ฮุ่ยหลิงพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจแล้ว จิ่งเม่ยจึงรีบสั่งการนางกำนัลให้ไปขนเสื้อผ้าสัมภาระของฮุ่ยหลิงมาไว้ที่ตำหนักของตนก่อนที่นางจะเปลี่ยนใจกลับไปที่แคว้นฉิงอีกครั้ง
ฉิงอิงหลางเมื่อได้รับรายงานจากคนสนิทของตนว่า หยางหลันฮวาต่อสู้กับซินเยว่จนทำให้งานชุมนุมประลองยุทธพังลงไม่เป็นท่าก็รู้สึกโมโหยิ่งนัก สตรีนางนี้สร้างแต่ปัญหาถ้าหากว่าไม่เห็นแก่หน้าแม่ทัพหยางเขาไม่มีทางที่จะพานางมาที่แคว้นจิ่งด้วยเป็นเเน่ สตรีที่มีดีแค่เพียงรูปกายภายนอกเช่นหยางหลันฮวาไม่เหมาะที่จะเป็นพระชายาของเขา ต้องสตรีที่งดงามและเก่งกล้าอย่างหยางซินเยว่เท่านั้นจึงจะเหมาะสมกับตำแหน่งพระชายา
"แล้วตอนนี้นางอยู่ที่ใด"
ฉิงอิงหลางเอ่ยถามคนสนิทที่กำลังยืนรายงานข้อมูล
"นางอยู่ในมือของคนแผ่นดินไป๋หลงพ่ะย่ะค่ะ สายลับที่เราส่งไปรายงานว่าคนของแผ่นดินไป๋หลงได้พาตัวนางกลับไปด้วย"
"แล้วหยางซินเยว่ล่ะตอนนี้นางอยู่ที่ไหน"
คนสนิทของฉิงอิงหลางมีท่าทีร้อนรนสายตาหลุกหลิกเมื่อผู้เป็นนายถามหาสตรีอีกคนก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกัก
"อะ...เออนางก็ถูกพากลับไปด้วยพร้อมกับผู้คนแผ่นดินไป๋หลงพ่ะย่ะค่ะ"
ฉิงอิงหลางตบโต๊ะเสียงดังสนั่นจนโต๊ะไม้เนื้อดีหักออกเป็นสองซีกแตกละเอียดด้วยโทสะของเขา อุตส่าห์ได้พบนางอีกครั้งแต่ตอนนี้นางกลับหายตัวไปในที่ที่เขาไม่สามารถตามนางไปได้ คนสนิทของฉิงอิงหลางรีบถอยออกให้ห่างจากรัศมีโทสะของผู้เป็นนาย จากนั้นจึงรายงานต่อด้วยเสียงสั่นเท่า
"แต่มีจดหมายลับส่งถึงพระองค์นะพ่ะย่ะค่ะ"
คนสนิทของฉิงอิงหลางหยิบจดหมายออกมาจากอกเสื้อแล้วยื่นให้องค์ชายสามแห่งแคว้นฉิงอย่างระมัดระวัง ฉิงอิงหลางรีบเปิดจดหมายออกอ่าน ด้านในเขียนเกี่ยวกับวิธีการเข้าไปในแผ่นดินไป๋หลงและยังบอกอีกด้วยว่าหากอยากได้ตัวของหยางซินเยว่จะต้องทำตามแผนของเขา แต่ในจดหมายลับมิได้ลงชื่อว่าเป็นผู้ใดส่งมา
ฉิงอิงหลางหันมาถามคนสนิทของตนด้วยสายตาเย็นเยียบ คนสนิทของเขารีบไขความกระจ่างก่อนจะเจอโทสะอีกระลอก
"เป็นองครักษ์เงาจากแผ่นดินไป๋หลงเป็นผู้ส่งมาพ่ะย่ะค่ะ"
ฉิงอิงหลางพยักหน้าครุ่นคิด ในตอนแรกที่อ่านจดหมายจบเขายังลังเลที่จะเชื่อแต่ตอนนี้เขาคิดว่าอาจจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังที่ทำให้หยางหลันฮวาคลุ้มคลั่งที่งานประลอง เขาอยากเสี่ยงกับแผนการนี้เพื่อให้ได้ตัวของหยางซินเยว่มาไว้ในครอบครองต่อให้ต้องตามไปถึงนรกเขาก็จะทำ แต่ถึงอย่างไรคงต้องระวังคนในเงามืดผู้นี้เอาไว้สักหน่อย
"ไปเตรียมตัวหามือดีมาสักยี่สิบคนเราจะออกเดินทางไปที่แผ่นดินไปหลง"
ฉิงอิงหลางเมื่อสั่งการคนสนิทของตนเสร็จเขาก็หันมาเขียนจดหมายอีกหนึ่งฉบับให้คนส่งไปที่แคว้นฉิงเพื่อแจ้งข่าวว่าคนจากแผ่นดินไป๋หลงจับตัวหยางหลันฮวาไปและเขากำลังจะตามไปช่วยนาง เรื่องกลับดำเป็นขาวไม่มีผู้ใดเก่งกาจเกินเขาอีกแล้ว
ก่อนหน้าที่ซินเยว่จะไปเยือนนครเทียนจิ่ง ไป๋เยี่ยนหลงได้อธิบายสถานการณ์ของนางในตอนนี้ให้ฟังอย่างละเอียดและได้บอกเล่าเหตุการณ์เมื่อในอดีตให้นางฟัง เขาคิดว่าหากซินเยว่กลับไปที่แผ่นดินไป๋หลงบางทีนางอาจจดจำเรื่องราวทั้งหมดได้และเขาจะได้รู้ว่าผู้ใดคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสังหารนางและการล่มสลายของตระกูลหยาง
เมื่อห้าร้อยกว่าปีก่อน ตระกูลหยางซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ของตระกูลใหญ่ในแผ่นดินไป๋หลง มีนายท่านหยางตงฉวนเป็นผู้นำตระกูล เขามีภรรยาและอนุรวมกันถึงหกคนหากแต่มีเพียงภรรยาเอกคือ เจียวฟางเหนียงที่ให้กำเนิดบุตรชายแก่นายท่านหยางสี่ คนคือหยางหลิงฉี หยางตงไห่ หยางซ่านเจี๋ย และหยางรุ่ยหาน ทั้งหมดมีพลังปราณที่แกร่งกล้านับเป็นเอกในแผ่นดินไป๋หลงพวกเขาได้แต่งงานกับสตรีที่งดงามและมีฐานะเท่าเทียมกันหากแต่สะใภ้ของตระกูลหยางกลับมิมีผู้ใดสามารถตั้งครรภ์ได้ ถึงแม้พวกเขาจะแต่งอนุเข้ามามากมายแต่พวกนางก็ไม่มีคนใดให้กำเนิดเด็กทารกเพื่อสืบทอดสกุลเลยสักคนเดียว
ต่อมาหยางรุ่ยหานบุตรชายคนเล็กของนายท่านหยางได้เกิดมีใจปฏิพัทธ์ต่อท่านหญิงตระกูลเหลียง เหลียงเจินเหยียนเขาจึงขอร้องให้บิดาไปสู่ขอนางให้มาเป็นภรรยา เมื่อทั้งสองแต่งงานกันได้เพียงหนึ่งเดือนพวกเขาก็ได้รับข่าวดีว่าท่านหญิงเหลียงเจินเหยียนตั้งครรภ์เป็นที่ดีใจแก่นายท่านหยางเป็นอย่างมาก ทุกคนในตระกูลหยางเฝ้ารอทายาทเพียงคนเดียวของพวกเขาอย่างใจจดใจจ่อ
หลายร้อยปีที่ตระกูลหยางไม่มีเด็กทารกถือกำเนิดขึ้นนี่เป็นเรื่องที่ทำให้นายท่านหยางทั้งดีใจและหนักใจทุกๆ คนในตระกูลหยางต่างประคบประหงมดูแลท่านหญิงเหลียงเจินเหยียนเป็นอย่างดี ถึงแม้นางจะเป็นที่อิจฉาของสะใภ้คนอื่นแต่ทุกคนก็รู้ว่านี่เป็นวาสนาของแต่ละคนการให้กำเนิดบุตรไม่สามารถควบคุมได้
เมื่อเวลาผ่านไปเก้าเดือน ในวันที่ท่านหญิงเหลียงเจินเหยียนเจ็บท้องคลอดได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดพระอาทิตย์ที่ส่องสว่างอยู่ๆ ก็ถูกบดบังจนมืดมิดและยังมีพายุฝนดาวตกนานหลายชั่วยาม
ทุกคนในตระกูลหยางต่างสับสนวุ่นวาย ทั้งยังหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่ท้องฟ้ามืดมิดในตอนกลางวัน นายท่านหยางกำชับแก่หมอตำแยให้ทำคลอดเด็กทารกให้ออกมาอย่างปลอดภัย ผ่านไปเพียงไม่นานเสียงเด็กทารกก็ร้องจ้าดังออกมาจากในห้องพร้อมทั้งเกิดแสงสีแดงประหลาดส่องสว่างไปทั่วทั้งจวน จากนั้นแสงสีแดงจึงหมุนวนรวมกันเป็นจุดเดียวและหายเข้าไปที่หน้าผากของทารกน้อยและปานรูปดอกหางหงษ์ก็ปรากฏขึ้นที่กลางหน้าผากของนางนับเป็นเรื่องที่อัศจรรย์ยิ่งนัก ทารกหญิงตัวขาวอวบอ้วนยิ่งกว่าซาลาเปาถึงแม้จะยังเป็นเพียงเด็กทารกแต่ลักษณะของนางนั้นเติบโตขึ้นมาจะต้องเป็นหญิงงามล่มเมืองอย่างแน่นอน ท่านหญิงเหลียงเจินเหยียนจึงตั้งชื่อให้นางว่า 'ไซซี '
นายท่านหยางตงฉวนบิดาของหยางรุ่ยหานหรือก็คือท่านปู่ของไซซี นั้นดีใจยิ่งนักถึงแม้เขาจะได้หลานคนแรกเป็นสตรีแต่นายท่านหยางก็แต่งตั้งให้นางเป็นผู้สืบทอดตระกูลหยางทั้งที่ยังเป็นทารกน้อย เมื่อไซซีอายุได้ห้าขวบนายท่านหยางเป็นอาจารย์ฝึกฝนให้นางด้วยตนเอง
วันเกิดอายุครบสิบห้าปีของไซซี พลังของนางได้ระเบิดออกอย่างน่ากลัว บริเวณท้องฟ้าเหนือนครเทียนจิ่งถูกย้อมไปด้วยสีแดงคล้ายสีเลือดผู้คนต่างหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิด ต่อมาหงส์สีแดงตัวมหึมาได้ปรากฏขึ้นมันกรีดร้องเสียงแหลมดังก้องฟ้า บินวนไปมาเหนือจวนตระกูลหยางแล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าของไซซี สร้างความตกตะลึงให้แก่สมาชิกตระกูลหยางยิ่งนัก หงส์แดงเป็นสัตว์เทวะดึกดำบรรพ์ยากยิ่งที่จะได้พบเจอเช่นนี้ หลายร้อยปีที่ไม่มีผู้ใดได้พบเห็นและนี่อาจเป็นลิขิตสวรรค์ให้หงส์แดงตนนี้มาอยู่กับไซซี
ไซซีได้ร่ำเรียนวิชาและการควบคุมพลังของนางจากหงส์แดงเพราะพลังที่ถือกำเนิดใหม่นั้นมันมหาศาลยากที่จะควบคุม และความลับของพลังนั้นคือสามารถเยียวยารักษาหรือทำลายล้างได้ หากกินหัวใจของนางก็จะได้พลังนั้นมาครองแต่ต้องได้รับการยินยอมจากนางมิเช่นนั้นก็ไร้ประโยชน์ เลือดของไซซีเมื่อสัตว์เทวะหรือสัตว์อสูรได้ดื่มกินก็จะสามารถบรรลุขั้นของการบำเพ็ญเพียร ส่วนหงส์แดงหากใครได้ดื่มเลือดของมันผู้นั้นจะกลายเป็นอมตะและมีพลังที่ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานได้
ความลับนี้มีเพียงนายท่านหยางบิดามารดาของไซซีและท่านลุงทั้งสามของนางเท่านั้นที่รับรู้ แต่ความลับมักจะไม่มีในโลกเมื่อไซซีอายุครบหนึ่งร้อยห้าสิบปีความลับเรื่องพลังของนางก็ไม่เป็นความลับอีกต่อไปเพราะไซซีได้บังเอิญช่วยเหลือหญิงตั้งครรภ์นางหนึ่งที่พบบนเขาตอนที่นางออกไปท่องเที่ยวและฝึกวิชากับหงส์เเดงที่นางเรียกชื่อมันว่า เฟิ่งหวง หญิงตั้งครรภ์นางนั้นเกิดภาวะคลอดบุตรยากและได้เสียชีวิตลงไซซีจึงได้ใช้ความสามารถของตนเองปลุกชีพของนางและบุตรกลับคืนมา ไซซีได้กำชับให้นางเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แต่หญิงนางนั้นได้เล่าให้สามีฟัง เรื่องพลังของนางจึงถูกเล่าลือไปทั่วทั้งอาณาจักร เมื่อผู้มีอำนาจมืดแห่งนครเทียนจิ่งได้ทราบเรื่องนี้จึงหาทางให้ได้ตัวของไซซีมาครอบครอง
นายท่านหยางเมื่อเห็นว่าหลานสาวของตนตกอยู่ในอันตรายจึงได้ส่งไซซีไปที่ตำหนักหลวงฝากฝังนางให้ท่านจ้าวผู้ครองนครเทียนจิ่งที่เป็นสหายของตนช่วยคุ้มครองนาง แม้ตระกูลหยางจะแข็งแกร่งแต่น้ำน้อยย่อมเเพ้ไฟ ตระกูลหยางทั้งตระกูลจึงต้องล่มสลายเพราะถูกฆ่าล้างตระกูลภายในคืนเดียวมีเพียงไซซีที่ถูกส่งออกไปนางจึงรอดชีวิต
ท่านจ้าวผู้ครองนครเทียนจิ่งได้ให้ไซซีใช้ชีวิตอยู่เเต่เพียงในตำหนักหลวงโดยมิให้ออกไปภายนอกและปิดเรื่องราวเกี่ยวกับการล่มสลายของตระกูลหยางเอาไว้เป็นความลับและที่นั่นไซซีได้พบกับไป๋เยี่ยนหลงที่ท่านจ้าวผู้ครองนครพามาดูแลเหมือนกับไซซี
เมื่อไป๋เยี่ยนหลงได้สติกลับมาเขาหันมองสตรีที่เขารักจับมือของตนเขาก็วางมือของตัวเองไว้บนมือของนาง บุรุษทั้งสามที่คุกเข่าอยู่ต่างก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกันอย่างโล่งอกภายในใจก็รู้สึกขอบคุณซินเยว่ที่ช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้"เอ่อ...คือ''จงหู่ลังเล่ที่จะรายงานเรื่องต่อไปแก่ไป๋เยี่ยนหลงเพราะเขากลัวว่าถ้าหากรายงานเรื่องนี้ไปนายท่านก็จะมีโทสะขึ้นมาอีกชีวิตนี้ของเขาคงต้องเอามาทิ้งไว้ที่นี่เสียแล้ว เขายังมิทันได้เเต่งงานเลยนะจงหู่โอดครวญในใจ ถ้าหากไป๋เยี่ยนหลงได้ยินความคิดของจงหู่เขาคงจะส่งราชเลขาคนนี้ไปสำนึกตนที่หุบเขาทมิฬเป็นแน่"รายงาน"ไป๋เยี่ยนหลงที่เห็นจงหู่ทำท่าลังเลจึงเอ่ยเตือนเขาเสียงเรียบแต่ใบหน้านั้นไม่เเสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา"จับตัวเซียนอักขระตี้ซางได้ที่แคว้นหานตานพ่ะย่ะค่ะ สามตระกูลใหญ่และขุมอำนาจแห่งไป๋หลงร่วมประชุมและลงมติว่าอีกห้าวันจะมีการจัดงานเลี้ยงฉลองการกลับมาของท่านจ้าวผู้ครองนครและเปิดตัวว่าที่พระชายาพ่ะย่ะค่ะ"ไป๋เยี่ยนหลงใช้นิ้วชี้เคาะไปที่โต๊ะช้าๆ เป็นจังหวะ หัวใจของบุรุษทั้งสามต่างก็เต้นเป็นจังหวะตามเสียงเคาะนิ้วของเขา ชีพจรของพวกเขาตอนนี้เต้นระรัวแทบจะทะลุผิวหนังออกมาแล้วถ้
"มิใช่เช่นนั้นพวกเราอายุยืนก็จริงแต่ก็สามารถตายได้ เช่นถูกพิษ ถูกทำร้ายก็บาดเจ็บมีเลือดออกหรือถูกฆ่าก็ตายได้เช่นกัน เจ้าจำที่ข้าเล่าให้ฟังได้หรือไม่ เจ้าช่วยชีวิตหญิงท้องแก่กำลังคลอดแต่นางเสียชีวิตพร้อมเด็กทารกในครรภ์ นั่นก็เป็นอีกตัวอย่างทุกคนที่นี่สามารถตายได้เพียงแต่อายุจะหยุดลงที่ยี่สิบห้าปีและการถือกำเนิดของเจ้ามันคล้ายกับว่าเจ้าเป็นยาอายุวัฒนะ พวกที่มีอำนาจมืดในแผ่นดินไป๋หลงจึงต้องการตัวเจ้า หากตอนนี้พวกมันรู้ว่าเจ้าคือไซซีเมื่อสามร้อยปีก่อนและข้าคิดว่าพวกมันคงจะรู้แล้ว อีกไม่นานพวกมันคงจะหาทางมาเอาตัวเจ้าไปแน่"ไป๋เยี่ยนหลงอธิบายให้สตรีขี้หึงในอ้อมแขนของเขาฟังอย่างใจเย็นและทำท่านึกบางอย่างขึ้นมาได้"ข้ายังมีบางสิ่งที่ยังไม่ได้บอกเจ้า"ซินเยว่เลิกคิ้วขึ้นมองไป๋เยี่ยนหลงอย่างสงสัย บุรุษผมสีเงินยังคงอมพะนำมิยอมเอ่ยปาก เขาลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือไปให้ซินเยว่ นางมองมือเขาอย่างงงๆ แต่ก็ยังยื่นมือให้เขาและลุกขึ้นเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย ไป๋เยี่ยนหลงเดินเข้าไปด้านในสุดของห้องนอนเขายกมือขึ้นวาดอักขระที่ซินเยว่มองแล้วทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจว่าไป๋เยี่ยนหลงกำลังทำสิ่งใดเสียงคลืน!!ดังขึ้นคล้าย
ไป๋เยี่ยนหลงก้มมองใบหน้างามที่ยังคงงอง้ำ คำว่าแปดร้อยปีหนึ่งพันปีมันช่างทิ่มแทงเข้าไปในจิตใจของเขายิ่งนักในตอนนี้ความรู้สึกของเขาเหมือนตนกำลังหลอกให้เด็กมาแต่งงานด้วยมองย้อนกลับมาที่ตนเองแล้ว เขาช่างดูเหมือนตาเฒ่าเจ้าเล่ห์เข้าไปทุกที"ถ้ารวมกับตอนนี้อายุของเจ้าก็เกือบๆ หกร้อยปี"ไป๋เยี่ยนหลงรีบเอ่ยแก้สถานการณ์ตรงหน้าก่อนที่เขาจะเป็นเฒ่าหลอกเด็กไปจริงๆ ซินเยว่ที่เสียความรู้สึกอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองบุรุษผมสีเงินที่นั่งอยู่ข้างกาย"จริงหรือข้าอายุหกร้อยปีเชียวหรือ ว้าว!!อเมซิ่งจริงๆ เลย"ซินเยว่เผลอพูดภาษาของโลกเก่าออกมาไป๋เยี่ยนหลงได้แต่ส่ายหัวให้กับท่าทางจริงจังของนาง ซินเยว่หรี่ตามองเขาอย่างเจ้าเล่ห์"แต่ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็ยังเป็นเฒ่าพันปีอยู่ดี"(╥﹏╥) !! สีหน้าของบุรุษทั้งสามคนพวกเขาทั้งสี่คุยกันเรื่องอายุจนลืมไปแล้วว่ายังมีผู้คนนับร้อยที่ยืนอยู่ด้านล่างรอให้ไป๋เยี่ยนหลงสั่งการ การเดินทางมาที่แผ่นดินไป๋หลงในครั้งนี้ก็ไม่ได้แย่นักในความรู้สึกของซินเยว่ เพราะตอนนี้มันทำให้นางรู้สึกสนุกจนบอกไม่ถูกหลังจากที่ไป๋เยี่ยนหลง 'สร้างทอล์คออฟเดอะทาวน์ 'ให้กับผู้คนที่แผ่นดินไป๋หลงได้มีเรื่องให้ซ
ก่อนที่ซินเยว่จะทันได้สำรวจนครเทียนจิ่งและผู้คนให้ทั่วก็ปรากฏว่าเรือลอยฟ้าลำยักษ์ได้หยุดลงแล้ว ไป๋เยี่ยนหลงกวักมือเรียกซินเยว่ให้เดินไปหาเขาจากนั้นไป๋เยี่ยนหลงก็จูงมือนางเดินเข้าไปในปราสาทพร้อมๆ กันผู้คนที่มารอต้อนรับท่านจ้าวผู้ครองนครก็มายืนรวมตัวกันแล้วทำความเคารพไป๋เยี่ยนหลงอย่างพร้อมเพรียงแลดูยิ่งใหญ่อลังการยิ่งนัก และอีกคนที่พวกเขาให้ความสนใจเป็นจุดเดียวคือสตรีร่างเล็กที่ได้รับเกียรติเดินเคียงคู่มากับท่านจ้าวผู้ครองนครของพวกเขาซินเยว่ไม่ได้รู้สึกประหม่าแต่อย่างใดที่ถูกจับจ้องจากผู้คนมากมายเพราะนางชินเสียแล้วที่ถูกใครต่อใครจ้องมองไม่ว่าจะชื่นชมอิจฉาหรือรังเกียจมันเป็นเรื่องที่ธรรมดามากสำหรับมนุษย์ที่จะมีความรู้สึกเช่นนั้น ถ้าพวกเขาเห็นใครเหนือกว่าตนเองไป๋เยี่ยนหลงหยุดยืนอยู่กลางท้องพระโรงที่ถูกตกแต่งด้วยโคมระย้าอันใหญ่สวยงามไม่ต่างจากด้านนอก เขาจูงมือของซินเยว่ให้เดินขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์สีทอง ซินเยว่ยืนอยู่อย่างลังเลว่าจะนั่งลงดีหรือไม่เเต่ไป๋เยี่ยนหลงนั่งลงแล้วดึงซินเยว่ให้นั่งลงข้างเขา ผู้คนที่ตามเข้ามาด้านในถึงกับตะลึงต่างตกใจว่าเหตุใดนางถึงได้รับเกียรติอันสูงสุดนั่งเคียงคู่
เพราะความแตกต่างจึงทำให้ทั้งสองเข้ากันได้อย่างดี จากนั้นจึงบังเกิดเป็นความรักไป๋เยี่ยนหลงได้มอบลูกสัตว์อสูรสีดำแก่ไซซีเป็นของแทนใจและตั้งชื่อให้มันว่าเจ้าดำตามสีขนของมัน เวลาผ่านไปห้าสิบปีท่านจ้าวผู้ครองนครเทียนจิ่งได้คิดสละราชบัลลังก์เพื่อออกไปใช้ชีวิตอิสระ แต่เนื่องด้วยไม่มีบุตรและธิดาจึงได้แต่งตั้งให้ไป๋เยี่ยนหลงเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ ตระกูลใหญ่และผู้มีอำนาจแห่งนครเทียนจิ่งต่างคัดค้านแต่ท่านจ้าวผู้ครองนครเทียนจิ่งได้ตัดสินใจแล้วพวกเขาจึงไม่สามารถทำสิ่งใดได้ ทำได้เพียงคอยหาทางเล่นงานไป๋เยี่ยนหลงอยู่ในเงามืดไป๋เยี่ยนหลงหลังจากขึ้นครองบัลลังก์เขาก็ได้แต่งงานกับไซซีครองคู่กันอย่างมีความสุขเรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อองครักษ์มารายงานว่าทางทิศเหนือถูกโจมตีด้วยสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ไป๋เยี่ยนหลงจึงต้องรีบออกไปเพื่อกำราบมัน หลังจากที่เขากลับมากลับพบว่าไซซีได้ถูกสังหารที่ผาจันทราแล้ว เรื่องราวทั้งหมดถูกเล่าผ่านท่านจ้าวผู้ครองนครเทียนจิ่งมาที่ไป๋เยี่ยนหลงและเขานำมาเล่าให้ซินเยว่ฟังอีกทีตลอดเวลาของการเล่าเรื่องราวซินเยว่นั่งเงียบและฟังอย่างเดียวโดยไม่ออกความเห็นใดๆ แต่ในใจของนางลึกๆ กลับรู้สึกเจ็บ
ฮุ่ยหลิงพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจแล้ว จิ่งเม่ยจึงรีบสั่งการนางกำนัลให้ไปขนเสื้อผ้าสัมภาระของฮุ่ยหลิงมาไว้ที่ตำหนักของตนก่อนที่นางจะเปลี่ยนใจกลับไปที่แคว้นฉิงอีกครั้งฉิงอิงหลางเมื่อได้รับรายงานจากคนสนิทของตนว่า หยางหลันฮวาต่อสู้กับซินเยว่จนทำให้งานชุมนุมประลองยุทธพังลงไม่เป็นท่าก็รู้สึกโมโหยิ่งนัก สตรีนางนี้สร้างแต่ปัญหาถ้าหากว่าไม่เห็นแก่หน้าแม่ทัพหยางเขาไม่มีทางที่จะพานางมาที่แคว้นจิ่งด้วยเป็นเเน่ สตรีที่มีดีแค่เพียงรูปกายภายนอกเช่นหยางหลันฮวาไม่เหมาะที่จะเป็นพระชายาของเขา ต้องสตรีที่งดงามและเก่งกล้าอย่างหยางซินเยว่เท่านั้นจึงจะเหมาะสมกับตำแหน่งพระชายา"แล้วตอนนี้นางอยู่ที่ใด"ฉิงอิงหลางเอ่ยถามคนสนิทที่กำลังยืนรายงานข้อมูล"นางอยู่ในมือของคนแผ่นดินไป๋หลงพ่ะย่ะค่ะ สายลับที่เราส่งไปรายงานว่าคนของแผ่นดินไป๋หลงได้พาตัวนางกลับไปด้วย""แล้วหยางซินเยว่ล่ะตอนนี้นางอยู่ที่ไหน"คนสนิทของฉิงอิงหลางมีท่าทีร้อนรนสายตาหลุกหลิกเมื่อผู้เป็นนายถามหาสตรีอีกคนก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกัก"อะ...เออนางก็ถูกพากลับไปด้วยพร้อมกับผู้คนแผ่นดินไป๋หลงพ่ะย่ะค่ะ"ฉิงอิงหลางตบโต๊ะเสียงดังสนั่นจนโต๊ะไม้เนื้อดีหั