ใบหน้าของหยางหลันฮวาหันไปมาสามครั้งตามแรงตบปริศนา ซินเยว่ไม่แม้เเต่จะขยับตัวสองมือยังคงไพล่หลังทำเพียงปรายตามองใบหน้าบวมปูดของน้องสาวต่างมารดาด้วยสายตาเรียบเฉย ผู้คนรอบด้านต่างส่งเสียงฮือฮาดังขึ้นเป็นระลอกพวกเขาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหยางหลันฮวาบนเวทีประลอง
"ช่างเป็นสตรีที่โง่เขลายิ่งนัก "
เสียงทุ้มนุ่มของไป๋เยี่ยนหลงเอ่ยขึ้นเบาๆ เขายังคงนั่งอยู่ที่เดิมด้วยท่วงท่าสบายไม่มีสีหน้าเป็นห่วงสตรีที่เคยนั่งอยู่ข้างกายเขาก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย
"นางปีศาจแกทำอะไรกับข้าแกใช้วิชามารนอกรีตอันใด"
หยางหลันฮวาตวาดแหวใส่ซินเยว่พลางยกมือขึ้นกุมใบหน้าที่บวมปูดของตน นางเช็ดเลือดที่มุมปากร่างกายสั่นระริกรู้สึกหวาดกลัวกับสายตาของซินเยว่ที่มองมายังนาง แต่ปากก็ไม่หยุดพูดจาใส่ร้ายให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในตัวของซินเยว่
"สวะอย่างแกมีหรือที่ท่านจ้าวผู้ครองนครเทียนจิ่งจะชายตามอง แกต้องทำคุณไสยมนต์ดำใส่เขาเป็นเเน่เหมือนวิชามารที่เเกกำลังใช้อยู่"
ซินเยว่ยักไหล่ไม่ยี่หระกับคำพูดของหยางหลันฮวา
"ไหนเจ้าบอกข้าว่าเจ้าเก่งนักเก่งหนาอย่างไรเล่าเพียงเท่านี้ก็สั่นเป็นเจ้าเข้าแล้วหรือ"
ซินเยว่หัวเราะออกมาอย่างสมเพชในตัวน้องสาวต่างมารดาผู้นี้ที่คิดว่าตนเองเก่งกาจยิ่งกว่าใครในใต้หล้า เพียงแค่คำเยินยอไม่กี่คำก็ทำให้นางทำตัวไม่เห็นหัวใครช่างเป็นกบในกะลาครอบยิ่งนัก
"ว่าอย่างไรเล่าเก่งนักมิใช่หรือเข้ามาสิ เจ้าท้าข้าสู้ในวันนี้ก็ดี ข้าจะได้คิดบัญชีย้อนหลังเรื่องที่เจ้าเคยทำร้ายข้าในอดีตให้จบเสียวันนี้เลย"
ซินเยว่เอ่ยท้าทายหยางหลันฮวากลับไป นางก็อยากรู้เช่นกันว่าวันนี้น้องสาวต่างมารดาผู้นี้คิดทำสิ่งใด เมื่อวานโดนไปขนาดนั้นยังไม่รู้จักเข็ดหลาบสงสัยจะโง่เง่าจนขุดไม่ขึ้นเสียแล้ว
หยางหลันฮวามีท่าทีลังเลนางลอบส่งสายตาให้สตรีอีกคนที่ยืนอยู่ด้านล่างเวที ลี่ผิงพยักหน้าให้หยางหลันฮวาคล้ายเป็นคำตอบที่รู้กันเพียงสองคน จากนั้นหยางหลันฮวาก็กลับมามีความมั่นใจเพิ่มขึ้นนางหยิบบางอย่างใส่ปากแล้วหลับตาลงเดินพลังปราณยกมือขึ้นวาดไปด้านหน้า ปลดปล่อยพลังสีเขียวของตนออกมาแล้วซัดเข้าใส่ซินเยว่สุดแรง ซินเยว่ยกมือขึ้นปัดเบาๆ พลังของหยางหลันฮวาพลันสลายไป
ซินเยว่ก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าวตามที่ผู้คนรอบด้านมองเห็น แต่พริบตาร่างของนางก็ไปยืนอยู่ด้านหลังของหยาง หลันฮวาอย่างรวดเร็วจนพวกเขามองตามไม่แทบทัน ซินเยว่ยกเท้าถีบหยางหลันฮวาอย่างแรงจนนางกระเด็นตกเวทีไป
"นี่สำหรับตลอดหลายปีที่เจ้าทำร้ายหยางซินเยว่"
ซินเยว่กระโดดลงจากเวทีกระชากร่างของหยางหลันฮวาโยนขึ้นไปบนเวทีประลองอีกครั้งนางยังไม่ได้เเม้แต่จะใช้พลังปราณของตน
"นี่สำหรับท่านแม่ของข้า"
ซินเยว่เตะร่างของหยางหลันฮวาขึ้นด้านบนแล้วนางก็หายวับไปยืนอยู่บนอากาศโดยไม่แม้แต่จะใช้ของวิเศษที่ช่วยในการเหาะเหินสร้างความตกตะลึงแก่ผู้คนที่ได้เห็นยิ่งนัก
"นี่สำหรับฮุ่ยหลิง"
ซินเยว่ยกเท้าขึ้นสูงแล้วเตะหยางหลันฮวาลงมากระแทกเวทีเสียงดังสนั่นจากนั้นนางก็ทะยานลงมายืนบนเวทีอย่างเรียบร้อยเสื้อผ้าไม่แม้แต่จะกระดิก แต่สิ่งที่ผู้คนตกตะลึงยิ่งกว่าคือหยางหลันฮวาที่ถูกซินเยว่ทั้งเตะทั้งตบแต่กลับไม่เป็นอันใดเลยนางลุกขึ้นยืนด้วยท่วงท่าสบายคล้ายไม่ได้รับบาดเจ็บมีเพียงเสื้อผ้าที่เปื้อนฝุ่น แม้แต่ซินเยว่เองก็ยังนึกแปลกใจ นางเตะสุดเเรงเลยนะนั่น
"หึ!!พลังของเจ้ามีเพียงเท่านี้แค่นั้นหรือเศษสวะอย่างไรก็ยังเป็นแค่เศษสวะข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าการต่อสู้ที่เเท้จริงเป็นเช่นไร"
หยางหลันฮวาใช้กรงเล็บกรีดอากาศหนึ่งทีพลังของนางก่อตัวเป็นรูปกระบี่สีเขียว นางตวัดกระบี่หนึ่งทีเวทีประลองถูกผ่าออกเป็นสองซีก ผู้คนด้านล่างรีบกระโดดหลบหนีตายกันจ้าละหวั่น ซินเยว่ทะยานหลบไปบนอากาศหรี่ตามองน้องสาวต่างมารดาด้วยสายตาประเมิน นางดูเปลี่ยนไปจากเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกับนางกันแน่
"กลัวอย่างนั้นหรือนางเศษสวะ"
หยางหลันฮวาหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งนางตวัดกระบี่ฟาดฟันพลังใส่ซินเยว่ติดต่อกันอย่างไม่หยุดหย่อน พลังทำลายล้างของหยางหลันฮวามันรุนเเรงยิ่งกว่าผู้ที่ใช้พลังปราณสีเขียว รอบด้านพังราบเพราะพลังของหยางหลันฮวาที่ปล่อยออกมา
ไป๋เยี่ยนหลงนั่งมองดูการต่อสู้ของซินเยว่และหยางหลัน ฮวาเงียบๆ เขาขมวดคิ้วมุ่นอย่างใช้ความคิด จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงใช้พลังปราณของตนสร้างเกราะพลังขึ้นมาครอบเวทีประลองที่เเยกออกเป็นสองเสี่ยง ก่อนที่พลังของหยางหลันฮวาจะทำลายบริเวณโดยรอบจนราบคาบไม่เหลืออะไร
ซินเยว่ตอนนี้ทำได้เพียงกระโดดหลบพลังของหยางหลัน ฮวาไปมาไม่ได้ตอบโต้กลับไป ดวงตาของหยางหลันฮวาในตอนนี้เป็นสีดำสนิททั้งหมดตาขาวได้หายไปแล้ว ซินเยว่กระโดดเตะเข้าที่แขนของนางเสียงดังกร๊อบซึ่งนั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าแขนของนางได้หักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เเต่หยางหลันฮวาไม่แม้แต่จะส่งเสียงร้องหรือแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา แขนข้างที่หักห้อยล่องแล่งตกลงข้างตัวแต่ หยางหลันฮวาก็ยังใช้แขนอีกข้างตวัดดาบพุ่งตรงมาที่ซินเยว่อย่างบ้าคลั่ง ซินเยว่ไม่ได้มีความคิดที่จะฆ่านางเพียงอยากทำให้นางบาดเจ็บและนางจะได้หยุดแต่แขนหักเพียงเท่านั้นไม่สามารถจะหยุดร่างของหยางหลันฮวาได้
"หยุดเดี๋ยวนี้นะหยางหลันฮวาหากเจ้าไม่ยอมหยุดอย่าหาว่าข้าใจร้ายกับเจ้า"
ซินเยว่เอ่ยเตือนออกไป แต่หยางหลันฮวายังคงพุ่งเข้าหานางไม่หยุด ไป๋เยี่ยนหลงทะยานเข้ามาขวางระหว่างการต่อสู้เขาซัดฝ่ามือไปที่หน้าอกหยางหลันฮวาอย่างแรง นางส่งเสียงอ๊อกหนึ่งทีแล้วกระอักเอาลูกกลมๆ สีดำออกมาจากนั้นก็ล้มลงสลบไปทันที
"มุกมาร"
ไป๋เยี่ยนหลงเอ่ยพึมพำออกมาเบาๆ ก้มลงหยิบไข่มุกนั้นขึ้นมาวางบนฝ่ามือ ซินเยว่เดินเข้ามาหาเขามองไข่มุกสีดำในมืออย่างสงสัย
"มุกมารหรือ มันคืออะไร"
ไป๋เยี่ยนหลงหันมาสำรวจร่างเล็กที่ยังมีท่าทีสบายมิได้บาดเจ็บที่ใด จากนั้นจึงตอบคำถามของนาง
"มุกมาร คือของที่ถูกทำขึ้นเพื่อควบคุมบุคคลให้ทำตามที่ต้องการ แต่ของสิ่งนี้มีเพียงที่แผ่นดินไป๋หลงข้าคิดว่าคงมีคนคิดเล่นตลกวางแผนทำร้ายเจ้าโดยการใช้น้องสาวต่างมารดาของเจ้าเป็นหุ่นเชิด... ที่นี่ไม่ปลอดภัย"
ไป๋เยี่ยนหลงอธิบายสถานการณ์ให้นางฟังด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่เขาก็ไม่ได้มีท่าทีหวาดระแวงคล้ายรู้แล้วว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลังคอยบงการ ไป๋เยี่ยนหลงโอบเอวของซินเยว่เข้าหาตัวอย่างเบามือ จากนั้นพานางทะยานหายไปจากงานชุมนุมประลองยุทธ ทิ้งความวุ่นวายโกลาหลเอาไว้ข้างหลัง
เมื่อไป๋เยี่ยนหลงได้สติกลับมาเขาหันมองสตรีที่เขารักจับมือของตนเขาก็วางมือของตัวเองไว้บนมือของนาง บุรุษทั้งสามที่คุกเข่าอยู่ต่างก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกันอย่างโล่งอกภายในใจก็รู้สึกขอบคุณซินเยว่ที่ช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้"เอ่อ...คือ''จงหู่ลังเล่ที่จะรายงานเรื่องต่อไปแก่ไป๋เยี่ยนหลงเพราะเขากลัวว่าถ้าหากรายงานเรื่องนี้ไปนายท่านก็จะมีโทสะขึ้นมาอีกชีวิตนี้ของเขาคงต้องเอามาทิ้งไว้ที่นี่เสียแล้ว เขายังมิทันได้เเต่งงานเลยนะจงหู่โอดครวญในใจ ถ้าหากไป๋เยี่ยนหลงได้ยินความคิดของจงหู่เขาคงจะส่งราชเลขาคนนี้ไปสำนึกตนที่หุบเขาทมิฬเป็นแน่"รายงาน"ไป๋เยี่ยนหลงที่เห็นจงหู่ทำท่าลังเลจึงเอ่ยเตือนเขาเสียงเรียบแต่ใบหน้านั้นไม่เเสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา"จับตัวเซียนอักขระตี้ซางได้ที่แคว้นหานตานพ่ะย่ะค่ะ สามตระกูลใหญ่และขุมอำนาจแห่งไป๋หลงร่วมประชุมและลงมติว่าอีกห้าวันจะมีการจัดงานเลี้ยงฉลองการกลับมาของท่านจ้าวผู้ครองนครและเปิดตัวว่าที่พระชายาพ่ะย่ะค่ะ"ไป๋เยี่ยนหลงใช้นิ้วชี้เคาะไปที่โต๊ะช้าๆ เป็นจังหวะ หัวใจของบุรุษทั้งสามต่างก็เต้นเป็นจังหวะตามเสียงเคาะนิ้วของเขา ชีพจรของพวกเขาตอนนี้เต้นระรัวแทบจะทะลุผิวหนังออกมาแล้วถ้
"มิใช่เช่นนั้นพวกเราอายุยืนก็จริงแต่ก็สามารถตายได้ เช่นถูกพิษ ถูกทำร้ายก็บาดเจ็บมีเลือดออกหรือถูกฆ่าก็ตายได้เช่นกัน เจ้าจำที่ข้าเล่าให้ฟังได้หรือไม่ เจ้าช่วยชีวิตหญิงท้องแก่กำลังคลอดแต่นางเสียชีวิตพร้อมเด็กทารกในครรภ์ นั่นก็เป็นอีกตัวอย่างทุกคนที่นี่สามารถตายได้เพียงแต่อายุจะหยุดลงที่ยี่สิบห้าปีและการถือกำเนิดของเจ้ามันคล้ายกับว่าเจ้าเป็นยาอายุวัฒนะ พวกที่มีอำนาจมืดในแผ่นดินไป๋หลงจึงต้องการตัวเจ้า หากตอนนี้พวกมันรู้ว่าเจ้าคือไซซีเมื่อสามร้อยปีก่อนและข้าคิดว่าพวกมันคงจะรู้แล้ว อีกไม่นานพวกมันคงจะหาทางมาเอาตัวเจ้าไปแน่"ไป๋เยี่ยนหลงอธิบายให้สตรีขี้หึงในอ้อมแขนของเขาฟังอย่างใจเย็นและทำท่านึกบางอย่างขึ้นมาได้"ข้ายังมีบางสิ่งที่ยังไม่ได้บอกเจ้า"ซินเยว่เลิกคิ้วขึ้นมองไป๋เยี่ยนหลงอย่างสงสัย บุรุษผมสีเงินยังคงอมพะนำมิยอมเอ่ยปาก เขาลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือไปให้ซินเยว่ นางมองมือเขาอย่างงงๆ แต่ก็ยังยื่นมือให้เขาและลุกขึ้นเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย ไป๋เยี่ยนหลงเดินเข้าไปด้านในสุดของห้องนอนเขายกมือขึ้นวาดอักขระที่ซินเยว่มองแล้วทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจว่าไป๋เยี่ยนหลงกำลังทำสิ่งใดเสียงคลืน!!ดังขึ้นคล้าย
ไป๋เยี่ยนหลงก้มมองใบหน้างามที่ยังคงงอง้ำ คำว่าแปดร้อยปีหนึ่งพันปีมันช่างทิ่มแทงเข้าไปในจิตใจของเขายิ่งนักในตอนนี้ความรู้สึกของเขาเหมือนตนกำลังหลอกให้เด็กมาแต่งงานด้วยมองย้อนกลับมาที่ตนเองแล้ว เขาช่างดูเหมือนตาเฒ่าเจ้าเล่ห์เข้าไปทุกที"ถ้ารวมกับตอนนี้อายุของเจ้าก็เกือบๆ หกร้อยปี"ไป๋เยี่ยนหลงรีบเอ่ยแก้สถานการณ์ตรงหน้าก่อนที่เขาจะเป็นเฒ่าหลอกเด็กไปจริงๆ ซินเยว่ที่เสียความรู้สึกอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองบุรุษผมสีเงินที่นั่งอยู่ข้างกาย"จริงหรือข้าอายุหกร้อยปีเชียวหรือ ว้าว!!อเมซิ่งจริงๆ เลย"ซินเยว่เผลอพูดภาษาของโลกเก่าออกมาไป๋เยี่ยนหลงได้แต่ส่ายหัวให้กับท่าทางจริงจังของนาง ซินเยว่หรี่ตามองเขาอย่างเจ้าเล่ห์"แต่ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็ยังเป็นเฒ่าพันปีอยู่ดี"(╥﹏╥) !! สีหน้าของบุรุษทั้งสามคนพวกเขาทั้งสี่คุยกันเรื่องอายุจนลืมไปแล้วว่ายังมีผู้คนนับร้อยที่ยืนอยู่ด้านล่างรอให้ไป๋เยี่ยนหลงสั่งการ การเดินทางมาที่แผ่นดินไป๋หลงในครั้งนี้ก็ไม่ได้แย่นักในความรู้สึกของซินเยว่ เพราะตอนนี้มันทำให้นางรู้สึกสนุกจนบอกไม่ถูกหลังจากที่ไป๋เยี่ยนหลง 'สร้างทอล์คออฟเดอะทาวน์ 'ให้กับผู้คนที่แผ่นดินไป๋หลงได้มีเรื่องให้ซ
ก่อนที่ซินเยว่จะทันได้สำรวจนครเทียนจิ่งและผู้คนให้ทั่วก็ปรากฏว่าเรือลอยฟ้าลำยักษ์ได้หยุดลงแล้ว ไป๋เยี่ยนหลงกวักมือเรียกซินเยว่ให้เดินไปหาเขาจากนั้นไป๋เยี่ยนหลงก็จูงมือนางเดินเข้าไปในปราสาทพร้อมๆ กันผู้คนที่มารอต้อนรับท่านจ้าวผู้ครองนครก็มายืนรวมตัวกันแล้วทำความเคารพไป๋เยี่ยนหลงอย่างพร้อมเพรียงแลดูยิ่งใหญ่อลังการยิ่งนัก และอีกคนที่พวกเขาให้ความสนใจเป็นจุดเดียวคือสตรีร่างเล็กที่ได้รับเกียรติเดินเคียงคู่มากับท่านจ้าวผู้ครองนครของพวกเขาซินเยว่ไม่ได้รู้สึกประหม่าแต่อย่างใดที่ถูกจับจ้องจากผู้คนมากมายเพราะนางชินเสียแล้วที่ถูกใครต่อใครจ้องมองไม่ว่าจะชื่นชมอิจฉาหรือรังเกียจมันเป็นเรื่องที่ธรรมดามากสำหรับมนุษย์ที่จะมีความรู้สึกเช่นนั้น ถ้าพวกเขาเห็นใครเหนือกว่าตนเองไป๋เยี่ยนหลงหยุดยืนอยู่กลางท้องพระโรงที่ถูกตกแต่งด้วยโคมระย้าอันใหญ่สวยงามไม่ต่างจากด้านนอก เขาจูงมือของซินเยว่ให้เดินขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์สีทอง ซินเยว่ยืนอยู่อย่างลังเลว่าจะนั่งลงดีหรือไม่เเต่ไป๋เยี่ยนหลงนั่งลงแล้วดึงซินเยว่ให้นั่งลงข้างเขา ผู้คนที่ตามเข้ามาด้านในถึงกับตะลึงต่างตกใจว่าเหตุใดนางถึงได้รับเกียรติอันสูงสุดนั่งเคียงคู่
เพราะความแตกต่างจึงทำให้ทั้งสองเข้ากันได้อย่างดี จากนั้นจึงบังเกิดเป็นความรักไป๋เยี่ยนหลงได้มอบลูกสัตว์อสูรสีดำแก่ไซซีเป็นของแทนใจและตั้งชื่อให้มันว่าเจ้าดำตามสีขนของมัน เวลาผ่านไปห้าสิบปีท่านจ้าวผู้ครองนครเทียนจิ่งได้คิดสละราชบัลลังก์เพื่อออกไปใช้ชีวิตอิสระ แต่เนื่องด้วยไม่มีบุตรและธิดาจึงได้แต่งตั้งให้ไป๋เยี่ยนหลงเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ ตระกูลใหญ่และผู้มีอำนาจแห่งนครเทียนจิ่งต่างคัดค้านแต่ท่านจ้าวผู้ครองนครเทียนจิ่งได้ตัดสินใจแล้วพวกเขาจึงไม่สามารถทำสิ่งใดได้ ทำได้เพียงคอยหาทางเล่นงานไป๋เยี่ยนหลงอยู่ในเงามืดไป๋เยี่ยนหลงหลังจากขึ้นครองบัลลังก์เขาก็ได้แต่งงานกับไซซีครองคู่กันอย่างมีความสุขเรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อองครักษ์มารายงานว่าทางทิศเหนือถูกโจมตีด้วยสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ไป๋เยี่ยนหลงจึงต้องรีบออกไปเพื่อกำราบมัน หลังจากที่เขากลับมากลับพบว่าไซซีได้ถูกสังหารที่ผาจันทราแล้ว เรื่องราวทั้งหมดถูกเล่าผ่านท่านจ้าวผู้ครองนครเทียนจิ่งมาที่ไป๋เยี่ยนหลงและเขานำมาเล่าให้ซินเยว่ฟังอีกทีตลอดเวลาของการเล่าเรื่องราวซินเยว่นั่งเงียบและฟังอย่างเดียวโดยไม่ออกความเห็นใดๆ แต่ในใจของนางลึกๆ กลับรู้สึกเจ็บ
ฮุ่ยหลิงพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจแล้ว จิ่งเม่ยจึงรีบสั่งการนางกำนัลให้ไปขนเสื้อผ้าสัมภาระของฮุ่ยหลิงมาไว้ที่ตำหนักของตนก่อนที่นางจะเปลี่ยนใจกลับไปที่แคว้นฉิงอีกครั้งฉิงอิงหลางเมื่อได้รับรายงานจากคนสนิทของตนว่า หยางหลันฮวาต่อสู้กับซินเยว่จนทำให้งานชุมนุมประลองยุทธพังลงไม่เป็นท่าก็รู้สึกโมโหยิ่งนัก สตรีนางนี้สร้างแต่ปัญหาถ้าหากว่าไม่เห็นแก่หน้าแม่ทัพหยางเขาไม่มีทางที่จะพานางมาที่แคว้นจิ่งด้วยเป็นเเน่ สตรีที่มีดีแค่เพียงรูปกายภายนอกเช่นหยางหลันฮวาไม่เหมาะที่จะเป็นพระชายาของเขา ต้องสตรีที่งดงามและเก่งกล้าอย่างหยางซินเยว่เท่านั้นจึงจะเหมาะสมกับตำแหน่งพระชายา"แล้วตอนนี้นางอยู่ที่ใด"ฉิงอิงหลางเอ่ยถามคนสนิทที่กำลังยืนรายงานข้อมูล"นางอยู่ในมือของคนแผ่นดินไป๋หลงพ่ะย่ะค่ะ สายลับที่เราส่งไปรายงานว่าคนของแผ่นดินไป๋หลงได้พาตัวนางกลับไปด้วย""แล้วหยางซินเยว่ล่ะตอนนี้นางอยู่ที่ไหน"คนสนิทของฉิงอิงหลางมีท่าทีร้อนรนสายตาหลุกหลิกเมื่อผู้เป็นนายถามหาสตรีอีกคนก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกัก"อะ...เออนางก็ถูกพากลับไปด้วยพร้อมกับผู้คนแผ่นดินไป๋หลงพ่ะย่ะค่ะ"ฉิงอิงหลางตบโต๊ะเสียงดังสนั่นจนโต๊ะไม้เนื้อดีหั