฟที่ใหญ่กว่าพลังของตน มีเพียงไป๋เยี่ยนหลงที่ยืนอยู่ข้างกายนางเท่านั้นที่มองพลังของซินเยว่อย่างพินิจ และทำสีหน้าแน่ใจในสิ่งที่ตนเองคาดเดา
"ท่านคิดจะทำอะไรท่านคิดจะทำร้ายท่านแม่ของข้าเช่นนั้นหรือ ต่อให้ท่านเป็นผู้ให้กำเนิดข้าก็อย่าคิดว่าจะมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่"
ซินเยว่ไม่สนใจคำถามของหยางจิ่งเทียน นางตวาดก้องด้วยความโกรธอีกนิดเดียวพลังนั่นก็จะทำร้ายมารดาของนางแล้ว แค่คิดซินเยว่ก็หัวใจแทบหยุดเต้นความรู้สึกที่เหมือนหัวใจถูกบีบรัดนี่มันช่างทรมานยิ่งนัก
หยางจิ่งเทียนได้สติกลับมาจากเสียงตะคอกของซินเยว่ เขาหันกลับมาหาเซวี่ยฟังเฟยที่ยืนตกใจหน้าซีดขาวอยู่ในอ้อมแขนของซ่งเว่ยหลง ยิ่งทำให้เขาทวีความรู้สึกโกรธแค้นขึ้นมากกว่าเดิม
"ท่านกลับไปซะเถอะอย่าได้กลับมาที่นี่อีกอย่าทำให้ข้าต้องเกลียดท่านมากไปกว่านี้"
เซวี่ยฟังเฟยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาเพราะนางยังรู้สึกหวาดกลัวเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นอยู่ นางไม่แม้แต่จะปรายตามองหยางจิ่งเทียนที่ยืมมองนางด้วยสายตาตัดพ้อ ยิ่งเซวียฟังเฟยพูดเช่นนี้กับเขายิ่งทำให้เขารู้สึกเสียหน้าแล้วโกรธแค้นซ่งเว่ยหลงยิ่งกว่าเดิม หยางจิ่งเทียนหาใช่คนที่จะยอมใครง่ายๆ
“ไม่มีวัน”
หยางจิ่งเทียนตะโกนเสียงดังก้องอย่างดุดัน
"หากวันนี้เจ้าไม่กลับไปกับข้าก็อย่าหวังว่าเจ้าจะสามารถไปที่ใดได้ ข้าอยากรู้นักถ้าหากว่าข้าฆ่าชายคนนี้เจ้าจักทำอย่างไร"
หยางจิ่งเทียนไม่รอช้ากระโดดเข้าใส่ซ่งเว่ยหลงอย่างรวดเร็ว แต่ซ่งเว่ยหลงที่รอตั้งรับอยู่แล้วนั้นไม่ยอมให้หยางจิ่งเทียนลอบกัดเขาได้อีก
"ช่างดื้อด้านยิ่งนักหากเจ้าไม่มีตำแหน่งเป็นแม่ทัพใครๆ คงคิดว่าเจ้าเป็นเพียงอันธพาลข้างถนน"
คำพูดของซ่งเว่ยหลงยิ่งกระตุ้นแรงโทสะของหยางจิ่งเทียนให้สูงเสียดฟ้า
"อย่าคิดว่าข้าจะเป็นเต้าหู้นิ่มให้เจ้าได้ทุบเล่น"
พูดจบซ่งเว่ยหลงปล่อยสภาวะแรงกดดันออกมา พลังปราณสีน้ำเงินเข้มล้อมรอบตัวเขาบางเบา ซ่งเว่ยหลงหลอมพลังสีน้ำเงินขึ้นให้กลายเป็นดาบเล่มใหญ่จากนั้นฟาดพลังเข้าใส่หยางจิ่งเทียนด้วยความเร็วและรุนแรง ชั่วพริบตาหยางจิ่งเทียน ไม่สามารถต้านพลังของซ่งเว่ยหลงได้เขากระเด็นไปไกลหลายสิบจั้ง กระอักเลือดออกมาคำโต บริเวณหน้าอกปรากฏรอยดาบฟันเป็นแผลเหวอะ
"เจ้าเป็นใครกันแน่"
"ซ่งเว่ยหลงข้าขอถาม ท่านจะรับเซวี่ยฟังเฟยเป็นฮูหยินไม่ว่าจะยามสุขหรือยามทุกข์ มั่งมีหรือยากจนท่านยังจะกุมมือเซวี่ยฟังเฟยไม่ทอดทิ้ง จะซื่อสัตย์ต่อนาง จะรักและดูแลนางตลอดไปจนชั่วชีวิตหรือไม่ ""ข้ายอมรับ"ซ่งเว่ยหลงเอ่ยเสียงทุ้มกังวานหนักแน่น เสียงของเขาดังสะท้อนอยู่ในใจของเซวี่ยฟังเฟยซ้ำๆ"เซวี่ยฟังเฟย ท่านจะรับซ่งเว่ยหลง เป็นสามีไม่ว่าจะยามสุขหรือยามทุกข์ มั่งมีหรือยากจนท่านยังจะกุมมือซ่งเว่ยหลงไม่ทอดทิ้ง จะซื่อสัตย์ต่อกัน จะรักและดูแลกันตลอดไปชั่วชีวิตหรือไม่ ""ข้ายอมรับ"เซวี่ยฟังเฟยเอ่ยเสียงใสกังวาน เมื่อกล่าวจบทั้งสองก็กุมมือของกันและกันแน่น บนแท่นพิธีซินเยว่เมื่อได้ยินคำตอบรับของคนทั้งสองบนใบหน้างามก็ผุดรอยยิ้มขึ้นจางๆ"ถ้าเช่นนั้นข้าขอประกาศให้ทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวได้"จบคำของซินเยว่ คนในงานส่งเสียงฮือฮากันใหญ่"อะเเฮ่ม เอ่อ อันหลังสุดเอาไว้ทำกันสองคนก็ได้"ซินเยว่เอ่ยขึ้นเบาๆ ให้ได้ยินเพียงเเค่สามคนซ่งเว่ยหลง กระตุกยิ้มร้ายที่มุมปากก้มลงอุ้มเซวี่ยฟังเฟยทะยานหายออกจากงานไปทันทีซินเยว่ได้แต่ยิ้มให้คนสำคัญทั้งสองที่เล่นใหญ่กว่าที่นางวางแผนเอาไว
ช่างทำให้คนรู้สึกว้าเหว่ยิ่งนักเสียงในใจของนางดังขึ้นนานแค่ไหนแล้วนะที่นางมาเกิดใหม่ในแผ่นดินนี้ เเต่มันช่างเหมือนกับว่านางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลยกี่แล้วเดือนที่เขามาอยู่ที่บ้านของนางและนางก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยบางทีเขาอาจแต่งงานแล้วเขาอาจจะมีครอบครัวอยู่ที่อื่น แล้วเขามาอยู่กับนางทำไมเขาทำดีกับนางทำไมพูดทำไมว่านางเป็นของเขาคำถามมากมายพรั่งพรูออกมาจากความคิดของซินเยว่พร้อมหยดน้ำตาเอ่อคลอไหลจากดวงตาสีรัตติกาลไม่ขาดสายก้อนสะอื้นตีขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอนางไม่สามารถกลั้นมันเอาไว้ได้อีกแล้ว อยากทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยากลืมภาพของเขากับสตรีนางนั้น อยากให้เขานั่งอยู่ตรงนี้คอยปลอบใจนางเหมือนที่ผ่านมาเสียงร้องไห้ดังออกมาอย่างขมขื่นใจโดยที่นางไม่เคยรู้ตัวเลยว่านางชอบเขาถึงเพียงนี้ แค่เพียงเห็นเขาตระกองกอดหญิงอื่นถึงได้รู้ตัวว่านางรู้สึกเจ็บปวดเพียงใด เกิดมาสองครั้งแต่ไม่เคยมีความรักนางจึงไม่รู้วิธีรับมือกับมันเสี่ยวเป่าเมื่อเห็นซินเยวนั่งกอดเข่าร้องไห้ใบหน้างามเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา เหตุใดนางร้องไห้มันก็ไม่เข้าใจเพียงแต่รู้สึกเจ็บปวดไปด้วยเท่านั้น และมันก็ไม่รู้ว่านี่คือค
ซินเยว่เอ่ยเย้ามารดาเล็กน้อยแล้ว หันมาสั่งเจ้าก้อนขนให้ไปกับนาง เซวี่ยฟังเฟยไม่รู้ว่าซินเยว่จะทำอะไรนางได้แต่มองตามไปด้วยความสงสัยหลายวันแล้วที่ซินเยว่ไม่เห็นหน้าของไป๋เยี่ยนหลงเขาหายไปโดยไม่ได้บอกว่าจะไปที่ใด เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องงานแต่งงานของมารดาจึงลืมนึกถึงเขาไป ตอนนี้นางคิดเพียงว่าเขาอาจจะออกไปทำธุระเช่นครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมาจึงมิได้สนใจซินเยว่พาเสี่ยวเป่าทะยานออกจากเรือนริมเขาด้วยวิชาทะยานเมฆาที่นางชำนาญ วันนี้นางจะจัดการเรื่องของหม่าชิวหนิงให้เรียบร้อยแล้วไปรับชุดเจ้าสาวและเครื่องประดับที่ร้านขายผ้าในเมืองเยว่กว่างซินเยว่แต่งตัวด้วยชุดสีขาวปักลายดอกโบตั๋นสีชมพูใช้ผ้าโปร่งสีขาวปิดหน้าครึ่งล่างเอาไว้ นางแต่งตัวคล้ายคุณหนูในจวนสกุลใหญ่ไม่เหมือนครั้งที่ผ่านๆ มานางมักแต่งตัวด้วยชุดคล่องตัวและจะรวบผมขึ้นเฉกเช่นบุรุษเมื่อถึงหน้าประตูเมืองเยว่กว่าง ซินเยว่ก็สังเกตเห็นรถม้าที่คุ้นเคยวิ่งไปทางหอประมูลจันทราด้วยความสงสัยนางจึงตามไปดู ซินเยว่ยืนอยู่หน้าร้านขายเครื่องประดับที่สั่งทำให้เซวี่ยฟังเฟย แต่อยู่ห่างจากหอประมูลจันทราไม่มาก รถม้าจอดลงด้านหน้าหอประมูลบุรุษที่นางคุ้นตาลงมาจากรถม้าด้
ชาวบ้านคนหนึ่งโพล่งขึ้นมาเขากลัวว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะโกรธ จึงโยนความผิดทั้งหมดให้หม่าชิวหนิง ซ่งเว่ยหลงปกติเเล้วเขาจิตใจดีมีคุณธรรมแต่ไม่ชอบยุ่งเรื่องของคน อื่นหากเขาออกหน้าให้สองแม่ลูกเช่นนี้แล้วหมายความว่าพวกนางย่อมสำคัญจริงๆ"ใช่ๆ"หญิงวัยกลางคนที่เคยนินทาเซวี่ยฟังเฟยกับหม่าชิวหนิงกล่าวเสริมเพื่อเอาตัวรอด"นางหลงรักท่านหัวหน้าหมู่บ้านเลยมายุยงพวกเราให้เกลียดชังสองแม่ลูก หวังว่าจะได้แต่งให้ท่านพวกข้าแค่หูเบาไปเท่านั้นท่านหัวหน้าหมู่บ้านได้โปรดอย่าถือโทษเราเลย"ชาวบ้านก้มหน้าไม่กล้าสู้หน้าซ่งเว่ยหลง หม่าชิวหนิงได้แต่กัดฟันด้วยความโกรธที่นางถูกชาวบ้านหักหลัง"พวกเจ้าขอโทษผิดคนแล้วที่เจ้าต้องขอโทษคือพวกนางถึงจะถูก"ซ่งเว่ยหลงชี้ไปที่เซวี่ยฟังเฟยและซินเยว่ ชาวบ้านจึงหันไปกล่าวขออภัยทั้งสองคนเสียงอ่อย"ช่างเถอะข้าไม่โทษพวกเจ้า แค่ต่อไปนี้อย่ามาสร้างความวุ่นวายที่นี่อีก "พูดจบซินเยว่ก็โบกมือทำท่าไล่ให้พวกเขากลับไป เมื่อชาวบ้านเห็นว่าได้โอกาสจึงรีบจากไปทันที ซ่งเว่ยหลงหันมาหาตัวการที่สร้างเรื่องขึ้นในวันนี้"หม่าชิวหนิงข้ามิเคยรักหรือมีใจให้เจ้าข้ามิเคยให้ความหวังอันใดแก่เจ้า อย่าได้คิดไปเ
หม่าชิวหนิงหน้าดำคร่ำเครียดกวาดตามองไปรอบๆ ทุกคนต่างมีสีหน้าประหลาดใจไม่แพ้กัน นางปลดปล่อยพลังสีเหลืองออกมากางเป็นม่านพลังแต่ใครจะรู้ พลังอันไร้ตัวตนฝ่าทะลวงม่านพลังของหม่าชิว หนิงเข้ามาแล้วลงมือตบอีกสองฉาดเพี๊ยะ!! เพี๊ยะ!!ร่างของหม่าชิวหนิงโงนเงนเสียหลักลงไปกองกับพื้นนางกระอักเลือดออกมาคำโต ในนั้นมีฟันสีขาวสองซี่หลุดปนออกมาด้วย นางกรีดร้องเสียงดังถูกตบไปหลายทีแต่ไม่สามารถมองเห็นว่าผู้ใดทำร้ายนาง"ใครมันกล้าทำร้ายข้า"หม่าชิวหนิงตะโกนอย่างกราดเกรี้ยว"ต้องเป็นเจ้าแน่นางเด็กปีศาจเจ้าต้องใช้วิชามารบางอย่างทำร้ายข้า"หม่าชิวหนิงชี้หน้าซินเยว่ชาวบ้านต่างหันมามองนางเป็นตาเดียว"อ้าวๆ ท่านป้าเหตุใดใส่ร้ายข้าเช่นนี้ ชาวบ้านทุกคนก็เห็นว่าข้ายืนอยู่กับที่ตลอดเวลามิได้ขยับไปที่ใด ข้าว่าอาจเป็นเพราะปากท่านเหม็นก็เป็นได้สวรรค์จึงได้ลงโทษ พวกเจ้าก็ระวังตัวเอาไว้ด้วยเล่าพูดเรื่องที่ไม่เป็นความจริงระวังสวรรค์จะลงโทษเหมือนนาง"ซินเยว่หัวเราะออกมาท่าทางสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อนกับท่าทางเกรี้ยวกราดของหม่าชิวหนิงและนางยังทำเหมือนเรื่องที่ชาวบ้านมาชุมนุมที่หน้าเรือนของนางไม่ใช่เรื่องของนาง"นี่แล้วพวกเจ้าทุกค
หยางจิ่งเทียนตะโกนถามออกไปอย่างยากเย็นเพราะในโพรงปากของเขาเต็มไปด้วยเลือดที่กระอักออกมา ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าฉิงอิงหลางจะหาเสียงของตนเจอทุกอย่างก็จบลงไปแล้ว"พลังสีน้ำเงินนั่น หรือว่าท่านคือ......"ซ่งเว่ยหลงหันมาทางฉิงอิงหลางประสานมือทำท่าคารวะ"ขออภัยที่กระหม่อมมิได้เปิดเผยตัวกระหม่อมคืออดีตหัวหน้าองครักษ์ของฝ่าบาท นามว่าซ่งเว่ยหลง"ฉิงอิงหลางตาโตเขาเคยได้ยินมาว่าเมื่อหลายปีก่อนเคยมีองครักษ์ที่มีพรสวรรค์อยู่ผู้หนึ่ง เขามีพลังปราณสีน้ำเงินตั้งแต่อายุยังน้อยฝีมือเก่งกาจมิอาจหาผู้ใดเทียบได้ เเต่ไม่รู้ด้วยเพราะเหตุใดเขาได้ลาออกจากการเป็นองครักษ์ในวังหลวงและหายตัวไปไม่เคยทราบข่าวคราวจนกระทั่งตอนนี้ ฉิงอิงหลางรู้แล้วว่าองครักษ์คนนั้นคือบุรุษร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้"หามิได้ข้าเพียงแปลกใจที่ท่านลาออกจากการเป็นหัวหน้าองครักษ์หลวงแต่มาอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ริมชายเเดนเช่นนี้"ฉิงอิงหลางตอบซ่งเว่ยหลงด้วยความยำเกรงขึ้นหลายส่วน ซ่งเว่ยหลงมิได้ตอบอันใดเขาเดินไปประจันหน้ากับหยางจิ่งเทียนที่นอนกุมบาดแผลอยู่ที่พื้นยังไม่สามารถลุกขึ้นมาได้"เจ้ายังคิดอยากจะสู้กับข้าอีกหรือไม่ ข้าไม